สวัสดีครับเพื่อนๆ
เเรกสุดต้องขอบคุณที่เพื่อนๆกดเข้ามาดูรีวิวเล็กๆของผม
ผมขอประเดิมที่เเรกของรีวิวผม ด้วยการพาเราออกนอกประเทศกันเลยล่ะกัน 55
ต้องเกริ่นก่อน ทริปนี้คือผมเองมีโอกาสได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ได้เเก่
นายA ภรรยานายA นายB พร้อมลูกน้อยๆของนายAเเละภรรยานายA (จะ งง ไปไหน 55) ร่วมเป็น 5 ชีวิต
เเล้วทำไมต้องดานัง ทำไมต้องเวียดนาม อันนี้ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ 55
เพราะเพื่อนผมเลือกไว้ให้เรียบร้อยเเล้ว
เอาจริงๆก่อนไปดานัง ผมเองก็ไม่รู้ข้อมูลของดานังมากเท่าไร รู้เเต่ว่าอยู่เวียดนามกลาง (รู้น้อยจริงๆ55)
เเต่ก่อนจะไปผมเองก็รีบหาข้อมูลดานังให้มากขึ้น ประนึงเหมือนอ่านหนังสือก่อนสอบ 55
เลยทำให้รู้ว่า ดานัง เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ในตัวเองเเบบที่ไม่มีใครเหมือน . .
ว่าเเล้วก็เริ่มลุยกันเลยย ^^

DAY 1
เริ่มต้นเดินทางวันเเรก เเน่นอนครับเราคงไม่สามารถขับรถไปได้ในเวลาที่จำกัด
บินสิครับ รอไรล่ะ
ไป ดานัง มีหลายสายการบินให้เลือกน่ะครับ
ครั้งนี้เราเลือกไปกับสายการบินปีกเเดง
(tie in ไปก่อนฮ่ะ เผื่อได้บ้าง อิอิ)
ออกจาก DMK (ดอนเมือง) 10.45 ถึง DAD (ดานัง) 12.10 ใช้เวลา 1ชม.นิดๆ เราก็มาถึงสนามบินเรียบร้อย

เวลาเมืองไทย กับเวียดนาม เวลาเท่ากันครับ ไม่ต้องบวกลบเวลา ให้ปวดหัว
เครื่องใช้ไฟฟ้าก็ 220V เท่ากันครับ
ชาร์ตมือถือ กล้องได้สบายๆเลย
ส่วนเงินนั้น ที่เวียดนามใช้เงิน ดอง ครับ อัตราเเลกเปลี่ยนตอนที่ผมไปอยู่ราวๆ 0.0013
ส่วนมากเเล้วที่คนอื่นเเนะนำกันคือให้เราเเลกเงินดองไปพอประมาณพอครับ เเล้วให้เเลกเงิน USD ติดไว้ใช้ฉุกเฉิน เพราะที่เวียดนามเขารับเเลกเงิน USD เเถมเรตที่ได้ก็ดีกว่าเเลกเมืองไทยอีกด้วย

ถึงสนามบินดานังเรียบร้อยครับ
สิ่งเเรกที่เราหาก่อนเลยคือ ซิมมือถือ
ที่สนามบิน มีหลายเจ้าให้เลือกครับ ราคาไม่ต่างกันครับ
SIM 150,000 VND / 7วัน
เเละสัญญาณที่นี้เเรงดีครับ ชาวโซเชียลสบายใจได้ 55
นอกจากนั้น พนง ที่นี้เขายังพูดไทยได้ด้วย
ปล.ผมสังเกตุว่ามีคนเวียดนามหลายคนที่เขาฟังพูดไทยได้น่ะครับ เท่าที่ได้คุยดู ส่วนมากคนเวียดนามเขาไปทำงานที่ไทยกันเยอะครับ
ถ้าใครจะนินทาใครเขาที่นี้ อย่านึกว่าเขาไม่รู้น่ะครับ 55
เเต่ทางที่ดีเราก็ไม่ควรนินทาใครเขาจะดีที่สุดครับ
^^

จุดหมายเเรกของทริปนี้ครับ คือ Bana Hills ครับ
มันคืออะไร ภูเขากล้วย รึเปล่าว?
ก็ไม่น่าใช่ 555
Bana Hills ถ้าจะสรุปคร่าวๆ เดิมทีเป็นที่ที่ชาวฝรั่งเศสในสมัยก่อนสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ หลบอากาศร้อน เพราะที่ตั้งอยู่บนเขาสูง จึงมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ต่อมาก็มีนักธุรกิจชาวเวียดนามมาจัดการต่อ โดยทำเป็นโรงเเรมที่พัก พร้อมสวนสนุก ปัจจุบันเลยเป็นที่ท่องเที่ยวของชาวเวียดนามเเละชาวต่างชาติ
(ดูมีความรู้ขึ้นมาทันที 55)
ฉะนั้น อาคารต่างๆที่อยู่บนนี้ ผมตีว่า90%จะเป็นอาคารดั้งเดิมครับ ใครชอบสถาปัตยกรรม ผมว่ามาที่นี้ก็ไม่ผิดหวังครับ
ส่วนการขึ้นไปบนเขานั้น มีCable Carบริการครับ
ซึ่งกลุ่มเราได้มีการจองโรงเเรมข้างบนไว้เรียบร้อย
ทางโรงเเรมมีสถานีบริการพิเศษให้กับเเขกโรงเเรมด้วยครับ
สบายเลย กระเป๋าเยอะ ก็สามารถขึ้นไปได้ครับ
ค่า Cable car สำหรับเเขกโรงเเรมอยู่ประมาณ
400,000 VND เเต่ถ้าไม่ได้จองโรงเเรมจะอยู่ประมาณ 650,000 VND ครับ

ส่วนการเดินทางมา Bana Hills
เราเลือกใช้ Taxi ของบริษัท Vinasun (สีขาวเขียว)
taxiของเจ้านี้ไว้ใจได้ครับ ไม่มีการโกง ไม่มีพาวิ่งอ้อมโลก เพราะในรถเขามีติดตั้งGPS Map เราสามารถเช็คได้เลยครับว่าเขาพาเราไปถูกเส้นทาง
ส่วนตรงนี้ก็จะเป็นสถานีที่เราขึ้นมาครับ
ทางขวาก็จะเป็นสถานีสำหรับคนที่มาเที่ยวครับ
รถจอดเยอะเลย ครึกครื้นเเน่นอน555
ค่าTaxi อยู่ประมาณ 388,000 VND
ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินมาประมาณ 30นาทีครับ

ช่วงที่เรามากันเป็นช่วงต้น ก.พ.ครับ
อากาศอย่างหนาวววววววววววววว
8-10องศาครับ
ใช่ครับ คุณอ่านไม่ผิดหรอก
8-10องศาครับ
หมอกเลยหนานุ่มเหมือนขอบพิซซ่า
เเถมลมเเรงๆ ทะลุถึงกางเกงใน
ใครมาช่วงนี้เเนะนำเสื้อกันหนาวครบๆเลยครับ
ออฟชั่นใครมีเท่าไรจัดเต็มได้เลย 55

ระหว่างขึ้นCable Carเราเจอน้ำตกสวยๆด้วย ^^
ถ้าเพื่อนๆสงสัยว่าทริปเเบบนี้ เด็กน้อยๆมาได้ไหม
ต้องตอบเลยครับว่า สบายเลยครับ
เเต่อย่าลืมหาเสื้อกันหนาว พร้อมหมวก ถุงมือ ถุงเท้า ให้ตัวเล็กด้วยล่ะกันครับ ^^

สูงเเค่ไหนถามใจเธอดูววววว
Cable car เส้นนี้ได้ลงกินเนสบุ๊คด้วยน่ะครับ
เป็น Cable car single track ที่ยาวที่สุด
ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะ 5ก.ม ได้
ขึ้นว่าเสียวเเล้ว ผมเเนะนำตอนลงครับ
โคตรรรรรรเสียวววววววววววววววววว
555

ถึงเเล้วววววววววว
Bana Hills
ขึ้นมาจากสถานี เราก็จะมาเจอกับ Landmark ของที่นี้ครับ เเละที่เห็นด้านหลังตรงนั้นคือโรงเเรมที่เราจะพักกันครับ ^^
ปกติเเล้วช่วงกลางวันนักท่องเที่ยวจะเยอะมากกกกกกกกกกกก ถ่ายยังไงก็ติดคนเเน่นอน T_T
เเต่ไม่ต้องห่วงครับ เพราะช่วงหลังห้าโมงเย็นไป นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้พักข้างบนนี้จะต้องกลับทั้งหมดครับ
เพราะ Cable car จะปิดช่วงห้าโมงเย็น
ฉะนั้นช่วงเย็นทั้งเมืองก็จะเป็นของเรา อิอิ^^

Mercure Bana hills french village
ที่พักของเราสำหรับคืนนี้ครับ
ได้บรรยากาศยุโรปมากๆ ^_^

Mercure Bana hills french village
น่านอนเหลือเกินนน
นอนเเปปล่ะกัน 5555

สถาที่ท่องเที่ยวของบน Bana Hills มีเยอะมากครับ
มีทั้ง สวนสนุก หมู่บ้านฝรั่งเศส เเละวัด
ตรงจุดที่ผมอยู่ตอนนี้เป็นวัดที่อยู่ด้านบนขวาของแผนที่เขาน่ะครับ 555
หมอกยังคงหนาถึงเเม้จะเป็นช่วงบ่ายๆเเล้วก็ตาม

โอ้ว จะยกกล้องไปทางไหนก็ขาวเหลือเกินเเม่คุณ
เอ้ย ผมหมายถึงหมอกน่ะ 555

สถาปัตยกรรมของวัดจีนสวยๆเเบบนี้ ก็มีให้เห็นข้างบนเหมือนกันครับ
^^

หอระฆัง
พูดได้สั้นๆเลยครับ
หนาววว

ยยยย
จุดนี้คุณจะได้รับลมหนาวเเบบเต็มๆ
ใครชื่นชอบความเย็นถึงขั้ว เเนะนำให้ลองขึ้นบันไดมาสัมผัสได้ฮ่ะ
มือผมนี้เเข็งไปเลย

เดินมาไม่ไกลจากวัดข้างบน
ก็จะมาเจอกับวัดเจ้าเเม่กวนอิมครับ
_/\_

ลองชื่นชมกับศิลปะ ลองให้เวลากับมัน
เที่ยวเเบบไม่ต้องรีบครับ
.
.
.
เปล่าว กู หนาวว ไม่อยากไปไหน
55

ร่องรอยเเห่งกาลเวลา ^^

เจดีย์พร้อมรูปปั้นหินอ่อนเเกะสลัก
อยู่บริเวณใกล้ๆกันครับ สวยมากๆครับ ^^

ตัดภาพมา ฉับ!!
นี้เรามาโผล่อยู่ยุโรปเเล้วหรอ?
ไม่ใช่ครับ 555
ตอนนี้เราอยู่บริเวณหมู่บ้านฝรั่งเศสครับ
จุดนี้เป็นโบสถ์เก่าเเก่ของที่นี้
ต้องบอกว่าสวยมากจริงๆครับ
อยากให้เพื่อนๆมาเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ ^^

ถ่ายจาก Iphone ยังงามเหมือนโปสเตอร์
สวยจริงๆครับ ^^

บรรยากาศอย่างได้
นึกว่าตัวเองหลุดไปอยู่ในยุโรปจริงๆ บวกกับสภาพอากาศที่หนาววววววว
พ่อคุณ!! นี้มัน 4D ชัดๆ

มาถึงตอนนี้ผมนี้อยากถือดาบกางโล่ห์เลย
นึกว่าอยู่ในเกมRPG 55

พาเดินชมบรรยากาศยามเย็นกันต่อครับ
ตรงจุดนี้ในช่วงกลางวันจะมีการเเสดงโชว์ด้วยน่ะครับ ^^

สวนสนุกก็มีน่ะ
ใครไม่อยากเดินหนาวข้างนอก สามารถหลบเข้ามาเล่นเครื่องเล่นข้างในได้ เครื่องเล่นส่วนมากในนี้จะเล่นได้ฟรีครับ เพราะร่วมอยู่ในค่าบัตรที่เราจ่ายไปตอนเเรกเเล้ว
ฉะนั้น ใครเป็นห่วงว่าขึ้นมาเเล้วจะไม่มีอะไรทำ สบายใจได้ครับ ^^
ปล.เผื่อใจไว้นิดน่ะครับ เพราะ เครื่องเล่นที่เป็นตู้เกม ส่วนมากจะเสียครับ
ผมคิดว่าคงเป็นเพราะเล่นได้ฟรี เเละคนที่มาเที่ยวก็จำนวนเยอะต่อวัน น่าจะทนมือทนเท้าทุกวันไม่ไหว

DAY 2
เช้าวันที่2ของทริปนี้
ตามเเพลนคร่าวๆที่เราวางกันไว้
เราจะเที่ยวสวนดอกไม้ข้างบนนี้ก่อนสักพัก เเล้วในช่วงบ่ายๆ เราค่อยลงไปในตัวเมืองอีกที
ปล.ผมลืมเล่าไปว่าเมื่อคืนเราทานข้าวเย็นกันที่โรงเเรมครับ เป็นบุฟเฟต์ ตกคนล่ะ 320,000 VND
อาหารหลากหลายดีครับ รสชาติโอเคด้วย ^^

สวนดอกไม้ที่เราจะไปเที่ยวกัน
จากโรงเเรมที่เราอยู่ จะต้องนั่งcable carลงไปสถานีตรงกลางเเล้วนั่งรถรางต่อ
ซึ่งส่วนตรงนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มครับ ^^

cable car สถานีที่เรานั่งไปนี้จะเป็นสีเหลืองทรงกลมครับ ^^

ภาพวิวที่ได้จากสถานีที่เราลงไปครับ
ฟ้าเปิดให้เเปปเดียวจริงๆ T_T
ที่เหลือหมอกขาวล้วนๆครับ 55
ฉะนั้น ช่างภาพท่านใดที่คิดว่าจะขึ้นมาถ่ายภาพวิวสวยๆ เเนะนำให้เช็คสภาพอากาศให้ดี พร้อมเผื่อใจไว้ด้วยน่ะครับ ^^

บรรยากาศบริเวณสวนดอกไม้ครับ
มีหลายส่วนให้ชม มีทั้งสวนดอกไม้ องค์พระใหญ่ สวนเสาหิน โรงเก็บไวน์ เเละร้านอาหารครับ ^^

ตรงนี้จะเป็นส่วนของสวนดอกไม้ครับ ^^

องค์พระพุทธขนาดใหญ่ครับ
เป็นองค์พระเเกะสลักที่ใหญ่มาก เป็นอีกจุดที่ต้องมาชื่นชมให้ได้ครับ ^_^

VANDA Hotel
จากBana Hills เราก็นั่ง taxi ลงมาที่ตัวเมืองดานังครับ
เรายังคงใช้บริการ taxi จากบริษัท Vinasun เจ้าเดิม
ค่า Taxi ที่เรานั่งลงกันมาอยู่ที่ 397,000 VND
มาถึงโรงเเรมที่เราพักกันในคืนที่สองครับ
VANDA Hotel
ที่เราเลือกโรงเเรมนี้เพราะอยู่ใกล้กับสะพานมังกร อีกนึงเเลนด์มาร์คของดานังครับ เเถมบริเวณใกล้ๆโรงเเรมยังมีร้านอาหาร กาเเฟ เยอะครับ ไม่อดเเน่นอน ^^

VANDA Hotel
บรรยากาศภายในห้องพักครับ จากตัวห้องพักเราสามารถมองเห็นตัวเมืองดานังในมุมสูงได้ชัดเจน
ถ้าเพื่อนๆชอบยังไงสามารถติดตามเพจน้อยๆของผมได้ครับ
https://www.facebook.com/gorangertravel/
มีต่อ Part2 น่ะครับ
[CR] ====== ดานัง : เมืองหนาวใกล้บ้าน ====== by GoRanger
เเรกสุดต้องขอบคุณที่เพื่อนๆกดเข้ามาดูรีวิวเล็กๆของผม
ผมขอประเดิมที่เเรกของรีวิวผม ด้วยการพาเราออกนอกประเทศกันเลยล่ะกัน 55
ต้องเกริ่นก่อน ทริปนี้คือผมเองมีโอกาสได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ได้เเก่
นายA ภรรยานายA นายB พร้อมลูกน้อยๆของนายAเเละภรรยานายA (จะ งง ไปไหน 55) ร่วมเป็น 5 ชีวิต
เเล้วทำไมต้องดานัง ทำไมต้องเวียดนาม อันนี้ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ 55
เพราะเพื่อนผมเลือกไว้ให้เรียบร้อยเเล้ว
เอาจริงๆก่อนไปดานัง ผมเองก็ไม่รู้ข้อมูลของดานังมากเท่าไร รู้เเต่ว่าอยู่เวียดนามกลาง (รู้น้อยจริงๆ55)
เเต่ก่อนจะไปผมเองก็รีบหาข้อมูลดานังให้มากขึ้น ประนึงเหมือนอ่านหนังสือก่อนสอบ 55
เลยทำให้รู้ว่า ดานัง เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ในตัวเองเเบบที่ไม่มีใครเหมือน . .
ว่าเเล้วก็เริ่มลุยกันเลยย ^^
เริ่มต้นเดินทางวันเเรก เเน่นอนครับเราคงไม่สามารถขับรถไปได้ในเวลาที่จำกัด
บินสิครับ รอไรล่ะ
ไป ดานัง มีหลายสายการบินให้เลือกน่ะครับ
ครั้งนี้เราเลือกไปกับสายการบินปีกเเดง
(tie in ไปก่อนฮ่ะ เผื่อได้บ้าง อิอิ)
ออกจาก DMK (ดอนเมือง) 10.45 ถึง DAD (ดานัง) 12.10 ใช้เวลา 1ชม.นิดๆ เราก็มาถึงสนามบินเรียบร้อย
เครื่องใช้ไฟฟ้าก็ 220V เท่ากันครับ
ชาร์ตมือถือ กล้องได้สบายๆเลย
ส่วนเงินนั้น ที่เวียดนามใช้เงิน ดอง ครับ อัตราเเลกเปลี่ยนตอนที่ผมไปอยู่ราวๆ 0.0013
ส่วนมากเเล้วที่คนอื่นเเนะนำกันคือให้เราเเลกเงินดองไปพอประมาณพอครับ เเล้วให้เเลกเงิน USD ติดไว้ใช้ฉุกเฉิน เพราะที่เวียดนามเขารับเเลกเงิน USD เเถมเรตที่ได้ก็ดีกว่าเเลกเมืองไทยอีกด้วย
สิ่งเเรกที่เราหาก่อนเลยคือ ซิมมือถือ
ที่สนามบิน มีหลายเจ้าให้เลือกครับ ราคาไม่ต่างกันครับ
SIM 150,000 VND / 7วัน
เเละสัญญาณที่นี้เเรงดีครับ ชาวโซเชียลสบายใจได้ 55
นอกจากนั้น พนง ที่นี้เขายังพูดไทยได้ด้วย
ปล.ผมสังเกตุว่ามีคนเวียดนามหลายคนที่เขาฟังพูดไทยได้น่ะครับ เท่าที่ได้คุยดู ส่วนมากคนเวียดนามเขาไปทำงานที่ไทยกันเยอะครับ
ถ้าใครจะนินทาใครเขาที่นี้ อย่านึกว่าเขาไม่รู้น่ะครับ 55
เเต่ทางที่ดีเราก็ไม่ควรนินทาใครเขาจะดีที่สุดครับ
^^
มันคืออะไร ภูเขากล้วย รึเปล่าว?
ก็ไม่น่าใช่ 555
Bana Hills ถ้าจะสรุปคร่าวๆ เดิมทีเป็นที่ที่ชาวฝรั่งเศสในสมัยก่อนสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ หลบอากาศร้อน เพราะที่ตั้งอยู่บนเขาสูง จึงมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ต่อมาก็มีนักธุรกิจชาวเวียดนามมาจัดการต่อ โดยทำเป็นโรงเเรมที่พัก พร้อมสวนสนุก ปัจจุบันเลยเป็นที่ท่องเที่ยวของชาวเวียดนามเเละชาวต่างชาติ
(ดูมีความรู้ขึ้นมาทันที 55)
ฉะนั้น อาคารต่างๆที่อยู่บนนี้ ผมตีว่า90%จะเป็นอาคารดั้งเดิมครับ ใครชอบสถาปัตยกรรม ผมว่ามาที่นี้ก็ไม่ผิดหวังครับ
ส่วนการขึ้นไปบนเขานั้น มีCable Carบริการครับ
ซึ่งกลุ่มเราได้มีการจองโรงเเรมข้างบนไว้เรียบร้อย
ทางโรงเเรมมีสถานีบริการพิเศษให้กับเเขกโรงเเรมด้วยครับ
สบายเลย กระเป๋าเยอะ ก็สามารถขึ้นไปได้ครับ
ค่า Cable car สำหรับเเขกโรงเเรมอยู่ประมาณ
400,000 VND เเต่ถ้าไม่ได้จองโรงเเรมจะอยู่ประมาณ 650,000 VND ครับ
เราเลือกใช้ Taxi ของบริษัท Vinasun (สีขาวเขียว)
taxiของเจ้านี้ไว้ใจได้ครับ ไม่มีการโกง ไม่มีพาวิ่งอ้อมโลก เพราะในรถเขามีติดตั้งGPS Map เราสามารถเช็คได้เลยครับว่าเขาพาเราไปถูกเส้นทาง
ส่วนตรงนี้ก็จะเป็นสถานีที่เราขึ้นมาครับ
ทางขวาก็จะเป็นสถานีสำหรับคนที่มาเที่ยวครับ
รถจอดเยอะเลย ครึกครื้นเเน่นอน555
ค่าTaxi อยู่ประมาณ 388,000 VND
ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินมาประมาณ 30นาทีครับ
อากาศอย่างหนาวววววววววววววว
8-10องศาครับ
ใช่ครับ คุณอ่านไม่ผิดหรอก
8-10องศาครับ
หมอกเลยหนานุ่มเหมือนขอบพิซซ่า
เเถมลมเเรงๆ ทะลุถึงกางเกงใน
ใครมาช่วงนี้เเนะนำเสื้อกันหนาวครบๆเลยครับ
ออฟชั่นใครมีเท่าไรจัดเต็มได้เลย 55
ถ้าเพื่อนๆสงสัยว่าทริปเเบบนี้ เด็กน้อยๆมาได้ไหม
ต้องตอบเลยครับว่า สบายเลยครับ
เเต่อย่าลืมหาเสื้อกันหนาว พร้อมหมวก ถุงมือ ถุงเท้า ให้ตัวเล็กด้วยล่ะกันครับ ^^
Cable car เส้นนี้ได้ลงกินเนสบุ๊คด้วยน่ะครับ
เป็น Cable car single track ที่ยาวที่สุด
ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะ 5ก.ม ได้
ขึ้นว่าเสียวเเล้ว ผมเเนะนำตอนลงครับ
โคตรรรรรรเสียวววววววววววววววววว
555
Bana Hills
ขึ้นมาจากสถานี เราก็จะมาเจอกับ Landmark ของที่นี้ครับ เเละที่เห็นด้านหลังตรงนั้นคือโรงเเรมที่เราจะพักกันครับ ^^
ปกติเเล้วช่วงกลางวันนักท่องเที่ยวจะเยอะมากกกกกกกกกกกก ถ่ายยังไงก็ติดคนเเน่นอน T_T
เเต่ไม่ต้องห่วงครับ เพราะช่วงหลังห้าโมงเย็นไป นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้พักข้างบนนี้จะต้องกลับทั้งหมดครับ
เพราะ Cable car จะปิดช่วงห้าโมงเย็น
ฉะนั้นช่วงเย็นทั้งเมืองก็จะเป็นของเรา อิอิ^^
ที่พักของเราสำหรับคืนนี้ครับ
ได้บรรยากาศยุโรปมากๆ ^_^
น่านอนเหลือเกินนน
นอนเเปปล่ะกัน 5555
มีทั้ง สวนสนุก หมู่บ้านฝรั่งเศส เเละวัด
ตรงจุดที่ผมอยู่ตอนนี้เป็นวัดที่อยู่ด้านบนขวาของแผนที่เขาน่ะครับ 555
หมอกยังคงหนาถึงเเม้จะเป็นช่วงบ่ายๆเเล้วก็ตาม
เอ้ย ผมหมายถึงหมอกน่ะ 555
^^
พูดได้สั้นๆเลยครับ
หนาววว
จุดนี้คุณจะได้รับลมหนาวเเบบเต็มๆ
ใครชื่นชอบความเย็นถึงขั้ว เเนะนำให้ลองขึ้นบันไดมาสัมผัสได้ฮ่ะ
มือผมนี้เเข็งไปเลย
ก็จะมาเจอกับวัดเจ้าเเม่กวนอิมครับ
_/\_
เที่ยวเเบบไม่ต้องรีบครับ
.
.
.
เปล่าว กู หนาวว ไม่อยากไปไหน
55
อยู่บริเวณใกล้ๆกันครับ สวยมากๆครับ ^^
นี้เรามาโผล่อยู่ยุโรปเเล้วหรอ?
ไม่ใช่ครับ 555
ตอนนี้เราอยู่บริเวณหมู่บ้านฝรั่งเศสครับ
จุดนี้เป็นโบสถ์เก่าเเก่ของที่นี้
ต้องบอกว่าสวยมากจริงๆครับ
อยากให้เพื่อนๆมาเห็นด้วยตาตัวเองจริงๆ ^^
สวยจริงๆครับ ^^
นึกว่าตัวเองหลุดไปอยู่ในยุโรปจริงๆ บวกกับสภาพอากาศที่หนาววววววว
พ่อคุณ!! นี้มัน 4D ชัดๆ
นึกว่าอยู่ในเกมRPG 55
ตรงจุดนี้ในช่วงกลางวันจะมีการเเสดงโชว์ด้วยน่ะครับ ^^
ใครไม่อยากเดินหนาวข้างนอก สามารถหลบเข้ามาเล่นเครื่องเล่นข้างในได้ เครื่องเล่นส่วนมากในนี้จะเล่นได้ฟรีครับ เพราะร่วมอยู่ในค่าบัตรที่เราจ่ายไปตอนเเรกเเล้ว
ฉะนั้น ใครเป็นห่วงว่าขึ้นมาเเล้วจะไม่มีอะไรทำ สบายใจได้ครับ ^^
ปล.เผื่อใจไว้นิดน่ะครับ เพราะ เครื่องเล่นที่เป็นตู้เกม ส่วนมากจะเสียครับ
ผมคิดว่าคงเป็นเพราะเล่นได้ฟรี เเละคนที่มาเที่ยวก็จำนวนเยอะต่อวัน น่าจะทนมือทนเท้าทุกวันไม่ไหว
เช้าวันที่2ของทริปนี้
ตามเเพลนคร่าวๆที่เราวางกันไว้
เราจะเที่ยวสวนดอกไม้ข้างบนนี้ก่อนสักพัก เเล้วในช่วงบ่ายๆ เราค่อยลงไปในตัวเมืองอีกที
ปล.ผมลืมเล่าไปว่าเมื่อคืนเราทานข้าวเย็นกันที่โรงเเรมครับ เป็นบุฟเฟต์ ตกคนล่ะ 320,000 VND
อาหารหลากหลายดีครับ รสชาติโอเคด้วย ^^
จากโรงเเรมที่เราอยู่ จะต้องนั่งcable carลงไปสถานีตรงกลางเเล้วนั่งรถรางต่อ
ซึ่งส่วนตรงนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มครับ ^^
ฟ้าเปิดให้เเปปเดียวจริงๆ T_T
ที่เหลือหมอกขาวล้วนๆครับ 55
ฉะนั้น ช่างภาพท่านใดที่คิดว่าจะขึ้นมาถ่ายภาพวิวสวยๆ เเนะนำให้เช็คสภาพอากาศให้ดี พร้อมเผื่อใจไว้ด้วยน่ะครับ ^^
มีหลายส่วนให้ชม มีทั้งสวนดอกไม้ องค์พระใหญ่ สวนเสาหิน โรงเก็บไวน์ เเละร้านอาหารครับ ^^
เป็นองค์พระเเกะสลักที่ใหญ่มาก เป็นอีกจุดที่ต้องมาชื่นชมให้ได้ครับ ^_^
จากBana Hills เราก็นั่ง taxi ลงมาที่ตัวเมืองดานังครับ
เรายังคงใช้บริการ taxi จากบริษัท Vinasun เจ้าเดิม
ค่า Taxi ที่เรานั่งลงกันมาอยู่ที่ 397,000 VND
มาถึงโรงเเรมที่เราพักกันในคืนที่สองครับ
VANDA Hotel
ที่เราเลือกโรงเเรมนี้เพราะอยู่ใกล้กับสะพานมังกร อีกนึงเเลนด์มาร์คของดานังครับ เเถมบริเวณใกล้ๆโรงเเรมยังมีร้านอาหาร กาเเฟ เยอะครับ ไม่อดเเน่นอน ^^
บรรยากาศภายในห้องพักครับ จากตัวห้องพักเราสามารถมองเห็นตัวเมืองดานังในมุมสูงได้ชัดเจน
ถ้าเพื่อนๆชอบยังไงสามารถติดตามเพจน้อยๆของผมได้ครับ
https://www.facebook.com/gorangertravel/
มีต่อ Part2 น่ะครับ