ทำไงถึงจะเลิกเกลียดคณิตศาสตร์​

กระทู้นี้เป็นกระทู้เรียกของเราผิดพลาดยังไงก็ขอโทษด้วยนะคะ​
           คือตอนประมาณป.1เราชอบเรียนนะเพราะตอนนั้นคือเวลาเราทำผิดครูก็จะค่อยๆอธิบายให้เราฟัง​ อีกอย่างตอนนั้นคือเราอยู่ห้องท้ายๆพ่อแม่เราเลยพยายามให้เรียนพิเศษทุกอย่างเราก็พยายามเรียนให้หนักๆเพื่อพ่อแม่จะได้ภูมิใจ​ แต่เราเริ่มไม่ชอบคณิตตอนป.5มันเป็นอะไรที่ฝังใจมากๆคือตอนนั้นพ่อแม่คาดหวังเราหนักมาก​ เราเองก็พยายามเรียนให้หนักขึ้นเวลาเกรดตกเราจะโดนว่าเปรียบเทียบกับคนอื่นที่เก่งๆซึ่งเป็นเด็กห้อง1​ เราอยู่ห้อง5ซึ่งตอนนั้นคือเราได้ที่1ในห้องเราภูมิใจมากๆแต่ก็ยังไม่ดีพอจนเรา​ จนแม่ให้เราไปเรียนกวดวิชาเพราะแม่เราหวังให้เราสอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัด​เราก็โอเคแม่อยากให้เข้าเราก็โอเค
          แต่พอไปเรียนกวดวิชาเรารู้สึกชอบนะแค่ตอนแรกๆเท่านั้น​ คือมันมีวันหนึ่งที่เรากับเพื่อนนั่งแก้โจทย์คณิตกันอยู่แล้วครูก็อยู่หน้าห้องเพื่อนเลยชวนเราไปถาม​ เราก็ไปเพราะเราก็งงเหมือนกันเพื่อนกับเราเลยเดินไปถามครูว่าทำยังไง​ ครูเลยบอกว่าง่ายๆครูเลยถามเพื่อนเราซึ่งเพื่อนเราก็ตอบได้​ ทีนี้ครูเลยมาถามเราเราก็เงียบเพราะเรายังงงๆอยู่ครูเลยบอกว่าแค่นี้ก็ตอบไม่ได้เพื่อนยังตอบได้เลย​ ตอนนั้นคือเราแบบหน้าชาไปเลยอะเรายืนก้มหน้าไม่พูดอะไรเลยจนเพื่อนถามเสร็จเราก็กลับมานั่งที่​ พอตอนจะจบคอร์สมันจะมีจัดลำดับว่าใครได้เยอะสุดเราเองก็ไม่หวัง​ จนเรียงลำดับเสร็จเพื่อนเราก็ติด1ใน20​ เราเองก็กลับมาคิดว่าทำไมเราทำไม่ได้แค่โจทย์แค่นี้ก็ทำไม่ได้​ เรากดดันตัวเองมาเรื่อยๆ
       จนถึงป.6เราเหนื่อยมากๆเราก็พักไม่ได้ตอนนั้นเราเรียนกวดวิชาจนถึงประมาณ20.00น.บางทีก็เกินเราแทบไม่มีเวลาพักทางโรงเรียนเราก็สั่งการบ้านเยอะมากเพราะว่าโรงเรียนเรารู้ว่าเดี๋ยวเด็กจะไปเข้าโรงเรียนอื่นเราเลยต้องทำการบ้านที่โรงเรียนด้วยที่กวดวิชาด้วย​ ซึ่งเราจะได้กลับบ้านคือ21.00น.บางทีก็22.00น.​ บางวันเราเลือกที่จะไม่กินข้าวเพราะต้องทำการบ้านแล้วก็อ่านหนังสืออีกเราก็จะได้นอนจริงๆคือตีสองหรือไม่ก็ตีสามประมาณนี้​ ซึ่งเราจะต้องตื่นตีสี่เพื่อมาอ่านหนังสือต่อแล้วตีห้าก็เตรียมตัวไปโรงเรียนเพราะขึ้นรถประจำ​ เวลาอยู่บนรอเราก็หลับไม่ลงอีกเพราะเราจะต้องนั่งจำว่าวันนี้มีงานอะไรหรือสอบอะไรจนบางทีเราไม่สบาย​        แต่เราก็หยุดไม่ได้อยู่ดี​ เราจะโดนครูคณิตเรียกพบบ่อยๆซึ่งสำหรับเด็กที่ย้ายมาห้องเด็กเก่งแล้วมันไม่ใช่เรื่องดีเลยอีกอย่างคือครูที่สอนคือครูฝ่ายปกครองเราก็เครียดนะแต่เราปรึกษาใครไม่ได้​ เราได้แต่เก็บไว้จนมาถึงวันสอบเข้าโรงเรียนใหม่ซึ่งก่อนหน้านั้น1วันโรงเรียนที่เราอยู่ก็สอบเราเลยต้องอ่านหนังสือสองอย่าง​
     จนวันสอบเข้ารอบโอลิมปิกหรือรอบเด็กเก่งเราป่วยหนักมากๆแต่เราก็ต้องไปสอบเราหยุดไม่ได้​ แต่ผลออกมาคือเราสอบไม่ติดเราเสียใจที่เราทำสิ่งที่พ่อแม่คาดหวังไม่ได้ถ้าตามใจเราคือเราอยากอยู่โรงเรียนเก่าไม่ใช่เพราะอยากอยู่กับเพื่อนแต่เราชอบระเบียบที่โรงเรียนเก่าโดยปกติเราแทบไม่มีเพื่อนอยู่แล้วเราเลยไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่​ หลังจากประกาศผลสอบเรายังต้องไปโรงเรียนเก่าอยู่ครูหลายๆคนก็เข้ามาถามว่าติดไหมเราก็ตอบว่าไม่ติดครูก็ดูจะตกใจ​ ครูก็จะถามว่าทำไมไม่ติดเพราะเราอ่านหนังสือหนักมาก​ บางทีเราก็หลับคาหนังสือหรือไม่ก็ร้องไห้เพราะเราจำเนื้อหาไม่ได้​ ครูก็จะถามว่าไม่ติดเพราะอะไรส่วนมากคือครูจะคิดว่าเราติดเพราะเราเองก็ค่อนข้างเรียนดี  จนเราบอกว่าเราไม่ได้คณิตเลยไม่ติด ครูก็จะถามต่อว่าได้เท่าไหร่เราเลยตอบไปว่าได้26เต็ม100​
     หลังจากนั้นเราก็ไปสอบรอบสองใหม่เพราะแม่อยากให้เรียนโรงเรียนใหม่จริงๆเราก็ตกลง​ ผลออกมาคือเราติดเราไม่ได้ดีใจอะไรเพราะไม่ได้อยากเข้าตั้งแต่ต้นเราเคยทำตามที่พ่อแม่บอกเท่านั้น​ หลังจากนั้นเราก็ได้เข้าเรียนและเจอครูที่สอนกวดวิชาเราที่เคยบอกเราว่าแค่นี่ก็ตอบไม่ได้​ มาเป็นครูสอนคณิตเรา​ เราเลยแบบไม่อยากเรียนเลยเราไม่ชอบเรากลัวทุกอย่าง​ พอเวลาเรียนเราไม่เข้าใจแต่เราก็ไม่ได้ถามเพราะเพื่อนเกือบทั้งห้องก็เข้าใจกันหมด อีกอย่างเรากลัวสายตาคนอื่นกับกลัวว่าครูจะถามเรา  เราเลยเลือกที่จะไม่ถาม​ เวลาผลสอบออกมาเราก็ตกจนครูก็ถามว่าทำไมถึงตกตอนที่เรียนกับครูยังดีกว่านี้เลยข้อสอบง่ายๆทำไมถึงตก​ เราก็เลือกที่จะไม่ตอบ​ ครูจะชอบประกาศคะแนนหน้าห้องบางทีเราได้แค่4แค่5เต็ม20​ เพื่อนก็จะมองแบบเห้ยตกหรอตกได้ไง​ เราเกลียดสายตาที่คาดหวังเรามากๆมันทำให้เรากลัว​ บางครั้งครูก็เรียกเราไปประกาศคะแนนเพราะเราเคยเรียนกวดวิชากับครูมา2ปี​ ครูเลยจะเรียกเราไปประกาศคะแนนบ้างเฉลยแบบฝึกหัดบ้างซึ่งเราไม่อยากทำ​ เวลาเราประกาศคะแนนเราก็เลือกที่จะไม่ประกาศคะแนนเรา​ เราก็จะโดนแซวประมาณว่าได้เท่าไหร่​ ตกหรอ​ เราไม่ชอบเลย​ แล้วครูก็จะมาบอกว่าข้อสอบนี้ง่ายๆนะ​ เพื่อนบางคนก็บอกว่าง่าย​ แต่สำหรับเรามันไม่ง่ายเลยนะ​ จนมีโครงการไปค่ายคณิตแม่เราก็บังคับให้เราไป แม่เราจะบอกว่าได้ไปเที่ยวด้วยนะเพราะแม่เราไม่เคยพาเราไปเที่ยวที่ไกลๆเลย​ จนใกล้ปิดรับสมัครคนไปค่ายแม่เราก็บอกให้ไปแต่เราก็เงียบ​ แม่เราเลยถามว่าจะไปไหม​ เราเลยตอบว่าไม่อยากไปหลังจากนั้นเราก็ร้องไห้เลยเพราะเรากลัวว่าถ้าเราไปเราแล้วมีการเรียกถามคำถามเราจะต้องตอบไม่ได้แน่ๆเรากลัวมากๆ​
    จนมาตอนรับผลสอบรอบสุดท้ายของม1เกรดวิชาคณิต​เราขึ้น​ เราดีใจมากๆแต่มันก็แค่แปปเดียวเพราะมีคนได้เกรดเฉลี่ยทุกวิชา4.00 เราเลยรีบรับแล้วรีบกลับมาอยู่ที่หอตอนนั้นคือเราไม่ได้อยู่บ้าน​ เราร้องไห้หนักมากๆเพราะเรารู้ว่าพ่อแม่คาดหวังเรามากอยากให้เราได้เกรด4แต่เราทำไม่ได้จนแม่เราโทรมาถามว่ามีเพื่อนได้เกรด4หรอ​ เราเลยยอกว่าใช่​ แม่เราเลยให้ถ่ายส่งไปเราก็ถ่ายส่งไปให้แต่ยังดีที่แม่เราไม่ว่าอะไร​ แต่เราก็รู้แม่คงผิดหวังมากๆ​เรายิ่งกดดันตัวเองว่าแค่นี้ก็ทำไม่ได้
       จนเราอยู่ม2เราเจอครูคณิตคนใหม่ส่วนตัวคือเราชอบครูเข้มงวดนะแต่ไม่ได้เข้มงวดจนเกินไปแต่พอว่ามาเจอครูคณิตม2มันทำให้เราที่จะเริ่มไม่ค่อยเกลียดคณิตแล้ว​ เรากลับเกลียดขึ้นไปอีก​ ครูเขาจะอธิบายว่าต้องทำอย่างนี้แบบนี้นะซึ่งเราก็โอเคนะดูเรียบร้อยดี​ แต่พอบอกว่าเดี๋ยวจะมีการเฉลยโดยให้เพื่อนตรวจมันทำให้เรากลัวมากๆจนเราไม่อยากเรียนเลย​ กลัวว่าเราจะผิด​ กลัวว่าครูจะว่า เราก็ไปหมดทุกอย่างเลย​เพราะเราไม่เก่งคณิต​ เรากลัวว่าเราจะทำไม่ได้​ เราเลยเกลียดคณิต​ อีกอย่างคือครอบครัวเราเคยคาดหวังให้เราเป็นตำรวจแต่เราสายตาสั้นครอบครัวเราเลยคาดหวังว่าอยากให้เราเป็นแพทย์​ซึ่งเราไม่ได้อยากเป็นเลย​ ที่เราอยากเป็นคือนักเขียนเรารู้ว่ารายได้มันอาจไม่เยอะอาจไม่มั่นคงแต่คือเราชอบที่จะเขียนชอบที่จะเรียนพวกภาษา​ แต่เราคงเป็นไม่ได้เพราะครอบครัวเราเองก็คาดหวังไว้แล้วเราไม่อยากทำให้พวกเขาผิดหวัง​ แล้วยิ่งตอนนี้พ่อกับแม่เราแยกทางกัน​ เราเคยเป็นลูกคนกลางแต่พี่คนโตเราเสีย​  เราเลยต้องแบกรับความคาดหวังต่างๆเพื่อที่เราจะส่งน้องเรียน​ เราจึงต้องเรียน ถามว่าท้อไหมเราก็ท้อนะแต่เราพักไม่ได้​ เพราะมีคนที่เขาคาดหวังเราอยู่ เราเลยทำได้แค่ต้องทำต่อไป​ เราอยากเรียนคณิตให้ดีขึ้นบ้างเพราะวิชาอื่นเราอยู่ในเกณฑ์​ที่ใช้ได้ไม่ถึงกับดี เราเครียดเพราะตอนม4เราจะต้องสอบสายวิทย์คณิตอีกถ้าเราไม่เก่งคณิตเราอาจจะไม่ติดห้องวิทย์คณิตก็ได้​ ครอบครัวเราคงผิดหวังมากแน่ๆ​ เราไม่ชอบเลย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่