เคยมีสถานที่ในฝันกันบ้างมั้ยคะ ที่ที่คิดว่าต้องไปให้ได้ซักครั้งหนึ่งในชีวิต
สำหรับเราคงเป็นที่นี่ Hitachi Seaside Park ในจังหวัด Ibaraki ตอนช่วงที่ดอก Nemophila บาน
พี่ปุ่น: “ไผ่ ช่วงนี้ที่ Hitachi เป็นดอกอะไรบานนะ”
ลูกไผ่: “เป็นดอกสีเหลืองๆอ่ะค่ะ Nemophila จะมาตอน พ.ค.นู้น”
ใช่แล้ว ครั้งนี้เรามาญี่ปุ่นเป็นครั้งที่ 2 ในช่วงเดิม คือต้น - กลางเดือนเมษายน ซึ่งเรารู้ดีว่ารอบนี้เราต้องคลาดช่วงที่ดอก Nemophila บานอีกแน่นอน แต่แล้วรอบนี้อยู่ๆ เราก็เปลี่ยนเป้าหมายหลักของเราจาก Miyagi Fox Village มาที่ Hitachi Seaside Park นี้แทน โดยที่คิดว่า เอาวะ ไปถ่ายดอกอะไรก็ได้เอ้า
รอบนี้เราพักที่โตเกียวเป็นหลัก ซึ่ง Hitachi Seaside Park นี้อยู่ในจังหวัด Ibaraki ห่างจากโตเกียว 2 ชั่วโมง หมายความว่าวันนี้เราต้องเดินทางออกต่างจังหวัดนั่นเอง
ปกติเวลาเรามาญี่ปุ่น เราไม่ค่อยจะได้อยู่ในโตเกียวกันซักเท่าไหร่ มีแต่ออกตะลอนๆไปต่างเมืองตลอด ซึ่งกระเป๋าที่เราแบกไปด้วยเนี่ย จะหนักมาก รอบนี้เราเลยอยากหากล้องที่ตัวเล็ก พกง่าย น้ำหนักเบาลงมาหน่อย จะได้ช่วยเบาแรงไหล่เรา ก่อนที่มันจะทรุดก่อนแก่ 555
ไป Hitachi Seaside Park รอบนี้ เราเลยลองพก Canon EOS M100 ซึ่งตัวเล็ก น้ำหนักเบา พกสะดวกดี เดี๋ยวมาดูกันว่ากล้องตัวเล็กๆ ตัวนี้จะใช้งานยังไงได้บ้าง และรูปที่ออกมาจะเป็นยังไง จะตรงใจคนที่กำลังเล็งหากล้องตัวใหม่ หรือกล้องที่ใช้ถ่ายแทนมือถือรึเปล่า
ปะ ตามมาดูกัน
วันนี้เราออกมาตั้งต้นที่สถานี Ueno แน่นอน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราเลยเดินหาของกินที่ตลาด Ameyoko ก่อน ตอนที่เราไปถึงเป็นเวลาประมาณ 10 โมงครึ่ง ร้านอาหารในตลาดยังเปิดกันน้อยมากกก ส่วนใหญ่ร้านที่นี่จะเปิดหลัง 11 โมง มื้อนี้พี่ปุ่นตั้งมั่นว่า ยังไงๆ ก็จะทานซูชิ! เดินผ่านมากี่ร้านๆก็ปิด จะเปิดก็นู้น 11 โมงครึ่ง เดินไปเดินมา จนมาเจอร้านนี้ เค้าบอกว่าเปิด 11 โมง ดูนาฬิกาแล้ว รออีกประมาณ 10 นาที เอาวะ ร้านนี้แหละ
ระหว่างนั้นเราก็เดินไปเดินมาแถวๆหน้าร้าน และในที่สุด ร้านก็เปิด!
ร้านนี้เป็นร้านซูชิสายพาน ใครอยากเลือกซูชิจากสายพานก็ได้ หรือว่าจะกดสั่งจากจอ Touch screen ตรงหน้าก็ได้ จุดนี้หิวมาก ไม่รอสายพานแล้ว ขอกดสั่งเลยละกัน
กดสั่งไปแปปเดียว จานซูชิที่เราสั่งก็วิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเรา
ก่อนกิน ต้องขอถ่ายรูปตามธรรมเนียมซะหน่อย สำหรับรูปอาหาร Canon EOS M100 ถือว่าถ่ายออกมาได้ดีเลย สีสดแบบละมุน น่ากิน มีความหน้าชัดหลังเบลอ และเราชอบตรงที่เป็นหน้าจอ Touch screen ทำให้เราไม่ต้องคอยเลื่อนจุด Focus ให้ยุ่งยาก แค่กดจุดที่ต้องการ Focus ให้ชัดที่หน้าจอ เราก็จะได้รูปอาหารแบบมีมิติ น่ากินมาง่ายๆแล้ว
ท้องอิ่มแล้วพร้อมเดินทาง!
เราเดินข้ามมาขึ้นรถด่วน Limited Express ที่สถานี Ueno พอดีว่าเราซื้อ JR East Pass Tohoku line ไว้ และโชคดีที่ Pass ครอบคลุมเส้นทางนี้ เราเลยไม่ต้องเสียค่าตั๋วเพิ่ม
ปกติเวลาไปเที่ยว เราชอบเก็บรูปภาพแทนการเขียนไดอารี่ เราเลยเป็นคนชอบกด Snap สิ่งรอบตัวไว้เรื่อยๆ เดินก็กดถ่าย ข้ามถนนก็กดถ่าย ซึ่ง Canon EOS M100 ตัวนี้ Focus ไวใช้ได้เลย ทำให้เราสามารถเก็บภาพรอบตัวได้แบบคมชัด ไม่เบลอเลย
เรานั่งรถด่วน Limited Express มาลงที่สถานี Katsuta ออกจากสถานีมามีเจอร้านกาแฟน่ารัก น่านั่งอยู่ 2-3 ร้าน
แต่เราจะมาเสียเวลาชมดชม้อยจิบกาแฟอยู่ตรงนี้ไม่ได้ เราต้องไปต่อรสบัสตรงชานชาลาที่ 2 เพื่อไปยัง Hitachi Seaside Park ซึ่ง เออะ...คิวยาวไม่ใช่เล่นเลย เรียกได้ว่าเกือบทุกคนที่ออกจากสถานี ล้วนแต่เดินมาต่อแถวที่ชานชาลานี้ทั้งนั้น
แต่อยากตกใจไปค่ะ เราไม่ได้รอรถบัสนานอย่างที่คิด แปปๆ รถบัสคันใหม่ก็เวียนมารับเรา รถบัสใช้เวลาวิ่งประมาณ. 15 นาที เราก็มีถึง Hitachi Seaside Park กันแล้ววววว
ด้านหน้าก่อนเข้าไปข้างใน จะต้นกล้าดอกไม้มาวางขายด้านหน้า เผื่อว่าใครอยากเอากลับไปปลูกที่บ้าน
ตรงนี้แดดค่อนข้างจ้า สำหรับใครที่กลัวว่ารูปแสงจะจ้าไปก็เลือกหมุนมาที่ Manual Mode แล้วเลือกปรับเพิ่มลดแสงที่หน้าจอได้เลย สำหรับแสงที่จ้าๆ ที่ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เราจะเลือกปรับค่าแสง Exposure ให้ต่ำกว่า 0 ลงมานิดหน่อย เพื่อให้ลายละเอียดภาพยังอยู่ครบ ไม่จ้าจนเกินไป
ที่นี้เราลองมาถ่ายเจาะดอกไม้กันดูบ้าง ซึ่งรูปที่ออกมาใช้ได้เลย สวยไม่แพ้รูปอาหาร หน้าชัดหลังเบลอ มีมิติ สีนวล ละมุนมากๆ
ได้เวลาเข้าไปดูทุ่งดอกไม้ของจริงข้างในกันดีกว่า ที่นี่จะมีค่าเข้าด้วยนะคะ คนละ 410 เยน (123 บาท)
ด้านใน Hitachi Seaside Park กว้างกว่าที่เราคิดแฮะ ตรงทางเข้าจะมีแผนที่แจก สามารถหยิบติดตัวไว้ดูฟรีๆกันหลงได้เลย และด้วยความกว้างขนาดนี้ สำหรับคนที่ไม่อยากเดินเค้าก็มีรถพานั่งชมไว้บริการด้วย
สวนแรกที่เราเดินเข้ามา จะเป็นทุ่งดอก Early Blooming Narcissus ซึ่งมีทั้งสีเหลืองสีขาวปลูกสลับกัน ละลานตา สวยมากๆ
ว่าแล้ว
ลูกไผ่: “พี่ปุ่นคะ ถ่ายรูปให้หน่อยค่ะ”
แล้วพลันยื่นกล้องไปให้พี่ปุ่น 555
พอเห็นรูปตัวเองหลังกล้องแล้วรู้เลยว่าความดีงามของ Canon EOS M100 คือความละมุน ถ่ายแล้วหน้าใส ผิวขาวอมชมพูดูมีสุขภาพ ไม่ต้องใช้แอฟ จบที่หลังกล้องได้เลย ดีงามมมม
อีกอย่างที่เราชอบในเจ้ากล้องจิ๋วตัวนี้คือ เราสามารถเซ็ทให้ตัวกล้องให้ไกด์เราถ่ายตามกฏจุดตัด 9 ช่องได้ มันสามารถไกด์เราได้ว่ารูปนี้จุดเด่นควรอยู่มุมไหนของภาพ ตรงไหนควรชัด ตรงไหนควรเบลอ รูปที่ถ่ายออกมาเลยดูมีความ Professional มาก คนไม่โปรแต่กล้องโปร รูปก็จะโอ อย่างที่เห็น 555
ถัดจากทุ่งดอก Early Blooming Narcissus ก็จะเป็นดงซากุระ ซึ่งเป็นที่ๆนักท่องเที่ยวมากระจุกอยู่ตรงนี้เยอะเป็นพิเศษ เราก็ไม่พลาดเช่นกัน “พี่ปุ่นคะ ถ่ายรูปให้หน่อยยยย”
มา 2 คน ไม่มีใครถ่ายรูปคู่ให้ Mode Selfie ต้องมา!
Canon EOS M100 ตัวนี้สามารถพับหน้าจอ 180 องศา มา Selfie ได้นะคะ แถมให้โทนสีขาวอมชมพู มีความเข้าตีมญี่ปุ่นมากๆ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น Self Portrait ที่ให้เราสามารถปรับแสง ปรับความเนียน ความละมุนก่อนถ่ายได้อีกด้วย
หลายคนอาจคิดว่าใช้มือถือถ่ายก็ได้นี่ ยกขึ้นมาถ่ายง่ายๆ เร็วๆ ไม่เห็นต้องพกกล้องเลย เอาจริงๆ สำหรับเราการพกกล้องก็ไม่ได้ต่างจากการพกมือถือเลย ยิ่งกล้องตัวเล็ก น้ำหนักเบาแล้วนี่แทบไม่ต่างเลย แถมรูปที่ได้จากกล้องยังมีความคมชัด ละมุม แถมมีมิติ สวยกว่าเยอะเลย มาเที่ยวทั้งทีเราก็อยากได้รูปสวยๆ ดีๆ เก็บไว้ อีกอย่าง ความรู้สึกที่ได้ยกกล้องมาถ่ายนี่มันดีมากเลยนะ เราชอบเสียงชัตเตอร์กล้องมากๆ เวลากด ได้ยินเสียงแล้วรู้สึกดี 555 อันนี้ต้องลองเองแล้วจะติดใจ
พี่ปุ่น: “เค้าไปเอาจักรยานมาจากไหนกัน เราอยากปั่นมั่ง”
ที่นี่มีคนปั่นจักรยานกันเยอะเลย ไอเรา 2 คนเห็นก็อยากปั่นมั่ง แต่ก็อด ต้องเดินต่อไป เพราะไม่รู้ว่าเค้าไปเอามาจากตรงไหน 555
ดอกไม้ที่ Hitachi Seaside Park เค้าจะเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามฤดูกาล ใครอยากรู้ว่าช่วงไหนเป็นดอกอะไร สามารถ Search ว่า Hitachi Seaside Park Calendar ดูก่อนได้ จะได้มาถูกช่วง
เราเถลไถลติดอยู่ที่ทุ่ง Early Blooming Narcissus และซากุระอยู่นาน แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเราต้องไปตามหาทุ่ง Nemophila ในฝันของเรานี่ ว่าแล้วก็เดินตามแผนที่กันไปเรื่อยๆ
และก็โดนร้านกาแฟสกัดดาวรุ่ง 555
อ่ะ นั่งพักกันหน่อยละกัน
นั่งพักกินกาแฟกันให้เย็นชื่นใจ (ข้างนอกก็หนาวจะแย่ ยังจะกินน้ำเย็นกันเข้าไปอี๊ก) แล้วเราก็ออกเดินกันต่อ และแล้ว เราก็มาถึงซักที ทุ่งในฝันของเรา Nemophila!
บานแล้ว บานแล้วจริงๆ! ต้องถือว่าเป็นโชคดีของเรา ที่ปีนี้ญี่ปุ่นอุ่นเร็วกว่าปกติ ทำให้ดอกไม้ทุกอย่างบานเร็วกว่ากำหนดที่ผ่านมา เรานี่ยกกล้องถ่ายรัวๆ
เวลาถ่ายแล้วรูปออกมาสวย จะทำให้รู้สึกสนุกมากๆ กดชัตเตอร์ได้ไม่หยุดเลย
และนี่คือมุม Signature ของที่นี่ ต้นไม้ต้นเดี่ยวๆต้นนี้ท่ามกลางทุ่ง Nemophila
นอกจากดอก Nemophila แล้ว บริเวณนี้ยังมี ดอก Rape Blossom สีเหลืองตัดกับสีฟ้าของ Nemophila อีกด้วย สวยมากๆค่ะ
ตอนที่เราเดินมาถึงที่ทุ่ง Nemophila และ Rape Blossom แดดหายไปหมดแล้ว ฟ้าเริ่มครึ้ม เมฆดำเริ่มลอยมา แต่รูปที่ได้ออกมาจากกล้องสีก็ยังโอเค ไม่ทึมมากนัก
สำหรับเรากล้อง Canon EOS M100 ถือว่าเป็นกล้องคู่หู เหมาะแก่การพกพาเดินเที่ยวถ่ายรูปที่ดีเลย เราชอบในความเล็ก และเบา อีกอย่างแอบชอบในโทนสีผิวอมชมพู ทำให้เราดูผิวสุขภาพดีขึ้นมาเลย ฮี่ ฮี่ ฮี่ จริงๆ คนอาจจะมองว่าเป็นกล้องที่เหมาะกับผู้หญิง ซึ่งก็ใช่ค่ะ แต่ก็ใช่ว่าผู้ชายจะใช้ไม่ได้ ตอนที่เราเดินเที่ยวในสวนนี้ เราแอบเห็นชายหนุ่มชาวต่างชาติ ตัวสูงๆ ห้อยกล้องตัวนี้กันหลายคนเลย ลองดูเป็นอีกหนึ่งทางเลือกดูนะคะ
พอพูดถึงเรื่องตัวเล็ก สะดวก พกพาง่ายนี่ Canon ยังมีเครื่อง Printer CP1300 ขนาดพกพาด้วยนะคะ ตัวเล็กพกพาสะดวกไม่แพ้กล้องเลย ไปเที่ยวนี่พกไปด้วย ถ่ายรูปปุ๊ป ปริ๊นออกมาได้ปั๊ป จะสั่งปริ๊นท์จากตัวกล้อง หรือมือถือเลย หรือจะเสียบ Flash drive หรือ Meomory Card ก็ได้ รองรับทุกการใช้งานจริงๆ
ยิ่งเราที่เป็นคนชอบเอารูปมาแปะเป็น Collage ในอัลบัมแล้วนี่ เรียกได้ว่าถูกใจเจ้าเครื่องปริ๊นท์จิ๋วนี่สุดๆ แถมรูปที่ออกมาก็สีสด แถมกันน้ำอีกต่างหาก ชอบมากๆ
จบทริปในฝันของเราแล้ว ฝากติดตามเราด้วยนะค้า => [url]https://www.facebook.com/whe
[SR] กาลครั้งหนึ่งกับทุ่งในฝันที่ Hitachi Seaside Park
เคยมีสถานที่ในฝันกันบ้างมั้ยคะ ที่ที่คิดว่าต้องไปให้ได้ซักครั้งหนึ่งในชีวิต
สำหรับเราคงเป็นที่นี่ Hitachi Seaside Park ในจังหวัด Ibaraki ตอนช่วงที่ดอก Nemophila บาน
พี่ปุ่น: “ไผ่ ช่วงนี้ที่ Hitachi เป็นดอกอะไรบานนะ”
ลูกไผ่: “เป็นดอกสีเหลืองๆอ่ะค่ะ Nemophila จะมาตอน พ.ค.นู้น”
ใช่แล้ว ครั้งนี้เรามาญี่ปุ่นเป็นครั้งที่ 2 ในช่วงเดิม คือต้น - กลางเดือนเมษายน ซึ่งเรารู้ดีว่ารอบนี้เราต้องคลาดช่วงที่ดอก Nemophila บานอีกแน่นอน แต่แล้วรอบนี้อยู่ๆ เราก็เปลี่ยนเป้าหมายหลักของเราจาก Miyagi Fox Village มาที่ Hitachi Seaside Park นี้แทน โดยที่คิดว่า เอาวะ ไปถ่ายดอกอะไรก็ได้เอ้า
รอบนี้เราพักที่โตเกียวเป็นหลัก ซึ่ง Hitachi Seaside Park นี้อยู่ในจังหวัด Ibaraki ห่างจากโตเกียว 2 ชั่วโมง หมายความว่าวันนี้เราต้องเดินทางออกต่างจังหวัดนั่นเอง
ปกติเวลาเรามาญี่ปุ่น เราไม่ค่อยจะได้อยู่ในโตเกียวกันซักเท่าไหร่ มีแต่ออกตะลอนๆไปต่างเมืองตลอด ซึ่งกระเป๋าที่เราแบกไปด้วยเนี่ย จะหนักมาก รอบนี้เราเลยอยากหากล้องที่ตัวเล็ก พกง่าย น้ำหนักเบาลงมาหน่อย จะได้ช่วยเบาแรงไหล่เรา ก่อนที่มันจะทรุดก่อนแก่ 555
ไป Hitachi Seaside Park รอบนี้ เราเลยลองพก Canon EOS M100 ซึ่งตัวเล็ก น้ำหนักเบา พกสะดวกดี เดี๋ยวมาดูกันว่ากล้องตัวเล็กๆ ตัวนี้จะใช้งานยังไงได้บ้าง และรูปที่ออกมาจะเป็นยังไง จะตรงใจคนที่กำลังเล็งหากล้องตัวใหม่ หรือกล้องที่ใช้ถ่ายแทนมือถือรึเปล่า
ปะ ตามมาดูกัน
วันนี้เราออกมาตั้งต้นที่สถานี Ueno แน่นอน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราเลยเดินหาของกินที่ตลาด Ameyoko ก่อน ตอนที่เราไปถึงเป็นเวลาประมาณ 10 โมงครึ่ง ร้านอาหารในตลาดยังเปิดกันน้อยมากกก ส่วนใหญ่ร้านที่นี่จะเปิดหลัง 11 โมง มื้อนี้พี่ปุ่นตั้งมั่นว่า ยังไงๆ ก็จะทานซูชิ! เดินผ่านมากี่ร้านๆก็ปิด จะเปิดก็นู้น 11 โมงครึ่ง เดินไปเดินมา จนมาเจอร้านนี้ เค้าบอกว่าเปิด 11 โมง ดูนาฬิกาแล้ว รออีกประมาณ 10 นาที เอาวะ ร้านนี้แหละ
ระหว่างนั้นเราก็เดินไปเดินมาแถวๆหน้าร้าน และในที่สุด ร้านก็เปิด!
ร้านนี้เป็นร้านซูชิสายพาน ใครอยากเลือกซูชิจากสายพานก็ได้ หรือว่าจะกดสั่งจากจอ Touch screen ตรงหน้าก็ได้ จุดนี้หิวมาก ไม่รอสายพานแล้ว ขอกดสั่งเลยละกัน
กดสั่งไปแปปเดียว จานซูชิที่เราสั่งก็วิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเรา
ก่อนกิน ต้องขอถ่ายรูปตามธรรมเนียมซะหน่อย สำหรับรูปอาหาร Canon EOS M100 ถือว่าถ่ายออกมาได้ดีเลย สีสดแบบละมุน น่ากิน มีความหน้าชัดหลังเบลอ และเราชอบตรงที่เป็นหน้าจอ Touch screen ทำให้เราไม่ต้องคอยเลื่อนจุด Focus ให้ยุ่งยาก แค่กดจุดที่ต้องการ Focus ให้ชัดที่หน้าจอ เราก็จะได้รูปอาหารแบบมีมิติ น่ากินมาง่ายๆแล้ว
ท้องอิ่มแล้วพร้อมเดินทาง!
เราเดินข้ามมาขึ้นรถด่วน Limited Express ที่สถานี Ueno พอดีว่าเราซื้อ JR East Pass Tohoku line ไว้ และโชคดีที่ Pass ครอบคลุมเส้นทางนี้ เราเลยไม่ต้องเสียค่าตั๋วเพิ่ม
ปกติเวลาไปเที่ยว เราชอบเก็บรูปภาพแทนการเขียนไดอารี่ เราเลยเป็นคนชอบกด Snap สิ่งรอบตัวไว้เรื่อยๆ เดินก็กดถ่าย ข้ามถนนก็กดถ่าย ซึ่ง Canon EOS M100 ตัวนี้ Focus ไวใช้ได้เลย ทำให้เราสามารถเก็บภาพรอบตัวได้แบบคมชัด ไม่เบลอเลย
เรานั่งรถด่วน Limited Express มาลงที่สถานี Katsuta ออกจากสถานีมามีเจอร้านกาแฟน่ารัก น่านั่งอยู่ 2-3 ร้าน
แต่เราจะมาเสียเวลาชมดชม้อยจิบกาแฟอยู่ตรงนี้ไม่ได้ เราต้องไปต่อรสบัสตรงชานชาลาที่ 2 เพื่อไปยัง Hitachi Seaside Park ซึ่ง เออะ...คิวยาวไม่ใช่เล่นเลย เรียกได้ว่าเกือบทุกคนที่ออกจากสถานี ล้วนแต่เดินมาต่อแถวที่ชานชาลานี้ทั้งนั้น
แต่อยากตกใจไปค่ะ เราไม่ได้รอรถบัสนานอย่างที่คิด แปปๆ รถบัสคันใหม่ก็เวียนมารับเรา รถบัสใช้เวลาวิ่งประมาณ. 15 นาที เราก็มีถึง Hitachi Seaside Park กันแล้ววววว
ด้านหน้าก่อนเข้าไปข้างใน จะต้นกล้าดอกไม้มาวางขายด้านหน้า เผื่อว่าใครอยากเอากลับไปปลูกที่บ้าน
ตรงนี้แดดค่อนข้างจ้า สำหรับใครที่กลัวว่ารูปแสงจะจ้าไปก็เลือกหมุนมาที่ Manual Mode แล้วเลือกปรับเพิ่มลดแสงที่หน้าจอได้เลย สำหรับแสงที่จ้าๆ ที่ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เราจะเลือกปรับค่าแสง Exposure ให้ต่ำกว่า 0 ลงมานิดหน่อย เพื่อให้ลายละเอียดภาพยังอยู่ครบ ไม่จ้าจนเกินไป
ที่นี้เราลองมาถ่ายเจาะดอกไม้กันดูบ้าง ซึ่งรูปที่ออกมาใช้ได้เลย สวยไม่แพ้รูปอาหาร หน้าชัดหลังเบลอ มีมิติ สีนวล ละมุนมากๆ
ได้เวลาเข้าไปดูทุ่งดอกไม้ของจริงข้างในกันดีกว่า ที่นี่จะมีค่าเข้าด้วยนะคะ คนละ 410 เยน (123 บาท)
ด้านใน Hitachi Seaside Park กว้างกว่าที่เราคิดแฮะ ตรงทางเข้าจะมีแผนที่แจก สามารถหยิบติดตัวไว้ดูฟรีๆกันหลงได้เลย และด้วยความกว้างขนาดนี้ สำหรับคนที่ไม่อยากเดินเค้าก็มีรถพานั่งชมไว้บริการด้วย
สวนแรกที่เราเดินเข้ามา จะเป็นทุ่งดอก Early Blooming Narcissus ซึ่งมีทั้งสีเหลืองสีขาวปลูกสลับกัน ละลานตา สวยมากๆ
ว่าแล้ว
ลูกไผ่: “พี่ปุ่นคะ ถ่ายรูปให้หน่อยค่ะ”
แล้วพลันยื่นกล้องไปให้พี่ปุ่น 555
พอเห็นรูปตัวเองหลังกล้องแล้วรู้เลยว่าความดีงามของ Canon EOS M100 คือความละมุน ถ่ายแล้วหน้าใส ผิวขาวอมชมพูดูมีสุขภาพ ไม่ต้องใช้แอฟ จบที่หลังกล้องได้เลย ดีงามมมม
อีกอย่างที่เราชอบในเจ้ากล้องจิ๋วตัวนี้คือ เราสามารถเซ็ทให้ตัวกล้องให้ไกด์เราถ่ายตามกฏจุดตัด 9 ช่องได้ มันสามารถไกด์เราได้ว่ารูปนี้จุดเด่นควรอยู่มุมไหนของภาพ ตรงไหนควรชัด ตรงไหนควรเบลอ รูปที่ถ่ายออกมาเลยดูมีความ Professional มาก คนไม่โปรแต่กล้องโปร รูปก็จะโอ อย่างที่เห็น 555
ถัดจากทุ่งดอก Early Blooming Narcissus ก็จะเป็นดงซากุระ ซึ่งเป็นที่ๆนักท่องเที่ยวมากระจุกอยู่ตรงนี้เยอะเป็นพิเศษ เราก็ไม่พลาดเช่นกัน “พี่ปุ่นคะ ถ่ายรูปให้หน่อยยยย”
มา 2 คน ไม่มีใครถ่ายรูปคู่ให้ Mode Selfie ต้องมา!
Canon EOS M100 ตัวนี้สามารถพับหน้าจอ 180 องศา มา Selfie ได้นะคะ แถมให้โทนสีขาวอมชมพู มีความเข้าตีมญี่ปุ่นมากๆ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น Self Portrait ที่ให้เราสามารถปรับแสง ปรับความเนียน ความละมุนก่อนถ่ายได้อีกด้วย
หลายคนอาจคิดว่าใช้มือถือถ่ายก็ได้นี่ ยกขึ้นมาถ่ายง่ายๆ เร็วๆ ไม่เห็นต้องพกกล้องเลย เอาจริงๆ สำหรับเราการพกกล้องก็ไม่ได้ต่างจากการพกมือถือเลย ยิ่งกล้องตัวเล็ก น้ำหนักเบาแล้วนี่แทบไม่ต่างเลย แถมรูปที่ได้จากกล้องยังมีความคมชัด ละมุม แถมมีมิติ สวยกว่าเยอะเลย มาเที่ยวทั้งทีเราก็อยากได้รูปสวยๆ ดีๆ เก็บไว้ อีกอย่าง ความรู้สึกที่ได้ยกกล้องมาถ่ายนี่มันดีมากเลยนะ เราชอบเสียงชัตเตอร์กล้องมากๆ เวลากด ได้ยินเสียงแล้วรู้สึกดี 555 อันนี้ต้องลองเองแล้วจะติดใจ
พี่ปุ่น: “เค้าไปเอาจักรยานมาจากไหนกัน เราอยากปั่นมั่ง”
ที่นี่มีคนปั่นจักรยานกันเยอะเลย ไอเรา 2 คนเห็นก็อยากปั่นมั่ง แต่ก็อด ต้องเดินต่อไป เพราะไม่รู้ว่าเค้าไปเอามาจากตรงไหน 555
ดอกไม้ที่ Hitachi Seaside Park เค้าจะเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามฤดูกาล ใครอยากรู้ว่าช่วงไหนเป็นดอกอะไร สามารถ Search ว่า Hitachi Seaside Park Calendar ดูก่อนได้ จะได้มาถูกช่วง
เราเถลไถลติดอยู่ที่ทุ่ง Early Blooming Narcissus และซากุระอยู่นาน แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเราต้องไปตามหาทุ่ง Nemophila ในฝันของเรานี่ ว่าแล้วก็เดินตามแผนที่กันไปเรื่อยๆ
และก็โดนร้านกาแฟสกัดดาวรุ่ง 555
อ่ะ นั่งพักกันหน่อยละกัน
นั่งพักกินกาแฟกันให้เย็นชื่นใจ (ข้างนอกก็หนาวจะแย่ ยังจะกินน้ำเย็นกันเข้าไปอี๊ก) แล้วเราก็ออกเดินกันต่อ และแล้ว เราก็มาถึงซักที ทุ่งในฝันของเรา Nemophila!
บานแล้ว บานแล้วจริงๆ! ต้องถือว่าเป็นโชคดีของเรา ที่ปีนี้ญี่ปุ่นอุ่นเร็วกว่าปกติ ทำให้ดอกไม้ทุกอย่างบานเร็วกว่ากำหนดที่ผ่านมา เรานี่ยกกล้องถ่ายรัวๆ
เวลาถ่ายแล้วรูปออกมาสวย จะทำให้รู้สึกสนุกมากๆ กดชัตเตอร์ได้ไม่หยุดเลย
และนี่คือมุม Signature ของที่นี่ ต้นไม้ต้นเดี่ยวๆต้นนี้ท่ามกลางทุ่ง Nemophila
นอกจากดอก Nemophila แล้ว บริเวณนี้ยังมี ดอก Rape Blossom สีเหลืองตัดกับสีฟ้าของ Nemophila อีกด้วย สวยมากๆค่ะ
ตอนที่เราเดินมาถึงที่ทุ่ง Nemophila และ Rape Blossom แดดหายไปหมดแล้ว ฟ้าเริ่มครึ้ม เมฆดำเริ่มลอยมา แต่รูปที่ได้ออกมาจากกล้องสีก็ยังโอเค ไม่ทึมมากนัก
สำหรับเรากล้อง Canon EOS M100 ถือว่าเป็นกล้องคู่หู เหมาะแก่การพกพาเดินเที่ยวถ่ายรูปที่ดีเลย เราชอบในความเล็ก และเบา อีกอย่างแอบชอบในโทนสีผิวอมชมพู ทำให้เราดูผิวสุขภาพดีขึ้นมาเลย ฮี่ ฮี่ ฮี่ จริงๆ คนอาจจะมองว่าเป็นกล้องที่เหมาะกับผู้หญิง ซึ่งก็ใช่ค่ะ แต่ก็ใช่ว่าผู้ชายจะใช้ไม่ได้ ตอนที่เราเดินเที่ยวในสวนนี้ เราแอบเห็นชายหนุ่มชาวต่างชาติ ตัวสูงๆ ห้อยกล้องตัวนี้กันหลายคนเลย ลองดูเป็นอีกหนึ่งทางเลือกดูนะคะ
พอพูดถึงเรื่องตัวเล็ก สะดวก พกพาง่ายนี่ Canon ยังมีเครื่อง Printer CP1300 ขนาดพกพาด้วยนะคะ ตัวเล็กพกพาสะดวกไม่แพ้กล้องเลย ไปเที่ยวนี่พกไปด้วย ถ่ายรูปปุ๊ป ปริ๊นออกมาได้ปั๊ป จะสั่งปริ๊นท์จากตัวกล้อง หรือมือถือเลย หรือจะเสียบ Flash drive หรือ Meomory Card ก็ได้ รองรับทุกการใช้งานจริงๆ
ยิ่งเราที่เป็นคนชอบเอารูปมาแปะเป็น Collage ในอัลบัมแล้วนี่ เรียกได้ว่าถูกใจเจ้าเครื่องปริ๊นท์จิ๋วนี่สุดๆ แถมรูปที่ออกมาก็สีสด แถมกันน้ำอีกต่างหาก ชอบมากๆ
จบทริปในฝันของเราแล้ว ฝากติดตามเราด้วยนะค้า => [url]https://www.facebook.com/whe