สวัสดีครับ กระทู้นี้เป้นกระทู้แรก ผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้
ผมเป็นนักศึกษาปี4 จากม.รัฐแห่งหนึ่งใน กทม. เรียนด้านภาษาครับ แต่สนใจงานด้านการบริการ เนื่องจากมหาลัยผมมีโครงการสหกิจศึกษา ซึ่งนศ.ปี4 จะออกฝึกงาน หรือไม่ฝึกก็ได้ ผมจึงเลือกฝึกงานครับ สาเหตุเพราะ 1.เกรดน้อยครับ 2.อยากฝึกภาษา 3.อยากได้ประสบการณ์ในการทำงาน
จากนั้นผมก็หาข้อมูล หาสถานที่ฝึกงาน ทางครอบครัวก็อยากให้ฝึกสนามบินเพราะใกล้บ้าน แต่เนื่องจากการได้ยินรีวิวจากเพื่อนๆและได้อ่านก็รีวิวต่างๆ ผมรู้สึกว่าไม่ชอบ จึงมองไปทางโรงแรม และโรงแรมที่ติดสนามบินที่สุดก็คือ โนโวเทลครับ ...
พอเลือกได้ก็ไม่ต้องรออะไรเลยครับ โทรไปหาโรงแรมแล้วโทรถามรายละเอียด บลาๆ จากนั้นก็นัดวันไปสัมภาษณ์ครับ พอถึงวันก็ใส่ชุดนักศึกษา ผูกไทด์ ถึงโรงแรมเราก็เดินไปถามพนักงานว่า ฝ่าย HR ไปทางไหน เค้าก็พาไป แต่ก่อนเค้าก็ต้องแลกบัตร บลาๆ พอเข้าไปถึง พี่ก็ให้เราทำข้อสอบภาษาอังกฤษก่อนครับ 100 ข้อ แต่ถ้ามีคะแนนโทอิคมายื่นก็ไม่ต้องสอบ พอทำเสร็จก็สัมภาษณ์เลยครับ และแน่นอนต้องเป็นภาษาอังกฤษเพราะเป็นงานโรงแรม และเราเลือกทำแผนก Front office จากนั้นก็มีภาษาที่สามบ้าง บลาๆ พอสัมภาษณ์กับทาง HR เสร็จ ต้องไปสัมภาษณ์กับคนที่ดูแลเด็กฝึกงานในแผนก FOและหัวหน้าฝ่าย (FO จะแยกออกเป็นส่วนย่อยอีก คือ Concierge, Tour-Co, Reception, Biz Center, Back office, Airport representative) อีก บอกเลยว่ารัวๆ ๆ ๆ ส่วนใหญ่คำถามที่เจอก็จะเป็นการจำลองสถานการณ์ขึ้นมา ซึ่งมันก็เกิดขึ้นจริงๆในช่วงเวลาที่เราฝึกงานอยู่ และแล้วเราก็ได้อยุ่ฝ่าย Concierge แวบแรกในหัวเลย Concierge คืออะไร คือเนื่องจากไม่ได้เรียนด้านการโรงแรมมา ความรู้เลยไม่มี แต่ก็ไม่ได้ถามใครว่ามันคืออะไร เค้าให้ทำอะไร ก็ทำๆไปก่อน และวันนั้นก็ผ่านไปด้วยดี แล้วผลสัมภาษณ์ก็คือผ่านนนนนนนนนนนนน
มาถึงวันเริ่มงานวันแรกก็ต้องมีการปฐมนิเทศกันก่อน ก็ไปนั่งในห้องประชุม ในห้องนั้น ก็จะมีพนักงานใหม่ เด็กฝึกงานบลาๆ เต็มไปหมด แล้วก็จะมีผู้บรรยายมาพูด เรื่องนี้ เรื่องนั่น จนจบ 1 วันครึ่ง แล้วในระหว่างนั่งประชุมเราก็ไปทำความรู้จักกับเพื่อนฝึกงานคนอื่นๆ เพราะเรามาคนเดียว ไม่มีเพื่อน ก็ต้องตีสนิทไว้ก่อน Mission completed ก็รู้จักเพื่อนผู้หญิงคนนึงเนื่องจากนั่งข้างๆกัน ก็ถามชื่อ นางชื่อออยมาจาก ABAC เรียนการโรงแรม วันที่รู้จักกันแรกๆ นางเรียบร้อยมากกกกกก เพราะลุคดูเรียบร้อยไง สูงประมาณ 165 ผอม มัดผม คำพูดคำจา คือเรียบร้อยอ่ะ คุยไปคุยมาก็โอเค ฝึกFOเหมือนกัน ก็เลยตีสนิทไว้ก่อน แต่ไม่กล้าขอเฟสหรือขอไลน์ กลัวเค้าจะหาว่าเข้าไปจีบ พอปฐมเสร็จ เด็กๆก็แยกย้ายไปตามแผนกของตัวเอง ซึ่งFO มีเด็กฝึกงาน 4 คนรวมเราด้วย ก็จะมี เพียว แพรว ออย ปุ้ม ฝ้าย.
พอถึงวันที่เริ่มฝึกงานจริงๆ (2วันแรกปฐมนิเทศ) เวลา 08.30 น. เราก็เดินไปที่แผนก CC (ย่อมาจาก Concierge) ซึ่งแผนกนี้จะเป็นเค้าเตอร์อยู่หน้าสุดโรงแรม อารมณ์จอดรถ เดินเข้ามาข้างในก็จะเจอ CC ก่อน พอเราเดินมาถึงก็มีพี่ที่เราสัมภาษณ์ด้วย 1 คนแกชื่อพี่ แม็ค เป็น Chief of Concierge แล้วก็มีคอม 2 เครื่อง เอกสาร เครื่องปริ้น กล่องพัสดุ แผนที่ กระเป๋า บลาๆ เต็มไปหมด
ไปวันแรกก็ยังไม่ได้ทำอะไรมาก พี่เค้าให้เราทำอะไรก็ทำพอเราไปทำงาน เราก็รุ้เลยว่า CC ถ้าแปลเป็นภาษาเข้าใจง่ายๆก็คือ จุด Information เพราะเป็นจุดที่ลูกค้ามาสอบถาม ขอความช่วยเหลือ ฝากของ มารับของ ตอบอีเมลล์ จัดรถ Shuttle van ไปสนามบิน เรียกแท็คซี บลาๆ คือจุดนี้ทำงานเยอะมาก และได้ใช้ภาษาเยอะมาก ซึ่งเราก็ชอบ เพราะจุดประสงค์คือฝึกภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมัน (เราเรียนภาษาเยอรมันเป้นวิชาเอก) ลูกค้าที่นี่ มีหลายสัญชาติ หลายกลุ่ม หลักๆเลยคือ 1.ลูกเรือของสายการบินต่างๆ เพราะสายการบินจะมาทำสัญญากับโรงแรมไว้ เนื่องจากอยู่ใกล้สนามบินที่สุด 2.กลุ่มนักบินและนักเรียนฝึกบิน เพราะโรงแรมอยู่ใกล้สถานที่เรียนและยังมีบริการไปรับและไปส่งฟรี 3.ลูกค้าที่ถูกยกเลิกเที่ยวบินหรือมีปัญหาขัดข้อง ทางสายการบินก็จะส่งลูกค้ามาที่นี่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะ100คนขึ้นไป เวลานั้นก็จะยุ่งๆหน่อย 4.ลูกค้าที่มีไฟท์เช้า ก็จะมาพักที่นี่1คืน เพราะที่นี่จะสะดวกมากในการเดินทางไปสนามบินเพราะเรามีรถบริการไปส่งที่สนามทุกๆ10นาที ตลอด24 ชม. และยังสามารถเดินไปที่สนามบินด้วยตัวเองได้ด้วย เพราะมีทางเดินรอดใต้อุโมงค์จะผ่าน Airport link แล้วก็ถึงสนามบินเลย 5.ลูกค้ารอเปลี่ยนเครื่อง ก็จะมาพัก 3ชม.บ้าง 6ชม.บ้าง
** วนกลับมาตรงเริ่มงานวันแรก ** งานหลักๆของเราคือเรียกแท็คซี่ ระบบการเรียกแท็คซี่ของที่นี่คือ ทางโรงแรมจะมีวินแท็คซี่จอดรอผู้โดยสารอยู่แล้ว ซึ่งเป็นบริษัทด้านข้างนอก และจะมีหัวหน้าวินเป็นคนดูแล การเรียกแท็คซี่ของทางโรงแรมคือโทรไปหา Security และทางนั้นก็จะเรียกแท็คซี่ขึ้นให้ แต่ก็มีบางครั้งที่ลูกค้าเรียกแท็คซี่ออกไปหมด เราก็ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนคือการโหลด Grab ไว้ในโทรศัพท์ ถ้าแท็คซี่ของเราหมด เราก็ต้องเดินไปถามแขกว่า จะให้เรียกให้ไหม หรือจะไปเรียกเองที่สนามบิน บลาๆ ส่วนใหญ่ก็จะให้เรียกให้เพราะมันขึ้นราคามาอยู่แล้วว่าเท่าไหร่ และไปเรียกที่สนามบินลูกค้าก็จะรู้ว่ามันแพง
** มาทางด้านเพื่อนร่วมงาน ** ขอเกริ่นก่อนว่า CC เป็นฝ่ายที่ดูแล Bell Captain, Bell Boy, Door man, Driver และ Airport Rep. ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายเพราะต้องใช้แรง พลังในการทำงาน ไปวันแรกเราก็ยกมือไว้ทุกคนอ่ะ ไม่รู้ใครเป็นใคร บางทีไหว้แล้ว ไหว้อีก ถามชื่อแล้วถามชื่ออีก 555 เพราะมันเยอะ จำไม่หมด ซึ่งวันแรก เราก็ได้รู้จักพี่คนนึง แกชื่อพี่ วรรณ แกเป็น Door man กับ Bell boy (Bell boyกับDoor man ทำแทนกันได้) แกเป็นผู้ชายตัวเล็ก สูงประมาณ160 แต่แกเก่งมาก มีความเป็นมืออาชีพ แกเล่าว่าแต่ก่อนแกทำงานในกรุงเทพ ทำงานโรงแรมแถวๆสยาม แต่เนื่องจากมันแออัดและประจวบเหมาะกับโรงแรมนี้พึ่งเปิดใหม่ๆ แกเลยลาออกแล้วมาสมัครที่นี่ คนต่อมาเราก็รู้จักพี่ ตั้ม แกเป็น Door man (เนื่องจากเค้าเตอร์เราอยู่ด้านหน้าเลยออกไปยื่นช่วยแกเปิดประตู ยกกระเป๋า เลยได้คุยกัน) พี่ตั้มทำงานที่นี่มาแล้ว 6 ปี แกเป็นคนใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ วันไหนแกได้ทริปมาเยอะ แกก็จะเลี้ยงน้ำ เลี้ยงขนม แต่ถ้าวันไหนเราบ่น พี่วันนี้ผมไม่ได้ทริปเลยว่า แกก็จะให้ 40บ้าง 50บ้าง แล้วแต่ว่าแกได้เยอะหรือน้อย พอทำงานไปเรื่อยๆเราก็รู้จักคนเยอะ ได้คุยกับแขกเยอะขึ้น มีความรู้แนะนำแขกได้ บลาๆ รู้จักวิธีหาความรู้ รู้จักสถานที่ใหม่ๆ รู้จักร้านอาหารดังๆ เพราะเป็นสิ่งที่แขกถามหา เราก็ต้องศึกษาไว้
พี่ CC จะมีทั้งหมด 4 คนแต่ละคนก็อายุเยอะแล้ว แต่เราก็เรียกพี่ รวมถึง Bell boy, Door man, Bell captain, AR, Driver บางคนลูกโตกว่าเราอีก เราก็เรียกพี่555555 พี่เค้าบังคับให้เรียกแบบขำๆ เราก็ตอบได้ครับพี่55555 หน้าที่ๆหลักของเราตอนนี้คือ เรียกแท็คซี่ ทำ Pick up list (สำหรับใช้รับแขก VIP ) ที่เหลือก็จะเป็นเหตุการณ์ไม่คาดคิด ที่บางทีแขกจะเป็นมาให้จองร้านอาหารให้หน่อย หรือร้านอาหารอร่อยๆแถวนี้ที่ไหนดีบ้าง แนะนำหน่อย ซึ่งบอกเลยว่าฝึกที่นี่ได้ใช้ภาษาแน่ๆ และนอกจากความรู้ที่ได้ เราก็ยังได้เรื่องการใช้ชีวิตด้วย พี่เบิร์ด(เป็น1 ใน 4 ของ CC)แกอายุประมาณ 40- 50 เป็นคนแก่ที่ตลกออกแนวกวนนิดๆ ชอบกีฬา ชอบวิทยาศาสตร์ ก็ชอบมาเล่าโน่น นี่ นั่นให้เราฟัง แกสอนดีมากกกกกก สอนวิธีการใช้ชีวิต สอนวิธีป้องกันข้อผิดพลาดในการทำงาน แกให้ข้อคิดในหลายๆด้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่เราไม่ได้คาดหวังว่าจะได้จากการฝึกงาน
** นอกจากอยู่ในเคาเตอร์กับออกมาเป็น Door man เรายังได้เป็นเด็กส่งเอกสารอีกด้วย เพราะทุกวันจันทร์-ศุกร์ จะมีพัสดุของพนักงานมาส่ง เราก็ต้องลงในสมุดแล้วเอาเอกสารไปส่งกองกลาง เค้าก็จะคัดแยกไปในแต่ละแผนก ซึ่งมันทำให้เราได้เดิน ได้รู้จักพี่ๆแผนกอื่นๆ ได้รู้ระบบงานมากขึ้น
ในทุกวันๆ จะมี GM, HM, FOM เดินภายใน Lobby เพื่อดูความเรียบร้อย ทั้ง3คนนี้เป็นคนใจดีมาก ไม่ถือตัว คุยได้ เป็นห่วงพนักงาน โดยเฉพาะ HM เป็นห่วงสุดๆ เจอกันเมื่อไหร่ก็ How are you ? เราก็ตอบตามที่ได้เรียนมา I'm fine thank you and you ? 555555555 จากก็เดินจากกันไป
.......... เดี๋ยวมาต่อ ออกไปข้างนอกแปป
[CR] รีวิว ++ ฝึกงานโรงแรม Novotel Bangkok Suvarnabhumi airport
ผมเป็นนักศึกษาปี4 จากม.รัฐแห่งหนึ่งใน กทม. เรียนด้านภาษาครับ แต่สนใจงานด้านการบริการ เนื่องจากมหาลัยผมมีโครงการสหกิจศึกษา ซึ่งนศ.ปี4 จะออกฝึกงาน หรือไม่ฝึกก็ได้ ผมจึงเลือกฝึกงานครับ สาเหตุเพราะ 1.เกรดน้อยครับ 2.อยากฝึกภาษา 3.อยากได้ประสบการณ์ในการทำงาน
จากนั้นผมก็หาข้อมูล หาสถานที่ฝึกงาน ทางครอบครัวก็อยากให้ฝึกสนามบินเพราะใกล้บ้าน แต่เนื่องจากการได้ยินรีวิวจากเพื่อนๆและได้อ่านก็รีวิวต่างๆ ผมรู้สึกว่าไม่ชอบ จึงมองไปทางโรงแรม และโรงแรมที่ติดสนามบินที่สุดก็คือ โนโวเทลครับ ...
พอเลือกได้ก็ไม่ต้องรออะไรเลยครับ โทรไปหาโรงแรมแล้วโทรถามรายละเอียด บลาๆ จากนั้นก็นัดวันไปสัมภาษณ์ครับ พอถึงวันก็ใส่ชุดนักศึกษา ผูกไทด์ ถึงโรงแรมเราก็เดินไปถามพนักงานว่า ฝ่าย HR ไปทางไหน เค้าก็พาไป แต่ก่อนเค้าก็ต้องแลกบัตร บลาๆ พอเข้าไปถึง พี่ก็ให้เราทำข้อสอบภาษาอังกฤษก่อนครับ 100 ข้อ แต่ถ้ามีคะแนนโทอิคมายื่นก็ไม่ต้องสอบ พอทำเสร็จก็สัมภาษณ์เลยครับ และแน่นอนต้องเป็นภาษาอังกฤษเพราะเป็นงานโรงแรม และเราเลือกทำแผนก Front office จากนั้นก็มีภาษาที่สามบ้าง บลาๆ พอสัมภาษณ์กับทาง HR เสร็จ ต้องไปสัมภาษณ์กับคนที่ดูแลเด็กฝึกงานในแผนก FOและหัวหน้าฝ่าย (FO จะแยกออกเป็นส่วนย่อยอีก คือ Concierge, Tour-Co, Reception, Biz Center, Back office, Airport representative) อีก บอกเลยว่ารัวๆ ๆ ๆ ส่วนใหญ่คำถามที่เจอก็จะเป็นการจำลองสถานการณ์ขึ้นมา ซึ่งมันก็เกิดขึ้นจริงๆในช่วงเวลาที่เราฝึกงานอยู่ และแล้วเราก็ได้อยุ่ฝ่าย Concierge แวบแรกในหัวเลย Concierge คืออะไร คือเนื่องจากไม่ได้เรียนด้านการโรงแรมมา ความรู้เลยไม่มี แต่ก็ไม่ได้ถามใครว่ามันคืออะไร เค้าให้ทำอะไร ก็ทำๆไปก่อน และวันนั้นก็ผ่านไปด้วยดี แล้วผลสัมภาษณ์ก็คือผ่านนนนนนนนนนนนน
มาถึงวันเริ่มงานวันแรกก็ต้องมีการปฐมนิเทศกันก่อน ก็ไปนั่งในห้องประชุม ในห้องนั้น ก็จะมีพนักงานใหม่ เด็กฝึกงานบลาๆ เต็มไปหมด แล้วก็จะมีผู้บรรยายมาพูด เรื่องนี้ เรื่องนั่น จนจบ 1 วันครึ่ง แล้วในระหว่างนั่งประชุมเราก็ไปทำความรู้จักกับเพื่อนฝึกงานคนอื่นๆ เพราะเรามาคนเดียว ไม่มีเพื่อน ก็ต้องตีสนิทไว้ก่อน Mission completed ก็รู้จักเพื่อนผู้หญิงคนนึงเนื่องจากนั่งข้างๆกัน ก็ถามชื่อ นางชื่อออยมาจาก ABAC เรียนการโรงแรม วันที่รู้จักกันแรกๆ นางเรียบร้อยมากกกกกก เพราะลุคดูเรียบร้อยไง สูงประมาณ 165 ผอม มัดผม คำพูดคำจา คือเรียบร้อยอ่ะ คุยไปคุยมาก็โอเค ฝึกFOเหมือนกัน ก็เลยตีสนิทไว้ก่อน แต่ไม่กล้าขอเฟสหรือขอไลน์ กลัวเค้าจะหาว่าเข้าไปจีบ พอปฐมเสร็จ เด็กๆก็แยกย้ายไปตามแผนกของตัวเอง ซึ่งFO มีเด็กฝึกงาน 4 คนรวมเราด้วย ก็จะมี เพียว แพรว ออย ปุ้ม ฝ้าย.
พอถึงวันที่เริ่มฝึกงานจริงๆ (2วันแรกปฐมนิเทศ) เวลา 08.30 น. เราก็เดินไปที่แผนก CC (ย่อมาจาก Concierge) ซึ่งแผนกนี้จะเป็นเค้าเตอร์อยู่หน้าสุดโรงแรม อารมณ์จอดรถ เดินเข้ามาข้างในก็จะเจอ CC ก่อน พอเราเดินมาถึงก็มีพี่ที่เราสัมภาษณ์ด้วย 1 คนแกชื่อพี่ แม็ค เป็น Chief of Concierge แล้วก็มีคอม 2 เครื่อง เอกสาร เครื่องปริ้น กล่องพัสดุ แผนที่ กระเป๋า บลาๆ เต็มไปหมด
ไปวันแรกก็ยังไม่ได้ทำอะไรมาก พี่เค้าให้เราทำอะไรก็ทำพอเราไปทำงาน เราก็รุ้เลยว่า CC ถ้าแปลเป็นภาษาเข้าใจง่ายๆก็คือ จุด Information เพราะเป็นจุดที่ลูกค้ามาสอบถาม ขอความช่วยเหลือ ฝากของ มารับของ ตอบอีเมลล์ จัดรถ Shuttle van ไปสนามบิน เรียกแท็คซี บลาๆ คือจุดนี้ทำงานเยอะมาก และได้ใช้ภาษาเยอะมาก ซึ่งเราก็ชอบ เพราะจุดประสงค์คือฝึกภาษาอังกฤษและภาษาเยอรมัน (เราเรียนภาษาเยอรมันเป้นวิชาเอก) ลูกค้าที่นี่ มีหลายสัญชาติ หลายกลุ่ม หลักๆเลยคือ 1.ลูกเรือของสายการบินต่างๆ เพราะสายการบินจะมาทำสัญญากับโรงแรมไว้ เนื่องจากอยู่ใกล้สนามบินที่สุด 2.กลุ่มนักบินและนักเรียนฝึกบิน เพราะโรงแรมอยู่ใกล้สถานที่เรียนและยังมีบริการไปรับและไปส่งฟรี 3.ลูกค้าที่ถูกยกเลิกเที่ยวบินหรือมีปัญหาขัดข้อง ทางสายการบินก็จะส่งลูกค้ามาที่นี่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะ100คนขึ้นไป เวลานั้นก็จะยุ่งๆหน่อย 4.ลูกค้าที่มีไฟท์เช้า ก็จะมาพักที่นี่1คืน เพราะที่นี่จะสะดวกมากในการเดินทางไปสนามบินเพราะเรามีรถบริการไปส่งที่สนามทุกๆ10นาที ตลอด24 ชม. และยังสามารถเดินไปที่สนามบินด้วยตัวเองได้ด้วย เพราะมีทางเดินรอดใต้อุโมงค์จะผ่าน Airport link แล้วก็ถึงสนามบินเลย 5.ลูกค้ารอเปลี่ยนเครื่อง ก็จะมาพัก 3ชม.บ้าง 6ชม.บ้าง
** วนกลับมาตรงเริ่มงานวันแรก ** งานหลักๆของเราคือเรียกแท็คซี่ ระบบการเรียกแท็คซี่ของที่นี่คือ ทางโรงแรมจะมีวินแท็คซี่จอดรอผู้โดยสารอยู่แล้ว ซึ่งเป็นบริษัทด้านข้างนอก และจะมีหัวหน้าวินเป็นคนดูแล การเรียกแท็คซี่ของทางโรงแรมคือโทรไปหา Security และทางนั้นก็จะเรียกแท็คซี่ขึ้นให้ แต่ก็มีบางครั้งที่ลูกค้าเรียกแท็คซี่ออกไปหมด เราก็ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนคือการโหลด Grab ไว้ในโทรศัพท์ ถ้าแท็คซี่ของเราหมด เราก็ต้องเดินไปถามแขกว่า จะให้เรียกให้ไหม หรือจะไปเรียกเองที่สนามบิน บลาๆ ส่วนใหญ่ก็จะให้เรียกให้เพราะมันขึ้นราคามาอยู่แล้วว่าเท่าไหร่ และไปเรียกที่สนามบินลูกค้าก็จะรู้ว่ามันแพง
** มาทางด้านเพื่อนร่วมงาน ** ขอเกริ่นก่อนว่า CC เป็นฝ่ายที่ดูแล Bell Captain, Bell Boy, Door man, Driver และ Airport Rep. ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายเพราะต้องใช้แรง พลังในการทำงาน ไปวันแรกเราก็ยกมือไว้ทุกคนอ่ะ ไม่รู้ใครเป็นใคร บางทีไหว้แล้ว ไหว้อีก ถามชื่อแล้วถามชื่ออีก 555 เพราะมันเยอะ จำไม่หมด ซึ่งวันแรก เราก็ได้รู้จักพี่คนนึง แกชื่อพี่ วรรณ แกเป็น Door man กับ Bell boy (Bell boyกับDoor man ทำแทนกันได้) แกเป็นผู้ชายตัวเล็ก สูงประมาณ160 แต่แกเก่งมาก มีความเป็นมืออาชีพ แกเล่าว่าแต่ก่อนแกทำงานในกรุงเทพ ทำงานโรงแรมแถวๆสยาม แต่เนื่องจากมันแออัดและประจวบเหมาะกับโรงแรมนี้พึ่งเปิดใหม่ๆ แกเลยลาออกแล้วมาสมัครที่นี่ คนต่อมาเราก็รู้จักพี่ ตั้ม แกเป็น Door man (เนื่องจากเค้าเตอร์เราอยู่ด้านหน้าเลยออกไปยื่นช่วยแกเปิดประตู ยกกระเป๋า เลยได้คุยกัน) พี่ตั้มทำงานที่นี่มาแล้ว 6 ปี แกเป็นคนใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ วันไหนแกได้ทริปมาเยอะ แกก็จะเลี้ยงน้ำ เลี้ยงขนม แต่ถ้าวันไหนเราบ่น พี่วันนี้ผมไม่ได้ทริปเลยว่า แกก็จะให้ 40บ้าง 50บ้าง แล้วแต่ว่าแกได้เยอะหรือน้อย พอทำงานไปเรื่อยๆเราก็รู้จักคนเยอะ ได้คุยกับแขกเยอะขึ้น มีความรู้แนะนำแขกได้ บลาๆ รู้จักวิธีหาความรู้ รู้จักสถานที่ใหม่ๆ รู้จักร้านอาหารดังๆ เพราะเป็นสิ่งที่แขกถามหา เราก็ต้องศึกษาไว้
พี่ CC จะมีทั้งหมด 4 คนแต่ละคนก็อายุเยอะแล้ว แต่เราก็เรียกพี่ รวมถึง Bell boy, Door man, Bell captain, AR, Driver บางคนลูกโตกว่าเราอีก เราก็เรียกพี่555555 พี่เค้าบังคับให้เรียกแบบขำๆ เราก็ตอบได้ครับพี่55555 หน้าที่ๆหลักของเราตอนนี้คือ เรียกแท็คซี่ ทำ Pick up list (สำหรับใช้รับแขก VIP ) ที่เหลือก็จะเป็นเหตุการณ์ไม่คาดคิด ที่บางทีแขกจะเป็นมาให้จองร้านอาหารให้หน่อย หรือร้านอาหารอร่อยๆแถวนี้ที่ไหนดีบ้าง แนะนำหน่อย ซึ่งบอกเลยว่าฝึกที่นี่ได้ใช้ภาษาแน่ๆ และนอกจากความรู้ที่ได้ เราก็ยังได้เรื่องการใช้ชีวิตด้วย พี่เบิร์ด(เป็น1 ใน 4 ของ CC)แกอายุประมาณ 40- 50 เป็นคนแก่ที่ตลกออกแนวกวนนิดๆ ชอบกีฬา ชอบวิทยาศาสตร์ ก็ชอบมาเล่าโน่น นี่ นั่นให้เราฟัง แกสอนดีมากกกกกก สอนวิธีการใช้ชีวิต สอนวิธีป้องกันข้อผิดพลาดในการทำงาน แกให้ข้อคิดในหลายๆด้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่เราไม่ได้คาดหวังว่าจะได้จากการฝึกงาน
** นอกจากอยู่ในเคาเตอร์กับออกมาเป็น Door man เรายังได้เป็นเด็กส่งเอกสารอีกด้วย เพราะทุกวันจันทร์-ศุกร์ จะมีพัสดุของพนักงานมาส่ง เราก็ต้องลงในสมุดแล้วเอาเอกสารไปส่งกองกลาง เค้าก็จะคัดแยกไปในแต่ละแผนก ซึ่งมันทำให้เราได้เดิน ได้รู้จักพี่ๆแผนกอื่นๆ ได้รู้ระบบงานมากขึ้น
ในทุกวันๆ จะมี GM, HM, FOM เดินภายใน Lobby เพื่อดูความเรียบร้อย ทั้ง3คนนี้เป็นคนใจดีมาก ไม่ถือตัว คุยได้ เป็นห่วงพนักงาน โดยเฉพาะ HM เป็นห่วงสุดๆ เจอกันเมื่อไหร่ก็ How are you ? เราก็ตอบตามที่ได้เรียนมา I'm fine thank you and you ? 555555555 จากก็เดินจากกันไป
.......... เดี๋ยวมาต่อ ออกไปข้างนอกแปป