สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากทริปลิงที่ญี่ปุ่นคราวที่แล้ว คราวนี้ผมจะพาไปติดเกาะที่Scotland ทริปนี้เป็นทริปที่ผมไปตอนวันหยุดสงกรานต์ในช่วงวันที่ 10-21 เมษายน 2018 เอาล่ะครับ หลักใหญ่ใจความเลยคือ Isle of Skye ครับ ท่องไว้เลยครับ Isle of Skye จั่วหัวมาขนาดนี้แล้ว กระทู้นี้ผมต้องการจะแชร์วิธีการเดินทาง รวมถึง GPS Coordinates สถานที่สำคัญต่าง ๆ เอาไว้ชักภาพอย่างสบายใจไม่กลัวหลง
ค่าใช้จ่าย(คร่าวๆ)
จริงๆแล้วการจะทำให้ทริปถูกหรือแพงมันขึ้นอยู่กับรสนิยมและสถานะทางการเงินของแต่ละคน ผมไม่เห็นด้วยกับการประหยัดแบบไม่เหลือช่องว่างให้ใช้เงิน ผมว่าเที่ยวให้มีความสุขเท่าที่เราจะจ่ายไหวเถอะครับ บางอย่างเราต้องใช้เงินแลกมาถึงจะได้เห็นได้สัมผัสมัน ส่วนนี่เป็นค่าใช้จ่ายบางส่วนที่ผมหมดไปครับ
เครื่องบินไปกลับ 25,000
เช่ารถ(ต่อคน รวมน้ำมันและประกัน) 6,600
โรงแรม10คืน (ต่อคน) 10,000
รวม 41,600 (**ไม่รวมค่ากิน)
ค่ากินประมาณ 25,000 ครับ
เครื่องบิน
ผมจองของ Malaysia Airlines ไว้ตอนต้นๆปี ได้ราคามาประมาณ 25,000 บาท ไป-กลับ กรุงเทพ ลอนดอน / ลอนดอน กรุงเทพ ถามว่าถูกมั้ย? ผมว่ากลางๆนะ ตอนจะจองเห็นของ Jet Airways ถูกกว่านี้ประมาณ 5000 บาท แต่คิดไปคิดมาเราต้องนั่งอยู่บนเครื่องตั้งสิบกว่าชั่วโมงจ่ายเพิ่มอีกหน่อยเพื่อรักษาสุขภาพจมูกดีกว่า
การไปอังกฤษด้วย Malaysia Airline นั้น เราต้องขึ้นจาก กทม แล้วเปลี่ยนเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ ถ้าดูจากแผนที่แล้วเหมือนมันจะอ้อมนิดๆ
ประสบการณ์การนั่งเครื่อง Malaysia Airlines ครั้งแรกถือว่าดีครับ เครื่องตอนไปลงกัวลาลัมเปอร์ ไม่ใหญ่หรือใหม่เท่าไหร่ ก็พอนั่งได้ แต่เครื่องจากกัวลาลัมเปอร์ไปอังกฤษนี่สิ อย่างเฟี้ยวเลย การบริการถือว่าได้มาตรฐาน อาหารอร่อย(ไม่มีเมนูหมูนะจ๊ะ) เบียร์เอย ไวน์เอย จินเอย มีเสริฟตลอด
รถเช่า
ข้อดีอีกอย่างของการเที่ยวอังกฤษคือพวงมาลัยอยู่ด้านเดียวกับไทยซึ่งมันทำให้เราไม่ต้องปรับตัวอะไรมากมาย (จะปรับเยอะหน่อยเรื่องระเบียบวินัย Speed limit และวงเวียน แม่มจะเยอะไปไหน) ผมเช่ารถ7ที่นั่งจาก Europcarตอนก่อนเช่าได้ลองเปรียบเทียบกับหลายๆที่ พบว่าราคาพอๆกัน แต่ว่า !!! Europcar มีโปรโมชั่นจองผ่าน Mobile App ลดไปเลยทันที25%!! เห้ยจองดิ รอไร...เราจองกันทั้งหมด 10 วัน เป็นราคา ประมาณ 400 ปอนด์ ซึ่งหารออกมาแล้วไม่ถึงสองหมื่นบาทกับช่วงเวลา 10 วัน (ถ้าเป็นรถเล็กกว่านี้จะถูกกว่านี้เป็นครึ่งเลยครับ) ถือว่าเป็นราคาที่รับได้
ประกันรถเช่า
ย้ำเลยว่าจำเป็นมากครับ !! ต้องซื้อ แต่ว่าจะซื้อที่ไหนยังไงนั้นอีกเรื่องนึง การซื้อประกันรถเราสามารถซื้อได้ 2 วิธี(เท่าที่รู้อะครับ) คือ เราซื้อกับบริษัทรถเช่า ซึ่งโคตรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรแพง เผลอๆค่าประกันแพงกว่าค่าเช่ารถ
ประกันจากบริษัทรถนั้น มีอยู่หลักๆประมาณสองแบบ คือ Full Coverage และ Windscreen and tyre ซึ่งไอ้แบบ Full Coverage นี่ก็ไม่ต้องคิดมาก คือ ไม่ว่าคุณจะขับไปชนต้นไม้ ก้อนหินตกใส่ รถสตาร์ทไม่ติด ยางแตก มันจะอยู่ในประกันหมด คือคุณไม่ต้องควักเนื้อออกเลย ทุกความเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับรถบริษัทจะเป็นคนรับไว้เอง ส่วนอีกแบบก็คือ Windscreen and tyre ซึ่งอันนี้ชื่อมันก็บอกละว่า ประกันกระจกและล้อ ยกตัวอย่างเช่น ขับรถอยู่ดีๆ ยางแตก...ไม่ต้องจ่าย รถบรรทุกสวนมาดีดหินใส่กระจกรถ กระจกรถแตก...ไม่ต้องจ่าย แต่ถ้าขับไปชนต้นไม้กันชนหน้ายุบ อันนี้ต้องจ่าย ราคาของ Windscreen and tyre มันก็จะถูกว่าประกันแบบ Full coverage ประมาณครึ่งต่อครึ่งครับ
แต่เดี๋ยวก่อน !!! ชีวิตเราไม่ได้สิ้นหวังขนาดนั้น เรายังมีประกันอีกแบบ เรียกว่า Third Party Insurance.....มันคืออะไร? มันก็คือประกันที่เราซื้อมาจากที่อื่นที่ไม่ใช่จากบริษัทเช่ารถของเรา ข้อดีคือ มันเป็นประกันแบบ Full Coverage ข้อเสียคือ เราต้องสำรองเงินตัวเองจ่ายไปก่อนหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วบริษัทรถชาร์จเงินเรา จากนั้นเราค่อยเอาใบเสร็จที่เค้าชาร์จเราไปเคลมที่ประกัน Third Party ที่เราซื้อไว้อีกที ซึ่งจะช้าจะเร็วเนี่ย ขึ้นอยู่กับRegulation ของบริษัทประกันแต่ละที่นั่นเอง
ตอนเราไป เราซื้อประกันแบบ Third Party Insurance ไปของ Rentalcover ลายแทง--> www.rentalcover.com ซึ่งราคาแบบFull Coverage 10วัน ค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 50 ปอนด์ (ถ้าจ่ายกับบริษัทเช่ารถวันละ 35 ปอนด์ x10 = 350 ปอนด์ เจ๊ทเข้!)
การเดินทาง
ทั้งทริปเรามีเวลาทั้งหมด 11 วัน (10-21 เมษา) แต่ว่าเราอยู่สก๊อตแลนด์กันแต่ 6วัน (13-18 เมษา) เพราะงั้น ผมขออนุญาต ตัดภาพให้เริ่มการเดินทางจาก Leeds เป็นต้นไปนะครับ
Part 2
https://ppantip.com/topic/37683838
ติดตามผลงานกิ๊กก๊อกของผมได้ที่
https://www.facebook.com/rayumtravel/
[CR] Bible of Skye - Isle of Skye and Scottish Highlands
ค่าใช้จ่าย(คร่าวๆ)
จริงๆแล้วการจะทำให้ทริปถูกหรือแพงมันขึ้นอยู่กับรสนิยมและสถานะทางการเงินของแต่ละคน ผมไม่เห็นด้วยกับการประหยัดแบบไม่เหลือช่องว่างให้ใช้เงิน ผมว่าเที่ยวให้มีความสุขเท่าที่เราจะจ่ายไหวเถอะครับ บางอย่างเราต้องใช้เงินแลกมาถึงจะได้เห็นได้สัมผัสมัน ส่วนนี่เป็นค่าใช้จ่ายบางส่วนที่ผมหมดไปครับ
เครื่องบินไปกลับ 25,000
เช่ารถ(ต่อคน รวมน้ำมันและประกัน) 6,600
โรงแรม10คืน (ต่อคน) 10,000
รวม 41,600 (**ไม่รวมค่ากิน)
ค่ากินประมาณ 25,000 ครับ
เครื่องบิน
ผมจองของ Malaysia Airlines ไว้ตอนต้นๆปี ได้ราคามาประมาณ 25,000 บาท ไป-กลับ กรุงเทพ ลอนดอน / ลอนดอน กรุงเทพ ถามว่าถูกมั้ย? ผมว่ากลางๆนะ ตอนจะจองเห็นของ Jet Airways ถูกกว่านี้ประมาณ 5000 บาท แต่คิดไปคิดมาเราต้องนั่งอยู่บนเครื่องตั้งสิบกว่าชั่วโมงจ่ายเพิ่มอีกหน่อยเพื่อรักษาสุขภาพจมูกดีกว่า
การไปอังกฤษด้วย Malaysia Airline นั้น เราต้องขึ้นจาก กทม แล้วเปลี่ยนเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ ถ้าดูจากแผนที่แล้วเหมือนมันจะอ้อมนิดๆ
ประสบการณ์การนั่งเครื่อง Malaysia Airlines ครั้งแรกถือว่าดีครับ เครื่องตอนไปลงกัวลาลัมเปอร์ ไม่ใหญ่หรือใหม่เท่าไหร่ ก็พอนั่งได้ แต่เครื่องจากกัวลาลัมเปอร์ไปอังกฤษนี่สิ อย่างเฟี้ยวเลย การบริการถือว่าได้มาตรฐาน อาหารอร่อย(ไม่มีเมนูหมูนะจ๊ะ) เบียร์เอย ไวน์เอย จินเอย มีเสริฟตลอด
รถเช่า
ข้อดีอีกอย่างของการเที่ยวอังกฤษคือพวงมาลัยอยู่ด้านเดียวกับไทยซึ่งมันทำให้เราไม่ต้องปรับตัวอะไรมากมาย (จะปรับเยอะหน่อยเรื่องระเบียบวินัย Speed limit และวงเวียน แม่มจะเยอะไปไหน) ผมเช่ารถ7ที่นั่งจาก Europcarตอนก่อนเช่าได้ลองเปรียบเทียบกับหลายๆที่ พบว่าราคาพอๆกัน แต่ว่า !!! Europcar มีโปรโมชั่นจองผ่าน Mobile App ลดไปเลยทันที25%!! เห้ยจองดิ รอไร...เราจองกันทั้งหมด 10 วัน เป็นราคา ประมาณ 400 ปอนด์ ซึ่งหารออกมาแล้วไม่ถึงสองหมื่นบาทกับช่วงเวลา 10 วัน (ถ้าเป็นรถเล็กกว่านี้จะถูกกว่านี้เป็นครึ่งเลยครับ) ถือว่าเป็นราคาที่รับได้
ประกันรถเช่า
ย้ำเลยว่าจำเป็นมากครับ !! ต้องซื้อ แต่ว่าจะซื้อที่ไหนยังไงนั้นอีกเรื่องนึง การซื้อประกันรถเราสามารถซื้อได้ 2 วิธี(เท่าที่รู้อะครับ) คือ เราซื้อกับบริษัทรถเช่า ซึ่งโคตรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรแพง เผลอๆค่าประกันแพงกว่าค่าเช่ารถ
ประกันจากบริษัทรถนั้น มีอยู่หลักๆประมาณสองแบบ คือ Full Coverage และ Windscreen and tyre ซึ่งไอ้แบบ Full Coverage นี่ก็ไม่ต้องคิดมาก คือ ไม่ว่าคุณจะขับไปชนต้นไม้ ก้อนหินตกใส่ รถสตาร์ทไม่ติด ยางแตก มันจะอยู่ในประกันหมด คือคุณไม่ต้องควักเนื้อออกเลย ทุกความเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับรถบริษัทจะเป็นคนรับไว้เอง ส่วนอีกแบบก็คือ Windscreen and tyre ซึ่งอันนี้ชื่อมันก็บอกละว่า ประกันกระจกและล้อ ยกตัวอย่างเช่น ขับรถอยู่ดีๆ ยางแตก...ไม่ต้องจ่าย รถบรรทุกสวนมาดีดหินใส่กระจกรถ กระจกรถแตก...ไม่ต้องจ่าย แต่ถ้าขับไปชนต้นไม้กันชนหน้ายุบ อันนี้ต้องจ่าย ราคาของ Windscreen and tyre มันก็จะถูกว่าประกันแบบ Full coverage ประมาณครึ่งต่อครึ่งครับ
แต่เดี๋ยวก่อน !!! ชีวิตเราไม่ได้สิ้นหวังขนาดนั้น เรายังมีประกันอีกแบบ เรียกว่า Third Party Insurance.....มันคืออะไร? มันก็คือประกันที่เราซื้อมาจากที่อื่นที่ไม่ใช่จากบริษัทเช่ารถของเรา ข้อดีคือ มันเป็นประกันแบบ Full Coverage ข้อเสียคือ เราต้องสำรองเงินตัวเองจ่ายไปก่อนหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วบริษัทรถชาร์จเงินเรา จากนั้นเราค่อยเอาใบเสร็จที่เค้าชาร์จเราไปเคลมที่ประกัน Third Party ที่เราซื้อไว้อีกที ซึ่งจะช้าจะเร็วเนี่ย ขึ้นอยู่กับRegulation ของบริษัทประกันแต่ละที่นั่นเอง
ตอนเราไป เราซื้อประกันแบบ Third Party Insurance ไปของ Rentalcover ลายแทง--> www.rentalcover.com ซึ่งราคาแบบFull Coverage 10วัน ค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 50 ปอนด์ (ถ้าจ่ายกับบริษัทเช่ารถวันละ 35 ปอนด์ x10 = 350 ปอนด์ เจ๊ทเข้!)
การเดินทาง
ทั้งทริปเรามีเวลาทั้งหมด 11 วัน (10-21 เมษา) แต่ว่าเราอยู่สก๊อตแลนด์กันแต่ 6วัน (13-18 เมษา) เพราะงั้น ผมขออนุญาต ตัดภาพให้เริ่มการเดินทางจาก Leeds เป็นต้นไปนะครับ
Part 2
https://ppantip.com/topic/37683838
ติดตามผลงานกิ๊กก๊อกของผมได้ที่
https://www.facebook.com/rayumtravel/