สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งสถานที่ที่ไปเที่ยวนั้นคือ......... เกาะพิทักษ์นั่นเองงง โดยผมตั้งใจที่จะนำประสบการณ์การท่องเที่ยว การใช้ชีวิตและการเดินทางในการไปเที่ยวครั้งนี้ ซึ่งมีเรื่องราวที่สนุกสนาน และมีความทรงจำที่ดีมากมายหลายๆอย่างที่อยากจะมาแบ่งปันให้ผู้อ่านทุกท่านได้รับ ในการเที่ยวครั้งนี้เรามีกำหนดการจะออกจากกรุงเทพมหานครวันที่ 23 มีนาคมในช่วงเย็นและกลับถึงมหาวิทยาลัยในช่วงดึกของวันที่ 25 มีนาคมเช่นกันซึ่งรวมแล้วใช้เวลาทั้งหมด 2 วัน 2 คืน ที่ได้ใช้ชีวิตเป็นนักท่องเที่ยวที่พร้อมจะลุยไปทุกเส้นทางและทุกสถานการณ์ ok Let’s go!!
ในการเดินทางครั้งนี้เราได้ขับรถยนต์กันไปซึ่งจัดว่าค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถทัวร์หรือรถไฟ จุดเริ่มต้นของเราก็คือการเดินทางไปจุดพักรถบนถนนพระราม 2 ซึ่งเราโดยสารโดยใช้รถประจำทางไปยังจุดขึ้นรถ หลังจากนั้นเราก็เดินทางมาถึงจุดพักรถคุณสาหร่ายเพื่อพักเติมพลังทั้งคนและรถ
พอช่วงเช้าเราก็ขับรถไปถึงจุดข้ามฟากก่อนจะไปถึงเกาะพิทักษ์เพื่อโดยสารต่อโดยใช้เรือ ในขณะที่นั่งเรือไปยังเกาะพิทักษ์ก็มีเรือที่กลับมาจากเกาะพิทักษ์มายังจุดข้ามฟากซึ่งทุกคนต่างยิ้มแย้มและมีความสุขในการท่องเที่ยวครั้งนี้อย่างแน่นอนซึ่งมันค่อนข้างจะขัดแย้งกับสภาพอากาศในขณะนั้นเป็นอย่างมากเพราะว่าขณะนี้เป็นเวลากว่า 9 โมงแล้วแต่แทบไม่มีแสงผ่านทะลุก้อนเมฆออกมาเลยแต่กลับมีเพียงน้ำหยดเล็กๆหล่นลงมาแทนพร้อมกับสีก้อนเมฆที่คุ้นเคยช่วงของฤดูฝน พวกผมทุกคนมั่นใจได้ว่าทริปครั้งนี้ต้องเป็นอะไรที่สนุกสุดๆแน่นอน พอถึงเกาะพิทักษ์ก็ขึ้นไปยังโฮมสเตย์ซึ่งแบบ....โอ้โห้ มันสวยมากก ถ้าเราได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ทุกวันคงเป็นอะไรที่มีความสุขมากแน่นอน
หลังจากนั้นเมื่อถึงบ้านไม้ชายเล โฮมสเตย์ ก็แยกย้ายพักผ่อนกันตามใจชอบ หลังจากนั้นเราทำกิจกรรมตามที่เราวางแผนไว้คือ เดินขึ้นไปจุดชมวิว ของเกาะพิทักษ์ซึ่งระยะทางการขึ้นไปไม่ใช่ง่ายๆเลย แต่รับประกันได้ว่า คุ้มค่ามากๆเพราะบรรยากาศที่ได้รับ รวมถึงวิวทิวทัศน์นั้นรับประกันความพอใจที่ 5 ดาวอย่างแน่นอน
หลังจากขึ้นถึงจุดชมวิวแล้วก็รับประกันอีกว่าทุกคนไม่อยากลงแน่นอน ไม่ใช่เพราะวิวสวยแต่เป็นเพราะบันไดทางลงที่สูงชันมากกกก กิจกรรมต่อไปหลังจากการชมวิวก็คือ การพายเรือและเล่นน้ำทะเล แน่นอนหลายๆคนคงจะยากในการจะหลีกเลี่ยงต่อการเย้ายวนของเสียงน้ำที่มากระทบฝั่งไม่ได้ มันช่างน่าลงไปเล่นยิ่งนักซึ่งที่นี่มีเรือให้เช่ากับเสื้อชูชีพถ้าหากท่านผู้อ่านไม่ชอบการว่ายน้ำก็ยังมีกิจกรรมพายเรือให้ทำได้
โดยราคาของเรือที่ให้เช่านั้นอยู่ที่เพียง ชม.ละ 100 บาทต่อลำเท่านั้นเองแถมยังมีเสื้อชูชีพให้ได้ใส่กันจมน้ำกันไปฟรีๆอีกด้วยกิจกรรมกลางคืนจริงๆแล้วมีหลากหลายกิจกรรมมากมายที่สามารถทำได้แต่ 1 ในกิจกรรมที่เราเลือกทำคือ การตกหมึก ซึ่งบอกได้เลยว่าเป็นกิจกรรมที่เพลิดเพลินสนุกสนานอีกทั้งยังได้ชมบรรยากาศบนเรือตอนกลางคืนซึ่งต้องบอกเลยว่า คุ้มค่ามาก
แล้วหมึกที่เราตกมาได้นั้น แน่นอนว่าเราสามารถรับประทานกันแบบย่างสดๆได้ในทันที แต่ว่าฟ้าฝนไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร หมึกที่ตกได้เลยกลายมาเป็นข้าวต้มในตอนเช้าแทน
ในส่วนของกิจกรรมในวันที่ 2 จะเป็นกิจกรรมการสำรวจรอบเกาะ เรียนรู้วิถีชีวิตการเป็นอยู่ของคนในชุมชนและการประกอบอาชีพของคนในเกาะ ซึ่งเราทำการสำรวจในช่วงเช้าเพื่อให้ได้พบเจอกับผู้คนที่อยู่อาศัยมากที่สุด
และนี่คืออุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่ใช้สำหรับจับสัตว์ทะเล ซึ่งอุปกรณ์ชนิดนี้ชื่อว่า..... ลอบ
อุปกรณ์ชนิดนนี้เป็นที่นิยมในการใช้จับสัตว์ทะเลของคนในชุมชนแห่งนี้ ส่วนใหญ่สัตว์ทะเลที่จับจะเป็นปู หมึก
พอตะวันเริ่มคล้อยลงมาก็เป็นกิจกรรมเดิมที่เราอยากจะทำต่อจากเมื่อวานก็คือ การเล่นน้ำ อารมณ์ความอยากของการเล่นน้ำที่ยังคงเหลือมาจากเมื่อวานจะมาลงในส่วนของวันนี้ให้หมดเพื่อเป็นการเติมพลังงานชีวิตให้เต็มเปี่ยมก่อนจะกลับมาสู่รั้วของมหาวิทยาลัย T^T หลังจากที่เสร็จกิจกรรมก็เตรียมตัวที่จะเดินทางกลับ ก่อนที่เรือข้ามฟากจะมารับก็ได้ซื้อของฝากมายมายหลายอย่างติดไม้ติดมือกันมา ซึ่งของฝากส่วนใหญ่จะเป็นสินค้า handmade จากธรรมชาติและมักจะเป็นของตกแต่งสวยงามเพื่อให้นึกถึงเกาะพิทักษ์ที่นี่เสมอ
สรุปค่าใช้จ่ายต่อคน
ค่าน้ำมันในการเดินทางไปกลับ กรุงเทพ-ชุมพร 2,400 บาท
ค่าที่พักพร้อมอาหารและค่าเรือตกหมึก 800 บาท/คน
ค่าเรือข้ามไปเกาะพิทักษ์ - บาท
รวมจ่ายคนละ 1400 บาท
[CR] เกาะพิทักษ์ is coming
ในการเดินทางครั้งนี้เราได้ขับรถยนต์กันไปซึ่งจัดว่าค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับการเดินทางด้วยรถทัวร์หรือรถไฟ จุดเริ่มต้นของเราก็คือการเดินทางไปจุดพักรถบนถนนพระราม 2 ซึ่งเราโดยสารโดยใช้รถประจำทางไปยังจุดขึ้นรถ หลังจากนั้นเราก็เดินทางมาถึงจุดพักรถคุณสาหร่ายเพื่อพักเติมพลังทั้งคนและรถ
พอช่วงเช้าเราก็ขับรถไปถึงจุดข้ามฟากก่อนจะไปถึงเกาะพิทักษ์เพื่อโดยสารต่อโดยใช้เรือ ในขณะที่นั่งเรือไปยังเกาะพิทักษ์ก็มีเรือที่กลับมาจากเกาะพิทักษ์มายังจุดข้ามฟากซึ่งทุกคนต่างยิ้มแย้มและมีความสุขในการท่องเที่ยวครั้งนี้อย่างแน่นอนซึ่งมันค่อนข้างจะขัดแย้งกับสภาพอากาศในขณะนั้นเป็นอย่างมากเพราะว่าขณะนี้เป็นเวลากว่า 9 โมงแล้วแต่แทบไม่มีแสงผ่านทะลุก้อนเมฆออกมาเลยแต่กลับมีเพียงน้ำหยดเล็กๆหล่นลงมาแทนพร้อมกับสีก้อนเมฆที่คุ้นเคยช่วงของฤดูฝน พวกผมทุกคนมั่นใจได้ว่าทริปครั้งนี้ต้องเป็นอะไรที่สนุกสุดๆแน่นอน พอถึงเกาะพิทักษ์ก็ขึ้นไปยังโฮมสเตย์ซึ่งแบบ....โอ้โห้ มันสวยมากก ถ้าเราได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ทุกวันคงเป็นอะไรที่มีความสุขมากแน่นอน
หลังจากนั้นเมื่อถึงบ้านไม้ชายเล โฮมสเตย์ ก็แยกย้ายพักผ่อนกันตามใจชอบ หลังจากนั้นเราทำกิจกรรมตามที่เราวางแผนไว้คือ เดินขึ้นไปจุดชมวิว ของเกาะพิทักษ์ซึ่งระยะทางการขึ้นไปไม่ใช่ง่ายๆเลย แต่รับประกันได้ว่า คุ้มค่ามากๆเพราะบรรยากาศที่ได้รับ รวมถึงวิวทิวทัศน์นั้นรับประกันความพอใจที่ 5 ดาวอย่างแน่นอน
หลังจากขึ้นถึงจุดชมวิวแล้วก็รับประกันอีกว่าทุกคนไม่อยากลงแน่นอน ไม่ใช่เพราะวิวสวยแต่เป็นเพราะบันไดทางลงที่สูงชันมากกกก กิจกรรมต่อไปหลังจากการชมวิวก็คือ การพายเรือและเล่นน้ำทะเล แน่นอนหลายๆคนคงจะยากในการจะหลีกเลี่ยงต่อการเย้ายวนของเสียงน้ำที่มากระทบฝั่งไม่ได้ มันช่างน่าลงไปเล่นยิ่งนักซึ่งที่นี่มีเรือให้เช่ากับเสื้อชูชีพถ้าหากท่านผู้อ่านไม่ชอบการว่ายน้ำก็ยังมีกิจกรรมพายเรือให้ทำได้
โดยราคาของเรือที่ให้เช่านั้นอยู่ที่เพียง ชม.ละ 100 บาทต่อลำเท่านั้นเองแถมยังมีเสื้อชูชีพให้ได้ใส่กันจมน้ำกันไปฟรีๆอีกด้วยกิจกรรมกลางคืนจริงๆแล้วมีหลากหลายกิจกรรมมากมายที่สามารถทำได้แต่ 1 ในกิจกรรมที่เราเลือกทำคือ การตกหมึก ซึ่งบอกได้เลยว่าเป็นกิจกรรมที่เพลิดเพลินสนุกสนานอีกทั้งยังได้ชมบรรยากาศบนเรือตอนกลางคืนซึ่งต้องบอกเลยว่า คุ้มค่ามาก
แล้วหมึกที่เราตกมาได้นั้น แน่นอนว่าเราสามารถรับประทานกันแบบย่างสดๆได้ในทันที แต่ว่าฟ้าฝนไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร หมึกที่ตกได้เลยกลายมาเป็นข้าวต้มในตอนเช้าแทน
ในส่วนของกิจกรรมในวันที่ 2 จะเป็นกิจกรรมการสำรวจรอบเกาะ เรียนรู้วิถีชีวิตการเป็นอยู่ของคนในชุมชนและการประกอบอาชีพของคนในเกาะ ซึ่งเราทำการสำรวจในช่วงเช้าเพื่อให้ได้พบเจอกับผู้คนที่อยู่อาศัยมากที่สุด
และนี่คืออุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่ใช้สำหรับจับสัตว์ทะเล ซึ่งอุปกรณ์ชนิดนี้ชื่อว่า..... ลอบ
อุปกรณ์ชนิดนนี้เป็นที่นิยมในการใช้จับสัตว์ทะเลของคนในชุมชนแห่งนี้ ส่วนใหญ่สัตว์ทะเลที่จับจะเป็นปู หมึก
พอตะวันเริ่มคล้อยลงมาก็เป็นกิจกรรมเดิมที่เราอยากจะทำต่อจากเมื่อวานก็คือ การเล่นน้ำ อารมณ์ความอยากของการเล่นน้ำที่ยังคงเหลือมาจากเมื่อวานจะมาลงในส่วนของวันนี้ให้หมดเพื่อเป็นการเติมพลังงานชีวิตให้เต็มเปี่ยมก่อนจะกลับมาสู่รั้วของมหาวิทยาลัย T^T หลังจากที่เสร็จกิจกรรมก็เตรียมตัวที่จะเดินทางกลับ ก่อนที่เรือข้ามฟากจะมารับก็ได้ซื้อของฝากมายมายหลายอย่างติดไม้ติดมือกันมา ซึ่งของฝากส่วนใหญ่จะเป็นสินค้า handmade จากธรรมชาติและมักจะเป็นของตกแต่งสวยงามเพื่อให้นึกถึงเกาะพิทักษ์ที่นี่เสมอ
สรุปค่าใช้จ่ายต่อคน
ค่าน้ำมันในการเดินทางไปกลับ กรุงเทพ-ชุมพร 2,400 บาท
ค่าที่พักพร้อมอาหารและค่าเรือตกหมึก 800 บาท/คน
ค่าเรือข้ามไปเกาะพิทักษ์ - บาท
รวมจ่ายคนละ 1400 บาท