แม่ลูกอินดี้ตะลุยดิสนีย์โตเกียว..ตอนจบ

สืบเนื่องจากการลองมาเที่ยวกันเองเป็นครั้งแรกกับลูกสาว หลังจากถึงโรงแรมที่พักที่ย่าน Kinchisho และหาทางนั่งรถเมล์ไปโตเกียวดิสนีย์แลนด์จนสำเร็จแล้ว ก็มาติดตามกันต่อค่ะ

มาถึงโตเกียวดิสนีย์แลนด์กันแต่ก่อนเก้าโมงเช้าค่ะ อย่าถามว่ามาทำไม จะไปเปิดประตูดิสนีย์แลนด์รึ? เปล่าเลยค่ะ มีผู้คนอีกเป็นร้อยที่ไปถึงก่อนเราและต่อคิวรอให้ประตูเปิด แม้วันนั้นจะฝนตกและอากาศเย็นมาก ก.ไก่ พันตัว พวกเขาก็ยืนตากฝนรอเวลาเปิดกันค่ะ ว่ากันว่ามิกกี้และมินนี่จะมาทักทายแขกคนแรกของสวนสนุกเป็นประจำ..เราสองแม่ลูกวิ่งไปหลบหาความอุ่นในห้องน้ำกันแป๊บFacepalm

ก่อนจะเข้าไปในบริเวณดิสนีย์แลนด์ ทุกคนต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจกระเป๋าก่อนแล้วจึงจะไปซื้อบัตรแล้วต่อแถวรอเข้าไปในสวนสนุกได้ ไม่อนุญาตให้นำอาหารเข้าไป ยกเว้นน้ำดื่มคนละ 1 ขวด ตรงนี้..ทาง HIS จะพริ้นท์บัตรเข้าดิสนีย์แลนด์ซึ่งระบุชื่อและวันที่เราจะเข้าไว้บนกระดาษ A4  ซึ่งเราสามารถยื่นให้เจ้าหน้าที่แสกนคิวอาร์โค้ดแล้วเข้าไปด้านในได้เลย หรือ จะเอาไปแลกเป็นบัตรแข็งเข้าเพื่อเก็บเป็นที่ระลึกก็ได้ โดยจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มใบละ 200 เยน
เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงการฉลองครบ 35 ปีของโตเกียวดิสนีย์แลนด์ บัตรเลยออกมาเป็นลายพิเศษน่ารักน่าสะสมก็เลยแลกเก็บไว้ค่ะ

ดิสนีย์แลนด์โตเกียวนั้นใหญ่พอดู เช่นเดียวกับดิสนีย์แลนด์ทุกแห่ง เขาจะมีแผนที่แจกให้กับนักท่องเที่ยวนะคะ ต้องการไปทางไหน สนใจดูอะไร จะได้เดินถูก มีภาษาไทยด้วยค่ะ


โซนแรกที่ต้องผ่านคือ World Bazaar หรือร้านขายของที่ระลึก เป็นคล้ายตึกแถวสีสันสวยงามติดกันยาวตลอดแนว แต่ละร้านจำหน่ายสินค้าคล้ายๆ กัน ช่วงนี้ทุกร้านจะเน้นสินค้าที่มีสัญลักษณ์การฉลอง 35 ปีของโตเกียวดิสนีย์แลนด์เป็นพิเศษ ธรรมเนียมของแขกที่ี่นี่คือ มักจะแวะซื้อแล้วก็ใช้งานในสวนสนุกเลย เช่น ซื้อเสื้อยืด หมวก ที่คาดผม แล้วก็ใส่เดินเข้าไปกันเป็นทีมเลย เห็นเยอะมาก ถัดจากโซนนี้ไปก็จะมองเห็นปราสาทอันเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ค่ะ สวยงามมากมาย เป็นปราสาทของซินเดอเรลลา หนึ่งในตัวละครเอก ภายในจะเป็นคล้ายพิพิธภัณฑ์บอกเล่าเรื่องราวของนาง และมีรองเท้าแก้วให้สาวๆ ได้ลองสวมด้วยค่ะ  วันดีคืนดี ว่ากันว่า เจ้าชายเจ้าหญิงจะออกมาตรงระเบียงทักทายแขกที่มาสวนสนุกด้วย
เราสองคนแม่ลูกไม่ใช่สายเครื่องเล่นอะไร แม่เล่นอะไรหมุนๆ แล้วเวียนหัว ฮา.. เรื่องของเรื่องคือ ลูกสาวชื่นชอบตัวละครและเรื่องราวของดิสนีย์มาก โดยเฉพาะเรื่องของเจ้าหญิงต่างๆ ตอนแรกดิฉันก็เฉยๆ แต่ในความเป็นแม่ เราก็พยายามศึกษาสิ่งที่เขาสนใจเลยได้รู้ว่าเรื่องราวทุกเรื่องของดิสนีย์มีข้อคิดดีๆ แฝงอยู่มากมาย โดยเฉพาะเรื่องการทำตามความฝัน ความกล้าหาญ และ ความเมตตา แน่นอนว่าเรื่องราวมันงดงามแบบเทพนิยาย ซึ่งคงไม่เหมือนในชีวิตจริงนัก แต่การเข้าไปอยู่ในโลกแห่งความสุขแบบนี้ก็เป็นอะไรที่ดีต่อใจไม่น้อยเลยค่ะ

แฟนพันธ์แท้ของดิสนีย์แลนด์ต้องรู้ว่าดิสนีย์แลนด์ทุกแห่งจะมีคาแรคเตอร์ หรือตัวละคร ออกมาทักทายกับแขกที่มาท่องเที่ยวในสวนสนุก ทั้งเจ้าหญิง เจ้าชาย ตัวการ์ตูนต่างๆ ไม่ใช่แค่เจ้าหญิง แต่เจ้าชายทุกคนมีชื่อด้วย และมีขบวนพาเหรดที่สวยงามตระการตา ราวกับหลุดออกมาจากในหนังสือที่เราได้อ่านเลยค่ะ ตัวละครที่ว่ามานี้ ทุกตัวจะมีลายเซ็น ซึ่งลูกสาวก็เข้าไปพบเจอและขอมา นางก็จะฟินมากมาย ส่วนดิฉันเองก็ตื่นเต้นไปด้วย อาจเทียบได้กับเวลาวัยรุ่นปลื้มนักแสดงนักร้องมังคะ


ที่เห็นคือ คาแรคเตอร์เจ้าชาย เจ้าหญิงออโรร่า (เจ้าหญิงนิทรา)  เจ้าหญิงเบลล์ (โฉมงามกับเจ้าชายอสูร) มินนี่เมาส์ สวยสดงดงามราวกับออกมาจากหนังสือจริงๆ


อาหารในดิสนีย์แลนด์ที่โตเกียวจะขายอยู่แทบทุกมุม มีทั้งเป็นซุ้มเล็กๆ และมีร้านอาหารเป็นเรื่องเป็นราว ร้านที่เราสองคนแม่ลูกชอบมากคือร้านใน Toon Town ที่ชื่อ Toon Tidbits เซ็ทที่เห็นจะมีเบอร์เกอร์กุ้ง เฟรนช์ฟราย และเครื่องดื่มขนาดเล็ก ที่ราคา 850 เยน มัฟฟินและฮอทด็อกก็อร่อยมากค่ะ วันที่ไปอากาศเย็นมาก 10-11 องศา ช็อคโกเลตร้อนคือดีงามค่ะ ที่ตรงนี้ไม่ต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นหรืออังกฤษ ใช้ภาษามือชี้ๆ เท่านั้นค่ะ ยิ้ม
ขวดน้ำที่เรานำมา สามารถหาจุดเติมน้ำเปล่าได้ในสวนสนุกนะคะ ประหยัดได้อีก

มาคราวนี้ ลูกสาวพาดูการแสดงสองชุด คือ Mickey’s Philhar Magic และ One Man’s Dream ซึ่งเป็นการแสดงบนเวทีประกอบเพลงของเหล่าคาแรคเตอร์ต่างๆ มีเรืองราวน่าสนใจ แสงสีตระการตา รับชมในบรรยากาศโรงละคร อลังการมากเลยค่ะ การแสดงทุกชุดเป็นภาษาญ่ี่ปุ่นนะคะ ไม่มีซับไตเติ้ล แต่เราก็พอจะเข้าใจเรื่องราวได้ไม่ยากนัก

ไฮไลท์ก่อนกลับบ้านคือ พาเหรดไฟตอนกลางคืนค่ะ ซึ่งใช้ไฟนับล้านดวง ระหว่างพาเหรดเคลื่อนขบวนพร้อมเสียงเพลงก็จะมีการปิดไฟหรือหรี่ไฟในสวน ผุ้คนนั่งดูกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก เราสองคนแม่ลูกนั่งดูกันท่ามกลางความเย็นที่ 13 องศาเซลเซียส พร้อมโกโก้ร้อนคนละแก้ว พาเหรดจบก็ออกไปรอรถเมล์กลับโรงแรม ซึ่งตามโพยบอกว่าจะมาตอน 20.40 น ที่ป้ายรถเมล์หมายเลข 1 ระหว่างรอเราก็เลยได้เห็นพลุด้วยค่ะ กลับโรงแรมโดยสวัสดิภาพด้วยความฟินแบบที่เราต้องการ

มาแบบนี้ได้ใช้เวลาคุ้มกว่ามากับทัวร์ แล้วก็ไม่ยาก ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่