คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ภาพรวมของหนังชุดเรื่องนี้ สื่อง่ายๆ ตรงๆ ในเรื่องของวิถีชีวิตของผู้ชาย ความเฉียบคม นักปกครอง ผู้นำครอบครัว
การใช้บารมีโอบอุ้ม การให้ความความยุติธรรม ไม่ถือหลักธรรม แต่ถือคุณธรรมเป็นหลัก มีอยู่ใน The Gotfather Part I
Part II รุ่นลูก คงเหลือแต่ การใช้อำนาจ อิทธิพลแผ่ขยาย ใช้ความรุนแรงตัดสิน การแก้แค้น การกำจัดขู่แข่ง
จัดการเด็ดขาดกับผู้ขัดผลประโยชน์หรือทำให้องค์กรเสื่อม กำจัดคนโง่แล้วขยัน แม้แต่จะเป็นสายเลือดเดียวกัน
การกวาดล้างแก้งค์คู่อริ ยังดำเนินต่อไป
ถึง Part III แสดงถึงการรำลึกถึงความหลัง สำนึกความผิดบาป การล้มหายตายจากของบริวาร โรครุมเร้า
ศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง เกิดความโศกเศร้า คุ้มครองครอบครัวไม่ได้เต็มที่ การสูญเสียลูกอันเป็นแก้วตาดวงใจ
และการถ่ายทอดตำแหน่ง Godfather ที่กลายพันธุ์ อุดมการณ์เปลี่ยนไป (ถ้ามี Part IV น่าจะมีความรุนแรงมาก)
พูดถึงภาพรวม ผมชอบเรื่องนี้มากครับ ยกให้เป็นหนังชุดเบอร์ 1 ที่ดูซ้ำได้ปีเว้นปี ไม่มีเบื่อ ชอบทุกส่วนของเรื่องนี้ น่าจะเป็นเรื่องของ...
เทคนิคการถ่ายทำ โทนสี ย้อมฟิล์ม เสียงประกอบ บรรยากาศ อารมณ์ บทภาพยนตร์ การกำกับการแสดง นักแสดงตัวหลัก ที่ตีบทแตกกระจุย
รวมๆ ว่า การเดินเรื่องที่เป็นปรัชญา ทุกฉาก ทุกตอน ทุกภาพที่เห็น ผมยกให้เป็นสุดยอดของหนังประเภท Drama Crime เลยล่ะครับ
😎
ตอบที่คุณสายน้ำถามนะครับ "ชอบ ดอน คอร์เลโอเน ตรงไหน เขามีดีตรงไหนที่จะหาใครเทียบยาก"
ในส่วนที่หาใครจะทัดเทียมยาก คงเป็นที่บทของเรื่อง ชีวิตวัยเด็ก ต้องฝ่าฟันอุปสรรค การเอาชีวิตให้รอด จากครอบครัวเล็กๆในอิตาลี่ ที่ถูกกดขี่รังแก
สร้างครอบครัว มาตั้งรกรากที่อเมริกา ในความที่ที่มีความเที่ยงธรรม ไม่ยอมต่อความอยุติธรรม ตัดสินใจอะไรเองทุกเรื่อง ด้วยความเฉียบขาด
และเป็นนักปกครองผู้เป็นที่รักของคนในครอบครัว บริวาร และบารมีกว้างขวางแก่คนทั่วไป ในขณะที่ฝ่ายอริก็ทั้งเกรงและคอยลอบทำร้ายในทุกๆทาง
คุณธรรมที่ดีเค้ามีหลายอย่าง ที่เห็นและน่ายกย่องที่สุด น่าจะเป็นการแสดงเจตนาที่ชัดเจน ยอมหัก ไม่ยอมงอ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจเรื่องยาเสพติด
ส่วนนี้เลยทำให้ผมชอบคาแรคเตอร์ของ ดอน วีโต คอร์เลโอเน มากจริงๆ
ผมชอบตัวนักแสดงนำ ที่รับบทเป็น Godfather ทั้ง 3 ภาคเลยครับ โดยเฉพาะ Marlon Brando ที่รับบทเป็น Don Corleone
มีความน่าเกรงขามจริงทุกแอ็คติ้ง เหมือนว่าเค้าเกิดมาเพื่อจะเป็น เจ้าพ่อ จริงๆ เสียเหลือเกิน น่าเกรง อารมณ์ในมาดที่แสดง
ในยุค 1973 ผู้คนคอหนัง วิภากษ์วิจารณ์กันทั่วไปว่า เขารับบทนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ มีความสมจริงเป็นที่สุด รู้สึกได้จนขนลุก
ดูเป็นผู้ซึ่งทรงอิทธิพลเป็นที่สุดในยุคของมาเฟียมากจริงๆ... (ผมก็ว่าตามนั้น เค้ากับพ่อผมมีคล้ายกันมากในหลายๆ อย่างที่ผมกลัว)
การใช้บารมีโอบอุ้ม การให้ความความยุติธรรม ไม่ถือหลักธรรม แต่ถือคุณธรรมเป็นหลัก มีอยู่ใน The Gotfather Part I
Part II รุ่นลูก คงเหลือแต่ การใช้อำนาจ อิทธิพลแผ่ขยาย ใช้ความรุนแรงตัดสิน การแก้แค้น การกำจัดขู่แข่ง
จัดการเด็ดขาดกับผู้ขัดผลประโยชน์หรือทำให้องค์กรเสื่อม กำจัดคนโง่แล้วขยัน แม้แต่จะเป็นสายเลือดเดียวกัน
การกวาดล้างแก้งค์คู่อริ ยังดำเนินต่อไป
ถึง Part III แสดงถึงการรำลึกถึงความหลัง สำนึกความผิดบาป การล้มหายตายจากของบริวาร โรครุมเร้า
ศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง เกิดความโศกเศร้า คุ้มครองครอบครัวไม่ได้เต็มที่ การสูญเสียลูกอันเป็นแก้วตาดวงใจ
และการถ่ายทอดตำแหน่ง Godfather ที่กลายพันธุ์ อุดมการณ์เปลี่ยนไป (ถ้ามี Part IV น่าจะมีความรุนแรงมาก)
พูดถึงภาพรวม ผมชอบเรื่องนี้มากครับ ยกให้เป็นหนังชุดเบอร์ 1 ที่ดูซ้ำได้ปีเว้นปี ไม่มีเบื่อ ชอบทุกส่วนของเรื่องนี้ น่าจะเป็นเรื่องของ...
เทคนิคการถ่ายทำ โทนสี ย้อมฟิล์ม เสียงประกอบ บรรยากาศ อารมณ์ บทภาพยนตร์ การกำกับการแสดง นักแสดงตัวหลัก ที่ตีบทแตกกระจุย
รวมๆ ว่า การเดินเรื่องที่เป็นปรัชญา ทุกฉาก ทุกตอน ทุกภาพที่เห็น ผมยกให้เป็นสุดยอดของหนังประเภท Drama Crime เลยล่ะครับ
😎
ตอบที่คุณสายน้ำถามนะครับ "ชอบ ดอน คอร์เลโอเน ตรงไหน เขามีดีตรงไหนที่จะหาใครเทียบยาก"
ในส่วนที่หาใครจะทัดเทียมยาก คงเป็นที่บทของเรื่อง ชีวิตวัยเด็ก ต้องฝ่าฟันอุปสรรค การเอาชีวิตให้รอด จากครอบครัวเล็กๆในอิตาลี่ ที่ถูกกดขี่รังแก
สร้างครอบครัว มาตั้งรกรากที่อเมริกา ในความที่ที่มีความเที่ยงธรรม ไม่ยอมต่อความอยุติธรรม ตัดสินใจอะไรเองทุกเรื่อง ด้วยความเฉียบขาด
และเป็นนักปกครองผู้เป็นที่รักของคนในครอบครัว บริวาร และบารมีกว้างขวางแก่คนทั่วไป ในขณะที่ฝ่ายอริก็ทั้งเกรงและคอยลอบทำร้ายในทุกๆทาง
คุณธรรมที่ดีเค้ามีหลายอย่าง ที่เห็นและน่ายกย่องที่สุด น่าจะเป็นการแสดงเจตนาที่ชัดเจน ยอมหัก ไม่ยอมงอ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจเรื่องยาเสพติด
ส่วนนี้เลยทำให้ผมชอบคาแรคเตอร์ของ ดอน วีโต คอร์เลโอเน มากจริงๆ
ผมชอบตัวนักแสดงนำ ที่รับบทเป็น Godfather ทั้ง 3 ภาคเลยครับ โดยเฉพาะ Marlon Brando ที่รับบทเป็น Don Corleone
มีความน่าเกรงขามจริงทุกแอ็คติ้ง เหมือนว่าเค้าเกิดมาเพื่อจะเป็น เจ้าพ่อ จริงๆ เสียเหลือเกิน น่าเกรง อารมณ์ในมาดที่แสดง
ในยุค 1973 ผู้คนคอหนัง วิภากษ์วิจารณ์กันทั่วไปว่า เขารับบทนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ มีความสมจริงเป็นที่สุด รู้สึกได้จนขนลุก
ดูเป็นผู้ซึ่งทรงอิทธิพลเป็นที่สุดในยุคของมาเฟียมากจริงๆ... (ผมก็ว่าตามนั้น เค้ากับพ่อผมมีคล้ายกันมากในหลายๆ อย่างที่ผมกลัว)
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
เราคิดว่าเรื่องนี้ ดูก็สนุก อ่านก็สนุก
แต่หนังสือจะให้รายละเอียดบางอย่างที่ในหนังอาจจะไม่ได้โฟกัสไปถึง
เช่น
คาแรคเตอร์ของจอห์นนี่ ฟอนเทน (ว่ากันว่า พูโซ เขียนตัวละครเรื่องนี้จาก ตัวละครจริง ๆ คือ แฟรงค์ สินาตร้า ปู่แฟรงค์นี่มี godfather เป็นมาเฟียจริง ๆ ค่ะ)
ในหนังสือจะบรรยายความอ่อนไหว ขี้เล่น เจ้าชู้ แต่ก็เจือความหัวโบราณมาก ๆ อยู่ได้ดีกว่าในหนัง (ที่จอห์นนี่แทบไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่านักร้องที่คนกรี๊ดกร๊าดเลย)
หนังสือบรรยายคาแรคเตอร์ และสภาพชีวิตสมรสของจอห์นนี่และวิธีเดทผู้หญิงของเค้าไว้น่าสนใจทีเดียว (ใครยังไม่อ่าน ไปหาอ่านดูค่ะ เล่าก็ไม่ได้อรรถรส)
ส่วนคาแรคเตอร์ของไมเคิล ในหนังจะดูฉลาด ชาเย็น ใช้ความสงบ นิ่ง เงียบ สยบความเคลื่อนไหวได้ชะงัด ถ้าเปรียบกับการแทงกริช ไมเคิลจะรอดูท่าที ฉวยโอกาสในจังหวะที่เหมาะสม ปักทีเดียวเข้าที่หัวใจเลย
ไมเคิล มีความเหี้ยมมากกว่าดอนวีโต้แน่ ๆ
ในหนังสือ ไมเคิลจะดูมีเลือด มีเนื้อ มีอารมณ์ มีความเป็นปุถุชน มีชีวิตจิตใจมากกว่าในหนัง
หนังสือจะบรรยายว่า มีเพียง ไมเคิล และ จอห์นนี่เท่านั้นที่ไม่กลัวดอน นอกนั้น ไม่มีใครกล้ากับดอน ไม่กล้าแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ
เราชอบตอนบรรยายถึง ความตื่นเต้นกระวนกระวายของไมเคิลกับการลงมือฆ่าคนด้วยตัวเองครั้งแรก
หนังสือเขียนถึงกระทั่ง ไมเคิลเห็นสบู่สีชมพูบนตะแกรงตาข่าย ความกระวนกระวายของไมเคิลทำให้ถ่ายท้องจริง ๆ
และเล่าย้อนไปถึงว่า ไมเคิลระลึกนึกถึงความรู้สึกโล่งใจสมัยที่ตัวเองเข้าเป็นทหาร โดนยิงได้รับบาดเจ็บ และ ถูกส่งตัวกลับมารักษา
ความจริงที่คนอ่านรู้ แต่ไมเคิลไม่รู้คือ ดอน เป็นคนสั่งการใช้เส้นสายให้นำตัวไมเคิลที่ได้รับบาดเจ็บให้กลับมา
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งการกระทำของดอนวีโต้ ที่ลุ่มลึก และ ในหนังสือใช้คำว่า "รู้จักสันดาน" ลูกทุกคนอย่างทะลุปรุโปร่ง
ไมเคิล เป็นกบฎของบ้าน เป็นน้องชายคนเล็ก ตัวเล็กแต่ยืนหยัดกล้าซัดกับพี่ชาย กล้าปฏิเสธพ่อ กล้าปฏิเสธวิถีของครอบครัวออกมาเลือกทางเดินชีวิตตัวเอง สมัครเข้าเป็นทหาร เข้าเรียนที่ดาร์ธมัธในเครือไอวีลีกที่ทรงภูมิ
ดอนเคยหวังกระทั่งให้มีคนในตระกูลได้เป็น "ท่านวุฒิสภาคอร์ลีโอนี" หรือ "ท่านผู้ว่าการรัฐคอร์ลีโอนี" เสียด้วยซ้ำ
ถ้าตอนนั้น ดอนใช้เส้นดึงไมเคิลกลับมารักษาและบอกลูกเชิงเอาบุญคุณ เราเป็นไมเคิล เรารับรองเลยว่า ในวัยขนาดนั้น เรายอมนอนห่มธงชาติกลับมาดีกว่า ต้องอยู่ใต้บารมีพ่อ
โดยรวม ๆ ในหนังสือจะบรรยายคาแรคเตอร์บางอย่างได้อย่าง "มีความเป็นมนุษย์" มากกว่าในหนัง บอกเล่าทั้งความกล้า ความกลัว ความคิด ความฝัน จนทำให้เรารู้สึกเนียนไปกับในหนังได้
ในหนังสือยังสอดแทรก "อวัจนภาษา" ที่ทรงพลังหลาย ๆ อย่างที่อธิบายว่า การกระทำที่ไม่ใช้คำพูดคำใด แต่กลับทำให้เรารู้สึกเหมือนถูกเหยียดหรือ หรือรู้สึกว่าได้รับเกียรตินั้น เป็นอย่างไร
ซึ่งกริยามารยาทที่ดูเหมือนเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้แหละ จะสร้างความประทับใจ จนถึง "ซื้อใจ" คู่ค้า คู่มิตร คู่เจรจาบางคนได้เลยทีเดียว
เราชอบตอนที่ฮาเกน (Hagen) ไปหาจอห์นนี่ คุยเรื่องอนาคตในวงการ และลู่ทางในการกู้เงินมาสร้างหนัง
จอห์นนี่ ที่ดูเป็นหนุ่มเพลย์บอยเหลวไหล กลับดูจริงจัง ครุ่นคิด รู้จักวางแผน และเอาการเอางานขึ้นมา และการที่จอห์นนี่ขับรถไปส่งฮาเกนไปสนามบินด้วยตนเอง ก็ช่วยกระชับความรู้สึกไว้ใจ หรือ ความรู้สึกถูกชะตา ให้เกิดขึ้นในตัวฮาเกนได้ด้วย
หลายปีมาแล้ว เราเคยอ่านสัมภาษณ์ ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร ท่านเป็นทนายความที่ปรึกษาให้กับเจ้าสัวดัง ๆ ทั้งประเทศนี้เลยนะคะ
ดร.สุวรรณ ก็พูดรวม ๆ ถึงสไตล์การทำงานของเจ้าสัวแต่ละท่านคร่าว ๆ และท่านก็เล่าว่า เจ้าสัว *** มีสไตล์การทำงานแบบคนตะวันออก ให้เกียรติคนทำงาน คุยงานกันเสร็จ ท่านเดินมาส่งที่รถ
สมัยเด็ก ๆ เราก็ไม่เคยเข้าใจ "นัยยะ" ของการให้เกียรติอะไรพวกนี้นะคะ ว่ามันสำคัญอะไรกันนักหนา
แต่พอโตขึ้น เราเห็นตัวอย่างมาก ๆ เข้า เราก็เข้าใจเองว่า ภาษาที่สื่อทางการกระทำ สายตา บางอย่าง มันทรงพลัง และสื่อสารดังเสียยิ่งกว่าที่พูดออกไปโต้ง ๆ เสียอีก
อันนี้ เป็นความยิ่งใหญ่ในงานเขียนชิ้นนี้ของพูโซ่ที่ทำให้เราได้นึกย้อน และ เชื่อมโยงกับประสบการณ์ของตัวเองอีกครั้ง
แต่หนังสือจะให้รายละเอียดบางอย่างที่ในหนังอาจจะไม่ได้โฟกัสไปถึง
เช่น
คาแรคเตอร์ของจอห์นนี่ ฟอนเทน (ว่ากันว่า พูโซ เขียนตัวละครเรื่องนี้จาก ตัวละครจริง ๆ คือ แฟรงค์ สินาตร้า ปู่แฟรงค์นี่มี godfather เป็นมาเฟียจริง ๆ ค่ะ)
ในหนังสือจะบรรยายความอ่อนไหว ขี้เล่น เจ้าชู้ แต่ก็เจือความหัวโบราณมาก ๆ อยู่ได้ดีกว่าในหนัง (ที่จอห์นนี่แทบไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่านักร้องที่คนกรี๊ดกร๊าดเลย)
หนังสือบรรยายคาแรคเตอร์ และสภาพชีวิตสมรสของจอห์นนี่และวิธีเดทผู้หญิงของเค้าไว้น่าสนใจทีเดียว (ใครยังไม่อ่าน ไปหาอ่านดูค่ะ เล่าก็ไม่ได้อรรถรส)
ส่วนคาแรคเตอร์ของไมเคิล ในหนังจะดูฉลาด ชาเย็น ใช้ความสงบ นิ่ง เงียบ สยบความเคลื่อนไหวได้ชะงัด ถ้าเปรียบกับการแทงกริช ไมเคิลจะรอดูท่าที ฉวยโอกาสในจังหวะที่เหมาะสม ปักทีเดียวเข้าที่หัวใจเลย
ไมเคิล มีความเหี้ยมมากกว่าดอนวีโต้แน่ ๆ
ในหนังสือ ไมเคิลจะดูมีเลือด มีเนื้อ มีอารมณ์ มีความเป็นปุถุชน มีชีวิตจิตใจมากกว่าในหนัง
หนังสือจะบรรยายว่า มีเพียง ไมเคิล และ จอห์นนี่เท่านั้นที่ไม่กลัวดอน นอกนั้น ไม่มีใครกล้ากับดอน ไม่กล้าแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ
เราชอบตอนบรรยายถึง ความตื่นเต้นกระวนกระวายของไมเคิลกับการลงมือฆ่าคนด้วยตัวเองครั้งแรก
หนังสือเขียนถึงกระทั่ง ไมเคิลเห็นสบู่สีชมพูบนตะแกรงตาข่าย ความกระวนกระวายของไมเคิลทำให้ถ่ายท้องจริง ๆ
และเล่าย้อนไปถึงว่า ไมเคิลระลึกนึกถึงความรู้สึกโล่งใจสมัยที่ตัวเองเข้าเป็นทหาร โดนยิงได้รับบาดเจ็บ และ ถูกส่งตัวกลับมารักษา
ความจริงที่คนอ่านรู้ แต่ไมเคิลไม่รู้คือ ดอน เป็นคนสั่งการใช้เส้นสายให้นำตัวไมเคิลที่ได้รับบาดเจ็บให้กลับมา
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งการกระทำของดอนวีโต้ ที่ลุ่มลึก และ ในหนังสือใช้คำว่า "รู้จักสันดาน" ลูกทุกคนอย่างทะลุปรุโปร่ง
ไมเคิล เป็นกบฎของบ้าน เป็นน้องชายคนเล็ก ตัวเล็กแต่ยืนหยัดกล้าซัดกับพี่ชาย กล้าปฏิเสธพ่อ กล้าปฏิเสธวิถีของครอบครัวออกมาเลือกทางเดินชีวิตตัวเอง สมัครเข้าเป็นทหาร เข้าเรียนที่ดาร์ธมัธในเครือไอวีลีกที่ทรงภูมิ
ดอนเคยหวังกระทั่งให้มีคนในตระกูลได้เป็น "ท่านวุฒิสภาคอร์ลีโอนี" หรือ "ท่านผู้ว่าการรัฐคอร์ลีโอนี" เสียด้วยซ้ำ
ถ้าตอนนั้น ดอนใช้เส้นดึงไมเคิลกลับมารักษาและบอกลูกเชิงเอาบุญคุณ เราเป็นไมเคิล เรารับรองเลยว่า ในวัยขนาดนั้น เรายอมนอนห่มธงชาติกลับมาดีกว่า ต้องอยู่ใต้บารมีพ่อ
โดยรวม ๆ ในหนังสือจะบรรยายคาแรคเตอร์บางอย่างได้อย่าง "มีความเป็นมนุษย์" มากกว่าในหนัง บอกเล่าทั้งความกล้า ความกลัว ความคิด ความฝัน จนทำให้เรารู้สึกเนียนไปกับในหนังได้
ในหนังสือยังสอดแทรก "อวัจนภาษา" ที่ทรงพลังหลาย ๆ อย่างที่อธิบายว่า การกระทำที่ไม่ใช้คำพูดคำใด แต่กลับทำให้เรารู้สึกเหมือนถูกเหยียดหรือ หรือรู้สึกว่าได้รับเกียรตินั้น เป็นอย่างไร
ซึ่งกริยามารยาทที่ดูเหมือนเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้แหละ จะสร้างความประทับใจ จนถึง "ซื้อใจ" คู่ค้า คู่มิตร คู่เจรจาบางคนได้เลยทีเดียว
เราชอบตอนที่ฮาเกน (Hagen) ไปหาจอห์นนี่ คุยเรื่องอนาคตในวงการ และลู่ทางในการกู้เงินมาสร้างหนัง
จอห์นนี่ ที่ดูเป็นหนุ่มเพลย์บอยเหลวไหล กลับดูจริงจัง ครุ่นคิด รู้จักวางแผน และเอาการเอางานขึ้นมา และการที่จอห์นนี่ขับรถไปส่งฮาเกนไปสนามบินด้วยตนเอง ก็ช่วยกระชับความรู้สึกไว้ใจ หรือ ความรู้สึกถูกชะตา ให้เกิดขึ้นในตัวฮาเกนได้ด้วย
หลายปีมาแล้ว เราเคยอ่านสัมภาษณ์ ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร ท่านเป็นทนายความที่ปรึกษาให้กับเจ้าสัวดัง ๆ ทั้งประเทศนี้เลยนะคะ
ดร.สุวรรณ ก็พูดรวม ๆ ถึงสไตล์การทำงานของเจ้าสัวแต่ละท่านคร่าว ๆ และท่านก็เล่าว่า เจ้าสัว *** มีสไตล์การทำงานแบบคนตะวันออก ให้เกียรติคนทำงาน คุยงานกันเสร็จ ท่านเดินมาส่งที่รถ
สมัยเด็ก ๆ เราก็ไม่เคยเข้าใจ "นัยยะ" ของการให้เกียรติอะไรพวกนี้นะคะ ว่ามันสำคัญอะไรกันนักหนา
แต่พอโตขึ้น เราเห็นตัวอย่างมาก ๆ เข้า เราก็เข้าใจเองว่า ภาษาที่สื่อทางการกระทำ สายตา บางอย่าง มันทรงพลัง และสื่อสารดังเสียยิ่งกว่าที่พูดออกไปโต้ง ๆ เสียอีก
อันนี้ เป็นความยิ่งใหญ่ในงานเขียนชิ้นนี้ของพูโซ่ที่ทำให้เราได้นึกย้อน และ เชื่อมโยงกับประสบการณ์ของตัวเองอีกครั้ง
ความคิดเห็นที่ 2
สิ่งที่ประทับใจเกี่ยวกับดอน คอร์ลีโอนี แล้วรู้สึกว่าเป็นคาแรคเตอร์ของ "นักเลงโบราณ" ที่โคตรเท่และคนทั่วไปยอมรับนับถือคือ
1. ไม่พูดมาก แต่ถ้าจะพูด คือ พูดจริง ทำจริง พึ่งพิงได้
2. ไม่ใช้อำนาจโดยไม่จำเป็น แต่ถ้าจำเป็นก็ใช้อย่างถึงที่สุด
3. โหด เฉียบขาด แต่มีเหตุผล ไม่เหี้ยมอย่าบ้าคลั่ง ไม่โชว์พาวสะเปะสะปะ
4. มีปรกติวิสัยที่สุภาพ อ่อนโยน นุ่มนวล และมีศิลปะในการใช้ชีวิต รักสุนทรีย์ และรักครอบครัว
5. ให้ความสำคัญกับครอบครัว และพวกพ้อง
6. มองการณ์ไกล มองคนออก และ มองทะลุคาดการณ์ไปถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ
7. แรงมา แรงกลับ ไม่โกง
8. ผดุงความยุติธรรม (แม้จะเป็นในวิถีของตนก็ตาม)
9. อ่อนโยน เมตตา ปรานีต่อผู้อ่อนแอกว่า
10. ไม่เคยลืมบุญคุณและความแค้น
11. ไม่เอาเปรียบใครและไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบ
12. ช่างสังเกต ช่างวางแผน เห็นลู่ทางและหาจังหวะที่เหมาะสมในการดำเนินแผนการต่าง ๆ ได้ดี
13. มีความเป็นผู้นำ และ พลังการปกป้องสูงมาก
14. มีทักษะ เหลี่ยมคู การเจรจาชั้นเทพ รู้จักให้ รู้จักรับ และไม่เอาเปรียบสังคมจนเกินไป
15. มีวิถีการโชว์พาวที่น่าสนใจ ไม่โฉ่งฉ่าง แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมา "เมิน" หรือ "ละเลย" ได้ง่าย ๆ
16. ให้ความสำคัญกับการใช้ "สมอง" มากกว่า ใช้กำลังหรืออำนาจข่มขู่
1. ไม่พูดมาก แต่ถ้าจะพูด คือ พูดจริง ทำจริง พึ่งพิงได้
2. ไม่ใช้อำนาจโดยไม่จำเป็น แต่ถ้าจำเป็นก็ใช้อย่างถึงที่สุด
3. โหด เฉียบขาด แต่มีเหตุผล ไม่เหี้ยมอย่าบ้าคลั่ง ไม่โชว์พาวสะเปะสะปะ
4. มีปรกติวิสัยที่สุภาพ อ่อนโยน นุ่มนวล และมีศิลปะในการใช้ชีวิต รักสุนทรีย์ และรักครอบครัว
5. ให้ความสำคัญกับครอบครัว และพวกพ้อง
6. มองการณ์ไกล มองคนออก และ มองทะลุคาดการณ์ไปถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ
7. แรงมา แรงกลับ ไม่โกง
8. ผดุงความยุติธรรม (แม้จะเป็นในวิถีของตนก็ตาม)
9. อ่อนโยน เมตตา ปรานีต่อผู้อ่อนแอกว่า
10. ไม่เคยลืมบุญคุณและความแค้น
11. ไม่เอาเปรียบใครและไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบ
12. ช่างสังเกต ช่างวางแผน เห็นลู่ทางและหาจังหวะที่เหมาะสมในการดำเนินแผนการต่าง ๆ ได้ดี
13. มีความเป็นผู้นำ และ พลังการปกป้องสูงมาก
14. มีทักษะ เหลี่ยมคู การเจรจาชั้นเทพ รู้จักให้ รู้จักรับ และไม่เอาเปรียบสังคมจนเกินไป
15. มีวิถีการโชว์พาวที่น่าสนใจ ไม่โฉ่งฉ่าง แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมา "เมิน" หรือ "ละเลย" ได้ง่าย ๆ
16. ให้ความสำคัญกับการใช้ "สมอง" มากกว่า ใช้กำลังหรืออำนาจข่มขู่
แสดงความคิดเห็น
Don Corleone --- The Godfather มีดีตรงไหน ?
คุณสวัสดิ์ หอรุ่งเรือง เจ้าสัวใหญ่ ก็เคยให้สัมภาษณ์ว่า ชอบหนังเรื่องนี้มาก ดูซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
คุณวินทร์ เลียววาริณ ก็เคยเขียนถึงหนังเรื่องนี้ในบทความ
รวมถึงเพื่อนรุ่นพี่ รุ่นอา หลายคน ก็จะพูดถึงเรื่องนี้ด้วยความประทับใจ ชนิดที่ว่า ถ้าจะจัดงานเสวนาเรื่องนี้ หลายคนบอก ว่า โฮ้ย... ไม่ต้องดูซ้ำ อ่านซ้ำ เพื่อทบทวนอะไรทั้งนั้น จะให้พูดก็พูดได้เลย ค่าที่ดูมาเยอะ ดูมาหลายรอบมากจนจะจำได้ขึ้นใจอยู่แล้ว
ดิฉันเดาว่า น่าจะมีคนเขียนถึงเรื่องนี้ทั้งในแง่บทประพันธ์ และในแง่หนังมาหลายร้อยรอบแล้ว
ตัวดิฉันเอง ก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปอยู่ไหนมา ถึงเพิ่งมาเคยได้ดูเรื่องนี้เมื่อเดือนที่ผ่านมา
ไฟลท์ไปยุโรปสิบกว่าชั่วโมง ดิฉันดูรวด 3 ภาคทีเดียว ตอนบินกลับก็ดูอีกรอบ และถ้าจะมีใครเปิดแผ่น หรือ เปิดฉาย ก็คิดว่า ยังดูได้อีก
ดูหนังแล้ว ยังไม่พอ ซื้อหนังสือมาอ่านอีก ฉบับพิมพ์ล่าสุดนี่รู้สึกจะเป็นฉบับที่แปลโดย คุณ ธนิต ธรรมสุคติ ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มติชน
อ่านแล้วก็สนุกอีก บางมิติ เช่น ความนึกคิด อารมณ์และคาแรคเตอร์บางอย่างของตัวละคร หนังสือจะบรรยายได้ละเอียดลึกล้ำกว่าในหนัง ส่วนในหนังจะให้อารมณ์ vibe บรรยากาศ และ การตีความด้านมิติทางจิตใจได้เห็นภาพ ดื่มด่ำ ดุเด็ดเผ็ดมันกว่าในหนังสือ
ตัวละครในดวงใจตลอดกาลของใครหลายคน ก็คือ เจ้าพ่อ เดอะก๊อดฟาเธอร์ หรือ ดอน คอร์ลีโอนี
ซึ่งดิฉัน ดู ๆ แล้ว ดอน คอร์ลีโอนี มีบุคลิกหลาย ๆ อย่างที่เป็นที่ "น่านิยม" ของทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
เลยอยากฟังความเห็นของคนรักหนังหรือหนังสือเรื่องนี้ค่ะว่า
คุณชอบดอน คอร์ลีโอนี ตรงไหน ? หรือถึงไม่ชอบ ดอน มีดีตรงไหนที่คุณคิดว่า ทำให้เขาเป็นคนที่หาคนเทียบได้ยาก