(ไต)
เคยคิดกันบ้างไหมว่าคนเราอาจต้องขายไต การขายไตอาจไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง แต่เมื่อถึงคราวจำเป็นจริง ๆ ไตเราก็คงต้องทำหน้าที่สุดท้ายของมัน (แต่อย่างว่านะ ที่ทำ ๆ กันนี่เป็นกระบวนการที่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบซื้อขาย ไปจนถึงขโมยศพ หรืออุ้มฆ่า) ซึ่งเท่าที่ดูมา ถ้าเอาไปขายที่อิรักจะได้เงิน 17,500 บาท อินเดีย 35,000 บาท ตุรกี 175,000 บาท แต่ถ้าเขยิบไปที่โคโซโวหรือคอสตาริก้า ก็อาจจะได้เงินถึง 680,000 บาท คนที่มาซื้อไปส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยไตวายหรือเบาหวานจากอิสราเอล แคนาดา และสหรัฐ ที่มาขอซื้อต่อในราคาสูงสุดถึง 3.4 ล้านบาทเลยทีเดียว พวกพ่อค้าคนกลางนี่ปั่นราคากันสนุกเลย
(เลือด)
ปกติเราจะคุ้นกับการบริจาคเลือดกันที่สภากาชาดแบบสวย ๆ แจ่มใสใจบุญแค่นั้นจบ แต่ในอเมริกาเขามีการมอบบัตรของขวัญ หรือแม้แต่ตั๋วการแสดงให้กับผู้บริจาคเป็นมูลค่าประมาณ 700 บาทต่อครั้ง (ภายใน 56 วันหลังบริจาค) ถ้าเราบริจาคอย่างสม่ำเสมอตลอดปี (6 เดือน) ก็อาจจะทำยอดได้ถึง 4,200 บาทต่อปี แต่เวลาเขาขายต่อให้โรงพยาบาลจะตกอยู่ที่หมื่นบาทต่อครึ่งลิตร
(ผม)
เป็นอีกไอเท็มฮอตฮิตที่นิยมขายหรือบริจาคกันเพราะถูกกฎหมายที่สุดแล้ว แต่ต้องใช้เวลามากหน่อยกว่าจะไว้ผมให้ยาวพอที่จะขายได้ ส่วนเรื่องราคาก็ขึ้นอยู่กับลักษณะผมว่าสุขภาพดีไหม มีซอยหรือดัดหรือเปล่า เขาก็จะตีตามสภาพผมกันไป สำหรับเรตโดยทั่วไปที่รับกันคือ ขั้นต่ำ 10 นิ้ว ขายได้ 500 บาท บางที่ก็รับฟุตนึงขึ้นไป อันนี้ก็ต้องเช็กแล้วแต่เจ้า
(อสุจิ)
นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ฮอตฮิตไม่แพ้ข้อบน ๆ เลยฮะ ที่น่าแปลกใจคือถ้าเซิร์ชเอาจาก Google หรือ Facebook นี่เขามีเพจรับซื้อขายแบบโจ่งแจ้ง แถมมีเรตราคาสำหรับผู้ให้บริจากต่างกันไปตามความสูง สีผิว และระดับการศึกษา! มันเอากันแบบนี้เลยแหละ!!! เรตที่เราเจอมา ถ้าสูง 150 ซม. ขึ้นไปจะอยู่ที่ซีซีละ 700 บาท หรือถ้าสูง 180 อัพก็ขายได้ถึง 1,200 บาท มีออพชันเสิร์มคือ ถ้าผิวขาวจะเพิ่มให้อีก 300 บาท หรือจบปริญญาตรี โท เอก ก็เพิ่มให้อีก 200, 400 และ 1,000 บาทตามลำดับ อะไรมันจะล่ำซำขนาดนั้น (พวกมือซ้ายใต้ผ้าห่มนี่ยิ้มร่ากันเลยสิ)
(ไข่)
สาว ๆ อย่าเพิ่งน้อยเนื้อต่ำใจไป เพราะถึงเราไม่มีอสุจิแต่เราก็มีไข่! ทว่าธนาคารไข่ในไทยนี้มีไว้ให้แค่ฝากกับบริจาคเท่านั้น เพราะอย่างที่รู้กันว่าไข่เป็นอะไรที่ไม่ได้ผลิตออกมากันง่าย ๆ เพราะจะมาเป็นช่วง ๆ และถ้าไม่ได้ผสมกับอสุจิก็ฝ่อไปเองตามอายุรอบเดือน บางคนที่กลัวมีลูกยากก็จะฝากไข่เอาไว้ที่ธนาคารไข่ก่อน เผื่อฉุกเฉินค่อยทำผสมเทียมเอาก็ได้ แต่ไข่ของใครของมันนะ จะไปขอมาผสมมันก็ไม่ได้ในทันทีต้องมีการยินยอมจากเจ้าของไข่ก่อน แต่ในจีน เขาทำกันเป็นธุรกิจโดยจะใช้วิธีผ่าตัดเอาไข่ออกมาเลย (บรึ๋ย) สนนราคาเริ่มต้นที่ 150,000 บาท ขึ้นอยู่กับหน้าตาและวุฒิการศึกษาด้วย
(น้ำนมแม่)
นอกจากไข่ที่ขายได้แล้ว น้ำนมนี่ก็ขายได้นะ ว่ากันว่าอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อทารกวัยแรกคลอดที่สุดก็คือน้ำนมแม่เนี่ยแหละ สำหรับคุณแม่หลายคนที่ไม่สามารถให้นมลูกตามธรรมชาติ แต่ไม่อยากเลี้ยงลูกด้วยนมผงสำเร็จรูป ในออสเตรเลียเลยมีคนปั๊มนมขายออนไลน์ ให้ราคาอยู่ที่ 1,000 – 17,500 บาทต่อลิตร ตามแต่คุณภาพน้ำนมและสุขภาพของผู้ให้น้ำนม ซึ่งเป็นที่ต้องการต่อกลุ่มเป้าหมายข้างบน รวมไปถึงผู้ป่วยโรคมะเร็ง และนักกีฬาด้วยนะ
***ทั้งนี้ทั้งนั้น การบริจาคอวัยวะต่าง ๆ ยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองทั้งหมด ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องจริยธรรมที่ขึ้นกับการยืนยอมระหว่างเจ้าของอวัยวะ แพทย์ และผู้รับบริจาคเท่านั้น แล้วถ้าสนใจจะขายแบบถูกกฎหมายจริง ๆ อาจจะต้องตาม’ลายแทงนี้ ‘ไปขายที่ต่างประเทศ ส่วนการค้าขายในไทยส่วนมากก็ยังผิดกฎหมายอยู่***
เอามาแชร์ให้ดู อวัยวะในร่างกายเราส่วนใดที่ขายได้บ้าง "แชร์ข้อมูลเฉยๆไม่ได้แนะนำให้ไปขายจริงนะครับ"
เคยคิดกันบ้างไหมว่าคนเราอาจต้องขายไต การขายไตอาจไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง แต่เมื่อถึงคราวจำเป็นจริง ๆ ไตเราก็คงต้องทำหน้าที่สุดท้ายของมัน (แต่อย่างว่านะ ที่ทำ ๆ กันนี่เป็นกระบวนการที่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบซื้อขาย ไปจนถึงขโมยศพ หรืออุ้มฆ่า) ซึ่งเท่าที่ดูมา ถ้าเอาไปขายที่อิรักจะได้เงิน 17,500 บาท อินเดีย 35,000 บาท ตุรกี 175,000 บาท แต่ถ้าเขยิบไปที่โคโซโวหรือคอสตาริก้า ก็อาจจะได้เงินถึง 680,000 บาท คนที่มาซื้อไปส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยไตวายหรือเบาหวานจากอิสราเอล แคนาดา และสหรัฐ ที่มาขอซื้อต่อในราคาสูงสุดถึง 3.4 ล้านบาทเลยทีเดียว พวกพ่อค้าคนกลางนี่ปั่นราคากันสนุกเลย
(เลือด)
ปกติเราจะคุ้นกับการบริจาคเลือดกันที่สภากาชาดแบบสวย ๆ แจ่มใสใจบุญแค่นั้นจบ แต่ในอเมริกาเขามีการมอบบัตรของขวัญ หรือแม้แต่ตั๋วการแสดงให้กับผู้บริจาคเป็นมูลค่าประมาณ 700 บาทต่อครั้ง (ภายใน 56 วันหลังบริจาค) ถ้าเราบริจาคอย่างสม่ำเสมอตลอดปี (6 เดือน) ก็อาจจะทำยอดได้ถึง 4,200 บาทต่อปี แต่เวลาเขาขายต่อให้โรงพยาบาลจะตกอยู่ที่หมื่นบาทต่อครึ่งลิตร
(ผม)
เป็นอีกไอเท็มฮอตฮิตที่นิยมขายหรือบริจาคกันเพราะถูกกฎหมายที่สุดแล้ว แต่ต้องใช้เวลามากหน่อยกว่าจะไว้ผมให้ยาวพอที่จะขายได้ ส่วนเรื่องราคาก็ขึ้นอยู่กับลักษณะผมว่าสุขภาพดีไหม มีซอยหรือดัดหรือเปล่า เขาก็จะตีตามสภาพผมกันไป สำหรับเรตโดยทั่วไปที่รับกันคือ ขั้นต่ำ 10 นิ้ว ขายได้ 500 บาท บางที่ก็รับฟุตนึงขึ้นไป อันนี้ก็ต้องเช็กแล้วแต่เจ้า
(อสุจิ)
นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ฮอตฮิตไม่แพ้ข้อบน ๆ เลยฮะ ที่น่าแปลกใจคือถ้าเซิร์ชเอาจาก Google หรือ Facebook นี่เขามีเพจรับซื้อขายแบบโจ่งแจ้ง แถมมีเรตราคาสำหรับผู้ให้บริจากต่างกันไปตามความสูง สีผิว และระดับการศึกษา! มันเอากันแบบนี้เลยแหละ!!! เรตที่เราเจอมา ถ้าสูง 150 ซม. ขึ้นไปจะอยู่ที่ซีซีละ 700 บาท หรือถ้าสูง 180 อัพก็ขายได้ถึง 1,200 บาท มีออพชันเสิร์มคือ ถ้าผิวขาวจะเพิ่มให้อีก 300 บาท หรือจบปริญญาตรี โท เอก ก็เพิ่มให้อีก 200, 400 และ 1,000 บาทตามลำดับ อะไรมันจะล่ำซำขนาดนั้น (พวกมือซ้ายใต้ผ้าห่มนี่ยิ้มร่ากันเลยสิ)
(ไข่)
สาว ๆ อย่าเพิ่งน้อยเนื้อต่ำใจไป เพราะถึงเราไม่มีอสุจิแต่เราก็มีไข่! ทว่าธนาคารไข่ในไทยนี้มีไว้ให้แค่ฝากกับบริจาคเท่านั้น เพราะอย่างที่รู้กันว่าไข่เป็นอะไรที่ไม่ได้ผลิตออกมากันง่าย ๆ เพราะจะมาเป็นช่วง ๆ และถ้าไม่ได้ผสมกับอสุจิก็ฝ่อไปเองตามอายุรอบเดือน บางคนที่กลัวมีลูกยากก็จะฝากไข่เอาไว้ที่ธนาคารไข่ก่อน เผื่อฉุกเฉินค่อยทำผสมเทียมเอาก็ได้ แต่ไข่ของใครของมันนะ จะไปขอมาผสมมันก็ไม่ได้ในทันทีต้องมีการยินยอมจากเจ้าของไข่ก่อน แต่ในจีน เขาทำกันเป็นธุรกิจโดยจะใช้วิธีผ่าตัดเอาไข่ออกมาเลย (บรึ๋ย) สนนราคาเริ่มต้นที่ 150,000 บาท ขึ้นอยู่กับหน้าตาและวุฒิการศึกษาด้วย
(น้ำนมแม่)
นอกจากไข่ที่ขายได้แล้ว น้ำนมนี่ก็ขายได้นะ ว่ากันว่าอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อทารกวัยแรกคลอดที่สุดก็คือน้ำนมแม่เนี่ยแหละ สำหรับคุณแม่หลายคนที่ไม่สามารถให้นมลูกตามธรรมชาติ แต่ไม่อยากเลี้ยงลูกด้วยนมผงสำเร็จรูป ในออสเตรเลียเลยมีคนปั๊มนมขายออนไลน์ ให้ราคาอยู่ที่ 1,000 – 17,500 บาทต่อลิตร ตามแต่คุณภาพน้ำนมและสุขภาพของผู้ให้น้ำนม ซึ่งเป็นที่ต้องการต่อกลุ่มเป้าหมายข้างบน รวมไปถึงผู้ป่วยโรคมะเร็ง และนักกีฬาด้วยนะ
***ทั้งนี้ทั้งนั้น การบริจาคอวัยวะต่าง ๆ ยังไม่มีกฎหมายคุ้มครองทั้งหมด ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องจริยธรรมที่ขึ้นกับการยืนยอมระหว่างเจ้าของอวัยวะ แพทย์ และผู้รับบริจาคเท่านั้น แล้วถ้าสนใจจะขายแบบถูกกฎหมายจริง ๆ อาจจะต้องตาม’ลายแทงนี้ ‘ไปขายที่ต่างประเทศ ส่วนการค้าขายในไทยส่วนมากก็ยังผิดกฎหมายอยู่***