[CR] ขับรถเที่ยวตะลุยอเมริกา USA West Coast Road Trip 14 วัน 3,500 km : [EP.4] San Francisco ในสายหมอก


ย้อนอ่าน EP.3 : ชมเมืองชายทะเล แวะหมู่บ้านน่ารักที่ Monterey-Carmel By The Sea https://ppantip.com/topic/37611987

วันที่ 4 และวันที่ 5 ของการเดินทาง

วันที่ 4 เดินทางสู่ SAN FRANCISCO


เราเดินทางต่อจาก Carmel By The Sea ไปยัง San Francisco ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ หากใช้ Google Maps ในการนำทาง ควรบวกเผื่อเวลาจากที่ google คำนวณด้วย ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง เพราะบางทีมีการซ่อมถนน, การกำหนด Speed Limit, ความไม่ชินทาง หรือปัจจัยต่างๆ ที่อาจทำให้เวลาที่คำนวณใน App คลาดเคลื่อนได้ค่ะ

เส้นทางมุ่งสู่ซานฟรานฯนั้นผ่านภูมิประเทศหลากหลาย ทั้งทางคดเคี้ยว , ฟรีเวย์ที่เห็นวิวข้างทางเป็นพื้นที่ทำเกษตรขนาดใหญ่ มีไร่สตรอเบอร์รี่ใหญ่มากๆ สุดลูกหูลูกตา พอเข้ามาในซานฟรานฯแล้วการขับรถก็จะยากขึ้น เพราะมีเลนรถรางด้วย


AIRBNB ที่ SAN FRANCISCO


เราจองบ้าน Airbnb ไว้แถวย่านมหาวิทยาลัยค่ะ ทางตอนใต้ของเมือง ตัดสินใจว่าเที่ยวในซานฟรานฯนี้ขอใช้ระบบขนส่งมวลชนละกัน ไม่อยากปวดหัวกับการขับรถค่ะ ส่วนโรงแรมในเมืองที่มีที่จอดรถ ราคาก็ค่อนข้างสูง แถมตัวเลือกน้อย เราเลยเลือกนอนบ้านเช่าที่อยู่ห่างจากกลางเมืองมาอีกนิดละกัน

เราเลือกที่นี่ค่อนข้างเสี่ยงค่ะ เพราะไม่มีคะแนนรีวิวเลย เจ้าของบ้านเพิ่งเปิดให้เช่าค่ะ เราเป็นลูกค้ากลุ่มแรกๆของคุณป้าเลย ดูรูปในเวปก็โอเค ดูเป็นส่วนตัวดี พอมาถึงแล้วไม่ผิดหวังเลยค่ะ Host ใจดีมาก มาต้อนรับเราและมาช่วยเราหาที่จอดข้างทาง ซึ่งการจอดรถที่นี่ค่อนข้างเข้มงวด ที่จอดไม่ค่อยพอ แถมต้องคอยอ่านป้ายข้างถนนดีๆ และทำตามกฎอย่างเคร่งครัด ไม่อย่างนั้นกลัวจะเจอยกรถ เสียค่าปรับค่ะ

รูปหน้าบ้าน Host ส่วนห้องของเราไม่ได้เข้าทางหน้าบ้านนะคะ แต่จะเข้าตรงซอกเล็กๆข้างบันได ตรงที่มีถังขยะสีฟ้าค่ะ


Host แนะนำเรื่องการจอดรถไม่ให้บังทางเข้าบ้านของคนอื่น และวันทำความสะอาดถนน จากนั้นก็เข้าไปแนะนำห้องพัก ห้องที่เราพักเป็นห้องชั้นหนึ่งของบ้าน กึ่งๆชั้นใต้ดินค่ะ (Host อยู่ชั้นบน แยกส่วนกันอย่างชัดเจน) เวลาคุณป้าเดินก็จะดังนิดหน่อย ประตูห้องมีรหัสที่ Host จะส่งมาให้ก่อนเรามาถึงค่ะ ถ้าไม่เจอ Host ก็กดรหัสเข้าห้องได้เลย มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในห้องให้ถือว่าครบครัน มีเครื่องซักผ้าด้วย อีกทั้งยังมี Guide book แนะนำการเดินทางท่องเที่ยวในซานฟรานฯให้อีกด้วย เรียกได้ว่าเพียบพร้อมจริงๆค่ะ

ถึงจะเป็นห้องกึ่งใต้ดิน แต่ว่าก็สะอาด ตกแต่งดี บรรยากาศอบอุ่นดีค่ะ

เตียงนอนก็นอนสบาย เครื่องนอนก็สะอาดค่ะ

เครื่องอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เครื่องซักผ้าและอบผ้าก็มีให้ค่ะ

พอเก็บของเสร็จแล้ว ก็เตรียมตัวว่าจะเข้าไปในเมืองไปเที่ยว Union Square แต่ดันฝนตก ฟ้าก็มืดขนาด 5-6 โมงอยู่เลย หนาวด้วย เราก็เลยไปหาซื้ออาหารเย็นกันที่ซุปเปอร์มาร์เกต Whole Foods Market แถวๆบ้านมาทาน แล้วก็ซักผ้า รีดผ้า พักผ่อนแทนค่ะ

วันที่ 5 SAN FRANCISCO

วันนี้เป็นวันเดียวที่เราจะได้เที่ยวใน San Francisco กันแบบเต็มที่ เต็มวัน เราก็เลยต้องพร้อมหน่อย ออกเช้าๆ เตรียมเสื้อกันหนาว รองเท้าผ้าใบ และอย่าลืมพกร่มด้วยนะคะ อากาศที่ซานฟรานฯค่อนข้างแปรปรวน และไม่แน่ว่าฝนจะตก ดูจากพยากรณ์อากาศค่ะ

ที่แรกที่เราจะไปคือ PIER 39 ค่ะ เช้านี้เราจะนั่งรถเมล์ไปต่อรถไฟฟ้า BART ค่ะ ที่จริงอยากจะนั่ง UBER หรือ LYFT นะคะเพราะไม่ได้หาข้อมูลการเดินทางมาเลย แต่ว่ามันแพงเกือบยี่สิบเหรียญ

เราขึ้นรถเมล์ตาม Google map ก็ไม่ยากมากค่ะ เป็นรถ MUNI แล้วตั๋วรถเมล์ MUNI เวลาเราขึ้นไป จะมีช่องจ่ายเงินตรงคนขับ ตกรอบล่ะ 2.75 เหรียญ/คน คนขับก็จะฉีกตั๋วให้ คิดเป็นนาที ประมาณ 90 นาที คือเราสามารถขึ้นลงเปลี่ยนสายได้ภายในเวลาตามที่เขาฉีกให้ด้านล่าง ไม่ได้คิดเป็นรอบ เพราะฉะนั้นเก็บตั๋วไว้ดีๆก่อนนะคะ ถ้าขึ้นรอบต่อไปก็เดินขึ้นไปนั่งเลยค่ะ อาจจะมีการสุ่มตรวจตั๋วด้วย

การเดินทางโดยขนส่งมวลชน San Francisco นั้นค่อนข้างหลากหลายมาก มีทั้งรถเมล์ รถไฟฟ้า รถราง ควรศึกษาข้อมูลก่อนที่ https://www.sfmta.com/ ลองโหลด App MUNIMobile มาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ แต่ว่าตั๋วแบบ One day Pass ไม่ค่อยแนะนำนะคะ กลัวจะไม่คุ้มเท่าไหร่

จากนั้นเราก็ไปต่อรถไฟฟ้า BART มาลงที่สถานี Embarcadero ไปต่อรถเมล์ราง (MUNI สาย F) ที่วนไปทาง PIER ต่างๆ จนไปถึง PIER39 ที่ดังที่สุด มีสิงโตทะเลมานอนอาบแดด  มีร้านค้า ม้าหมุน ร้านอาหาร มีวิวเรือจอดเรียงราย ดูคึกคักค่ะ แต่ถ้าอยากลองไปแวะ PIER อื่นๆดูลองหาข้อมูลได้นะคะเผื่อมีอะไรน่าสนใจค่ะ

มีร้านค้าต่างๆให้เดินเล่น และน่าแวะซื้อของฝากค่ะ

ม้าหมุนที่ PIER 39



วิวเรือจอดเรียงราย และมีเรือสำราญด้วยค่ะ

ผู้คนต่างมาเดินเล่นรับลม ชมบรรยากาศทะเล

การได้มาชมสิงโตทะเลนอนอาบแดด เป็นอะไรที่เพลินมากเลยค่ะ และที่มันมาอยู่ตรงนี้ก็เพราะว่า หาอาหารได้ง่าย และปลอดภัยจากสัตว์นักล่าในทะเล แต่ตอนเราไปก็ค่อนข้างน้อย เพราะส่วนหนึ่งมีการอพยพเพื่อการสืบพันธุ์ค่ะ


ตัวนี้น่ารัก


เราเดินต่อมาเพื่อไป Fisherman’s Wharf แลนด์มาร์คชื่อดัง ซึ่งเป็นท่าเรือเก่า และปัจจุบันได้มาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มีร้านอาหารซีฟู้ด ร้านค้าช้อปปิ้ง มีพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง และพิพิธภัณฑ์ Ripley's Believe it or Not

จุดจำหน่ายตั๋วชมเมือง, ตั๋วล่องเรือชมวิว และทัวร์ต่างๆ

บรรยากาศคึกคัก มีนักท่องเที่ยวมาปั่นจักรยานชมเมืองค่ะ จุดนี้จะมองเห็น Alcatraz ไกลๆ


มีเรือรบจัดแสดงอยู่ Pier 45 ใกล้ๆกับ Fisherman’s Wharf เป็นเรือรบที่ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 มาแล้ว หากใครอยากเยี่ยมชมภายในเรือ ก็ซื้อตั๋วเข้าชมได้ค่ะ



และเราได้ไปชมพิพิธภัณฑ์เครื่องเล่นหยอดเหรียญ The Musee mecanique ซึ่งรวบรวมเครื่องเล่นหยอดเหรียญกว่า 200 เครื่องตั้งแต่ปี 1800’s เราชอบที่นี่มาก แบบตื่นเต้นที่ได้เห็นพวกตู้หยอดเหรียญเก่าๆแปลกๆ ดูวินเทจ บางอันก็แอบดูหลอนๆดี สนุกมากค่ะ เพราะเรายังสามารถหยอดเหรียญและลองเล่นได้จริงๆ

ตู้เครื่องเล่นยุคโบราณต่างๆ



ตู้หยอดเหรียญดูดวงไพ่ยิปซี


จากนั้นเราเดินต่อมาที่ Fisherman’s Wharf ถ้าถึงตรงจุดนี้ จะมีป้ายสัญลักษณ์ให้เห็นเด่นชัด ด้านข้างมีขายอาหารพวกแซนด์วิชกุ้งล็อบสเตอร์ ปูอลาสก้าเรียงรายอยู่ค่ะ คืออยากจะบอกว่าลองให้แล้วค้า.. จัดแซนด์วิชล็อบสเตอร์ไปค่ะ คือด้วยความที่ว่าเปิดอินตราแกรมแล้วไปเจอรูปนี้ก่อนที่จะมาเที่ยว เห็นแซนด์วิชล็อบสเตอร์น่ากิน ก็เลยอยากกินอันนี้ๆๆ อยากชิม อยากถ่ายรูป จัดไปค่ะ 21 เหรียญ กัดไปคำแรก ฮื้ม…กลิ่นทะเลหอมชื่นใจ คาวมากๆ เหมือนเพิ่งขึ้นจากน้ำทะเลแล้วมาอยู่ในแซนด์วิชเลยค่ะ ตัวครีมเลี่ยนๆ ขนมปังก็แข็งเหนียว พยายามกินไปสองสามคำก็ต้องเอาทิ้งค่ะ เสียดายเงินมากๆ คือเอาเงินไปนั่งทานร้านอาหารใกล้ๆดีกว่านะคะ
ป้าย Fisherman’s Wharf

แซนด์วิชล็อบสเตอร์ จะวางเรียงรายดูน่ากิน แต่มันไม่ค่อยอร่อยนะคะ


จากนั้นเราเดินไปที่ถนน Lombard เป็นถนนที่เขาว่าคดเคี้ยวที่สุดในซานฟรานฯ ซึ่งห่างออกไปไม่ไกลมาก เดินประมาณ 15-20 นาที เป็นจุดที่นัดท่องเที่ยวให้ความสนใจไปถ่ายรูปกัน พอเดินไปเดินมาจะรู้สึกว่า มันควรจะเปลี่ยนชื่อเป็น ถนนลำบาก มากกว่า เพราะว่าทางมันชันมาก กว่าจะเดินผ่านไปแต่ล่ะบล็อก ปวดขามากค่ะ


พอมาถึงจะเห็นว่า โห นักท่องเที่ยวเต็มเลยค่ะ คนจีน เกาหลี ถ่ายรูปกันใหญ่ แม้ถนนจะคดเคี้ยวและชันขนาดนี้ แต่ก็มีรถขับลงมาไม่ขาดสาย จนต้องมีจราจรคอยโบก ทั้งรถยนต์และนักท่องเที่ยวค่ะ



เราเดินขึ้นตามบันไดด้านข้างถนน Lombard ก็สนุกดีค่ะ เห็นนักท่องเที่ยวตื่นเต้นกันใหญ่ จะเห็นว่าคนส่วนมากที่ขับลงมานั้นมักจะเป็นนักท่องเที่ยวที่อยากลองเปิดประสบการณ์กันซะมากกว่า เพราะเห็นถือกล้องอัดตอนขับลงมากันใหญ่
ใครอยู่บ้านแถวนี้ก็ลำบากอยู่ค่ะ
ชื่อสินค้า:   USA, Road Trip, สหรัฐอเมริกา, อเมริกา, ขับรถเที่ยว
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่