คำเตือน : สปอยล์ภาพยนตร์ใน Marvel Cinematic Universe จนถึง Avengers Infinity Wars
ใครยังดูไม่ครบทุกเรื่อง อาจจะโดนสปอยล์บางประเด็นได้นะครับ
1.Thanos สุดยอดวายร้ายในรอบ 10 ปี ของ Marvel Cinematic Universe
“ทำเพื่อจุดมุ่งหมายอันแน่วแน่ เพื่อความผาสุขของคนครึ่งจักรวาล”
ฟังดูเหมือนจะเป็นฮีโร่ เพราะไม่อยากให้ดาวดวงอื่นซ้ำรอยบ้านเกิดของตัวเอง
แต่สิ่งที่ Thanos ทำ เป็นการตัดสินใจแทนดาวดวงอื่นๆทั้งสิ้น
แม้จะทำด้วยเจตจำนงค์อันหวังดี แบบสุดโต่งในแบบของ Thanos เองก็ตาม
Thanos ไม่ค่อยฆ่าใครซี้ซั้ว นอกจากเข้ามาขัดขวางแผนการของ Thanos
นอกจากนี้ยังให้เกียรติกับคู่ต่อสู้ที่ปกป้องดาวของตัวเองอย่าง Tony ด้วยซ้ำไป
แต่ความสุดยอดของ Thanos สำหรับผม เพราะมันเป็นอีกด้านหนึ่งที่สะท้อนให้มุมกลับของ
Marvel Cinematic Universe ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน
2.Iron Man กับมุมมองที่กลับด้านกันกับ Thanos
ตัวละครหลักที่ผมคิดว่าเป็นส่วนที่ทำให้ Thanos ดูมีมิติมากๆก็คือ Tony Stark นั่นเอง
โทนี่เริ่มจากการเป็นพ่อค้าอาวุธ จนเลือกที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่าง
เพราะไม่อยากเห็นโลกพังทลาย ทั้งจากสงครามหรืออะไรก็ตาม จึงเริ่มมาเป็นซุปเปอร์ฮีโร่
ซึ่งก็ไม่ต่างจาก Thanos ที่มองว่าดาวไททันกำลังจะลุกเป็นไฟ เพราะประชากรเยอะเกิน และการคาดเดาจากเรื่องเล่า ผมคิดว่าดาวไททันก็คงจะเกิดสงคราม จนสุดท้ายก็ตายกันหมด ซึ่งสำหรับ Thanos แล้ว คงจะร้ายแรงกว่าการกำจัดประชากรทิ้งไปครึ่งนึง แล้วยังเหลือคนอีกครึ่งนึงไว้
ยังไงก็ตาม Thanos นั้นดูจะสุดโต่งกว่า Tony เพราะถึงกับวางแผนกำจัดประชากรขึ้นมาจริงๆและ Thanos ก็มีทั้งกำลังพล และพลังที่เหนือกว่า Tony แต่ถ้าเราย้อนกลับไปดูเรื่องราวของ Tony จะพบว่า ฮีโร่คนนี้ก็เคยทำพลาด เพราะหวังดีกับคนอื่นเหมือนกัน
Iron Man ทำให้เกิด Ultron ขึ้นมา ซึ่งเรื่องก็เริ่มมาจากความรู้สึกดีๆที่อยากจะปกป้องไม่ให้โลกถูกทำลาย
แต่กลายเป็นว่ามีผู้บริสุทธิ์ตายเยอะแยะ
และนั่นเป็นชนวนเหตุไปสู่เหตุการณ์ Civil War ที่ทำให้ Avengers ทีมแตกกันเลยทีเดียว (ถ้านับรวม Hulk ก็คงนับว่าทีมแตกตั้งแต่เรื่อง Ultron แล้ว)
จะเห็นว่าจริงๆแล้วทั้งสองต่างก็ทำอะไรตามสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีเหมือนๆกัน และให้ผลลัพธ์ที่เลวร้ายทั้งคู่
แต่ในมุมของ Tony Stark เราอาจจะพูดได้ว่าไม่เจตนา
…ซึ่งถ้าจะมองแบบนั้น Thanos ก็อาจจะพูดได้ว่า เขาก็แฟร์พอที่ใช้กฎการสุ่มแบบเท่าเทียมกัน
ดังนั้น Thanos จึงเป็นวายร้ายที่คู่ควรจะสู้รบกับ Avengers สำหรับมหากาพย์ที่ปูเรื่องมาร่วม 10 ปีอย่างแท้จริง เพราะแรงขับเคลื่อนของ Thanos ในบางแง่มุม ก็เป็นมุมกลับของฮีโร่เปิดตำนาน Marvel Cinematic Universe อย่าง Iron Man เช่นกัน
3.Spider-Man เด็กก็ยังเป็นเด็ก
การดีดนิ้วของทานอสนั้น ทำให้เราเห็นว่า แม้ Spider-Man จะเก่งแค่ไหน
แต่เด็กก็ยังเป็นเด็ก ที่ยังกลัวตายและอ่อนประสบการณ์มากๆ
เชื่อว่าถ้าสไปเดอร์แมนกลับมาได้ ประสบการณ์ครั้งนี้คงจะทำให้ตัวละครมีมิติที่ต่างออกไปจากเดิม ที่ตอนก่อนจะขึ้นไปบนอวกาศ ยังรู้สึกอยากช่วยเหลือโลก เพราะถ้าไม่มีโลก ก็จะไม่มีชุมชนข้างบ้านให้ปกป้องอีกต่อไป
4.Vision เก่งแต่ไม่มีประสบการณ์
การสร้าง Vision ขึ้นมา ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้
เพราะ Ultron ใช้สรรพสิ่งที่ดีที่สุดบนโลกสร้างขึ้นมา เรียกได้ว่า ไร้ผู้ต่อกรในแทบจะทุกภาคที่ผ่านมา (ยกเว้น Wanda)
ปัญหาอย่างเดียวคือความอ่อนด้อยประสบการณ์โดยสิ้นเชิง
หลังจากพลาดท่าเสียทีให้กลุ่ม Children of Thanos แล้ว
ก็ไปไม่เป็นแทบจะตลอดทั้งเรื่อง
เอาจริงๆอาจจะพูดได้ว่า Vision นั้น เคยสู้แต่กับคนที่ด้อยกว่า ไม่เคยมีใครรับมือกับแสงที่ Gem บนหัว Vision ได้
ร่างกายก็ไม่เคยถูกฟันแทงเข้า พอเจอคนที่สูสีกัน หรือเก่งกว่า กลับทำอะไรไม่ได้เลย
ผิดกับ Tony Stark ที่อ่อนแอกว่า แต่เพราะมีประสบการณ์และความใจสู้ …ยังทำให้ Thanos เสียเลือดได้บ้าง
5.Wakanda เมื่อเทคโนโลยีที่ล้ำ ไม่ได้ล้ำไปกว่าคนอื่น
เป็นอีกฉากนึงที่สะท้อนเหตุการณ์ไม่ต่างจากเรื่องของ Vision ที่ประเทศที่มีเทคโนโลยีล้ำที่สุดในโลก
แต่เมื่อเทียบในระดับของจักรวาล เทคโนโลยีนี้ก็ไม่ได้ล้ำกว่าเอเลี่ยนเท่าไหร่ ทำให้การต่อสู้ช่วงท้ายค่อนไปทางเสียเปรียบด้วยซ้ำ
ผมคิดว่าเรื่องที่ Wakanda ทำให้เราได้เห็นว่า เหนือฟ้าย่อมมีฟ้าเสมอ สิ่งที่ล้ำสุด เก่งสุด ดีสุด ก็ยังมีสิ่งที่เหนือกว่าดีกว่าได้ นั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ Tony Stark ไม่เคยหยุดพัฒนาชุดเกราะของตัวเองจนถึงภาคนี้
6.Star Lord สติหลุด?
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนน่าจะก่นด่ากันมากที่สุด เอาจริงๆตอนดูผมก็หงุดหงิดนิดๆนะ
แต่ผมคิดว่ามันเข้าใจได้ประมาณนึงนะ เพราะ Star Lord รัก Gamora มาก ถึงขนาดจะไม่ฆ่า Gamora ในทีแรก
แล้วก็ยอมตัดใจที่จะฆ่าในที่สุด แต่ไม่สำเร็จ
แล้วสุดท้ายกลับกลายเป็น Thanos ซะเองที่ฆ่า Gamora
ซึ่งมันทำให้ Star Lord เสียทั้ง Gamora และเสียคำพูดที่ให้ไว้กับ Gamora ในคราวเดียวกัน
ถ้า Gamora ตายก่อน Thanos เจอ Soul Stone ยังเรียกได้ว่า Star Lord ทำตามที่คนรักต้องการ
ถ้า Gamora รอด แต่ Thanos ได้ Soul Stone ก็ยังถือว่าได้ Gamora คืนมา
แต่ฉากนั้นคือ Thanos พรากทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวกับ Gamora ของ Star Lord ไป
ทั้งๆที่ก็เป็น Thanos เองนั่นแหละ ที่เคยบีบคั้นให้ Star Lord ต้องเหนี่ยวไกปืน (ออกมาเป็นฟองสบู่)
7.การเสียสละเพื่อเป้าหมาย
การเสียสละชีวิต Vision หรือ Time Stone ของ Dr.Strange ในเรื่องนี้ ดูจะเป็นอะไรที่น่าจะทำได้ง่าย แต่กลับไม่ได้ทำ หรือทำไม่ได้เกือบจะตลอดทั้งเรื่อง เพราะการทำแบบนั้น ไม่ได้รับประกันว่า Thanos จะไม่บุกโลกอยู่ดี
และการกระทำนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับ Thanos ที่มองว่าควรเสียสละคนครึ่งจักรวาลเลย
(อีกมุมหนึ่งคือกลายเป็นการทำลายอาวุธที่อาจจะใช้ต่อกรกับทานอสไปเสียอีก)
ซึ่งในมุมหนึ่งก็เพราะทีมฮีโร่เป็นแบบนี้ พอมาเจอกับ Thanos ที่เด็ดเดี่ยวกว่าถึงได้ทำสำเร็จ เพราะ Thanos ตัดใจจาก Gamora ซึ่งเป็นลูกที่รักที่สุดของเขาไปเพื่อแลกกับ Soul Stone
ประเด็นว่า Thanos รัก Gamora มั้ย ผมคิดว่ารักมากนะ เมื่อเทียบกับ Nebula ที่โดนจับไปทรมาน
เพราะ Gamora ได้รับการต้อนรับที่ดีกว่ามาก และรวมถึงยกเว้นโทษให้ ทั้งๆที่พยายามทำร้าย Thanos ตลอดเวลา
คำว่าฝืนชะตาลิขิตของ Thanos นั้น ผมคิดว่า…
ส่วนหนึ่งมาจาก การไว้ชีวิต Gamora ในสมัยบุกรุกดาวของ Gamora ซึ่ง Gamora ควรจะตายตั้งแต่ตอนนั้น
หลังจากนั้นยังละเว้น Gamora เรื่อยมา ไม่ได้ออกตามล่า Gamora ก่อน Stone ชิ้นอื่นๆ ผมคิดว่าก็เป็นเพราะรัก Gamora จริงๆนั่นแหละ
แต่สุดท้ายแล้ว Soul Stone ทำให้ Thanos ต้องตัดใจจาก Gamora ทิ้ง เพื่ออุดมการณ์เอาแน่วแน่ของตนเอง
ลูกที่ไม่ควรจะรับมาเลี้ยงแต่แรก ถึงจะต้องกลายเป็นเครื่องสังเวย
และฉากนี้ก็ร้ายกาจมากๆที่ทำให้เราเห็นว่า Thanos นั้นมีความรัก
ผิดกับ Red Skull ผู้ไม่เคยรักใครเลย แม้จะไปเจอ Soul Stone
แต่ก็ไม่สามารถครอบครองได้ เพราะไม่มีอะไรให้เสียสละ
จนต้องอยู่เฝ้าหินในดาวอันไกลโพ้นเป็นเวลานานแสนนาน
8.การบุกดาวไททันของ Iron Man
จุดนี้เป็นจุดหนึ่งที่ผมเห็นหลายคนมองว่าไม่มีการเตรียมการอะไรเลย ผิดกับนิสัยของโทนี่
แต่ผมกลับเห็นต่าง และคิดว่านี่คือจุดที่เชิดชูความเป็นฮีโร่ของ Iron Man มากที่สุด
ผมคิดว่าโทนี่ไม่ได้คิดว่าไปแล้วจะชนะ เพราะมันก็ฉุกละหุกอยู่
แต่โทนี่ไม่ต้องการให้โลกเป็นสมรภูมิรบกับเอเลี่ยนจากต่างดาวมากกว่า
ซึ่งในภาพนิมิตของโทนี่คือทุกคนตายเกลื่อน
…และถ้าเป็นการต่อสู้ที่โลก ความวุ่นวายและเสียหายคงจะมากกว่าการไปสู้ที่ดาวไททัน
การสู้ที่ดาวไททัน ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ อย่างน้อยก็ไปเสียหายบนดาวไททัน ไม่ใช่ที่โลก
ในขณะที่ ถ้าสู้ที่โลก จำนวนฮีโร่ที่มากกว่านี้ ก็อาจจะไม่ได้ทำให้ผลลัพธ์ต่างออกไปสักเท่าไหร่
การนำ Time Stone ออกจากโลกให้ไวที่สุด ก็เป็นทางหนึ่งที่ทำให้โลกปลอดภัย
เพราะเป้าหมายของทานอสคือหิน ไม่ใช่โลก
และศึกที่กำลังสู้นั้น ถ้าแพ้ก็ต้องหายไปครึ่งจักรวาลอยู่ดี
การสู้กันบนโลก มีแต่จะทำให้โลกพังพินาศเหมือนกับยานของชาวแอสการ์ดเท่านั้น
*******************************
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ
ขออนุญาตฝากบล็อกและเว็บของผมไว้สักเล็กน้อย
เผื่อใครสนใจติดตามอ่านบทความรีวิวหนังเรื่องอื่นๆนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Fan Page
https://www.facebook.com/mereviewth/
Twitter
https://twitter.com/MeReviewTH
Website
http://mereview.in.th
Thanos สุดยอดวายร้ายในรอบ 10 ปี ของ Marvel Cinematic Universe (สปอยล์)
คำเตือน : สปอยล์ภาพยนตร์ใน Marvel Cinematic Universe จนถึง Avengers Infinity Wars
ใครยังดูไม่ครบทุกเรื่อง อาจจะโดนสปอยล์บางประเด็นได้นะครับ
1.Thanos สุดยอดวายร้ายในรอบ 10 ปี ของ Marvel Cinematic Universe
“ทำเพื่อจุดมุ่งหมายอันแน่วแน่ เพื่อความผาสุขของคนครึ่งจักรวาล”
ฟังดูเหมือนจะเป็นฮีโร่ เพราะไม่อยากให้ดาวดวงอื่นซ้ำรอยบ้านเกิดของตัวเอง
แต่สิ่งที่ Thanos ทำ เป็นการตัดสินใจแทนดาวดวงอื่นๆทั้งสิ้น
แม้จะทำด้วยเจตจำนงค์อันหวังดี แบบสุดโต่งในแบบของ Thanos เองก็ตาม
Thanos ไม่ค่อยฆ่าใครซี้ซั้ว นอกจากเข้ามาขัดขวางแผนการของ Thanos
นอกจากนี้ยังให้เกียรติกับคู่ต่อสู้ที่ปกป้องดาวของตัวเองอย่าง Tony ด้วยซ้ำไป
แต่ความสุดยอดของ Thanos สำหรับผม เพราะมันเป็นอีกด้านหนึ่งที่สะท้อนให้มุมกลับของ
Marvel Cinematic Universe ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน
2.Iron Man กับมุมมองที่กลับด้านกันกับ Thanos
ตัวละครหลักที่ผมคิดว่าเป็นส่วนที่ทำให้ Thanos ดูมีมิติมากๆก็คือ Tony Stark นั่นเอง
โทนี่เริ่มจากการเป็นพ่อค้าอาวุธ จนเลือกที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่าง
เพราะไม่อยากเห็นโลกพังทลาย ทั้งจากสงครามหรืออะไรก็ตาม จึงเริ่มมาเป็นซุปเปอร์ฮีโร่
ซึ่งก็ไม่ต่างจาก Thanos ที่มองว่าดาวไททันกำลังจะลุกเป็นไฟ เพราะประชากรเยอะเกิน และการคาดเดาจากเรื่องเล่า ผมคิดว่าดาวไททันก็คงจะเกิดสงคราม จนสุดท้ายก็ตายกันหมด ซึ่งสำหรับ Thanos แล้ว คงจะร้ายแรงกว่าการกำจัดประชากรทิ้งไปครึ่งนึง แล้วยังเหลือคนอีกครึ่งนึงไว้
ยังไงก็ตาม Thanos นั้นดูจะสุดโต่งกว่า Tony เพราะถึงกับวางแผนกำจัดประชากรขึ้นมาจริงๆและ Thanos ก็มีทั้งกำลังพล และพลังที่เหนือกว่า Tony แต่ถ้าเราย้อนกลับไปดูเรื่องราวของ Tony จะพบว่า ฮีโร่คนนี้ก็เคยทำพลาด เพราะหวังดีกับคนอื่นเหมือนกัน
Iron Man ทำให้เกิด Ultron ขึ้นมา ซึ่งเรื่องก็เริ่มมาจากความรู้สึกดีๆที่อยากจะปกป้องไม่ให้โลกถูกทำลาย
แต่กลายเป็นว่ามีผู้บริสุทธิ์ตายเยอะแยะ
และนั่นเป็นชนวนเหตุไปสู่เหตุการณ์ Civil War ที่ทำให้ Avengers ทีมแตกกันเลยทีเดียว (ถ้านับรวม Hulk ก็คงนับว่าทีมแตกตั้งแต่เรื่อง Ultron แล้ว)
จะเห็นว่าจริงๆแล้วทั้งสองต่างก็ทำอะไรตามสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีเหมือนๆกัน และให้ผลลัพธ์ที่เลวร้ายทั้งคู่
แต่ในมุมของ Tony Stark เราอาจจะพูดได้ว่าไม่เจตนา
…ซึ่งถ้าจะมองแบบนั้น Thanos ก็อาจจะพูดได้ว่า เขาก็แฟร์พอที่ใช้กฎการสุ่มแบบเท่าเทียมกัน
ดังนั้น Thanos จึงเป็นวายร้ายที่คู่ควรจะสู้รบกับ Avengers สำหรับมหากาพย์ที่ปูเรื่องมาร่วม 10 ปีอย่างแท้จริง เพราะแรงขับเคลื่อนของ Thanos ในบางแง่มุม ก็เป็นมุมกลับของฮีโร่เปิดตำนาน Marvel Cinematic Universe อย่าง Iron Man เช่นกัน
3.Spider-Man เด็กก็ยังเป็นเด็ก
การดีดนิ้วของทานอสนั้น ทำให้เราเห็นว่า แม้ Spider-Man จะเก่งแค่ไหน
แต่เด็กก็ยังเป็นเด็ก ที่ยังกลัวตายและอ่อนประสบการณ์มากๆ
เชื่อว่าถ้าสไปเดอร์แมนกลับมาได้ ประสบการณ์ครั้งนี้คงจะทำให้ตัวละครมีมิติที่ต่างออกไปจากเดิม ที่ตอนก่อนจะขึ้นไปบนอวกาศ ยังรู้สึกอยากช่วยเหลือโลก เพราะถ้าไม่มีโลก ก็จะไม่มีชุมชนข้างบ้านให้ปกป้องอีกต่อไป
4.Vision เก่งแต่ไม่มีประสบการณ์
การสร้าง Vision ขึ้นมา ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้
เพราะ Ultron ใช้สรรพสิ่งที่ดีที่สุดบนโลกสร้างขึ้นมา เรียกได้ว่า ไร้ผู้ต่อกรในแทบจะทุกภาคที่ผ่านมา (ยกเว้น Wanda)
ปัญหาอย่างเดียวคือความอ่อนด้อยประสบการณ์โดยสิ้นเชิง
หลังจากพลาดท่าเสียทีให้กลุ่ม Children of Thanos แล้ว
ก็ไปไม่เป็นแทบจะตลอดทั้งเรื่อง
เอาจริงๆอาจจะพูดได้ว่า Vision นั้น เคยสู้แต่กับคนที่ด้อยกว่า ไม่เคยมีใครรับมือกับแสงที่ Gem บนหัว Vision ได้
ร่างกายก็ไม่เคยถูกฟันแทงเข้า พอเจอคนที่สูสีกัน หรือเก่งกว่า กลับทำอะไรไม่ได้เลย
ผิดกับ Tony Stark ที่อ่อนแอกว่า แต่เพราะมีประสบการณ์และความใจสู้ …ยังทำให้ Thanos เสียเลือดได้บ้าง
5.Wakanda เมื่อเทคโนโลยีที่ล้ำ ไม่ได้ล้ำไปกว่าคนอื่น
เป็นอีกฉากนึงที่สะท้อนเหตุการณ์ไม่ต่างจากเรื่องของ Vision ที่ประเทศที่มีเทคโนโลยีล้ำที่สุดในโลก
แต่เมื่อเทียบในระดับของจักรวาล เทคโนโลยีนี้ก็ไม่ได้ล้ำกว่าเอเลี่ยนเท่าไหร่ ทำให้การต่อสู้ช่วงท้ายค่อนไปทางเสียเปรียบด้วยซ้ำ
ผมคิดว่าเรื่องที่ Wakanda ทำให้เราได้เห็นว่า เหนือฟ้าย่อมมีฟ้าเสมอ สิ่งที่ล้ำสุด เก่งสุด ดีสุด ก็ยังมีสิ่งที่เหนือกว่าดีกว่าได้ นั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ Tony Stark ไม่เคยหยุดพัฒนาชุดเกราะของตัวเองจนถึงภาคนี้
6.Star Lord สติหลุด?
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนน่าจะก่นด่ากันมากที่สุด เอาจริงๆตอนดูผมก็หงุดหงิดนิดๆนะ
แต่ผมคิดว่ามันเข้าใจได้ประมาณนึงนะ เพราะ Star Lord รัก Gamora มาก ถึงขนาดจะไม่ฆ่า Gamora ในทีแรก
แล้วก็ยอมตัดใจที่จะฆ่าในที่สุด แต่ไม่สำเร็จ
แล้วสุดท้ายกลับกลายเป็น Thanos ซะเองที่ฆ่า Gamora
ซึ่งมันทำให้ Star Lord เสียทั้ง Gamora และเสียคำพูดที่ให้ไว้กับ Gamora ในคราวเดียวกัน
ถ้า Gamora ตายก่อน Thanos เจอ Soul Stone ยังเรียกได้ว่า Star Lord ทำตามที่คนรักต้องการ
ถ้า Gamora รอด แต่ Thanos ได้ Soul Stone ก็ยังถือว่าได้ Gamora คืนมา
แต่ฉากนั้นคือ Thanos พรากทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวกับ Gamora ของ Star Lord ไป
ทั้งๆที่ก็เป็น Thanos เองนั่นแหละ ที่เคยบีบคั้นให้ Star Lord ต้องเหนี่ยวไกปืน (ออกมาเป็นฟองสบู่)
7.การเสียสละเพื่อเป้าหมาย
การเสียสละชีวิต Vision หรือ Time Stone ของ Dr.Strange ในเรื่องนี้ ดูจะเป็นอะไรที่น่าจะทำได้ง่าย แต่กลับไม่ได้ทำ หรือทำไม่ได้เกือบจะตลอดทั้งเรื่อง เพราะการทำแบบนั้น ไม่ได้รับประกันว่า Thanos จะไม่บุกโลกอยู่ดี
และการกระทำนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับ Thanos ที่มองว่าควรเสียสละคนครึ่งจักรวาลเลย
(อีกมุมหนึ่งคือกลายเป็นการทำลายอาวุธที่อาจจะใช้ต่อกรกับทานอสไปเสียอีก)
ซึ่งในมุมหนึ่งก็เพราะทีมฮีโร่เป็นแบบนี้ พอมาเจอกับ Thanos ที่เด็ดเดี่ยวกว่าถึงได้ทำสำเร็จ เพราะ Thanos ตัดใจจาก Gamora ซึ่งเป็นลูกที่รักที่สุดของเขาไปเพื่อแลกกับ Soul Stone
ประเด็นว่า Thanos รัก Gamora มั้ย ผมคิดว่ารักมากนะ เมื่อเทียบกับ Nebula ที่โดนจับไปทรมาน
เพราะ Gamora ได้รับการต้อนรับที่ดีกว่ามาก และรวมถึงยกเว้นโทษให้ ทั้งๆที่พยายามทำร้าย Thanos ตลอดเวลา
คำว่าฝืนชะตาลิขิตของ Thanos นั้น ผมคิดว่า…
ส่วนหนึ่งมาจาก การไว้ชีวิต Gamora ในสมัยบุกรุกดาวของ Gamora ซึ่ง Gamora ควรจะตายตั้งแต่ตอนนั้น
หลังจากนั้นยังละเว้น Gamora เรื่อยมา ไม่ได้ออกตามล่า Gamora ก่อน Stone ชิ้นอื่นๆ ผมคิดว่าก็เป็นเพราะรัก Gamora จริงๆนั่นแหละ
แต่สุดท้ายแล้ว Soul Stone ทำให้ Thanos ต้องตัดใจจาก Gamora ทิ้ง เพื่ออุดมการณ์เอาแน่วแน่ของตนเอง
ลูกที่ไม่ควรจะรับมาเลี้ยงแต่แรก ถึงจะต้องกลายเป็นเครื่องสังเวย
และฉากนี้ก็ร้ายกาจมากๆที่ทำให้เราเห็นว่า Thanos นั้นมีความรัก
ผิดกับ Red Skull ผู้ไม่เคยรักใครเลย แม้จะไปเจอ Soul Stone
แต่ก็ไม่สามารถครอบครองได้ เพราะไม่มีอะไรให้เสียสละ
จนต้องอยู่เฝ้าหินในดาวอันไกลโพ้นเป็นเวลานานแสนนาน
8.การบุกดาวไททันของ Iron Man
จุดนี้เป็นจุดหนึ่งที่ผมเห็นหลายคนมองว่าไม่มีการเตรียมการอะไรเลย ผิดกับนิสัยของโทนี่
แต่ผมกลับเห็นต่าง และคิดว่านี่คือจุดที่เชิดชูความเป็นฮีโร่ของ Iron Man มากที่สุด
ผมคิดว่าโทนี่ไม่ได้คิดว่าไปแล้วจะชนะ เพราะมันก็ฉุกละหุกอยู่
แต่โทนี่ไม่ต้องการให้โลกเป็นสมรภูมิรบกับเอเลี่ยนจากต่างดาวมากกว่า
ซึ่งในภาพนิมิตของโทนี่คือทุกคนตายเกลื่อน
…และถ้าเป็นการต่อสู้ที่โลก ความวุ่นวายและเสียหายคงจะมากกว่าการไปสู้ที่ดาวไททัน
การสู้ที่ดาวไททัน ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ อย่างน้อยก็ไปเสียหายบนดาวไททัน ไม่ใช่ที่โลก
ในขณะที่ ถ้าสู้ที่โลก จำนวนฮีโร่ที่มากกว่านี้ ก็อาจจะไม่ได้ทำให้ผลลัพธ์ต่างออกไปสักเท่าไหร่
การนำ Time Stone ออกจากโลกให้ไวที่สุด ก็เป็นทางหนึ่งที่ทำให้โลกปลอดภัย
เพราะเป้าหมายของทานอสคือหิน ไม่ใช่โลก
และศึกที่กำลังสู้นั้น ถ้าแพ้ก็ต้องหายไปครึ่งจักรวาลอยู่ดี
การสู้กันบนโลก มีแต่จะทำให้โลกพังพินาศเหมือนกับยานของชาวแอสการ์ดเท่านั้น
*******************************
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ
ขออนุญาตฝากบล็อกและเว็บของผมไว้สักเล็กน้อย
เผื่อใครสนใจติดตามอ่านบทความรีวิวหนังเรื่องอื่นๆนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้