10 เรื่องราวและทัศนคติดีๆที่ทำให้หลงรักผู้หญิงชื่อพิจักขณา

จริงๆคือชอบหน้าตาน้ำตาลอยู่แล้ว หน้าคม ตาโต แล้วยิ่งได้ดูรายการที่น้ำตาลได้ไปออกหรือสัมภาษณ์ต่างๆ รับรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้มีทัศนคติที่ดีมาก คิดบวก ทั้งในการทำงาน การใช้ชีวิต สวยจากภายในจริงๆ ข้อมูลจากหลายๆรายการ หลายๆสัมภาษณ์นะคะ

1.น้ำตาลเคยอยากเป็นครู
พิธีกร:จริงๆแล้วมีความฝันอยากจะเป็นแม่พิมพ์ของชาติ อยากจะเป็นคุณครูใช่ไหม?
นต:ค่ะ คือคุณพ่อตาลเป็นตำรวจค่ะ เป็นตำรวจทางเหนือ แล้วคุณครูข้างบนดอยมันไม่พอค่ะ คุณพ่อก็เลยขึ้นไปสอน แล้วตาลรู้สึกว่าพ่อสอนอะไรไม่รู้ สอนอะไรก็ไม่รู้เรื่อง(หัวเราะ) แล้วพ่อให้ตาลทำแบบเรียนค่ะ พ่อไปสอนวิชาสังคม คือพ่อก็แจกแล้วพ่อก็อ่านหนังสือ แล้วเด็กก็ไม่เข้าใจค่ะ ตาลเลยบอกพ่อว่า งั้นพ่อมาเดี๋ยวตาลสอนเอง และรู้สึกสนุกสนานเวลาได้แจกดาวเด็ก ก็เลยรู้สึกว่าเราเป็นครูดีกว่า เลยอยากเป็นครูค่ะ
[รายการ 3 แซบ]

2.น้ำตาลชอบทำบุญมาก
ไม่ว่าจะบริจาคเลือด ให้ทุนการศึกษา บริจาคสิ่งของบนดอย งามมีตติ้งก็ยังจัดเป็นการกุศลทุกครั้ง
พิธีกร:จริงๆน้องเป็นคนชอบทำบุญมาก เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ
นต:ค่ะ ก็มีโอกาสนะคะ ได้ไปทำบุญกับพระอาจารย์ค่ะ ท่านว.วชิรเมธี การทำบุญทำให้เราเจอกัลยาณมิตรทุกๆท่านที่เข้ามา จากการทำบุญก็ถือว่าเป็นส่วนที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเราด้วย เวลามาทำงานในวงการบันเทิง เราอาจจะมีบ้างที่ฟุ้งซ่านหรือเหนื่อยล้า ท้อ ใช้สติอยู่กับปัจจุบัน คิดดี ทำดีค่ะ
[รายการ WOW ซุปตาร์]
[img]

3.นิยามของคำว่านักแสดงสำหรับตาล
พิธีกร:คำว่าอาชีพนักแสดงในนิยามของพี่น้ำตาลคืออะไร?
นต:นักแสดงในความหมายของพี่ก็คือ การได้ถ่ายทอดในตัวของบุคคลสมมุติที่อยู่ในละครออกมาให้มีชีวิตจริง การเป็นนักแสดงของพี่เราไม่ได้ยึดติดบทบาทว่า ฉันจะต้องเป็นนางเอกตลอดชีวิต ฉันจะไม่เล่นบทแม่ ฉันจะไม่เล่นร้าย ฉันจะต้องเป็นนางเอกเจ้าน้ำตา หรือนางเอกคอมเมดี้ให้คนรักตลอด มันไม่ใช่ การเป็นนักแสดงที่ดีพี่เชื่อว่าเราต้องเล่นได้ทุกบทบาท
[วิดีโอสัมภาษณ์น้ำตาล พิจักขณา]

4.เปลี่ยนความกดดันเป็นพลังให้สู้ต่อไป
พิธีกร: ความกดดันมีมากน้อยขนาดไหน?
นต: กดดันนะเพราะเรื่องแรกพี่ก็ได้เล่นกับพี่เคน ธีรเดชเลย ซึ่งทุกคนก็จะแบบว่านางเอกคนนี้มันเป็นใคร อยู่ดีๆถึงได้เล่นกับพี่เคน โดนกระแสเยอะมาก กระแสละครรีเมคส่วนนึง กระแสมาเล่นแทน กระแสเป็นเด็กเส้น มันเป็ความกดดันที่เยอะมาก คือพี่ไม่ได้มีความฝันที่อยากจะเป็นนักแสดง ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่เข้ามาที่นี่ ตอนนั้นเราก็เริ่มก้ำกึ่งว่าจะถอยดีไหม เพราะว่าไม่เคยอยู่ท่ามกลางความกดดันที่ทุกคนถาโถมเข้ามาหาเราถึงขนาดนี้ เมื่อก่อนพี่ร้องไห้บ่อยมากกับคุณพ่อคุณแม่ว่าทำไมคนที่ไม่รู้จักพี่ถึงมาเขียนด่า มาว่าพี่ มาโกรธพี่ มาเกลียดพี่ได้ถึงขนาดนี้ เราเลยรู้สึกว่าเราทำให้พ่อแม่เสียใจ เพราะทุกครั้งที่เราร้องไห้พ่อแม่พี่ก็จะร้องไปด้วย คือเราทำให้ทุกคนกลายเป็นกังวล พี่ก็เลย ฮึดสู้แล้วกัน ลองดูสักตั้ง จะโอเคไหม ถ้าไม่โอเคค่อยกลับไปก็ได้ จนเราเริ่มใช้ชีวิตอยู่ในวงการบันเทิงสักพัก มันทำให้เรารู้ว่านี่มันคือกระแส คือคนที่มาเม้นด่ามาว่าอะไรเรา เค้าพิมแล้วเค้าก็ไป เค้าไม่ได้สนใจว่าน้ำตาลมันจะเป็นยังไง น้ำตาลมันจะเสียใจหรือเปล่า เค้าไม่ได้มารู้สึกตรงนี้ ดังนั้นถ้าเรามองเป็นแค่ตัวหนังสือ แล้วก็เลือกที่จะเก็บจดจำแต่สิ่งที่ดี คนที่ให้กำลังใจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่เค้ามาด่าเราเราจะไม่ฟังเลย เค้าอาจจะอยากให้เราพัฒนาในเรื่องการแสดง เราก็ต้องแยก
[วิดีโอสัมภาษณ์น้ำตาล พิจักขณา]

5.เรื่องศัลยกรรม
น้ำตาลผอมลงจากเรื่องแรกเป็น 10 กก. เมื่อก่อนมีแก้ม มีเหนียง พอผอมลง หน้าก็ชัดขึ้น คมขึ้น มีคนถามใน Live ก็ดันโชว์ตลอด
นักข่าว:มีคนบอกว่าเราหน้าเปลี่ยน?
นต:ค่ะ อย่างวันนั้น ที่ตาลมีสองงาน กลางวันหน้านึง ตอนเย็นหน้านึง แล้วคนก็บอกหน้าเปลี่ยน ไปทำอะไรมา คือคนเอารูปมาเทียบกันสองรูป ซึ่งเป็นรูปงานวันเดียวกันเลย ตาลก็เลยบอกว่าเปลี่ยนการแต่งหน้า เปลี่ยนลุค เปลี่ยนการแต่งกายมันก็เปลี่ยนแล้ว เขียนปากบางเขียนปากหนา เฉดหน้า ไม่เฉดหน้า มันก็เปลี่ยน คือตลกมากที่มีเว็ปๆนึงเอาหน้าตาลไปเปรียบแล้วบอกว่าหน้าเปลี่ยนทั้งๆที่เป็นวันเดียวกัน
นักข่าว:แต่เราไม่นอยด์เนอะ?
นต:ไม่นอยด์ค่ะ ขำๆ
นักข่าว:ไม่ได้ทำอะไรแน่นอน?
นต:ไม่ได้ทำค่ะ ทำงานหนักมาก ถ้าอยาทำคือทุบฟันเข้าก่อนตอนนี้(หัวเราะ)
[img]ปัจจุบัน

6.เล่นละครไม่เคยห่วงสวย
เป็นนางเอกที่ทุ่มสุดตัวมาก ยิ่งดาวเคียงเดือนนี่โดนด่าฟันจอบทั้งเรื่องเลย โดนมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น
โดนพระเอกเอาส้มยัดปาก-มัจจุราชสีน้ำผึ้ง
แต่งผีฟันดำ-ดาวเคียงเดือน
แต่งผีหลอกตัวร้าย เมาหน้าจุ่มเค้ก-สะใภ้จ้าว
แต่งเอฟเฟคหน้าเละ ฟันเหยิน เดินชนกระจก-กามเทพออนไลน์


7.ทัศนคติในด้านการเรียน
ตอนแรกน้ำตาลเรียนคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่ต้องลาออกมาเรียนที่กรุงเทพ และเริ่มต้นใหม่ในคณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และวิดีทัศน์ มหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อความสะดวกในการทำงานในวงการ และได้รับปริญญาไปในวันที่ 17 ธันวาคม 2560
นต:พอย้ายที่เรียน ก็ต้องมาเริ่มนับหนึ่งพร้อมกับเพื่อนๆค่ะ ก็ถือว่าดีค่ะ พอมาเรียนนิเทศศาสตร์สาขาภาพยนตร์ก็ค่อนข้างตรงกับสายที่เราทำงาน จบ4ปีตรงตามเพื่อนค่ะ ก่อนหน้านี้เรามีความฝันอยากเป็นครูค่ะ ตอนนั้นเราก็ตั้งใจเรียนเต็มที่ พอมาเรียนนิเทศฯเราก็นับหนึ่งใหม่ดีกว่าเพราะไม่ได้อยากเรียนให้จบๆไป แต่อยากเรียนเพื่อนำความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตเราได้ เรียกได้ว่าคุ้มค่าค่ะ
[img]
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่