ก่อนอื่นก็ต้องขอบคุณบรรดามิตรรักแฟนพรีเมียร์ทุกท่าน ที่เอาใจช่วยเซาต์นะครับ แม้ฤดูกาลนี้ ทีมจะทำผลงานได้ไม่ดีนัก แต่ก็เอาตัวรอดมาได้อย่างทุลักทุเล
แม้นักบุญจะเป็นเพียงทีมเล็กๆ ขาดแคลนโทรฟี่มาประดับตู้บารมี แต่หลายๆปีที่ผ่านมา มักมีประเด็นที่หลายๆคนเอามาถกเถียงในวงฟุตบอลเสมอ และนี่คือเหตุการสำคัญๆ ในปีนี้ของเซาแธมป์ตัน ที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ มีอะไรบ้าง ไปดูกัน
1. การขาย เวอร์กิล ฟาน ไดก์
ต้องบอกว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของการดิ้นรนหนีตกชั้นที่แท้จริง แม้หลายๆคนลงความเห็นตรงกันว่า 75ล้านปอนด์นั้น เป็นค่าตัวที่น่าพอใจและน่าจะหาตัวมาทดแทนได้อยู่ แต่นับจากวันที่ฟานไดก์จากลา ผลงานของนักบุญก็ม่อยกระรอกลงอย่างเห็นได้ชัด มักทำแต้มสำคัญๆหล่นเสมอ จากเป็นทีมที่เสียประตูน้อย กลายเป็นเหมือนกับว่า ใครนึกอยากจะมายิงตอนไหนก็ยิง(โดนท้ายเกมนี่ บ่อยมาก) แล้วบรรดากองหน้าก็มานัดกันฟอร์มตก จากยิงน้อยเสียน้อย กลายเป็นยิงไม่ได้แถมเสียมาก ก็เลยต้องไปคลุกฝุ่นอยู่ท้ายตารางตามระเบียบ
2.การโซโล่เดี่ยวของโซฟียาน บูฟาล
นี่เป็นความเห็นของกลุ่มเพื่อนที่เชียร์นักบุญด้วยกัน ระบุว่า ถ้าการขายฟานไดก์ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการดิ้นรนหนีตกชั้น ก็ต้องบอกว่า การโซโล่เดี่ยวของเจ้าหมอนี่ในวันนั้น คือการสานต่อหายนะของทีมโดยไม่รู้ตัว ทันทีที่บูฟาล โชว์ทักษะลากเลื้อยจากครึ่งสนามเข้าไปยิง เปเยกริโน่ ก็แอบยิ้มมุมปาก พลางกระหยิ่มใจ ว่ากรุเจอนิวเจอร์ราดเข้าให้แล้ว จากนั้นก็เข็นเจ้าหมอนี่ลงตัวจริงต่อมาอีกเป็นสิบนัด ก่อนจะค้นพบ(ก่อนตัวเองโดนปลดหน่อยเดียว) ว่า ไอ้หมอนี่ มันเจอร์ราดเสิ่นเจิ้นนี่หว่า เพราะตลอด10กว่านัดที่แกได้เป็นตัวจริง หาผลงานเป็นชิ้นเป็นอันแทบไม่ได้ (ผลงานลงสนาม30นัด ยิง2จ่าย2) จังหวะควรจ่ายดันเลี้ยง จังหวะน่าเลี้ยงแกก็จ่ายเสียซะอย่างนั้น เรียกได้ว่าแทบไม่เข้าขากับเพื่อนร่วมทีมเลย เล่นเอาซะดูซาน ทาดิช ยืนเกาหัวแกร่กๆ ล่าสุดยุคฮิวส์มาคุม หมอนี่ไม่ติดแม้แต่สำรอง
3.การปลดเปเยกริโน่ แล้วตั้ง มาร์คฮิวส์
ต้องบอกว่าเป็นความใจถึงของบอร์ดนักบุญ ที่กล้าตั้งมาร์ค ฮิวส์ แถมเจ้าตัวก็กล้าโดดมารับเผือกร้อนเสียด้วย แม้ผลงานช่วงแรกจะยังไม่น่าประทับใจนัก แต่พอเริ่มมีเวลาปรับตัว ผลงานของทีมก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งฟอร์มของนักเตะบางคนที่ดรอปลงไปมากก็พากันกระเตื้องขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือดูซาน ทาดิช ที่มักจะโดนมนุษย์ต่างดาวลักพาตัว จนต้องถูกเปลี่ยนออกบ่อยๆในยุคเปเยกริโน่ กลับมาเป็นมิดฟิลด์ที่จ่ายบอลได้ละเมียด แถมยิงได้ละไมขึ้น ราวกลับเป็นคนละคน ทำให้5นัดสุดท้าย นักบุญเก็บได้ถึง8แต้ม ถีบตัวเองขึ้นเหนือโซนตกชั้นได้สำเร็จ
สุดท้าย ลูกยิงของ มานาโล่ กับเบียดินี่
ศูนย์หน้าทีมชาติอิตาลี(เฮ้ย จริงๆนะ ไม่ได้โกหก) ย้ายมาด้วยค่าตัว15ล้านปอนด์จากนาโปลี ดูเหมือนจะยังมีปัญหาด้านการปรับตัว จึงยิงได้เพียง4ลูกในฤดูกาลนี้ แต่หนึ่งในนั้น มันคือประตูโทนดับสวอนซี ในนัดรองสุดท้ายของฤดูกาลน่ะซี่ จากที่หมอนี่โชว์ฟอร์มบู่มาตลอดฤดูกาล เรียกเสียงยี้จากผมได้มากมาย ยิงลูกนี้ลูกเดียว ผมให้อภัยเค้าทั้งหมด เรากลับมาคืนดีกันนะ เค้าผิดไปแล้ว เค้าขอโทด
และแล้ว ฤดูกาลที่แสนดราม่าของเด็กนักบุญอย่างผม ก็ผ่านไปอีกปี กลับเข้าสู่โหมดเงียบเหงา ยังดีหน่อยที่ปีนี้มีบอลโลก คงไม่เหงาเท่าไร สุดท้ายก็ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน สิ่งที่ผมอัดอั้นมาทั้งฤดูกาล ก็ได้ระบายออกไปแล้ว ขอให้ทุกท่าน เชียร์บอลโลกให้สนุก มีความสุขทุกวันอังคารนะครับ
จากใจ แฟนนักบุญคนหนึ่ง
แม้นักบุญจะเป็นเพียงทีมเล็กๆ ขาดแคลนโทรฟี่มาประดับตู้บารมี แต่หลายๆปีที่ผ่านมา มักมีประเด็นที่หลายๆคนเอามาถกเถียงในวงฟุตบอลเสมอ และนี่คือเหตุการสำคัญๆ ในปีนี้ของเซาแธมป์ตัน ที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ มีอะไรบ้าง ไปดูกัน
1. การขาย เวอร์กิล ฟาน ไดก์
ต้องบอกว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของการดิ้นรนหนีตกชั้นที่แท้จริง แม้หลายๆคนลงความเห็นตรงกันว่า 75ล้านปอนด์นั้น เป็นค่าตัวที่น่าพอใจและน่าจะหาตัวมาทดแทนได้อยู่ แต่นับจากวันที่ฟานไดก์จากลา ผลงานของนักบุญก็ม่อยกระรอกลงอย่างเห็นได้ชัด มักทำแต้มสำคัญๆหล่นเสมอ จากเป็นทีมที่เสียประตูน้อย กลายเป็นเหมือนกับว่า ใครนึกอยากจะมายิงตอนไหนก็ยิง(โดนท้ายเกมนี่ บ่อยมาก) แล้วบรรดากองหน้าก็มานัดกันฟอร์มตก จากยิงน้อยเสียน้อย กลายเป็นยิงไม่ได้แถมเสียมาก ก็เลยต้องไปคลุกฝุ่นอยู่ท้ายตารางตามระเบียบ
2.การโซโล่เดี่ยวของโซฟียาน บูฟาล
นี่เป็นความเห็นของกลุ่มเพื่อนที่เชียร์นักบุญด้วยกัน ระบุว่า ถ้าการขายฟานไดก์ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการดิ้นรนหนีตกชั้น ก็ต้องบอกว่า การโซโล่เดี่ยวของเจ้าหมอนี่ในวันนั้น คือการสานต่อหายนะของทีมโดยไม่รู้ตัว ทันทีที่บูฟาล โชว์ทักษะลากเลื้อยจากครึ่งสนามเข้าไปยิง เปเยกริโน่ ก็แอบยิ้มมุมปาก พลางกระหยิ่มใจ ว่ากรุเจอนิวเจอร์ราดเข้าให้แล้ว จากนั้นก็เข็นเจ้าหมอนี่ลงตัวจริงต่อมาอีกเป็นสิบนัด ก่อนจะค้นพบ(ก่อนตัวเองโดนปลดหน่อยเดียว) ว่า ไอ้หมอนี่ มันเจอร์ราดเสิ่นเจิ้นนี่หว่า เพราะตลอด10กว่านัดที่แกได้เป็นตัวจริง หาผลงานเป็นชิ้นเป็นอันแทบไม่ได้ (ผลงานลงสนาม30นัด ยิง2จ่าย2) จังหวะควรจ่ายดันเลี้ยง จังหวะน่าเลี้ยงแกก็จ่ายเสียซะอย่างนั้น เรียกได้ว่าแทบไม่เข้าขากับเพื่อนร่วมทีมเลย เล่นเอาซะดูซาน ทาดิช ยืนเกาหัวแกร่กๆ ล่าสุดยุคฮิวส์มาคุม หมอนี่ไม่ติดแม้แต่สำรอง
3.การปลดเปเยกริโน่ แล้วตั้ง มาร์คฮิวส์
ต้องบอกว่าเป็นความใจถึงของบอร์ดนักบุญ ที่กล้าตั้งมาร์ค ฮิวส์ แถมเจ้าตัวก็กล้าโดดมารับเผือกร้อนเสียด้วย แม้ผลงานช่วงแรกจะยังไม่น่าประทับใจนัก แต่พอเริ่มมีเวลาปรับตัว ผลงานของทีมก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งฟอร์มของนักเตะบางคนที่ดรอปลงไปมากก็พากันกระเตื้องขึ้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือดูซาน ทาดิช ที่มักจะโดนมนุษย์ต่างดาวลักพาตัว จนต้องถูกเปลี่ยนออกบ่อยๆในยุคเปเยกริโน่ กลับมาเป็นมิดฟิลด์ที่จ่ายบอลได้ละเมียด แถมยิงได้ละไมขึ้น ราวกลับเป็นคนละคน ทำให้5นัดสุดท้าย นักบุญเก็บได้ถึง8แต้ม ถีบตัวเองขึ้นเหนือโซนตกชั้นได้สำเร็จ
สุดท้าย ลูกยิงของ มานาโล่ กับเบียดินี่
ศูนย์หน้าทีมชาติอิตาลี(เฮ้ย จริงๆนะ ไม่ได้โกหก) ย้ายมาด้วยค่าตัว15ล้านปอนด์จากนาโปลี ดูเหมือนจะยังมีปัญหาด้านการปรับตัว จึงยิงได้เพียง4ลูกในฤดูกาลนี้ แต่หนึ่งในนั้น มันคือประตูโทนดับสวอนซี ในนัดรองสุดท้ายของฤดูกาลน่ะซี่ จากที่หมอนี่โชว์ฟอร์มบู่มาตลอดฤดูกาล เรียกเสียงยี้จากผมได้มากมาย ยิงลูกนี้ลูกเดียว ผมให้อภัยเค้าทั้งหมด เรากลับมาคืนดีกันนะ เค้าผิดไปแล้ว เค้าขอโทด
และแล้ว ฤดูกาลที่แสนดราม่าของเด็กนักบุญอย่างผม ก็ผ่านไปอีกปี กลับเข้าสู่โหมดเงียบเหงา ยังดีหน่อยที่ปีนี้มีบอลโลก คงไม่เหงาเท่าไร สุดท้ายก็ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน สิ่งที่ผมอัดอั้นมาทั้งฤดูกาล ก็ได้ระบายออกไปแล้ว ขอให้ทุกท่าน เชียร์บอลโลกให้สนุก มีความสุขทุกวันอังคารนะครับ