ครั้งแรกกับโรงแรมผีสิง...(1/5)...
เมื่อ 30 ปีก่อน...ครั้งที่คนไทยไม่รู้จัก Internet หรือ Mobile Phone...แม้แต่โทรศัพท์บ้าน หรือ Fixed line phone มีไว้สำหรับบริษัทใหญ่ๆเท่านั้น....และทั้งประเทศมีเพียง 2-3 จังหวัดที่มีเครื่องบินไปลง...การเดินทางส่วนใหญ่จึงใช้รถยนต์เป็นพาหนะเป็นหลัก...
..............................
ผมออกจากรั้วมหาวิทยาลัย...ก็ร่อนเร่ไปทำงานจังหวัดต่างๆที่ไกลจากแสงสี...เป็นคนกรุงเทพโดยกำเหนิด...ปากกัดตีนถีบอยู่เมืองหลวงมาจนเรียนจบ...ไม่เคยไปไหนไกลกว่าอยุธยา....ดังนั้นการไปทำงานต่างจังหวัด...จึงเหมือนเป็นการผจญภัยครั้งใหญ่.....ในยุคสมัยนั้น...แค่ 2 ทุ่ม...ก็เงียบกันทั้งเมือง...ได้ยินแต่เสียงหายใจของตัวเอง....แข่งกับเสียงของแมลงกลางคืน.....
...................................
สำนักงานใหญ่ที่ไปทำงานหมุดหมายอยู่พิษณุโลก...จังหวัดที่เจริญที่สุดในแถบนั้น...หน้าที่หลักคือต้องไปตรวจงานที่สาขาต่างๆ....จังหวัดใกล้หน่อยก็ขับรถไปเช้าเย็นกลับ....ไกลหน่อยก็ต้องไปนอนค้างอ้างแรม...อย่างจังหวัดเพชรบูรณ์....ที่ไปทีก็ต้องข้ามเขาหลายลูก.....
.................................
ครั้งแรกที่ไปเมืองมะขามหวานนี้..มีนายไปด้วยกันและเป็นครั้งแรกของนายเช่นกัน...."สุฤทธิ์ เก่งกาจ"...คือชื่อของนายในวันนั้น....เราไปกันสองคน....พักที่โรงแรมแห่งเดียวของทั้งจังหวัด...เป็นอาคารค่อนข้างเก่าแต่ดูใหญ่โตสูง 6 ชั้น...มีลิฟท์ซะดวย...ซึ่งนับว่าทันสมัยเมื่อเทียบกับตัวจังหวัด.....ที่มีแต่ห้องแถวไม้....
...............................
ตัวโรงแรมตั้งอยู่บนถนนสามแพร่ง...อยู่ก่อนตัวเมืองไม่ไกลนัก...ถนนหน้าโรงแรมแสนเงียบเหงา...นานๆ จะมีรถวิ่งผ่านมาสักคัน...โดยเฉพาะเวลาตอนกลางคืน...โรงแรมนี้นอกจากเป็นที่พักแล้ว...ยังมีสถานบันเทิง...บาร์...อาบอบนวด....เสมือนหนึ่งว่า...แหล่งกลางคืนของทั้งจังหว้ดอยู่ที่นี่...
....................................
ระหว่างโดยสารลิฟท์ขึ้นไปห้องพักชั้น 5...ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้นายผมที่กำลังยิ้มเห็นฟันขาวเหมือนกับตื่นเต้นที่มาครั้งแรก...ถามเด็กยกกระเป๋าว่า...."โรงแรมนีมีผีหรือเปล่า?"....คงเห็นว่าเป็นโรงแรมเก่าๆและต้องการทำลายความเงียบด้วยยิงคำถามเหมือนเย้าเล่น....
.......
"มีครับ"....คำตอบง่ายๆ และหน้านิ่งๆ...ทำให้เจ้านายผมหยุดยิ้มทันที...ไม่ถามอะไรอีกเลย.....และดูเหมือนเงียบลงกว่าเดิม....เสียงเลื่อนตัวของลิฟท์ยังดังเอี๊ยดอ๊าด....จนต่างคนต่างแยกย้ายเข้าห้องพักตัวเอง...
.......................
ห้องสุดทางเดินด้านขวาเป็นของนาย...และห้องผมอยู่ติดกับห้องนายถึงก่อน....ประตูห้องเป็นไม้สีน้ำตาลบานใหญ่...ะมีตาแมวหรือช่องมองอยู่กลางบาน...ไว้ดูหน้าตาคนที่มาหาที่ห้องพัก....เหมือนโรงแรมทั่วๆไป....
.................
ภายในห้องมีเตียงนอนตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งที่ทำจากไม้หนาๆสีน้ำมันสีน้ำตาลเข้ม...มีรอยขูดขีดไปทั่วโดยเฉพาะตู้เสื้อผ้า....ความสว่างของห้องมาจากหลอดไฟสีเหลืองๆประมาณ 5 แรงเทียน....กระจายแสงอ่อนๆรอบๆ 2 หลอด...ตัวหลอดห้อยอยู่ปลายสายไฟฟ้ากลางห้องนอนและห้องน้ำ...แสงไฟมัวๆอึมครึมจนน่ากลัว....กลิ่นอับจางๆยังติดจมูก..จนแจ่มชัดในความทรงจำ...เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน.....
..................................
ก่อนเข้าห้องพักคืนนั้น...ก็ได้เรื่อง....ยังไม่หลับตาก็ทำเอาสะดุ้งจนตกใจ...แต่จะเจออย่างไร...รอฟังตอนต่อไป...นะครับ..รอให้ขนที่ลุกตั้งชัน..เอนกายลงก่อนเล่าตอนต่อไป....
ครั้งแรกกับโรงแรมผีสิง (Base on True Story)
เมื่อ 30 ปีก่อน...ครั้งที่คนไทยไม่รู้จัก Internet หรือ Mobile Phone...แม้แต่โทรศัพท์บ้าน หรือ Fixed line phone มีไว้สำหรับบริษัทใหญ่ๆเท่านั้น....และทั้งประเทศมีเพียง 2-3 จังหวัดที่มีเครื่องบินไปลง...การเดินทางส่วนใหญ่จึงใช้รถยนต์เป็นพาหนะเป็นหลัก...
..............................
ผมออกจากรั้วมหาวิทยาลัย...ก็ร่อนเร่ไปทำงานจังหวัดต่างๆที่ไกลจากแสงสี...เป็นคนกรุงเทพโดยกำเหนิด...ปากกัดตีนถีบอยู่เมืองหลวงมาจนเรียนจบ...ไม่เคยไปไหนไกลกว่าอยุธยา....ดังนั้นการไปทำงานต่างจังหวัด...จึงเหมือนเป็นการผจญภัยครั้งใหญ่.....ในยุคสมัยนั้น...แค่ 2 ทุ่ม...ก็เงียบกันทั้งเมือง...ได้ยินแต่เสียงหายใจของตัวเอง....แข่งกับเสียงของแมลงกลางคืน.....
...................................
สำนักงานใหญ่ที่ไปทำงานหมุดหมายอยู่พิษณุโลก...จังหวัดที่เจริญที่สุดในแถบนั้น...หน้าที่หลักคือต้องไปตรวจงานที่สาขาต่างๆ....จังหวัดใกล้หน่อยก็ขับรถไปเช้าเย็นกลับ....ไกลหน่อยก็ต้องไปนอนค้างอ้างแรม...อย่างจังหวัดเพชรบูรณ์....ที่ไปทีก็ต้องข้ามเขาหลายลูก.....
.................................
ครั้งแรกที่ไปเมืองมะขามหวานนี้..มีนายไปด้วยกันและเป็นครั้งแรกของนายเช่นกัน...."สุฤทธิ์ เก่งกาจ"...คือชื่อของนายในวันนั้น....เราไปกันสองคน....พักที่โรงแรมแห่งเดียวของทั้งจังหวัด...เป็นอาคารค่อนข้างเก่าแต่ดูใหญ่โตสูง 6 ชั้น...มีลิฟท์ซะดวย...ซึ่งนับว่าทันสมัยเมื่อเทียบกับตัวจังหวัด.....ที่มีแต่ห้องแถวไม้....
...............................
ตัวโรงแรมตั้งอยู่บนถนนสามแพร่ง...อยู่ก่อนตัวเมืองไม่ไกลนัก...ถนนหน้าโรงแรมแสนเงียบเหงา...นานๆ จะมีรถวิ่งผ่านมาสักคัน...โดยเฉพาะเวลาตอนกลางคืน...โรงแรมนี้นอกจากเป็นที่พักแล้ว...ยังมีสถานบันเทิง...บาร์...อาบอบนวด....เสมือนหนึ่งว่า...แหล่งกลางคืนของทั้งจังหว้ดอยู่ที่นี่...
....................................
ระหว่างโดยสารลิฟท์ขึ้นไปห้องพักชั้น 5...ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้นายผมที่กำลังยิ้มเห็นฟันขาวเหมือนกับตื่นเต้นที่มาครั้งแรก...ถามเด็กยกกระเป๋าว่า...."โรงแรมนีมีผีหรือเปล่า?"....คงเห็นว่าเป็นโรงแรมเก่าๆและต้องการทำลายความเงียบด้วยยิงคำถามเหมือนเย้าเล่น....
.......
"มีครับ"....คำตอบง่ายๆ และหน้านิ่งๆ...ทำให้เจ้านายผมหยุดยิ้มทันที...ไม่ถามอะไรอีกเลย.....และดูเหมือนเงียบลงกว่าเดิม....เสียงเลื่อนตัวของลิฟท์ยังดังเอี๊ยดอ๊าด....จนต่างคนต่างแยกย้ายเข้าห้องพักตัวเอง...
.......................
ห้องสุดทางเดินด้านขวาเป็นของนาย...และห้องผมอยู่ติดกับห้องนายถึงก่อน....ประตูห้องเป็นไม้สีน้ำตาลบานใหญ่...ะมีตาแมวหรือช่องมองอยู่กลางบาน...ไว้ดูหน้าตาคนที่มาหาที่ห้องพัก....เหมือนโรงแรมทั่วๆไป....
.................
ภายในห้องมีเตียงนอนตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งที่ทำจากไม้หนาๆสีน้ำมันสีน้ำตาลเข้ม...มีรอยขูดขีดไปทั่วโดยเฉพาะตู้เสื้อผ้า....ความสว่างของห้องมาจากหลอดไฟสีเหลืองๆประมาณ 5 แรงเทียน....กระจายแสงอ่อนๆรอบๆ 2 หลอด...ตัวหลอดห้อยอยู่ปลายสายไฟฟ้ากลางห้องนอนและห้องน้ำ...แสงไฟมัวๆอึมครึมจนน่ากลัว....กลิ่นอับจางๆยังติดจมูก..จนแจ่มชัดในความทรงจำ...เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน.....
..................................
ก่อนเข้าห้องพักคืนนั้น...ก็ได้เรื่อง....ยังไม่หลับตาก็ทำเอาสะดุ้งจนตกใจ...แต่จะเจออย่างไร...รอฟังตอนต่อไป...นะครับ..รอให้ขนที่ลุกตั้งชัน..เอนกายลงก่อนเล่าตอนต่อไป....