ความเดิมตอนที่แล้ว
https://ppantip.com/topic/37261766
หลังจากที่เราได้ชื่อวัดมา ก็ตั้งค่าปลายทางในแผนที่ของโทรศัพท์ให้นำทางเราไป
ระยะทางในโทรศัพท์มันคำนวณว่า ใช้เวลาประมาณ สองชั่วโมงกว่า ก็ถึงที่หมาย
ผมขับรถออกมาจากหมู่บ้านเล็กๆแห่งนั้น จนออกมาจากปากซอยจะเข้าถนนใหญ่
ค่อยๆชะลอรถ มองซ้ายขวา ของถนนก่อนออกจากซอย เห็นถนนว่างๆ แต่มีมอไซค์คันหนึ่ง
กำลังวิ่งอยู่ในเลนที่เรากำลังจะออกไป ขับมาอยู่ไกลพอสมควร
ผมก็เลยขับออกมาจากซอย แล้วมอไซค์คันนั้นก็เร่งเครื่อง มาแซงเรา ตอนที่เราเลี้ยวออกมาเข้าถนนใหญ่พอดี
เขา ก็บีบแตใส่ หนึ่งครั้ง ก่อนจะแซงรถเราไป
คนขับหันมามองหน้าเรา แล้วก็ส่ายหัวไปมา เขามากันสองคนอีกคนซ้อนอยู่ด้านหลัง
ไม่ได้ทำอะไร
รุ้งก็พูดขึ้นว่า อะไรของเขา ถนนก็ตั้งกว้าง เราก็ไม่ได้กินเลนออกไปกลางถนนสักหน่อย ยังจะมาทำไม่พอใจอีก
พอขับออกถนนใหญ่มาได้สักพัก เราก็แซงมอไซค์คันนั้นคืน
จนขับมาไกลพอสมควร สักพักก็เห็นมอไซค์คันนั้นเร่งเครื่องตามเรามาติดๆ พยายามจะแซงเรา
ผมก็เลยชะลอรถลงให้มอไซค์แซงไปก่อน
รุ้งเห็นแบบนั้น ก็ งง
"อะไรของเขานะ เฮ้ยๆ ปล่อยมันไปก่อนเลย ถ้ามันรีบ"
พอมอไซค์คันนั้นแซงเราไปได้ เร่งเครื่องมาที่หน้ารถเราแล้วเขาก็เบรคกะทันหันเลยครับ
ผมตกใจ รีบเหยีบเบรค จนเกิดเสียงดัง ทั้งรุ้งและปุ๋มหัวคะมำไปข้างหน้า พร้อมกับ ร้อง ว้าย..!
ผมก็พูดขึ้นว่า เฮ้ย มันหาเรื่องนี่หว่า
มองไปก็เห็นแต่ มอไซค์คันนั้นขับส่ายไปส่ายมาไม่ให้พวกเราแซง
รุ่งก็เลยพูดว่า ปล่อยมัน ปล่อยมัน ให้มันไปก่อน
ผมก็เลยชะลอรถเข้าข้างทางปล่อยให้เขาขับไปก่อน
จนมอไซค์มันแซงไปไกลแล้ว ผมก็เลยขับกลับมาเข้าเลนเหมือนเดิม
เสียงปู๋มพูดขึ้นอยู่ด้านหลังผม อะไรของมันวะ น้ำใจมันไม่มีเลยหรือไง เรื่องแค่นี้ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้
แล้วเราก็เริ่มพากันบ่นให้มอไซค์คันนั้นไปตามประสา
ขับมาได้พักใหญ่ ถนนโล่ง นานๆจะมีรถสวนมาสักคัน
อยู่ๆมีมอไซค์แซงเรามาจากข้างหลัง คนที่นั่งซ้อนท้ายถือไม้หน้าสาม ชี้มาที่รถเรา
พอมันใกล้จะแซงเราไปคนที่ถือไม้หน้าสามก็ฟาดไม้ลงมาใส่แถวๆกระโปรงรถด้านหน้า
ผมตกใจรีบหักหลบ เสียงรุ้งกับปุ๋มโวยวายขึ้นมาทันที
เฮ้ย..ๆ มันอยากตายใช้ไหม
ผมค่อยๆชะลอรถเข้าจอดตรงไหล่ทาง มอไซค์คันนั้นมันเห็นเราจอดมันก็จอดดูเรา
ห่างจากรถผมประมาณ สิบก้าว
สองคนมองมาทางเรา
ผมก็เลยบอก รุ้งว่า รอในรถนะ ผมจะไปเคลียร์ก่อนว่ามันจเอายังไง
พอเปิดประตูลงรถไป สองคนนั้นก็ลงมาจากรถมอไซค์
ผมก็ถามว่า ทำแบบนี้ต้องการ อะไร
เขาก็โวยวายใส่ผมทันทีว่า เก๋าหรือ เก่งนักหรือ ขับรถแบบนี้อยากมีเรื่องใช่ไหม
ผมก็ งง อะไรวะ เรื่องแค่นี้นี่นะ
ก็เลยพูดไปว่า ก็ยอมให้คุณแซงไปแล้วไง แล้วจะเอาอะไรอีก
แล้วอยู่ๆคนที่ถือไม้หน้าสามมาก็เดินเข้ามาหาผม แล้วก็พูดว่า
ทำไม มีปัญหาหรือ อย่าซ่า
ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็เดินเข้าไปตรงหน้ารถผมแล้วก็ฟาดไม้ลงไปที่กระโปรงรถอีก
แล้วก็กระหน่ำฟาดลงไปไม่ยั้ง จนผมต้องรีบเข้าไปล๊อคตัวเขาไว้ ดึงออกมา
ผู้ชายคนนั้นก็พยายามจะตวัดไม้ฟาดมาที่ผม ผมก็ยื้อไม้เขาไว้
สู้กันไปมา ด้วยความที่ผมตัวใหญ่กว่าก็เลยผลักเขาล้มลงไปนอนอยู่ข้างริมทาง
เขามองหน้าผม ขว้างไม้ทิ้ง ลุกขึ้นมา ล้วงมือเข้าไปในเสื้อแถวๆเอวด้านหน้า
แล้วก็ชักปืนออกมา พอผมเห็นดังนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปจับปืนที่มือเขา งัดขึ้นฟ้า
แล้วก็ล้มลงไปฟัดเหวี่ยงแย่งปืนกันที่พื้นริมทาง
ผู้ชายตัวเล็กที่มากันกับเขายืนดูผมแย้งปืนกับชายคนนั้นไปมา ไม่ได้เข้ามาช่วยอะไร
แล้วผมก้ได้ยินเสียงเปิดประตู ร้องเรียกชื่อผม ต้า..
ผมรีบหันไปมอง เห็นรุ้งเปิดประตูรถลงมา กำลังเดินมาทางผม
ผมร้องบอกรุ้งไปว่า อย่าเข้ามา มันมีปืน
ไม่ทันขาดคำ เสียงปืนก็ดังปั้ง! ขึ้น
รู้สึกถึงแรงลม พัดวาบไปตามขาผม เหมือนมีตัวอะไรวิ่งผ่าน
วินาทีนั้น ใจหายวาบเลยครับ
ผมมองไปทางรุ้ง เห็นรุ้งยืนจังงังอยู่ แต่ตามตัวไม่มีแผลอะไร
ผมก็เลยรีบมาสำรวจตัวผมเอง มองไปตามขาที่รู้สึกเย็นวาบเมื่อกี้ ในมือก็จับบีบมือผู้ชายคนที่ถือปืนไว้แน่น
พอมองไม่เห็นแผลในตัวผม ผมก็หันกลับไปมองที่รุ้งอีก
คราวนี้ชำเลืองไปดูทีกระโปรงรถ มีควันขึ้นที่รูเล็กๆตรงกระโปรงหน้ารถ
ผมจ้องไปตรงควันนั้น รุ้งก็หันไปมองตาม แล้วรุ้งก็รีบวิ่งไปเปิดประตูหลังรถ
พร้อมกับรีบเข้าไปในตัวรถ ก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดัง
ไอ้ปุ๋มถูกยิง
เสียงรุ้งร้องไห้โหออกมาจากในรถ เสียงดังมาก
ผมตกใจ รีบปล่อยมือชายคนที่มีเรื่องกับผม รีบวิ่งไปดูปุ๋ม
เปิดประตูรถ ก็เห็นสภาพปุ๋มนอนจมกองเลือดอยู่ รุ้งนั่งอยู่ข้างๆเอามือกดแผลที่ท้องไว้เพื่อห้ามเลือด
พอเห็นสภาพปุ๋มแล้วผมก็โกรธมาก รีบหันไปมอง พวกมอไซค์คันนั้น
เห็นมันลุกขึ้น พากันวิ่งไปที่มอไซค์ของพวกมันแล้วก็รีบสตาร์ทเครื่องขี่หนีไป
วินาทีนั้นคิดอะไรไม่ออกเลยครับ
แต่ได้ยินเสียงรุ้งร้องบอกผมว่า
ต้า แกรีบพาปุ๋มไปโรงบาลก่อน เรื่องอื่นช่างมัน
พอเริ่มมีสติกลับมา ผมก็รีบขึ้นรถ สตาร์ทรถได้ก็รีบกลับรถ ย้อนกลับเข้าไปทางตัวเมือง
หาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
ระหว่างทางได้ยินแต่เสียงรุ้งร้องไห้ เรียก ปุ๋มอย่าหลับนะ ปุ๋มอย่าหลับนะ ตลอดทาง
ส่วนรถที่ผมขับก็มีควันออกมาจากกระโปรงหน้ารถตลอดทางเหมือนกัน
ขับมาไม่นานก็เข้ามาในตัวเมือง แล้วสักพักก็เจอโรงพยาบาล
ผมก็รีบขับรถเข้าไปทันที
พอถึงแผนกฉุกเฉิน ก็ชุลมุนกันอยู่พักใหญ่ กว่าจะส่งปุ๋มถึงมือหมอได้
เราพากันนั่งรอหมอผ่าตัดกระสูนออกจากตัวปุ๋มอยู่หน้าห้องผ่าตัด
ต่างคนต่างกระวนกระวายใจ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
จนสักพัก ดูเหมือนรุ้งจะคิดอะไรได้
ต้า.. เราต้องไปหาพ่อของสากันให้ได้ภายในวันนี้
ไม่งั้น ปุ๋มไม่รอด เรารอไม่ได้อีกแล้วนะ
ผมก็เลยบอกรุ้งไปว่า คงไม่น่าจะทันนะ เพราะรถที่ขับมามันดูแย่ๆแล้ว
ไม่รู้กระสูนมันไปทำให้ข้างในเสียหายตรงไหนหรือเปล่า
ยังไงก็ต้องเอาไปที่อู่ให้เช็คสภาพดูก่อน
รุ้งลุกขึ้นแล้วก็พูดว่า แล้วจะรออะไร ทางนี้ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงมือหมอแล้ว
เราว่า เอารถไปเช็คดูกันก่อนว่าต้องซ่อมอะไรแค่ไหน
ผมกับรุ้งขับรถออกมาหาอู่ที่อยู่ใกล้ๆแถวนั้น แต่ไม่มี
เลยต้องขับออกไปนอกเมืองไกลพอสมควร
หลังจากที่ให้ช่างดูอาการให้คร่าวๆแล้ว เขาก็บอกว่ารอคิวซ่อมอีกสองสามคัน
เดี๋ยวจะซ่อมให้ ก็น่าจะประมาณเย็นๆถึงมารับรถ
เราก็ย้ำกับทางช่างไปว่ายังไงก็ต้องซ่อมให้ได้นะ เพราะว่าเราต้องใช้รถจริงๆ
ทางช่างรับปาก ว่าจะซ่อมให้ทันก่อนเย็น
พอได้ที่ซ่อมรถแล้ว รุ้งก็เลยชวนผมกลับไปที่โรงพยาบาลกัน
ป่านนี้หมอคงผ่าตัดเสร็จแล้วมั้ง
เรานั่งรถตู้ที่เขาเป็นรถรับส่งข้ามจังหวัด อาศัยไปลงแถวๆตลาดในเมืองแล้วก็จะนั่งรถสองแถวต่อไปลงแถวโรงพยาบาล
ในรถตู้มีคนนั่งอยู่ประมาณเจ็ดแปดคน พอเราขึ้นไปบนรถตู้ ก็มีแค่ตรงเบาะหลังสุดเท่านั้นที่ว่าง เลยพากันไปนั่งตรงนั้น
ขับมาได้พักหนึ่ง อยู่ๆก็มีผู้โดยสารท่านหนึ่งพูดว่า พี่ๆ เหม็นอะไรไหม้อะ
แล้วผมกับรุ้งก็ได้กลิ่นเหมือนควันอะไรสักอย่าง ไม่นานผู้โดยสารทั้งคันก็ได้กลิ่นเหมือนกัน
ก็เลยมีพี่คนหนึ่งตะโกนไปหาคนขับ ว่า พี่พี่ เหม็นไหม้อะไรอะ
คนขับรถหันมามอง แล้วก็หันกลับไปขับรถต่อ ชะลอรถเข้าข้างทาง
ลงมาเปิดประตูแถวๆที่ผู้โดยสารนั่ง ตอนนั้นทุกคนนั่งอยู่กับที่ไม่มีใครกล้าลุก
สงสัยจะกลัวโดนแย่งที่นั่ง
คนขับรถขึ้นมาบนรถแล้วพยายามก้มลงไปดม ตามซอกรถ ว่ากลิ่นเหม็นไหม้มาจากไหน
ช่วงที่เขากำลังก้มๆอยู่
อยู่ๆก็มีผู้โดยสารคนหนึ่งพูดว่า เฮ้ยควันอะไร
แล้วเขาก็รีบวิ่งลงรถไป แต่คนอื่นๆก็ยังไม่ลุก จนควันมันเริ่มคลุ้งขึ้นมา
คนขับก็รีบลุกไปดูตรงที่มีควันลอยออกมา
ไม่นานครับ ควันก็เริ่มเกิดมากขึ้น จนผู้โดยสารท่านอื่น ทนไม่ไหว ต่างพากันรีบลุก
แล้วก็เบียดกันรีบลงจากรถกันโกลาหล ผมกับรุ้งรีบเดินออกมาจากเบาะหลัง
แล้วทันใดนั้นเอง คนยังไม่ลงจากรถหมดเลยครับ ไฟก็ลุกขึ้นตรงแถวๆด้านหลังที่ผมกับรุ้งนั่ง
ผมรีบเบียดคนอื่นๆออกมาจากรถทันที
พอทุกคนออกมาจากรถได้ ไม่นานไฟก็เริ่มลุกไหม้ตรงด้านหลังรถตู้ มากขึ้น
ผมยืนดูไฟไหม้รถตู้อยู่สักพัก ก็นึกถึงรุ้งขึ้นมา รีบมองหารุ้ง
อ้าวรุ้งหละ
โปรดติดตามตอนต่อไป
ไปหาพระให้ต่อดวงชะตาที่ขาด (หลอน สยองขวัญ)
https://ppantip.com/topic/37261766
หลังจากที่เราได้ชื่อวัดมา ก็ตั้งค่าปลายทางในแผนที่ของโทรศัพท์ให้นำทางเราไป
ระยะทางในโทรศัพท์มันคำนวณว่า ใช้เวลาประมาณ สองชั่วโมงกว่า ก็ถึงที่หมาย
ผมขับรถออกมาจากหมู่บ้านเล็กๆแห่งนั้น จนออกมาจากปากซอยจะเข้าถนนใหญ่
ค่อยๆชะลอรถ มองซ้ายขวา ของถนนก่อนออกจากซอย เห็นถนนว่างๆ แต่มีมอไซค์คันหนึ่ง
กำลังวิ่งอยู่ในเลนที่เรากำลังจะออกไป ขับมาอยู่ไกลพอสมควร
ผมก็เลยขับออกมาจากซอย แล้วมอไซค์คันนั้นก็เร่งเครื่อง มาแซงเรา ตอนที่เราเลี้ยวออกมาเข้าถนนใหญ่พอดี
เขา ก็บีบแตใส่ หนึ่งครั้ง ก่อนจะแซงรถเราไป
คนขับหันมามองหน้าเรา แล้วก็ส่ายหัวไปมา เขามากันสองคนอีกคนซ้อนอยู่ด้านหลัง
ไม่ได้ทำอะไร
รุ้งก็พูดขึ้นว่า อะไรของเขา ถนนก็ตั้งกว้าง เราก็ไม่ได้กินเลนออกไปกลางถนนสักหน่อย ยังจะมาทำไม่พอใจอีก
พอขับออกถนนใหญ่มาได้สักพัก เราก็แซงมอไซค์คันนั้นคืน
จนขับมาไกลพอสมควร สักพักก็เห็นมอไซค์คันนั้นเร่งเครื่องตามเรามาติดๆ พยายามจะแซงเรา
ผมก็เลยชะลอรถลงให้มอไซค์แซงไปก่อน
รุ้งเห็นแบบนั้น ก็ งง
"อะไรของเขานะ เฮ้ยๆ ปล่อยมันไปก่อนเลย ถ้ามันรีบ"
พอมอไซค์คันนั้นแซงเราไปได้ เร่งเครื่องมาที่หน้ารถเราแล้วเขาก็เบรคกะทันหันเลยครับ
ผมตกใจ รีบเหยีบเบรค จนเกิดเสียงดัง ทั้งรุ้งและปุ๋มหัวคะมำไปข้างหน้า พร้อมกับ ร้อง ว้าย..!
ผมก็พูดขึ้นว่า เฮ้ย มันหาเรื่องนี่หว่า
มองไปก็เห็นแต่ มอไซค์คันนั้นขับส่ายไปส่ายมาไม่ให้พวกเราแซง
รุ่งก็เลยพูดว่า ปล่อยมัน ปล่อยมัน ให้มันไปก่อน
ผมก็เลยชะลอรถเข้าข้างทางปล่อยให้เขาขับไปก่อน
จนมอไซค์มันแซงไปไกลแล้ว ผมก็เลยขับกลับมาเข้าเลนเหมือนเดิม
เสียงปู๋มพูดขึ้นอยู่ด้านหลังผม อะไรของมันวะ น้ำใจมันไม่มีเลยหรือไง เรื่องแค่นี้ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้
แล้วเราก็เริ่มพากันบ่นให้มอไซค์คันนั้นไปตามประสา
ขับมาได้พักใหญ่ ถนนโล่ง นานๆจะมีรถสวนมาสักคัน
อยู่ๆมีมอไซค์แซงเรามาจากข้างหลัง คนที่นั่งซ้อนท้ายถือไม้หน้าสาม ชี้มาที่รถเรา
พอมันใกล้จะแซงเราไปคนที่ถือไม้หน้าสามก็ฟาดไม้ลงมาใส่แถวๆกระโปรงรถด้านหน้า
ผมตกใจรีบหักหลบ เสียงรุ้งกับปุ๋มโวยวายขึ้นมาทันที
เฮ้ย..ๆ มันอยากตายใช้ไหม
ผมค่อยๆชะลอรถเข้าจอดตรงไหล่ทาง มอไซค์คันนั้นมันเห็นเราจอดมันก็จอดดูเรา
ห่างจากรถผมประมาณ สิบก้าว
สองคนมองมาทางเรา
ผมก็เลยบอก รุ้งว่า รอในรถนะ ผมจะไปเคลียร์ก่อนว่ามันจเอายังไง
พอเปิดประตูลงรถไป สองคนนั้นก็ลงมาจากรถมอไซค์
ผมก็ถามว่า ทำแบบนี้ต้องการ อะไร
เขาก็โวยวายใส่ผมทันทีว่า เก๋าหรือ เก่งนักหรือ ขับรถแบบนี้อยากมีเรื่องใช่ไหม
ผมก็ งง อะไรวะ เรื่องแค่นี้นี่นะ
ก็เลยพูดไปว่า ก็ยอมให้คุณแซงไปแล้วไง แล้วจะเอาอะไรอีก
แล้วอยู่ๆคนที่ถือไม้หน้าสามมาก็เดินเข้ามาหาผม แล้วก็พูดว่า
ทำไม มีปัญหาหรือ อย่าซ่า
ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็เดินเข้าไปตรงหน้ารถผมแล้วก็ฟาดไม้ลงไปที่กระโปรงรถอีก
แล้วก็กระหน่ำฟาดลงไปไม่ยั้ง จนผมต้องรีบเข้าไปล๊อคตัวเขาไว้ ดึงออกมา
ผู้ชายคนนั้นก็พยายามจะตวัดไม้ฟาดมาที่ผม ผมก็ยื้อไม้เขาไว้
สู้กันไปมา ด้วยความที่ผมตัวใหญ่กว่าก็เลยผลักเขาล้มลงไปนอนอยู่ข้างริมทาง
เขามองหน้าผม ขว้างไม้ทิ้ง ลุกขึ้นมา ล้วงมือเข้าไปในเสื้อแถวๆเอวด้านหน้า
แล้วก็ชักปืนออกมา พอผมเห็นดังนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปจับปืนที่มือเขา งัดขึ้นฟ้า
แล้วก็ล้มลงไปฟัดเหวี่ยงแย่งปืนกันที่พื้นริมทาง
ผู้ชายตัวเล็กที่มากันกับเขายืนดูผมแย้งปืนกับชายคนนั้นไปมา ไม่ได้เข้ามาช่วยอะไร
แล้วผมก้ได้ยินเสียงเปิดประตู ร้องเรียกชื่อผม ต้า..
ผมรีบหันไปมอง เห็นรุ้งเปิดประตูรถลงมา กำลังเดินมาทางผม
ผมร้องบอกรุ้งไปว่า อย่าเข้ามา มันมีปืน
ไม่ทันขาดคำ เสียงปืนก็ดังปั้ง! ขึ้น
รู้สึกถึงแรงลม พัดวาบไปตามขาผม เหมือนมีตัวอะไรวิ่งผ่าน
วินาทีนั้น ใจหายวาบเลยครับ
ผมมองไปทางรุ้ง เห็นรุ้งยืนจังงังอยู่ แต่ตามตัวไม่มีแผลอะไร
ผมก็เลยรีบมาสำรวจตัวผมเอง มองไปตามขาที่รู้สึกเย็นวาบเมื่อกี้ ในมือก็จับบีบมือผู้ชายคนที่ถือปืนไว้แน่น
พอมองไม่เห็นแผลในตัวผม ผมก็หันกลับไปมองที่รุ้งอีก
คราวนี้ชำเลืองไปดูทีกระโปรงรถ มีควันขึ้นที่รูเล็กๆตรงกระโปรงหน้ารถ
ผมจ้องไปตรงควันนั้น รุ้งก็หันไปมองตาม แล้วรุ้งก็รีบวิ่งไปเปิดประตูหลังรถ
พร้อมกับรีบเข้าไปในตัวรถ ก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดัง
ไอ้ปุ๋มถูกยิง
เสียงรุ้งร้องไห้โหออกมาจากในรถ เสียงดังมาก
ผมตกใจ รีบปล่อยมือชายคนที่มีเรื่องกับผม รีบวิ่งไปดูปุ๋ม
เปิดประตูรถ ก็เห็นสภาพปุ๋มนอนจมกองเลือดอยู่ รุ้งนั่งอยู่ข้างๆเอามือกดแผลที่ท้องไว้เพื่อห้ามเลือด
พอเห็นสภาพปุ๋มแล้วผมก็โกรธมาก รีบหันไปมอง พวกมอไซค์คันนั้น
เห็นมันลุกขึ้น พากันวิ่งไปที่มอไซค์ของพวกมันแล้วก็รีบสตาร์ทเครื่องขี่หนีไป
วินาทีนั้นคิดอะไรไม่ออกเลยครับ
แต่ได้ยินเสียงรุ้งร้องบอกผมว่า
ต้า แกรีบพาปุ๋มไปโรงบาลก่อน เรื่องอื่นช่างมัน
พอเริ่มมีสติกลับมา ผมก็รีบขึ้นรถ สตาร์ทรถได้ก็รีบกลับรถ ย้อนกลับเข้าไปทางตัวเมือง
หาโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
ระหว่างทางได้ยินแต่เสียงรุ้งร้องไห้ เรียก ปุ๋มอย่าหลับนะ ปุ๋มอย่าหลับนะ ตลอดทาง
ส่วนรถที่ผมขับก็มีควันออกมาจากกระโปรงหน้ารถตลอดทางเหมือนกัน
ขับมาไม่นานก็เข้ามาในตัวเมือง แล้วสักพักก็เจอโรงพยาบาล
ผมก็รีบขับรถเข้าไปทันที
พอถึงแผนกฉุกเฉิน ก็ชุลมุนกันอยู่พักใหญ่ กว่าจะส่งปุ๋มถึงมือหมอได้
เราพากันนั่งรอหมอผ่าตัดกระสูนออกจากตัวปุ๋มอยู่หน้าห้องผ่าตัด
ต่างคนต่างกระวนกระวายใจ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
จนสักพัก ดูเหมือนรุ้งจะคิดอะไรได้
ต้า.. เราต้องไปหาพ่อของสากันให้ได้ภายในวันนี้
ไม่งั้น ปุ๋มไม่รอด เรารอไม่ได้อีกแล้วนะ
ผมก็เลยบอกรุ้งไปว่า คงไม่น่าจะทันนะ เพราะรถที่ขับมามันดูแย่ๆแล้ว
ไม่รู้กระสูนมันไปทำให้ข้างในเสียหายตรงไหนหรือเปล่า
ยังไงก็ต้องเอาไปที่อู่ให้เช็คสภาพดูก่อน
รุ้งลุกขึ้นแล้วก็พูดว่า แล้วจะรออะไร ทางนี้ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงมือหมอแล้ว
เราว่า เอารถไปเช็คดูกันก่อนว่าต้องซ่อมอะไรแค่ไหน
ผมกับรุ้งขับรถออกมาหาอู่ที่อยู่ใกล้ๆแถวนั้น แต่ไม่มี
เลยต้องขับออกไปนอกเมืองไกลพอสมควร
หลังจากที่ให้ช่างดูอาการให้คร่าวๆแล้ว เขาก็บอกว่ารอคิวซ่อมอีกสองสามคัน
เดี๋ยวจะซ่อมให้ ก็น่าจะประมาณเย็นๆถึงมารับรถ
เราก็ย้ำกับทางช่างไปว่ายังไงก็ต้องซ่อมให้ได้นะ เพราะว่าเราต้องใช้รถจริงๆ
ทางช่างรับปาก ว่าจะซ่อมให้ทันก่อนเย็น
พอได้ที่ซ่อมรถแล้ว รุ้งก็เลยชวนผมกลับไปที่โรงพยาบาลกัน
ป่านนี้หมอคงผ่าตัดเสร็จแล้วมั้ง
เรานั่งรถตู้ที่เขาเป็นรถรับส่งข้ามจังหวัด อาศัยไปลงแถวๆตลาดในเมืองแล้วก็จะนั่งรถสองแถวต่อไปลงแถวโรงพยาบาล
ในรถตู้มีคนนั่งอยู่ประมาณเจ็ดแปดคน พอเราขึ้นไปบนรถตู้ ก็มีแค่ตรงเบาะหลังสุดเท่านั้นที่ว่าง เลยพากันไปนั่งตรงนั้น
ขับมาได้พักหนึ่ง อยู่ๆก็มีผู้โดยสารท่านหนึ่งพูดว่า พี่ๆ เหม็นอะไรไหม้อะ
แล้วผมกับรุ้งก็ได้กลิ่นเหมือนควันอะไรสักอย่าง ไม่นานผู้โดยสารทั้งคันก็ได้กลิ่นเหมือนกัน
ก็เลยมีพี่คนหนึ่งตะโกนไปหาคนขับ ว่า พี่พี่ เหม็นไหม้อะไรอะ
คนขับรถหันมามอง แล้วก็หันกลับไปขับรถต่อ ชะลอรถเข้าข้างทาง
ลงมาเปิดประตูแถวๆที่ผู้โดยสารนั่ง ตอนนั้นทุกคนนั่งอยู่กับที่ไม่มีใครกล้าลุก
สงสัยจะกลัวโดนแย่งที่นั่ง
คนขับรถขึ้นมาบนรถแล้วพยายามก้มลงไปดม ตามซอกรถ ว่ากลิ่นเหม็นไหม้มาจากไหน
ช่วงที่เขากำลังก้มๆอยู่
อยู่ๆก็มีผู้โดยสารคนหนึ่งพูดว่า เฮ้ยควันอะไร
แล้วเขาก็รีบวิ่งลงรถไป แต่คนอื่นๆก็ยังไม่ลุก จนควันมันเริ่มคลุ้งขึ้นมา
คนขับก็รีบลุกไปดูตรงที่มีควันลอยออกมา
ไม่นานครับ ควันก็เริ่มเกิดมากขึ้น จนผู้โดยสารท่านอื่น ทนไม่ไหว ต่างพากันรีบลุก
แล้วก็เบียดกันรีบลงจากรถกันโกลาหล ผมกับรุ้งรีบเดินออกมาจากเบาะหลัง
แล้วทันใดนั้นเอง คนยังไม่ลงจากรถหมดเลยครับ ไฟก็ลุกขึ้นตรงแถวๆด้านหลังที่ผมกับรุ้งนั่ง
ผมรีบเบียดคนอื่นๆออกมาจากรถทันที
พอทุกคนออกมาจากรถได้ ไม่นานไฟก็เริ่มลุกไหม้ตรงด้านหลังรถตู้ มากขึ้น
ผมยืนดูไฟไหม้รถตู้อยู่สักพัก ก็นึกถึงรุ้งขึ้นมา รีบมองหารุ้ง
อ้าวรุ้งหละ
โปรดติดตามตอนต่อไป