God’s Own Country
Score 90/100
“ต่อให้เข้มแข็งสักเท่าไหร่..ก็ไม่สามารถปฏิเสธความเหงาในใจได้เช่นกัน”
===============
1.
โชคดีที่ดูเรื่องนี้ตอนกลางวัน ถ้าดูหนังเรื่องนี้ตอนค่ำๆ แล้วออกมาเจอกับบรรยากาศเหงาๆ ของกทม. อาจจะยิ่งหน่วงกว่านี้ก็ได้
2.
หนังไม่ได้เศร้าฟูมฟายนะคะ ตรงกันข้ามกลับมีความงดงามและความหวัง ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นสัญชาติญาณความเหงาที่อยู่ลึกในจิตใจให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
3.
God’s Own Country คือเรื่องราวของ จอห์นนี่ เด็กหนุ่มที่ไม่ได้เรียนต่อมหาลัย เพราะต้องรับช่วงต่อกิจการฟาร์มแกะของครอบครัว ในขณะเดียวกันก็ต้องเลี้ยงดูพ่อที่ไม่ค่อยสบาย และย่าที่แก่มากแล้ว เขาจึงต้องเข้มแข็งในฐานะหัวหน้าของครอบครัว
จนกระทั่งวันหนึ่ง พ่อของเขาได้รับ “จอร์จี้” คนงานต่างด้าวชาวโรมาเนียเข้ามาช่วยงานชั่วคราว เพราะคิดว่าลูกชายคนเดียวคงทำไม่ไหว ทำให้จอห์นนี่ผู้ซึ่งพยายามแสดงต่อหน้าทุกคนว่าฉันเข้มแข็ง ฉันทำได้ รู้สึกไม่พอใจกับการมาของจอร์จี้ เพราะนั่นหมายความว่าพ่อกำลังมองว่า “ตัวเขายังไม่พร้อมสำหรับการเป็นหัวหน้าครอบครัว”
4.
เอาจริงๆ ตอนแรกที่ถูกพี่เขน เจ้าของเพจ ดูหนังทุกวัน ผู้ซื้อลิขสิทธิ์หนังเรื่องนี้มาจัดจำหน่ายฉายในไทย ชวนมาดูหนังเรื่องนี้คือปฏิเสธเขาไป เพราะผู้ชายไม่ใช่สไตล์อิฉัน (นี่สายนิปปอนสายเกาสายตี๋ค่ะ 55555) และหน้าหนังมีความคล้าย brokeback mountain ที่ส่วนตัวรู้สึกเฉยๆ
5.
แต่ปรากฏว่าเมื่อดูเรื่องนี้จบ เรากลับชอบเรื่องนี้มากกว่า brokeback mountain ส่วนหนึ่งเพราะหนังมีความร่วมสมัย พูดถึงคนชายขอบ และการยอมรับ รวมไปถึง“ความเหงา” (อาการที่คนสมัยนี้เป็นกันเยอะมาก) ยิ่งบรรยากาศและสไตล์การถ่ายภาพของเรื่องนี้ ยิ่งขยี้ต่อมความเหงาให้มากขึ้นพูนทวี รวมไปถึงพระเอกทั้งคู่ ที่แสดงเสน่ห์ออกมา ยิ่งดูยิ่งรู้สึกถึงความหล่อมากขึ้นเรื่อยๆ
6.
หลายครั้งที่เราต้องทำเป็นเข้มแข็ง และแสดงออกไปว่าสามารถรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆได้ สุดท้ายก็ยังไม่วายรู้สึกอ่อนแออยู่ดี พอยิ่งอ่อนแอ กลับยิ่งรู้สึกเกลียดตัวเอง ที่ทำไมไม่เข้มแข็งให้มันมากกว่านี้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกเหงา ...
ทำไมเรากลับต้องการใครสักคนมาปลอบโยน รู้ทั้งรู้ว่าในเมื่อความรักที่ดีที่สุดคือการรักตัวเอง
แต่ขณะเดียวกัน มนุษย์กลับเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีหัวใจ และต้องการความรัก โอ๊ยยยยยยยยยย #แฟนดีๆมีหาได้ที่ไหนคะ T___T”
7.
เดี้ยนว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังของทุกคนทุกเพศที่กำลังเหงา หรือทำเป็นเข้มแข็งและแท้จริงตัวเองก็เหงา มันมีความงดงาม และเปี่ยมไปด้วยความหวัง ถึงแม้สุดท้าย ดูหนังจบฉันจะเดินกลับบ้านมาขึ้นรถไฟฟ้าเหงาๆ เหมือนเดิมก็ตาม แต่ก็ทำให้รู้ว่า ลึกๆแล้วเราไม่สามารถปฏิเสธความเหงาได้แหล่ะ..เพียงแต่ว่าเราจะจัดการอย่างไร อ้างว้างได้..แต่อย่าทำให้ใจเจ็บก็พอ
==============
10 พ.ค. เป็นต้นไปที่ Lido และ House
18 พ.ค. เป็นต้นไปที่ BKKSR
FB : แมวตัวนั้นนั่งดูหนังตรงแถวc
https://www.facebook.com/cwatchthemovies/
[SR] ===== REVIEW: God’s Own Country “ต่อให้เข้มแข็งสักเท่าไหร่..ก็ไม่สามารถปฏิเสธความเหงาในใจได้เช่นกัน” Score 90/100
God’s Own Country
Score 90/100
“ต่อให้เข้มแข็งสักเท่าไหร่..ก็ไม่สามารถปฏิเสธความเหงาในใจได้เช่นกัน”
===============
1.
โชคดีที่ดูเรื่องนี้ตอนกลางวัน ถ้าดูหนังเรื่องนี้ตอนค่ำๆ แล้วออกมาเจอกับบรรยากาศเหงาๆ ของกทม. อาจจะยิ่งหน่วงกว่านี้ก็ได้
2.
หนังไม่ได้เศร้าฟูมฟายนะคะ ตรงกันข้ามกลับมีความงดงามและความหวัง ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นสัญชาติญาณความเหงาที่อยู่ลึกในจิตใจให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
3.
God’s Own Country คือเรื่องราวของ จอห์นนี่ เด็กหนุ่มที่ไม่ได้เรียนต่อมหาลัย เพราะต้องรับช่วงต่อกิจการฟาร์มแกะของครอบครัว ในขณะเดียวกันก็ต้องเลี้ยงดูพ่อที่ไม่ค่อยสบาย และย่าที่แก่มากแล้ว เขาจึงต้องเข้มแข็งในฐานะหัวหน้าของครอบครัว
จนกระทั่งวันหนึ่ง พ่อของเขาได้รับ “จอร์จี้” คนงานต่างด้าวชาวโรมาเนียเข้ามาช่วยงานชั่วคราว เพราะคิดว่าลูกชายคนเดียวคงทำไม่ไหว ทำให้จอห์นนี่ผู้ซึ่งพยายามแสดงต่อหน้าทุกคนว่าฉันเข้มแข็ง ฉันทำได้ รู้สึกไม่พอใจกับการมาของจอร์จี้ เพราะนั่นหมายความว่าพ่อกำลังมองว่า “ตัวเขายังไม่พร้อมสำหรับการเป็นหัวหน้าครอบครัว”
4.
เอาจริงๆ ตอนแรกที่ถูกพี่เขน เจ้าของเพจ ดูหนังทุกวัน ผู้ซื้อลิขสิทธิ์หนังเรื่องนี้มาจัดจำหน่ายฉายในไทย ชวนมาดูหนังเรื่องนี้คือปฏิเสธเขาไป เพราะผู้ชายไม่ใช่สไตล์อิฉัน (นี่สายนิปปอนสายเกาสายตี๋ค่ะ 55555) และหน้าหนังมีความคล้าย brokeback mountain ที่ส่วนตัวรู้สึกเฉยๆ
5.
แต่ปรากฏว่าเมื่อดูเรื่องนี้จบ เรากลับชอบเรื่องนี้มากกว่า brokeback mountain ส่วนหนึ่งเพราะหนังมีความร่วมสมัย พูดถึงคนชายขอบ และการยอมรับ รวมไปถึง“ความเหงา” (อาการที่คนสมัยนี้เป็นกันเยอะมาก) ยิ่งบรรยากาศและสไตล์การถ่ายภาพของเรื่องนี้ ยิ่งขยี้ต่อมความเหงาให้มากขึ้นพูนทวี รวมไปถึงพระเอกทั้งคู่ ที่แสดงเสน่ห์ออกมา ยิ่งดูยิ่งรู้สึกถึงความหล่อมากขึ้นเรื่อยๆ
6.
หลายครั้งที่เราต้องทำเป็นเข้มแข็ง และแสดงออกไปว่าสามารถรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆได้ สุดท้ายก็ยังไม่วายรู้สึกอ่อนแออยู่ดี พอยิ่งอ่อนแอ กลับยิ่งรู้สึกเกลียดตัวเอง ที่ทำไมไม่เข้มแข็งให้มันมากกว่านี้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกเหงา ...
ทำไมเรากลับต้องการใครสักคนมาปลอบโยน รู้ทั้งรู้ว่าในเมื่อความรักที่ดีที่สุดคือการรักตัวเอง
แต่ขณะเดียวกัน มนุษย์กลับเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีหัวใจ และต้องการความรัก โอ๊ยยยยยยยยยย #แฟนดีๆมีหาได้ที่ไหนคะ T___T”
7.
เดี้ยนว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังของทุกคนทุกเพศที่กำลังเหงา หรือทำเป็นเข้มแข็งและแท้จริงตัวเองก็เหงา มันมีความงดงาม และเปี่ยมไปด้วยความหวัง ถึงแม้สุดท้าย ดูหนังจบฉันจะเดินกลับบ้านมาขึ้นรถไฟฟ้าเหงาๆ เหมือนเดิมก็ตาม แต่ก็ทำให้รู้ว่า ลึกๆแล้วเราไม่สามารถปฏิเสธความเหงาได้แหล่ะ..เพียงแต่ว่าเราจะจัดการอย่างไร อ้างว้างได้..แต่อย่าทำให้ใจเจ็บก็พอ
==============
10 พ.ค. เป็นต้นไปที่ Lido และ House
18 พ.ค. เป็นต้นไปที่ BKKSR
FB : แมวตัวนั้นนั่งดูหนังตรงแถวc https://www.facebook.com/cwatchthemovies/