เจ้าของกระทู้เป็นแฟนรายการนี้มาตั้งแต่ EP. แรก ในซีซั่นที่ 1
เป็นคนที่ตั้งกระทู้รายงานสดมาตั้งแต่ตอนนั้น จากวันนั้นจนถึงวันนี้ไม่เคยคิดว่ารายการจะมาได้ไกลมากขนาดนี้
ผมก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะติดรายการทำอาหาร และอินไปกับผู้เข้าแข่งขันได้มากแบบนี้
ด้วยความที่ตัวรายการมันดูไม่เฟค มันทำให้คนดูสามารถรู้สึกอินไปกับเหตุการณ์ต่างๆที่ผู้เข้าแข่งขัน และกรรมการพบเจอ
เราได้เห็นคำสอนมากมายที่รายการพยายามเสนอให้เราเห็น ยกตัวอย่าง
ยูริ
พูดเลยเลยว่ายูริเป็นผู้เข้าแข่งขันที่ก้าวร้าว เถียงคำไม่ตกฟากและไม่ค่อยมีมารยาทกับผู้ใหญ่
ทุกครั้งที่เชฟเตือนแล้วยูริไม่ฟัง ผลออกมาคือพังพินศทุกครั้ง ทำให้ตัวเองแย่ยังไม่พอ พาทีมไปแพ้อีก
จนมาวีคหลังๆ หม่อมเตือนปกติแต่รอบนี้ยูริรับฟังโโยดี+ ยูริก็บอกว่าไม่เถียงไม่แถแล้ว อยากจะพัฒนาตัวเอง
เราในฐานะคนดูก็เออดีใจกับเขานะ มันเหมือนดูผู้ร้ายกลับใจอะ เราก็ได้แต่ดีใจกับเขา เพราะสิ่งที่หม่อมสอนก็เป็นสิ่งดีๆทั้งนั้น
จนมาถึงวีคที่ยูริออก ไม่เคยคิดเลยนะว่าต้องมาเสียน้ำตากับยูริ คนที่ผมเกลียด
อยากให้ตกรอบมาตลอดแต่พอเขาตอนออกจริงๆกลับไม่อยากให้ออกเลย
ยูริขอโทษกรรมการทุกคน หม่อมป้อมก็เดินเข้าไปกอด หม่อมไม่ได้พูดอะไรแต่ท่าทางการแสดงออก แสดงให้รับรู้ว่าให้อภัยไปแล้ว
ถ้านี่คือตอนจบของละครเรื่องนึง บอกได้เลยว่าเป็นตอนจบที่เพอร์เฟ็คท์มาก
สิ่งที่เราได้จากยูริ คือการยอมรับและปรับปรุงตัว ไม่มีใครสายเกินแก้ เราอาจจะต้องการใครที่คอยสอน
คอยสะท้อนตัวตนให้เรารับรู้ ถึงเวลานั้นก็อยู่ที่ตัวคุณว่าจะดื้อรั้น ไม่ฟังคำติเตียน หรือจะรับไปพัฒนาตัวเอง
หมอตั้ม
หมอตั้ม เป็นคนที่ดูเป็นมิตร มึนๆหน่อย ดูไม่ค่อยมีพิษมีภัยกับใคร แต่มีข้อเสียที่ใหญ่โตคือทำอาหารได้แย่
แรกๆ ความคิดสร้างสรรค์ก็ไม่มี แถมรสมือ รสชาติอาหารก็แย่อีก แข่งไปหลาย EP. แต่ก็รอดเพราะคนอื่นแย่กว่าเสมอ
จัดเป็นผู้เข้าแข่งขันคนนึงที่โชคดีมากๆ จนมีกระแสถามว่าหมอห้อยพระอะไร ถึงหมอจะฝีมือแย่ยังไงแต่สิ่งนึงที่หมอมีเยอะมากคือความพยายาม
หมอรู้ตัวเอง ว่าตัวเองแย่แค่ไหน หมอน่าจะเป็นคนที่เสียน้ำตาบ่อยสุดในรายการ เสียน้ำตาให้ความไม่เอาไหนของตัวเอง
แต่มาหลาย EP แฟนคลับก็ไม่มีซีนไหนให้อวย ก็ต้องมานั่งอวยซีนปอกกระเทียม ซีนไก่สุกตอนแข่งไก่บ้าน
จนสุดท้ายที่หมอเสียใจหนักคือตอนแข่งทีม EP.10 แล้วกอล์ฟเป็นหัวหน้าทีม หมอพูดออกมาเองว่ารู้สึกเสียใจที่เป็นตัวถ่วงของทีม
ไม่มีประโยชน์ต่อทีม แต่ EP.11 หมอกลับได้เป็นจานที่ดีที่สุด ได้เป็นหัวหน้าทีม ใน EP.12 แล้วก็พาทีมชนะ
ส่วน EP.13 รอบกล่องปริศนา ก็ติด 1 ใน 3 จานที่ดีที่สุด และรอบบททดสอบความคิดสร้างสรรค์หมอก็ติด 1 ใน 2 จานที่ดีที่สุด
ได้เป็น หัวหน้าทีม ใน EP.14 ถึงหมอจะแพ้และออกใน EP.14 แต่หมอก็แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการพัฒนาตัวเอง
จากคนที่อยู่ปลายแถว ไม่มีคนอยากเอาเข้าทีม จนมาชนะและได้เป็นหัวหน้าทีม
ในวันที่หมอตกรอบกลับมีคนเสียน้ำตาให้หมอมากมาย ทั้งกรรมการและผู้เข้าแข่งขัน
สิ่งที่เราได้จากหมอคือความพยายาม การยอมรับในตัวเอง การรู้ตัวเองว่าเราเป็นเช่นไร
แล้วแก้ไขปรับปรุง ไม่มีอีโก้ใดๆ ใครสอนก็รับฟัง ไม่แปลกใจเลยที่กรรมการเสียน้ำตาให้หมอเยอะขนาดนั้น
ความยุติธรรม
ไม่ว่ารายการจะเป็นอย่างไร ใครจะนิสัยดี นิสัยร้าย แต่สิ่งที่เราเห็นมาตลอดคือการตัดสินที่ยุติธรรม
ไม่มีการตุกติก ถึงแม้เราจะไม่ได้รับรู้รสชาติ แต่สภาพอาหาร มันบ่งบอกตัวอาหารได้ดี ว่าสภาพอย่างนี้น่าจะแย่นะ
สภาพอย่างนี้น่าจะดีนะ บวกกับการที่เราเห็น ผขข. ปรุงอาหาร ทำให้เราคาดเดาได้
ซึ่งการตัดสินทุกครั้งกรรมการจำแนกให้เห็นชัดๆ ว่าใครพลาดตรงไหน ไม่มีตุกติกเก็บใครไว้เล่นกระแส เรียกแฟนคลับ
นี่คือสิ่งที่รายการเรียลลิตี้ควรมี เพราะถ้าไม่มีความยุติธรรมรายการเรียลลิตี้ก็ไม่ต่างจากละคร หรือการเล่นปาหี่
นี่คือ 3 ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน
แล้วพวกคุณล่ะ ได้อะไรบ้างจากรายการนี้?
MasterChef Thailand รายการทำอาหารที่มีมากกว่าการทำอาหาร
เป็นคนที่ตั้งกระทู้รายงานสดมาตั้งแต่ตอนนั้น จากวันนั้นจนถึงวันนี้ไม่เคยคิดว่ารายการจะมาได้ไกลมากขนาดนี้
ผมก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะติดรายการทำอาหาร และอินไปกับผู้เข้าแข่งขันได้มากแบบนี้
ด้วยความที่ตัวรายการมันดูไม่เฟค มันทำให้คนดูสามารถรู้สึกอินไปกับเหตุการณ์ต่างๆที่ผู้เข้าแข่งขัน และกรรมการพบเจอ
เราได้เห็นคำสอนมากมายที่รายการพยายามเสนอให้เราเห็น ยกตัวอย่าง
ยูริ
พูดเลยเลยว่ายูริเป็นผู้เข้าแข่งขันที่ก้าวร้าว เถียงคำไม่ตกฟากและไม่ค่อยมีมารยาทกับผู้ใหญ่
ทุกครั้งที่เชฟเตือนแล้วยูริไม่ฟัง ผลออกมาคือพังพินศทุกครั้ง ทำให้ตัวเองแย่ยังไม่พอ พาทีมไปแพ้อีก
จนมาวีคหลังๆ หม่อมเตือนปกติแต่รอบนี้ยูริรับฟังโโยดี+ ยูริก็บอกว่าไม่เถียงไม่แถแล้ว อยากจะพัฒนาตัวเอง
เราในฐานะคนดูก็เออดีใจกับเขานะ มันเหมือนดูผู้ร้ายกลับใจอะ เราก็ได้แต่ดีใจกับเขา เพราะสิ่งที่หม่อมสอนก็เป็นสิ่งดีๆทั้งนั้น
จนมาถึงวีคที่ยูริออก ไม่เคยคิดเลยนะว่าต้องมาเสียน้ำตากับยูริ คนที่ผมเกลียด
อยากให้ตกรอบมาตลอดแต่พอเขาตอนออกจริงๆกลับไม่อยากให้ออกเลย
ยูริขอโทษกรรมการทุกคน หม่อมป้อมก็เดินเข้าไปกอด หม่อมไม่ได้พูดอะไรแต่ท่าทางการแสดงออก แสดงให้รับรู้ว่าให้อภัยไปแล้ว
ถ้านี่คือตอนจบของละครเรื่องนึง บอกได้เลยว่าเป็นตอนจบที่เพอร์เฟ็คท์มาก
สิ่งที่เราได้จากยูริ คือการยอมรับและปรับปรุงตัว ไม่มีใครสายเกินแก้ เราอาจจะต้องการใครที่คอยสอน
คอยสะท้อนตัวตนให้เรารับรู้ ถึงเวลานั้นก็อยู่ที่ตัวคุณว่าจะดื้อรั้น ไม่ฟังคำติเตียน หรือจะรับไปพัฒนาตัวเอง
หมอตั้ม
หมอตั้ม เป็นคนที่ดูเป็นมิตร มึนๆหน่อย ดูไม่ค่อยมีพิษมีภัยกับใคร แต่มีข้อเสียที่ใหญ่โตคือทำอาหารได้แย่
แรกๆ ความคิดสร้างสรรค์ก็ไม่มี แถมรสมือ รสชาติอาหารก็แย่อีก แข่งไปหลาย EP. แต่ก็รอดเพราะคนอื่นแย่กว่าเสมอ
จัดเป็นผู้เข้าแข่งขันคนนึงที่โชคดีมากๆ จนมีกระแสถามว่าหมอห้อยพระอะไร ถึงหมอจะฝีมือแย่ยังไงแต่สิ่งนึงที่หมอมีเยอะมากคือความพยายาม
หมอรู้ตัวเอง ว่าตัวเองแย่แค่ไหน หมอน่าจะเป็นคนที่เสียน้ำตาบ่อยสุดในรายการ เสียน้ำตาให้ความไม่เอาไหนของตัวเอง
แต่มาหลาย EP แฟนคลับก็ไม่มีซีนไหนให้อวย ก็ต้องมานั่งอวยซีนปอกกระเทียม ซีนไก่สุกตอนแข่งไก่บ้าน
จนสุดท้ายที่หมอเสียใจหนักคือตอนแข่งทีม EP.10 แล้วกอล์ฟเป็นหัวหน้าทีม หมอพูดออกมาเองว่ารู้สึกเสียใจที่เป็นตัวถ่วงของทีม
ไม่มีประโยชน์ต่อทีม แต่ EP.11 หมอกลับได้เป็นจานที่ดีที่สุด ได้เป็นหัวหน้าทีม ใน EP.12 แล้วก็พาทีมชนะ
ส่วน EP.13 รอบกล่องปริศนา ก็ติด 1 ใน 3 จานที่ดีที่สุด และรอบบททดสอบความคิดสร้างสรรค์หมอก็ติด 1 ใน 2 จานที่ดีที่สุด
ได้เป็น หัวหน้าทีม ใน EP.14 ถึงหมอจะแพ้และออกใน EP.14 แต่หมอก็แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการพัฒนาตัวเอง
จากคนที่อยู่ปลายแถว ไม่มีคนอยากเอาเข้าทีม จนมาชนะและได้เป็นหัวหน้าทีม
ในวันที่หมอตกรอบกลับมีคนเสียน้ำตาให้หมอมากมาย ทั้งกรรมการและผู้เข้าแข่งขัน
สิ่งที่เราได้จากหมอคือความพยายาม การยอมรับในตัวเอง การรู้ตัวเองว่าเราเป็นเช่นไร
แล้วแก้ไขปรับปรุง ไม่มีอีโก้ใดๆ ใครสอนก็รับฟัง ไม่แปลกใจเลยที่กรรมการเสียน้ำตาให้หมอเยอะขนาดนั้น
ความยุติธรรม
ไม่ว่ารายการจะเป็นอย่างไร ใครจะนิสัยดี นิสัยร้าย แต่สิ่งที่เราเห็นมาตลอดคือการตัดสินที่ยุติธรรม
ไม่มีการตุกติก ถึงแม้เราจะไม่ได้รับรู้รสชาติ แต่สภาพอาหาร มันบ่งบอกตัวอาหารได้ดี ว่าสภาพอย่างนี้น่าจะแย่นะ
สภาพอย่างนี้น่าจะดีนะ บวกกับการที่เราเห็น ผขข. ปรุงอาหาร ทำให้เราคาดเดาได้
ซึ่งการตัดสินทุกครั้งกรรมการจำแนกให้เห็นชัดๆ ว่าใครพลาดตรงไหน ไม่มีตุกติกเก็บใครไว้เล่นกระแส เรียกแฟนคลับ
นี่คือสิ่งที่รายการเรียลลิตี้ควรมี เพราะถ้าไม่มีความยุติธรรมรายการเรียลลิตี้ก็ไม่ต่างจากละคร หรือการเล่นปาหี่
แล้วพวกคุณล่ะ ได้อะไรบ้างจากรายการนี้?