เรื่องนี้ผ่านมาหลายวันแล้วค่ะ น่าจะมีทั้งคนที่เคยเห็นแชร์ตามเพจเฟสบุ๊คแฟนๆแมนยู แต่อาจมีบางคนยังไม่เคยเห็น..วันนี้น้องนำเอาความน่ารักและซึ้งๆของแฟนบอลคนนี้มาให้อ่านกัน..
*ได้รับการขออนุญาตจากพี่เจ้าของเรื่องแล้วนะคะ/\
Cr.prinya insomchur
เนื้อหาอาจจะยาวหน่อย แต่อ่านเถอะค่ะ จะรู้ว่ามันสุดจริงๆ^^
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ #โพสนี้น่าจะเป็นโพสที่ยาวที่สุดของผมในพื้นที่แห่งนี้ครับ
เริ่มจากช่วงเย็นค่ำๆ 'วันที่15 เมษายน' ภาพแรกของเค้าได้ปรากฎลงในพื้นที่โซเชี่ยลเป็นครั้งแรก ผมถึงกับอุทานว่า "เฮ๊ยยยยย" เค้าอยู่ประเทศไทย
แต่ตัวผมไม่สามารถที่จะไปหา ไปพบเจอกับเค้าได้เนื่องจากติดภารกิจครอบครัวช่วงสงกรานต์ที่ต่างจังหวัด ก็ได้แต่เฝ้าดูข่าวว่าเค้าไปที่ไหนบ้าง สนามมวย เยาวราช ผมได้แต่อิจฉาบรรดาผู้คนที่ได้เจอกับเค้า
อีกวันผมเห็นภาพเค้าอีกทีปรากฎอยู่ที่สนามบินดอนเมือง เกจ 5 ซึ่งผมก็ไล่หาข้อมูลว่าเกจ 5 ของสนามบินดอนเมือง ณ.เวลานั้นสามารถเดินทางไปที่ไหนได้บ้าง ซึ่งมันก็มีกระบี่ เชียงใหม่ ภูเก็ต อุดรธานี แต่แล้วผมก็รู้ว่าปลายทางของเค้า คือ "จังหวัดเชียงใหม่" คือสถานที่ที่ผมไปมาช่วงก่อนหน้านี้ช่วงสงกรานต์ ผมได้แต่เฝ้ามองดูเค้าเหมือนอย่างเคย คิดว่าคงไม่มีโอกาสได้ไปเจอเหมือนเคย
แต่แล้วอีกวันรุ่งขึ้นพอถึงเค้าได้ไปปรากฎตัวอยู่ที่สนามบินเชียงใหม่อีกครั้ง ผมถึงกับต้องใช้รอยหยักในสมองของตัวเองอีกครั้ง. เค้าจะไปไหนต่ออีก กรุงเทพ เชียงใหม่ ก็ไปแล้ว ถ้าจะให้ผมเดาเป็นสถานที่แรกที่อยู่ในหัวคือ "ทะเล" แน่นอน แต่มันจะเป็นทะเลที่ไหนล่ะครับ ทะเลไทยขึ้นชื่อมากทั้ง กระบี่ ตรัง ภูเก็ต สุราษธานี ฝั่งไหนอีก อันดามันหรืออ่าวไทย ไม่นับบรรดาเกาะน้อยใหญ่อีกเป็นร้อยๆเกาะ
แต่แล้วทันใดสิ่งที่ผมเห็นในโลกโซเชี่ยลอีกครั้งในวันถัดไป คือรูปทะเลและโขดหิน เงาของต้นไม้ โกลเล็ก2ฝั่ง (ตามรูป) ไปปรากฎอยู่บน ig ของพี่ชายเค้า (ตัวเค้าเองไม่เล่นโปรแกรมโซเชี่ยลใดๆทั้งสิ้น) ผมจึงตัดสินใจคุยกับน้องชายอีกคนนึงว่าเราไปสมุยกันเถอะ แต่เนื่องจากน้องชายผมติดภารกิจด่วนเดินทางกับครอบครัวในวันรุ่งขึ้น ทำให้ผมต้องครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ บวกกับต้องปรึกษาภรรยา สิ่งที่ภรรยาผมตอบกลับมาคือคำว่า "ไปเถอะค่ะ" นั่นทำให้ผมตัดสินใจจองเที่ยวบินที่เช้าที่สุด เพื่อไปเกาะสมุย คือไฟท์ 6:00 เช้า ของวันที่ 22 เมษายน (ตามภาพ)
วันที่ 22 เมษายน....ผมได้พาตัวเองมาถึงสนามบินสมุย ในเวลา 7:00 น. สถานที่ที่ผมไม่รู้จักใครเลย โรงแรมระดับ 3ดาว ถึง 5ดาว บนเกาะสมุย มีเป็นร้อยโรงแรม ผมจะเริ่มหาจากตรงไหน แว๊ปแรกในหัวสมองของผมคือ........
ผมต้องมีพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง
เช่ารถ??? "ไม่ซิ" ผมไม่รู้จักเส้นทางบนเกาะสมุยเลยจริงๆ
แต่สิ่งที่ผมผมนึกออกได้ในตอนนั้นได้ก็คือ....
ผมต้องหาคนที่รู้จักเส้นทางบนเกาะสมุยเป็นอย่างดี เพราะผมคิดว่าผมต้องตะเวนไปในหลายๆที่ หลายโรงแรม หลายหาด
ผมจึงตกผลึกเป็นใช้วิธีไปเดินไปหารถตู้ที่คิวของสนามบินสมุย
เอารูปให้เค้าดูว่าสถานที่นี้มันอยู่ส่วนไหนของเกาะสมุย ให้เค้าพาผมยังสถานที่ตามรูป ซึ่งมันยากมากกับรูปภาพเดียวที่พี่ชายของเค้าเอาลงพื้นที่โซเชี่ยล เช้านั้นผมตะเวนไปโรงแรมเกือบ50โรงแรม เดินลงไปหน้าหาดที่มีลักษณะคล้ายกับในรูป แต่ก็ไม่เจอแบบในรูป หรือถ้าเจอคล้ายไม่มั่นใจ ผมก็จะนั่งรอซักพัก แล้วค่อยไปต่อ ระหว่างทางผมเจรจากับพี่คนขับรถตู้ว่าผมขอเหมาพี่ทั้งวันเลย ไปกับผม ผมมาตามหาคนคนนึงที่เกาะสมุย ซึ่งก็ได้เล่าเรื่องราวให้พี่รถตู้ฟัง พี่เค้าใจดีมากครับ ช่วยเอารูปที่ผมมีอยู่แค่ใบเดียวไปใล่ถามในกลุ่มรถตู้บนเกาะสมุย ทุกโซเชี่ยลที่พี่รถตู้เค้าเล่น ทั้งline / fb เค้าช่วยผมโพสหา จนถึงเที่ยง...ผมเหนื่อย..... ผมบอกพี่รถตู้ว่าเรากลับไปสนามบินกันครับพี่ เผื่อเค้าเช็คเอาท์จากโรงแรมตอนบ่ายมาที่สนามบิน (ผมเดาว่าเค้าไม่น่าพักนาน จากที่เห็นที่กรุงเทพและเชียงใหม่ ที่ละ2คืน)
12:00 น.ผมกลับมายังสนามบินสมุยอีกครั้งเพื่อรอเค้ามาสนามบิน(เดาเอาครับ) ผมนั่งรออยู่ทางเข้าผู้โดยสารขาออก ในใจผมคิดว่าถ้าเค้าลงรถมายังไงก็ต้องเจอ ระหว่างนั้นผมก็บอกพี่คนขับรถตู้ว่าพี่สามารถไปลงคิวตรงวินสนามบินได้ก่อนเลยระหว่างนี้ เดี่ยวถ้าผมจะไปที่ไหนผมจะโทรหาพี่เค้าอีกที ผมรออนู่ตรงนั้นถึง18:00น. ระหว่างนั้นผมก็ใช้เวลาโทรเช็คบรรดาโรงแรมต่างๆว่ามีชื่อคนนี้เช็คเอาท์หรือยัง ผมโทรไปเรื่อยๆหลายโรงแรม ระหว่างรอ คำตอบที่ผมได้รับก็คือ "ไม่มีครับ" "ไม่มีค่ะ" ผมเริ่มท้อใจ...ผมนั่งตัวสั่นเพราะไม่ได้นอน
แต่ก็มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ โรงแรมสุดท้ายที่ผมโทรไป กลับไม่ได้ตอบคำถามผมเหมือนโรงแรมที่ผ่านมา คำตอบของเค้าคือ
"ผมชื่ออะไร" "มาจากที่ไหน" "ติดต่อใครใว้หรือเปล่า"
นั่นทำให้ผมเริ่มมั่นใจว่าเค้าต้องอยู่ที่นี้....
ผมเริ่มดำเนินการใหม่โดยเซิจหาชื่อโรงแรมนี้ใน google กดไปยังรูปภาพทั่วไปบรรยากาศของโรงแรมผมไปสะดุดตาต้นหูกวางที่สระน้ำกับโขดหิน ซึ่งทุมที่พี่ชายเค้าเอาลงโซเชียลในภาพแรกมันน่าจะเป็นเงาของต้นหูกวางต้นนั้น และมันก็คล้ายมาก ในเรื่องตำแหน่ง แล้วก็เงาของต้นหูกวางที่ตรงกับภาพถ่าย
ผมโทรหาพี่คนขับรถตู้ว่าผมจะไปโรงแรมนี้ ใช้เวลาเท่าไหร่จากสนามบิน พี่รถตู้ตอบกลับมาว่าไม่ถึง15นาทีครับ ผมเริ่มมั่นใจว่าเค้าต้องอยู่ที่โรงแรมนี้แน่ๆ
18:30 ผมพาตัวเองมาถึงโรงแรม ซึ่งมะนเป็นโรงแรมระดับ private hotel ที่พึ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน รร.ระดับนี้คงไม่ให้ผมซึ่งแบกกระเป๋าเดินทางเข้าไปนั่งลอยหน้าลอยตาในล๊อบบี้ได้อย่างแน่นอนครับ ทางเดียวที่ผมนึกออกว่าผมจะอยู่สถานที่แห่งนี้ได้นานจนได้เจอเค้าคือ "ร้านอาหารของโรงแรม" โรงแรมนี้มีห้องอาหารอยู่ถึง6 ห้อง ห้องอาหารไทย/ห้องอาหารเช้า/ห้องอาหารอินเตอร์/ห้องอาหารจีน / ห้องอาหารอิตาเลี่ยน / ห้องสเต็ก / ส่วนบาร์อาหารริมหาด มันเยอะมากจริงๆ
ผมจึงจำเป็นต้องเลือกตัดออกให้เหลือ 2 ที่.....คือ ห้องไทยกับริมหาด เนื่องจากผมแอบสอบถามพนักงานขับรถโบกี้ระหว่างที่ขับพาผมไปริมหาดเพื่อที่ผมจะสามารถเช็คสถานที่จริงรูปชายหาดกับโขดหิน ระหว่างการสนทนากับพนักงานก็ถามสัพเพเหระไปเรื่อย จนผมมาถึงห้องอาหารริมหาด ก็เลยถามพนักงานที่ประจำริมหาดว่าถ้าผมจะนั่งสั่งอะไรทานสามารถนั่งได้มั่ย แต่ผมไม่ได้พักที่นี้นะ พนักงานตอบผมกลับมาว่าขอเช็คก่อน ซักพักพนักงานเดินมาบอกว่าว่างเหลือโต๊ะนึง จะบุคใว้มั้ยครับ ผมรีบตอบไปว่าจัดเลยครับ
ระหว่างที่ผมเดินไปที่โต๊ะผมก็ดูสถานที่รอบๆ ไปครับ มันใช่จริงๆ เงาของต้นไม้ที่อยู่ในรูปกับโขดหิน ขาดแค่โกลเล็ก2อันที่ไม่ได้เอามาตั้งใว้ ระว่างที่ผมกลับมานั่งที่โต๊ะ ผมคิดล่ะว่าผมมาถูกทางแล้ว
อย่างน้อยก็รูปที่พี่ชายเค้าเอาลงโซเชี่ยล มันก็ใช่. ผมสั่งอาหารไป แล้วก็ได้แต่นั่งรอ ระหว่างนั้นผมก็ถามพนักงานเสริฟไปเกี่ยวกับโรงแรมพึ่งสร้างเสร็จหรือเปล่า สวยดี ห้องอาหารริมหาดพึ่งเสร็จหรือเปล่า เพราะด้วยความที่ผมมีอาชีพหลัก เป็นสถาปนิก สันดานการสังเกตุสิ่งรอบๆตัวก็จะติดตัวมาตั้งแต่สมัยเรียน
ก็ได้ความว่าห้องอาหารริมหาดนี้ จะเปิดแค่วันอาทิตย์กับจันทร์ สลับกันเปิดกับห้องอาหารอินเตอร์ ที่จะปิดวันอาทิตย์-จันทร์ ส่วนที่เหลือเปิดทุกวัน
19:30 น. ระหว่างที่นั่งกินไป แขกที่มาพักก็เริ่มทยอยลงมาที่ริมหาด จนเกือบเต็มทุกโต๊ะ คงเหลือแค่โต๊ะใหญ่ ที่วางเก้าอี้ใว้ 8 ที่นั่ง ผมเลยแอบถามพนักงานเสริฟว่าโต๊ะนี้เค้าไม่ลงมาทานเหรอ พนักงานตอบผมมาแค่ว่าเป็นโต๊ะของเจ้าของโรงแรมกับแขกเค้าครับ ผมเริ่มคิดว่า เอ่ะ!!! ทำไมเจ้าของโรงแรมถึงจองโต๊ะใว้ และแขกที่ร่วมโต๊ะ จะต้องเป็นระดับ vvip เอามากๆ ผมได้แต่นั่งคิดตาม อีก15นาทีต่อมา สามี-ภรรยา คู่แรกได้เดินมาที่โต๊ะ 8 ที่ ผมหันไปมองถึงกับอุทานในใจ "เฮ๊ยยยยยย"
ใช่ครับ พี่ชายเค้าลงมาก่อนพร้อมกับภรรยา พร้อมกับเด็กเล็กอีก2คน ผมมั่นใจแล้วครับ 100%ว่าเค้าอยู่ที่นี่ และเดี่ยวกำลังจะลงมาสมทบกับพี่ชาย ระหว่างนั้นผมนั่งตัวสั่นอยู่คนเดียวที่โต๊ะและแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง ชายคนที่ผมเฝ้ารอเค้ามาทั้งวันได้ตามมาสมทบที่โต๊ะ ผมได้แต่แอบนั่งชำเลืองมองเค้าเป็นระยะ ซึ่งโต๊ะที่เค้านั่งกับโต๊ะที่ผมนั่งอยู่ห่างกันไม่ถึง10เมตร หัวใจผมพองโต ชุ่มชื่น (ตามรูป)
ผมคิดในใจว่าถ้าผมรุกประชิดไปหาเค้าที่โต๊ะเพื่อขอถ่ายรูป นั้นคือการเสียมารยาทอย่างยิ่ง นึกในใจรอเค้าดีกว่า ให้เค้าลุกออกจากโต๊ะหรือว่าออกมาเดินเล่นริมหาดจะดีกว่า ผมได้แต่นั่งทานข้าวอย่างปลื้มใจ คิดในใจว่านี่ผมได้นั่งกินข้าวอยู่ในบริเวณร้านเดียวกันกับเค้าจริงๆหรือนี่ ระหว่างนั้นการรอคอยของผมก็ประสบผลสำเร็จ ฝันของผมเป็นจริง เค้าลุกขึ้นมาพร้อมกับเด็กเดินมาทางโต๊ะผมเพื่อที่จะพาเด็กไปนั่งเบาะโฟมที่ชายหาดข้างโต๊ะผม (ตามรูป) ระหว่างที่เค้าเดินผ่านโต๊ะ ผมรับรู้ถึงความรู้สึกยิ่งใหญ่ในตัวเค้ามาก เค้าดูอบอุ่นกับครอบครัว พอเค้าเดินผ่านผมไปเพื่อพาลูกไปนั่งที่เบาะ เค้าเดินกลับมาคนเดียว
ประโยคแรกที่ผมเอ่ยกับเค้า
"You have enough time to let me take a photo with you."
เค้าตอบกลับมาว่า
"Ok Can you take a photo now"
โอเค คุณจะถ่ายรูปกับเค้าตอนนี้เลยมั้ย
ผมก็ตอบไปว่า
"Not now Have fun with your dinner. I wait for you."
"ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอกครับ เชิญคุณเอนจอยกับดินเนอร์ของคุณก่อนครับ ผมรอได้" ซึ่งเค้าก็เดินกลับไปที่โต๊ะอาหารของเค้า
23:00น. แขกทุกโต๊ะเริ่มทยอยกลับห้อง เหลือเพียงแต่โต๊ะของเจ้าของโรงแรมและโต๊ะผม พรักงานเริ่มทยอยเก็บโต๊ะ เริ่มเก็บของ
สิ่งที่ผมรอยคอย.....มันได้เกิดขึ้นแล้วครับ เค้าเดินลุกจากโต๊ะเดินมาหาที่โต๊ะผม แล้วพูดว่า
"I promise to take photo"
แปลสั้นๆตามประสาของผมจับใจความได้ว่า "ที่เค้าสัญญาใว้ มาถ่ายรูปกัน"
หลังจากนั้นก็เป็นบทสนทนาด้วยความประทับใจกันทั้งสองฝ่าย
ชายคนนั้นคือ #Eric_The_King_Cantona
กางเกงมวยไทยในรูปคู่ ผมถือมาเพื่อฝากเด็กๆของเค้าครับ เค้าประทับใจมาก กับเสื้อยืดสีขาวที่สกรีนเป็นหน้าเค้าใส่ชุดพระราชา เค้าถึงกับเดินกลับมาหาอีกรอบหลังจากเซ็นเสื้อให้ผมทั้งหมดแล้วเพื่อขอนำไปโชว์ให้ภรรรยากับพี่ชายดู
#ผมยึดถือคำว่า
#ถ้าไม่ทำโอกาสผิดหวังคือ100%
#ถ้าออกไปลุยคือ50-50
#อย่างน้อยโอกาสผิดหวังมันลดลงไปตั้ง50%
#cantona
**จุดเริ่มต้นของการตามหาคันโตน่า..
**เริ่มใกล้ความจริงขึ้นมาอีกนิด
**ในที่สุดดด แอร๊ยยยย ^^
**ความพยายามเป็นผลสำเร็จ
**มอบของที่ระลึก
**ฟินกว่านี้มีอีกไหม
**ที่สุดแล้ววจริงๆ^^
เรื่องราวความน่ารักซึ้งๆของแฟนบอลคนนึงที่มีต่อ"คันโตน่า"
*ได้รับการขออนุญาตจากพี่เจ้าของเรื่องแล้วนะคะ/\
Cr.prinya insomchur
เนื้อหาอาจจะยาวหน่อย แต่อ่านเถอะค่ะ จะรู้ว่ามันสุดจริงๆ^^
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
**จุดเริ่มต้นของการตามหาคันโตน่า..
**เริ่มใกล้ความจริงขึ้นมาอีกนิด
**ในที่สุดดด แอร๊ยยยย ^^
**ความพยายามเป็นผลสำเร็จ
**มอบของที่ระลึก
**ฟินกว่านี้มีอีกไหม
**ที่สุดแล้ววจริงๆ^^