(รีวิวหนังแผ่น #3) Pitch Perfect 3 | ว่างๆ เรามา "ร้องเพลง" กัน [*No Spoil]

ในเมื่อวันก่อนเราเลือกหยิบ The Edge of Seventeen มาดูแล้ว วันนี้ เราก็เลยคิดว่าเลือกดูหนังที่ทำให้ Hailee Steinfeld ดังเป็นพรุแตกมั่ง นั่นก็คือ Pitch Perfect 3

     หลังผจญความโหดร้ายของชีวิตหลังเรียนจบเหล่าสาวๆบาร์เดนเบลลาจึงหาทางกลับมาร้องเพลงร่วมกันเป็นครั้งสุดท้ายในทัวร์เพื่อสร้างความบันเทิงให้กองทัพสหรัฐในต่างแดนและยังเป็นการแข่งโชว์ความสามารถให้ดีเจคาเลดเห็นแววท่ามกลางคู่แข่งโหดหินทั้งวงร็อคหญิงล้วน วงฮิพฮอพ และวงคันทรี่ที่ต่างก็มีเครื่องดนตรีเป็นของตนเอง งานนี้เหล่าบาร์เดนเบลลาต้องประสานเสียงอีกครั้งบนเวทีล่าฝันเวทีสุดท้ายของพวกเธอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
"ความประทับใจที่หายไปนาน"
     ขอบอกตามตรงว่าตอนภาคแรกเข้าที่เมกาผมแทบจะไม่มีความอยากไปดูสักนิด แต่ว่าคุณแฟนลากผมไปดูด้วย ปกติผมไม่ค่อยชอบดูหนังแนวร้องเพลงสักเท่าไหร่ แต่ว่าเรื่องนี้มันเกินคาดมาก หนังทั้งสนุก ตลก เพลงเพราะมาก ทำให้ตอนภาคสองเข้า ผมกลับกลายเป็นคนลากคุณแฟน(ใหม่)ไปดูซะงั้น! อ่าว55 และคนดูเต็มโรงครับผม (ไม่แปลกใจที่ขึ้นแท่นหนังเพลงทำเงินสูงสุดทั่วโลก) แต่กลับผิดหวังเล็กน้อยเรื่องบท ที่กระจายให้ตัวละครไม่ทั่วถึง และก็ชดเชยได้ด้วยบทเพลงเพราะๆ เช่น Flashlight ที่ติดหูมากและกลายเป็นปรากฎการณ์ไปแล้ว ส่วนภาคนี้ ผมไปดูคนเดียวครับ (ดูอยู่ไทยแต่แฟนอยู่เมกา เลยต้องจำใจดูอย่างโดดเดี่ยว55) ถึงแม้ภาคนี้จะมีรอบฉายอันน้อยนิดในไทย แต่กลับกวาดเงินทั่วโลกไป 183 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้างเพียง 45 ล้านเหรียญเท่านั้น และพอมันออกแผ่น คิดหรือว่าผมจะไม่ซื้อ จัดไปครับผม พอ!.. มาเข้าเรื่องดีกว่า ร่ายซะยาว

     ความรู้สึกหลังดูจบครั้งแรก รู้สึกว่า "นี่สิ! สิ่งที่รอคอยมานาน" ชอบครับ โอเค! ถึงแม้จะไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่ผมก็ไม่ได้ขัดใจอะไรมากครับ ไม่งั้นหนังคงชิงรางวัลออสการ์แล้ว จริงป่ะ? (พูดซะเว่อร์55) หนังยังคงสนุก เพี้ยน และตลกกว่าที่ผมคาดไว้ สิ่งที่สองภาคแรกทำได้ดี ภาคนี้ก็ถือว่าไม่เลวเลยนะสำหรับการบอกลาวงการ A Cappella ตัวบทนั้นขอบอกเลยว่าอ่อนกว่าภาคแรก แต่รับรองว่าดีกว่าภาคสองอยู่หลายขุม เพราะภาคสองเน้นที่จะขาย Fat Amy และแจ้งเกิด Hailee Steinfeld ทำให้ตัวบทกลับดูไม่ค่อย Balance ให้หนังสมบูรณแบบได้ แต่ในภาคนี้ ตัวละครทุกตัวได้รับบทเท่าเทียมกันเท่าภาคแรก และที่เซอร์ไพร์สผมไปมากกว่านั้น นั่นคือบทสนธนาของ Jessica กับ Ashley ครับ! คุณฟังไม่ผิดหรอก สองคนนี้ก็มีบทเหมือนกันนะ แต่ถึงผมจะชมมาซะขนาดนี้ ก็ขอยอมรับเลยว่าเหตุผลการตัดสินใจของตัวละครในภาคนี้ดูไม่ค่อย Make Sense และถ้าเราตัดเอาตรรกะของมันออก หนังอาจจะยาวแค่ครึ่งชั่วโมงก็เป็นได้ ไม่เชื่อลองไปดู...

"การแสดงของนักแสดงคือจุดแข็งของหนังทั้งเรื่อง"
     ในภาคนี้ ยังคงขนทัพนักแสดงนำชุดเดิมมาครบ นับตั้งแต่ Anna Kendrick, Rebel Wilson, Hailee Steinfeld, Brittany Snow และ Anna Camp จนไปถึงตัวละครใหม่อย่าง Ruby Rose ที่มารับบทหัวหน้าวง Evermoist ทุกคนแสดงได้เป็นธรรมชาติมาก เคมีก็ดูเข้ากันทุกคน ในด้านพลังเสียง Kendrick สุดยอดมากๆ ครับ เธอกรี๊ดนี่กระจกแตกเลยนะ55 อีกคนที่ชอบมว๊าากกกเลยก็คือ Steinfeld น้องใหม่วงเบลลาส์ที่ภาคนี้ถึงแม้จะไม่ค่อยเด่นเท่าภาคที่แล้ว แต่เสียงเธอก็เพราะใช่ย่อยเลยนะ อย่างตอนร้อง Sit Still, Look Pretty นี่เสียงใสมาก ลองฟังกันดูครับ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
"บทเพลงที่เพราะเจาะหู"
     ในเมื่อภาคที่แล้วเพลงไม่ค่อยติดหู ภาคนี้เลยขอคืนฟอร์มครับ จัดมาทุกเพลงฮิต ทั้ง Toxic, Cheap Thrills, I Don't Like It, I Love It, Cake By The Ocean และ Freedom '90 ซึ่งแต่ละเพลงนำมาขับร้องในเวอร์ชั่น A Cappella ได้เพราะมากๆ โดยเฉพาะ Toxic ของ Britney Spears ที่ล้อเลียน MV ได้ฮามากๆ ใครอยากดู เชิญคลิปนี้นะครับ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ     และอีกเพลงที่เพราะมากๆ เลยก็คือ Freedom '90 ครับ ถ้าใครที่อินกับตัวละครมาตั้งแต่ภาคแรก รับรอง! คุณจะต้องน้ำตาซึมกับฉากร้องเพลงร่ำลากันแน่นอน...

สรุป
     ภาคนี้ถือว่าคืนฟอร์ม Pitch Perfect กลับมาได้ดีเลย และยังคงเป็นภาคจบที่น่าประทับใจอีกด้วย ใครที่พลาดดูโรง แนะนำให้หาซื้อแผ่นมาดูเลยครับ สนุกแน่นอน

คะแนน : 7.5/10

อันนี้รูปน่ารักๆ ของนักแสดงครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่