สาเหตุเพราะ

1. สืบเนื่องจากผมเป็นมนุษย์เงินเดือนที่เพิ่งได้รับหมายเรียกจากกสิกรตรวจสอบภาษีย้อนหลังของเมื่อ 2 ปีก่อน เพราะคิดว่าผมมีการขายของออนไลน์แต่ไม่ได้ยื่นเป็นรายได้

      ซึ่งผมก็ได้ไปพบชี้แจงว่าทำงานด้าน IT และรับให้คำปรีกษาสำหรับคนที่มีปัญหาสงสัยต่างๆ  ผมจึงได้ลองสมัครเปิดร้านไว้กับ เทพshop ที่กำลังมาใหม่ในสมัยนั้น ซึ่งต้องใช้บัตรประชาชน กับ สำเนา book bank เพื่อ verify ตัวตนว่าเป็นร้านค้าที่เชื่อถือ และได้ทำการ post รายการไว้แค่ 4 รายการที่ไม่เคย update ตั้งแต่เปิดร้านออนไลน์ แถมร้านออนไลน์ดังกล่าวก็ปิดไปแล้วด้วยเพราะไม่ได้ login นาน (แต่เป็นรายการที่ผมมีของอยู่จริงเผื่อมีการสั่งซื้อ) ผมจะได้รู้ว่าระบบของ เทพshop เมื่อมีการซื้อขายแล้วการตัด stock หรือ การส่งของหรือระบบต่างๆเป็นอย่างไร  แต่มันก็ขายไม่ได้เลย แล้วผมเลยปล่อยให้ร้านค้าออนไลน์นั้นปิดไป ซึ่งกรมสรรพากรก็เห็นว่ามีการโพสขายเสื้ออยู่แค่ 4 รายการ ยอดวิวแทบไม่มี การ update อะไรต่างๆก็ไม่มี จนเวบมันปิดตัวไปเองแล้ว

      ความโชคร้ายมาเกิดตรงผมดันเอาเลขบัญชีส่วนตัวมาใช้ทดลอง (เพราะไม่คิดว่าจะมีปัญหาตามมา เพราะ e-commerce เพิ่งจะบูมในไทยในช่วงนั้น) ซึ่งเลขบัญชีนี้เป็นของ Kbank ที่คนส่วนใหญ่ใช้กัน (ของมันต้องมีเพื่อที่จะโอนเงินให้กันสะดวกขึ้น) ทีนี้พอสรรพกรเรียกตรวจ book bank ดังกล่าว  แล้วหากรายการใดไม่สามารถชี้แจงได้ว่ามาจากเงินส่วนตัวที่โอนเข้ามา จะถือว่าเป็นรายได้จากการของออนไลน์ ต้องมาเสียภาษี

     ตอนนี้ผมเลยเครียดเลยครับ ต้องมาเสียเงินเสียเวลาตามขอ statement ของแต่ละธนาคารเพื่อมานั่งชนรายการ และอาจจะต้องตามขอจากญาติพี่น้องและเพื่อนๆที่เคยโอนเงินให้กันเวลาไปเที่ยวแล้วเคลียร์ค่าใช้จ่ายกัน

หากเป็นแบบนี้ วันใดกรมสรรพากร เรียกดู prompt pay เราแล้วเจอรายการที่เราเอาเงินสดเข้าบัญชี หรือมีการใช้หนี้ หรือ เราขายรถมือสอง etc. มาขอดูย้อนหลังกันแบบนี้ ใครจะไปจำและชี้แจงได้

(แต่ในมุมของสรรพากรผมก็เข้าใจได้เหมือนกันครับว่า พวกขายของออนไลน์ที่เลียงภาษีอยู่ ก็ใช้บัญชีส่วนตัวเช่นกัน แล้วก็คงอ้างเหตุผลคล้ายๆผม ว่าเงิน ญาติ พี่น้อง โอนให้กัน)

2. ธนาคารหลายแห่งก็เริ่มเปิดฟรีค่าธรรมเนียมต่างๆแล้ว เลยยิ่งทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ promptpay เลยนอกจากตอนเคลมภาษีอาจจะได้เร็วขึ้นมาหน่อย

หรือท่านใดยังคิดว่าเรายังควรสมัคร prompt pay ไว้ เพราะอะไรกันครับ