สวัสดีครับเพื่อน ๆ ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวเองก่อนนะครับ ผมชื่อ นัท อายุ 27 ขวบ ทริปนี้เป็นการรีวิวครั้งแรกของผมครับ ผมไม่ใช่ช่างภาพหรือ ท่องเที่ยวเป็นอาชีพแต่อย่างใด ทริปนี้ผมจะพา ไปเที่ยวกาญจนบุรี โดยมีเพื่อนร่วมทางเป็นรุ่นพี่ที่สนิทกันครับ (ผมอาศัยรถเขาไปนะ555) ผมจะพยายามรีวิวสถานที่เที่ยวที่ผมได้ไปนะครับ
ทริปๆ นี้ไม่ได้มีการวางแผนอะไรกันมากนัก บางสถานที่ก็ได้ไปแบบไม่ได้ตั้งใจ บางสถานที่ก็ตั้งใจจะไปแต่ก็ล้มเหลวก็มี555 เอาเป็นว่า “พี่ไปไหนผมไปด้วยแล้วกันครับ” เดี๋ยวเรามาดูกันว่าทริปนี้ผมจะได้ไปที่ไหนกันบ้าง ไปลุยกันเลย.....
เช้าวันแรกเริ่มออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ ประมาณ 7.30 น.จุดหมายแรกของพวกเราวันนี้ ขอยิงยาว ๆ กันไปดูจุดกางเต็นท์กันที่เนินช้างศึก ซึ่งจากกรุงเทพฯ - เนินช้างศึก ระยะทางประมาณ 400 กม. ที่นี่ขึ้นชื่อว่ามีโค้งเยอะมากกว่า 399 โค้งเลยทีเดียว
หลังจากเดินทางนั่งรถกันยาว ๆ เกือบ 4 ชม. ก็มาถึงทางที่จะขึ้นไปเนินช้างศึก เราได้ผ่านทางโค้งมาเยอะมาก ทางขึ้นที่นี่ ค่อนข้างอันตรายควรขับขี่อย่างระมัดระวัง ถนนบางช่วงจะแคบ มองลงไปจะเป็นเหวสูง แถมมีรถสวนทางลงมาอีก โอ้ววววว....แต่ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็กำลังขยายถนนให้อยู่นะ อนาคตน่าจะขับขี่ได้สะดวกมากขึ้น
แล้วเราก็ขึ้นมาถึงจุดชมวิวจุดแรก จุดนี้จะมีห้องน้ำให้บริการ เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวสวยๆ ที่มาถึงแล้วไม่แวะคงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นวล^^
หลังจากที่ผ่านจุดชมวิวจุดแรกกันมาแล้ว เราก็ไปพิชิตทางโค้งกันต่อเลยครับ ขับมาเรื่อย ๆ เราก็จะผ่าน อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ที่นี่มีบริการบ้านพัก และจุดกางเต็นท์ให้ด้วยครับ
ค่าเข้าอุทยาน
- คนไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
- ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
แต่เราไม่ได้เข้าไปนะครับ เพราะอยากรีบขึ้นไปดูจุดกางเต็นท์ที่เนินช้างศึกไวๆ มากกว่า เพราะฟ้าก็เริ่มจะมืดๆ แล้วด้วย
หลังจากที่เราขับรถผ่าน อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ มาได้ไม่ไกลนัก ก็ได้มาถึงปากทางเข้า (บ้านอีต่อง) จะมีร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านข้าวราดแกง
ระหว่างทางที่ขับรถขึ้นไปเนินช้างศึก คือจะบอกว่าสองข้างทางวิวสวยมากกกกก ถึงแม้ฟ้าจะไม่เปิดก็ตาม “ไม่มาเห็นเองกับตาคงไม่เข้าใจ”
และแล้วเราก็มาถึง เนินช้างศึก จุดหมายแรกที่ตั้งใจจะมาดูจุดกางเต็นท์กันแล้ว ใช้เวลาประมาณ 7 ชม.(จาก กรุงเทพฯ-เนินช้างศึก) แต่ข่าวร้ายก็คือ ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดป้ายประกาศเอาไว้ว่า (ห้ามกางเต็นท์ ตั้งแต่ 1 ก.พ. 60 โดยไม่มีกำหนด) น้ำตาจิไหล เลยทำได้แค่เก็บรูปวิวสวยๆ แล้วมาคิดแผนกันใหม่อีกรอบสำหรับการหาที่พักคืนนี้ แถมฟ้าฝนก็ดันตกลงมาอีก โอ้แม่เจ้า!!!
****หลังจากที่เสียเวลากับการหลบฝนกันนานพอสมควร พี่ๆก็ได้มีการวางแผนกันใหม่ เพราะยังไงเราก็คงไม่กลับกันอย่างแน่นอน
เราจึงเปลี่ยนแผนจากหาจุดกางเต็นท์บน เนินช้างศึก เป็นหาที่พักที่ติดธารน้ำตกแถวๆ ทองผาภูมิ แล้วไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ จุดชมวิวเนินสวรรค์ ซึ้งจะวิ่งไปทางเส้น ต.สหกรณ์นิคม ได้ข้อมูลมาว่าที่นั้นก็บรรยากาศใช้ได้เหมือนกัน ยิ่งช่วงดึกๆ ถ้าฟ้าเปิด จะเห็นดาวสวยมาก และมีที่พักอยู่ใกล้ๆ ด้วย
ณ ตอนนั้นก็ประมาณ บ่าย 2 โมงแล้ว แถมเสบียงก็ยังไม่มีกันเลย ผลสรุปก็คือ เด๋วไปแวะถ่ายรูปที่เขื่อนวชิราลงกรณ์ก่อน แล้วรีบไปหาบ้านพัก แถว ๆ นิคมสหกรณ์ทองผาภูมิกัน
เจอแล้วคับที่พักสำหรับคืนนี้ บ้านผาสวรรค์ ใช้เวลาเดินทางจากเขื่อนวชิราลงกรณ์ถึงบ้านผาสวรรค์ประมาณ 30 นาที ที่พักอยู่ระหว่างทางไปจุดชมวิวเนินสวรรค์ ห่างจากปากทางเข้า ประมาณ 10 กม.ป้ายใหญ่ เด่น เห็นชัดเจนอยู่ทางด้านซ้ายมือ
แล้วก็มีข่าวดีคือ บ้านพักยังพอมีว่างอยู่ เดี่ยวผมจะพยายามเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบของ บ้านผาสวรรค์ มาฝากนะครับ ว่าที่พักคืนนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้าง ^^
แค่ทางเข้าก็ WOW แล้ว นึกว่าอยู่ในดินแดนอะไรซักอย่าง ผมพยายามที่จะมองหาว่าบ้านพัก ว่าอยู่ส่วนไหนของที่นี่บ้าง เพราะมองแว็ปแรกตั้งแต่ทางเข้าก็จะเห็นแต่ผลไม้ยักษ์ลูกใหญ่ๆ เต็มไปหมด น่าถ่ายรูปมาก มังคุดงี้ ทุเรียนงี้ เห็นแล้วเปรี้ยวปากเลย555 แต่พอดูดีๆ ก็ปรากฏว่า ลูกผลไม้ยักษ์ที่เห็นมันคือบ้านพักครับ แถมยังมีเครื่องเล่นแนว Adventure กับ ธารน้ำตกให้เล่นอีกด้วยเชรดดดด... ทุกคนแลดูจะชอบที่นี่มากด้วย เพราะจะได้นอนตากแอร์ในลูกผลไม้ยักษ์กัน^^ ส่วนเรื่องกางเต็นท์น่ะหรอ เก็บไว้ในถุงนั้นแหละฮาๆๆ
อะงงเด้ งงเด้ มองจากด้านนอกนึกว่าไม่มีคน โอ้โห!! ที่ไหนได้ เด็ก ๆเล่นน้ำกันเต็มเลย สำหรับผู้ที่เข้าพักอย่างเราๆ ก็คือจะได้เล่นฟรี แต่ถ้าไม่ได้เข้าพักก็สามารถเข้ามาเล่นได้ แต่จะมีค่าบริการตามนี้เล๊ย
อัตราค่าบริการ
-เด็ก 50 บาท
-ผู้ใหญ่ 100 บาท
เปิดให้บริการ ตั้งแต่ เวลา 12.00 น.จนถึง 18.00 น. (ปิดทุกวันพุธ)
โชคดีช่วงที่ผมไปยังอยู่ในช่วงน่าน้ำอยู่ครับ เพราะจะมีธารน้ำไหลผ่านที่พัก เห็นพนักงานแจ้งว่าธารน้ำตกจะมีช่วงเดือนกรกฎาคม - กุมภาพันธ์ เท่านั้น ผมเลยได้ภาพสวยๆ มาฝากด้วยเพื่อนๆ ด้วย
ส่วนเรื่องอาหารการกิน ไม่ต้องกังวลเลย เพราะที่นี่เค้ามีร้านอาหารด้วย ชื่อ “ครัวผาสวรรค์”
ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูอาหารพื้นบ้าน รสชาติอาหารก็อร่อยดีครับราคาไม่แพงเกินไปด้วย
บ้านพักที่ผมนอน พักได้ 2 คนแต่ผมนอนคนเดียว (เหงาไปอี๊ก..) เพราะบ้านผลไม้ยักษ์เหลือแค่ 2 หลัง แต่ไม่เป็นไรครับหลังนี้ก็ฟินเหมือนกัน แถมอยู่ติดกับธารน้ำตกด้วย
แต่ที่โชคร้ายสุดๆ ก็ตรงสัญญาณมือถือนี่ละ พอไปถึงโทรศัพท์ไม่มีคลื่นเลยเพราะผมใช้ Treu ที่นี่มีแต่สัญญาณ AIS เท่านั้น ผมนี่งงเลยจะโทรหาสาวๆ ก็ไม่ได้เห้อ.. แต่ยังดีที่รีสอร์ทมี wifi ให้ใช้ฟรี เป็น wifi สาธารณะ ซึ่งถ้าไปจุดที่อับสัญญาณก็แย่เหมือนกัน แอบนอยด์นิดๆ
ช่วงเย็นได้ไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ (จุดชมวิวเนินสวรรค์) ซึ่งห่างจาก ที่พักเพียงแค่ 9.7 กม. ที่นี่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำและ ยังมีจุดกางเต็นท์ให้อีกด้วย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่กลุ่มออฟโรดนิยมมากางเต็นท์กันที่นี่ เพราะเป็นอีก 1 เส้นทางที่สามารถเดินทางไป น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นได้
วันนั้นโชคดีมาก ตกดึกฟ้าเปิดแถมเห็นดาวตกชัดมากทั้ง ๆที่วันนั้นช่วงบ่ายฝนตกฟ้าปิด ผมเลยได้เก็บภาพสวย ๆมาฝากเพื่อนๆด้วยครับ
ช่วงเช้าก่อนจะเดินทางกลับ พนักงานก็ได้แนะนำให้ไปแวะเที่ยวที่ น้ำพุร้อนหินดาด เลยจากปากทางเข้าบ้านผาสวรรค์เพียง 350 ม.
อัตราค่าบริการ
ไทย : เด็ก 20 บาท ,ผู้ใหญ่ 40 บาท
ต่างชาติ : เด็ก 40 บาท,ผู้ใหญ่ 60บาท
เปิดให้บริการตั้งแต่ 6.00-22-00 น.
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับทริป “ไปเที่ยวกาญเถอะ 2วัน 1คืน ” ของผม สรุปทริปนี้ผมได้ไปสถานที่ท่องเที่ยวเมืองกาญ และที่ท่องเที่ยวทองผาภูมิ ถึง 5 ที่ ห๊ะ!!! 2วัน 1คืน ไปเที่ยวมา 5 ที่เลยหรอ WoW!!
1.เนินช้างศึก
2.เขื่อน วชิราลงกรณ์
3.บ้านผาสวรรค์
4.จุดชมวิวเนินสวรรค์
5.น้ำพุร้อนหินดาด
สำหรับราคาที่พัก บ้านผาสวรรค์ ที่ผมกับพี่ๆนอนราคาตามนี้ครับ
-บ้านริมธาร ราคา 1,800 พัก2คน/หลัง
-บ้านผลไม้ยักษ์ ราคา 2200 พัก3คน/หลัง (ราคารวมอาหารเช้า)
พี่ผมแอบถ่ายโบร์ชัวร์มาให้ด้วยครับเผื่อใครสนใจ ^^
------------------
ผมขอจบรีวิวไว้เท่าเพียงนี้นะครับ รอบหน้าถ้ามีโอกาส ย้ำ!!! ถ้ามีโอกาสผมจะมาทำรีวิวสถานที่ต่อไปให้เพื่อน ๆได้ดูกันนะครับ ขอบคุณเพื่อน ๆทุกคนที่เข้ามาอ่านรีวิวผมนะครับ -/\- แล้วก็ขอขอบคุณพี่ๆที่ชวนผมมาเที่ยวด้วยนะครับ “พี่ไปไหนผมไปด้วย^^”
[CR] ไปเที่ยวกาญเถอะ 2 วัน 1 คืน #พี่ไปไหนผมไปด้วย
ทริปๆ นี้ไม่ได้มีการวางแผนอะไรกันมากนัก บางสถานที่ก็ได้ไปแบบไม่ได้ตั้งใจ บางสถานที่ก็ตั้งใจจะไปแต่ก็ล้มเหลวก็มี555 เอาเป็นว่า “พี่ไปไหนผมไปด้วยแล้วกันครับ” เดี๋ยวเรามาดูกันว่าทริปนี้ผมจะได้ไปที่ไหนกันบ้าง ไปลุยกันเลย.....
เช้าวันแรกเริ่มออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ ประมาณ 7.30 น.จุดหมายแรกของพวกเราวันนี้ ขอยิงยาว ๆ กันไปดูจุดกางเต็นท์กันที่เนินช้างศึก ซึ่งจากกรุงเทพฯ - เนินช้างศึก ระยะทางประมาณ 400 กม. ที่นี่ขึ้นชื่อว่ามีโค้งเยอะมากกว่า 399 โค้งเลยทีเดียว
หลังจากเดินทางนั่งรถกันยาว ๆ เกือบ 4 ชม. ก็มาถึงทางที่จะขึ้นไปเนินช้างศึก เราได้ผ่านทางโค้งมาเยอะมาก ทางขึ้นที่นี่ ค่อนข้างอันตรายควรขับขี่อย่างระมัดระวัง ถนนบางช่วงจะแคบ มองลงไปจะเป็นเหวสูง แถมมีรถสวนทางลงมาอีก โอ้ววววว....แต่ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็กำลังขยายถนนให้อยู่นะ อนาคตน่าจะขับขี่ได้สะดวกมากขึ้น
แล้วเราก็ขึ้นมาถึงจุดชมวิวจุดแรก จุดนี้จะมีห้องน้ำให้บริการ เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวสวยๆ ที่มาถึงแล้วไม่แวะคงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นวล^^
หลังจากที่ผ่านจุดชมวิวจุดแรกกันมาแล้ว เราก็ไปพิชิตทางโค้งกันต่อเลยครับ ขับมาเรื่อย ๆ เราก็จะผ่าน อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ที่นี่มีบริการบ้านพัก และจุดกางเต็นท์ให้ด้วยครับ
ค่าเข้าอุทยาน
- คนไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
- ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
แต่เราไม่ได้เข้าไปนะครับ เพราะอยากรีบขึ้นไปดูจุดกางเต็นท์ที่เนินช้างศึกไวๆ มากกว่า เพราะฟ้าก็เริ่มจะมืดๆ แล้วด้วย
หลังจากที่เราขับรถผ่าน อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ มาได้ไม่ไกลนัก ก็ได้มาถึงปากทางเข้า (บ้านอีต่อง) จะมีร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านข้าวราดแกง
ระหว่างทางที่ขับรถขึ้นไปเนินช้างศึก คือจะบอกว่าสองข้างทางวิวสวยมากกกกก ถึงแม้ฟ้าจะไม่เปิดก็ตาม “ไม่มาเห็นเองกับตาคงไม่เข้าใจ”
และแล้วเราก็มาถึง เนินช้างศึก จุดหมายแรกที่ตั้งใจจะมาดูจุดกางเต็นท์กันแล้ว ใช้เวลาประมาณ 7 ชม.(จาก กรุงเทพฯ-เนินช้างศึก) แต่ข่าวร้ายก็คือ ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดป้ายประกาศเอาไว้ว่า (ห้ามกางเต็นท์ ตั้งแต่ 1 ก.พ. 60 โดยไม่มีกำหนด) น้ำตาจิไหล เลยทำได้แค่เก็บรูปวิวสวยๆ แล้วมาคิดแผนกันใหม่อีกรอบสำหรับการหาที่พักคืนนี้ แถมฟ้าฝนก็ดันตกลงมาอีก โอ้แม่เจ้า!!!
****หลังจากที่เสียเวลากับการหลบฝนกันนานพอสมควร พี่ๆก็ได้มีการวางแผนกันใหม่ เพราะยังไงเราก็คงไม่กลับกันอย่างแน่นอน
เราจึงเปลี่ยนแผนจากหาจุดกางเต็นท์บน เนินช้างศึก เป็นหาที่พักที่ติดธารน้ำตกแถวๆ ทองผาภูมิ แล้วไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ จุดชมวิวเนินสวรรค์ ซึ้งจะวิ่งไปทางเส้น ต.สหกรณ์นิคม ได้ข้อมูลมาว่าที่นั้นก็บรรยากาศใช้ได้เหมือนกัน ยิ่งช่วงดึกๆ ถ้าฟ้าเปิด จะเห็นดาวสวยมาก และมีที่พักอยู่ใกล้ๆ ด้วย
ณ ตอนนั้นก็ประมาณ บ่าย 2 โมงแล้ว แถมเสบียงก็ยังไม่มีกันเลย ผลสรุปก็คือ เด๋วไปแวะถ่ายรูปที่เขื่อนวชิราลงกรณ์ก่อน แล้วรีบไปหาบ้านพัก แถว ๆ นิคมสหกรณ์ทองผาภูมิกัน
เจอแล้วคับที่พักสำหรับคืนนี้ บ้านผาสวรรค์ ใช้เวลาเดินทางจากเขื่อนวชิราลงกรณ์ถึงบ้านผาสวรรค์ประมาณ 30 นาที ที่พักอยู่ระหว่างทางไปจุดชมวิวเนินสวรรค์ ห่างจากปากทางเข้า ประมาณ 10 กม.ป้ายใหญ่ เด่น เห็นชัดเจนอยู่ทางด้านซ้ายมือ
แล้วก็มีข่าวดีคือ บ้านพักยังพอมีว่างอยู่ เดี่ยวผมจะพยายามเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบของ บ้านผาสวรรค์ มาฝากนะครับ ว่าที่พักคืนนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้าง ^^
แค่ทางเข้าก็ WOW แล้ว นึกว่าอยู่ในดินแดนอะไรซักอย่าง ผมพยายามที่จะมองหาว่าบ้านพัก ว่าอยู่ส่วนไหนของที่นี่บ้าง เพราะมองแว็ปแรกตั้งแต่ทางเข้าก็จะเห็นแต่ผลไม้ยักษ์ลูกใหญ่ๆ เต็มไปหมด น่าถ่ายรูปมาก มังคุดงี้ ทุเรียนงี้ เห็นแล้วเปรี้ยวปากเลย555 แต่พอดูดีๆ ก็ปรากฏว่า ลูกผลไม้ยักษ์ที่เห็นมันคือบ้านพักครับ แถมยังมีเครื่องเล่นแนว Adventure กับ ธารน้ำตกให้เล่นอีกด้วยเชรดดดด... ทุกคนแลดูจะชอบที่นี่มากด้วย เพราะจะได้นอนตากแอร์ในลูกผลไม้ยักษ์กัน^^ ส่วนเรื่องกางเต็นท์น่ะหรอ เก็บไว้ในถุงนั้นแหละฮาๆๆ
อะงงเด้ งงเด้ มองจากด้านนอกนึกว่าไม่มีคน โอ้โห!! ที่ไหนได้ เด็ก ๆเล่นน้ำกันเต็มเลย สำหรับผู้ที่เข้าพักอย่างเราๆ ก็คือจะได้เล่นฟรี แต่ถ้าไม่ได้เข้าพักก็สามารถเข้ามาเล่นได้ แต่จะมีค่าบริการตามนี้เล๊ย
อัตราค่าบริการ
-เด็ก 50 บาท
-ผู้ใหญ่ 100 บาท
เปิดให้บริการ ตั้งแต่ เวลา 12.00 น.จนถึง 18.00 น. (ปิดทุกวันพุธ)
โชคดีช่วงที่ผมไปยังอยู่ในช่วงน่าน้ำอยู่ครับ เพราะจะมีธารน้ำไหลผ่านที่พัก เห็นพนักงานแจ้งว่าธารน้ำตกจะมีช่วงเดือนกรกฎาคม - กุมภาพันธ์ เท่านั้น ผมเลยได้ภาพสวยๆ มาฝากด้วยเพื่อนๆ ด้วย
ส่วนเรื่องอาหารการกิน ไม่ต้องกังวลเลย เพราะที่นี่เค้ามีร้านอาหารด้วย ชื่อ “ครัวผาสวรรค์”
ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูอาหารพื้นบ้าน รสชาติอาหารก็อร่อยดีครับราคาไม่แพงเกินไปด้วย
บ้านพักที่ผมนอน พักได้ 2 คนแต่ผมนอนคนเดียว (เหงาไปอี๊ก..) เพราะบ้านผลไม้ยักษ์เหลือแค่ 2 หลัง แต่ไม่เป็นไรครับหลังนี้ก็ฟินเหมือนกัน แถมอยู่ติดกับธารน้ำตกด้วย
แต่ที่โชคร้ายสุดๆ ก็ตรงสัญญาณมือถือนี่ละ พอไปถึงโทรศัพท์ไม่มีคลื่นเลยเพราะผมใช้ Treu ที่นี่มีแต่สัญญาณ AIS เท่านั้น ผมนี่งงเลยจะโทรหาสาวๆ ก็ไม่ได้เห้อ.. แต่ยังดีที่รีสอร์ทมี wifi ให้ใช้ฟรี เป็น wifi สาธารณะ ซึ่งถ้าไปจุดที่อับสัญญาณก็แย่เหมือนกัน แอบนอยด์นิดๆ
ช่วงเย็นได้ไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ (จุดชมวิวเนินสวรรค์) ซึ่งห่างจาก ที่พักเพียงแค่ 9.7 กม. ที่นี่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำและ ยังมีจุดกางเต็นท์ให้อีกด้วย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่กลุ่มออฟโรดนิยมมากางเต็นท์กันที่นี่ เพราะเป็นอีก 1 เส้นทางที่สามารถเดินทางไป น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นได้
วันนั้นโชคดีมาก ตกดึกฟ้าเปิดแถมเห็นดาวตกชัดมากทั้ง ๆที่วันนั้นช่วงบ่ายฝนตกฟ้าปิด ผมเลยได้เก็บภาพสวย ๆมาฝากเพื่อนๆด้วยครับ
ช่วงเช้าก่อนจะเดินทางกลับ พนักงานก็ได้แนะนำให้ไปแวะเที่ยวที่ น้ำพุร้อนหินดาด เลยจากปากทางเข้าบ้านผาสวรรค์เพียง 350 ม.
อัตราค่าบริการ
ไทย : เด็ก 20 บาท ,ผู้ใหญ่ 40 บาท
ต่างชาติ : เด็ก 40 บาท,ผู้ใหญ่ 60บาท
เปิดให้บริการตั้งแต่ 6.00-22-00 น.
เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับทริป “ไปเที่ยวกาญเถอะ 2วัน 1คืน ” ของผม สรุปทริปนี้ผมได้ไปสถานที่ท่องเที่ยวเมืองกาญ และที่ท่องเที่ยวทองผาภูมิ ถึง 5 ที่ ห๊ะ!!! 2วัน 1คืน ไปเที่ยวมา 5 ที่เลยหรอ WoW!!
1.เนินช้างศึก
2.เขื่อน วชิราลงกรณ์
3.บ้านผาสวรรค์
4.จุดชมวิวเนินสวรรค์
5.น้ำพุร้อนหินดาด
สำหรับราคาที่พัก บ้านผาสวรรค์ ที่ผมกับพี่ๆนอนราคาตามนี้ครับ
-บ้านริมธาร ราคา 1,800 พัก2คน/หลัง
-บ้านผลไม้ยักษ์ ราคา 2200 พัก3คน/หลัง (ราคารวมอาหารเช้า)
พี่ผมแอบถ่ายโบร์ชัวร์มาให้ด้วยครับเผื่อใครสนใจ ^^
------------------
ผมขอจบรีวิวไว้เท่าเพียงนี้นะครับ รอบหน้าถ้ามีโอกาส ย้ำ!!! ถ้ามีโอกาสผมจะมาทำรีวิวสถานที่ต่อไปให้เพื่อน ๆได้ดูกันนะครับ ขอบคุณเพื่อน ๆทุกคนที่เข้ามาอ่านรีวิวผมนะครับ -/\- แล้วก็ขอขอบคุณพี่ๆที่ชวนผมมาเที่ยวด้วยนะครับ “พี่ไปไหนผมไปด้วย^^”