ตัดประเด็นเรื่องคัดโอลิมปิค 2016 ไปนะ

ไทยกับญี่ปุ่นค่อนข้างบริหารความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ค่อนข้างดีและสูงในแทบจะทุกระดับ
อย่างด้านกีฬา เด็กในระดับมัธยมของเขามาเก็บตัวที่ไทยทุกปีเป็นเดือนๆเลยนะ
ด้านเศรษฐกิจ นี่ไม่ต้องพูดถึง ถ้าจำไม่ผิด ทางฝั่งญี่ปุ่นพูดเองว่า ประเทศไทยคือประเทศที่โปรญี่ปุ่น อันดับ 2 ของโลก รองจากอเมริกา
บางคนถึงขั้นบอกว่า ไทยคือแขนซ้ายของญี่ปุ่น คือถึงแม้จะขาดหายไปได้ แต่ถ้าหายไปจริงๆก็เจ็บหนักเจียนตาย ถือเป็นฐานการผลิตสำคัญอันดับต้นๆของญี่ปุ่นเลย

เคยมีครั้งนึง ที่ญี่ปุ่นมาถ่ายรายการเกี่ยวกับการศึกษาในต่างประเทศ ญี่ปุ่นเลือก ไทย กับ อิตาลี
ก็มีคนวิเคราะห์กันว่า อาจจะเพราะเป็นพันธมิตรกันมานานรวมไปถึงในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย (ฟังเขามานะ ไม่ได้วิเคราะห์เอง)

และในระดับราชวงศ์เอง ก็มีความสันพันธ์อันดีกันในระดับสูง
เผื่อบางคนอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อน สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ทรงเป็นชาวต่างชาติเพียงพระองค์เดียวที่ได้เข้าร่วมพิธีงานพระศพของอดีตพระจักรพรรดินีโคจุง พระราชมารดาของจักรพรรดิอากิฮิโต
...ซึ่งตลอดระยะเวลา 1300 กว่าปีที่ ราชวงศ์ญี่ปุ่น หรือ ราชวงศ์ยะมะโตะ หรือ ราชวงศ์เบญจมาศ ปกครองประเทศญี่ปุ่นมานั้น ไม่เคยมีชาวต่างชาติ หรือมีพระราชวงศ์จากประเทศใดเคยเข้าร่วมมาก่อน
...เพราะพระราชวงศ์ทั้งสองมีความใกล้ชิดกันมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปร่วมงานพระศพอดีตพระจักรพรรดินีโคจุงด้วยพระองค์เอง

นอกจากนี้ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ (เฮเซ) ได้ทรงเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการถึง 2 ครั้ง ซึ่งปกติตามธรรมเนียมของญี่ป่นพระจักรพรรดิจะไม่เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศใดแบบเป็นทางการ (State Visit) เป็นครั้งที่ 2 (บางท่านให้ความเห็นว่า เป็นการฝ่าฝืนกฎราชสำนักของญี่ปุ่นเลยทีเดียว)
(ครั้งแรก คือ ภายหลังจากที่สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะทรงครองราชย์ในฐานะประมุขแห่งญี่ปุ่น โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่พระองค์ทรงเยือนอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 2 คือ การเสด็จเข้าร่วมงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
แต่ทรงเคยเสด็จเยือนประเทศไทยก่อนหน้านั้นแล้ว เมื่อครั้งยังทรงเป็นมกุฏราชกุมาร)
นอกจากนี้ยังทรงประกาศไว้ทุกข์ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เป็นเวลา 3 วัน ก่อนที่จะเสด็จพระราชดำเนินถวายราชสักการะพระบรมศพในเวลาต่อมา