เราเป็นคนนึงที่ชอบกินบุฟเฟ่ต์มากถึงมากที่สุด เดือนนึงให้กินทุกวันเราก็กินได้นะ คือเรื่องปิ้งย่างขอให้ไว้ใจเราค่ะ ซึ่งสมัยก่อนในช่วงยุคทองของหมูกระทะ ร้านปิ้งย่างบนห้างฯ ยังไม่ขึ้นเยอะขนาดนี้ ส่วนใหญ่ที่มีจะเป็นแนวหม้อต้มสุกี้ซะมากกว่า
ตั้งแต่ที่เคยไปกินบุฟเฟ่ต์มา เราไม่เคยโดนปรับสักครั้งเลยนะ ตักมาเยอะแค่ไหนก็กินหมด ถึงเหลือ.. ก็เหลือน้อยมาก (เอาไปชั่ง นน.ไม่ถึงขีดแน่นอน) คือรู้ศักยภาพของตัวเองอ่ะค่ะว่าสามารถกินได้มากน้อยแค่ไหน อีกอย่างชอบไปกินคนเดียว เกิดอิ่มแล้วกินไม่หมด มันไม่มีคนช่วยกิน 5555555555
มันเลยมีเหตุการณ์อยู่ครั้งนึง เราอยากลองกินบุฟเฟ่ต์ที่มันเป็นเตาย่างบนห้างฯ ลองดู ตอนนั้นยังมีแค่ไม่กี่ร้านที่เป็นบุฟเฟ่แบบใช้เตาย่างไฟฟ้า คือ Grills อย่างเดียว ไม่มีน้ำซุปให้ซดหลีแท๊ดอะไรทั้งสิ้น ด้วยความชอบและอินในเรื่องนี้มาก ต้องไม่พลาด ต้องลอง
เราไปที่ร้านปุ๊ปบอกว่ามาทานคนเดียวค่ะ.. แล้วเราก็สั่งๆ เอาอันนั้น เอาอันนี้ คือที่ร้านจะต้องสั่งเมนูหลักกับพนักงานค่ะ ว่ารายการนี้จะเอากี่อัน จะรับกี่ถาดก็ว่ากันไป ส่วนของกินพวกกับแกล้ม ของหวาน เครื่องดื่มตั่งต่าง ก็ลุกไปตักเองตามอัธยาศัย ซึ่งทางร้านจะเป็นเตาย่างให้ Grills อย่างเดียวโดยเฉพาะเลย ไม่มีหม้อต้มสุกี้แยกมาให้แต่อย่างใด
สักพักพนักงานก็ยกถาดตามรายการที่เราสั่งไป.. มาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ คือเยอะไม่เยอะก็คิดเอาแล้วกันว่าโต๊ะมีพื้นที่ไม่เพียงพอที่จะวางอาหารได้ เพราะตอนที่สั่งเราไม่รู้ว่าขนาดของ 1 ถาด มันจะใหญ่และเยอะขนาดนี้ โอ้โห! พระเจ้า เล่นสั่งแต่ละอย่าง 3-4 ถาดขึ้นไปทั้งนั้น
เราไปตักอาหารกลับมาที่โต๊ะ ยังตกใจเลย อะไรวะเนี่ย? ถาดใหญ่ขนาดนี้เลยหรอ? ขนาดโต๊ะข้างๆ เค้ายังต้องหันมามองด้วยความตกใจเลยค่ะ 55555555555 เพิ่งมานึกได้ทีหลัง มิน่าหละตอนที่เราสั่งอาหาร แล้วพนักงานเงยหน้ามามองเราแบบชะงักนิดหน่อย แต่ก็จดออเดอร์ต่อโดยไม่มีการท้วงติงใดๆ ทั้งสิ้น
พอกลับมานั่งกิน แค่เห็นถาดเราก็รู้สึกอิ่มแล้วอ่ะ เป็นครั้งแรกที่กินบุฟเฟ่ต์แบบไม่มีความสุขเลย แถมจำกัดเวลากินแค่ 1.30 ชั่วโมง ..แล้วมองดูถาดอาหารของตัวเองดิ นึกว่ามานั่งแข่งกินวิบาก (วิบากกรรมของตูจริงๆ)
บวกกับตอนนั้นเรายังไม่สันทัดการใช้เตาย่างไฟฟ้าที่ทางร้านบุฟเฟ่ต์ทั้งหลายนิยมใช้ในห้างฯ จึงมีปัญหาการย่างอาหารเกิดขึ้น อย่างหมูสไลด์ ทางร้านสไลด์บางมาก เราคีบไปวางบนเตาไม่ถึง 5 วินาที E’Haaa คือสุกแล้ว ถ้าไม่รีบเอาออกก็ไหม้ติดเตาไปอีก ย่างตับ ย่างหมึก ถ้าไม่รีบกลับด้านนะ มันจะไหม้ชนิดว่ากินแล้วขมเลยอ่ะ T_T
เราไม่รู้นะคะว่าพนักงานเค้าปรับระดับไฟในเตายังไง คือตอนแรกเตาย่างมันไม่ร้อนค่ะ ผ่านไป 10 นาที เนื้อที่เราย่างไว้ก็ยังคง Rare อยู่แบบนั้น เราเลยแจ้งพนักงานให้มาเร่งไฟเพิ่มให้
ซึ่งตอนที่ย่างเบคอนกับสามชั้นนี่แหละมันเป็นอะไรที่พีคสุด พอเราย่างไปสักพักมันก็จะมีน้ำมันเยิ้มออกมา อันนี้มันเป็นเรื่องปกติสากลอยู่แล้ว แต่ที่มันไม่ปกติก็คือตอนที่น้ำมันหมูมันหยดลงไปโดนกับถ่านเตาที่อยู่ด้านล่าง แล้วไฟก็ลุกวาบขึ้นมา มันไม่ได้ลุกธรรมดามันลุกโชนเลยค่ะ ไฟลุกขึ้นมาสูงมาก ถึงจะลุกแค่แปปเดียวแต่เราก็กลัวเหมือนเดิมแหละ (ดีนะที่ขนตาไม่ไหม้ไปด้วย) โชคยังเข้าข้างที่พนักงานมองเห็นพอดีค่ะ ก็สมควรต้องเห็นหรอกไฟลุกสูงขนาดนั้น เค้าก็เลยเดินมาปรับให้ไฟมันเบาลง
และสิ่งที่เราได้เห็นต่อหน้าก็คือ ทุกสิ่งอย่างที่เราได้ย่างเอาไว้ ไหม้หมดเลย ไหม้เกรียมเลยค่ะ ทีนี้พอจะย่างเบคอนกินอีกเราก็กลัว ทั้งกลัวไฟลุก ทั้งกลัวเนื้อที่ย่างเอาไว้จนเตามันจะไหม้ สุดท้ายเลยต้องค่อยๆ ย่างกินด้วยความผวา
กินไปได้สักพักก็เริ่มอิ่มจนจุก ด้วยความที่เราชอบกินประเภทหม้อต้มสุกี้มากกว่า หรือกินแบบหมูกระทะที่มีทั้งเตาย่างและหม้อต้มในเวลาเดียวกัน จะได้ซดน้ำซุปไปด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่เคยไปกินแบบมีแค่เตาย่างอย่างเดียว บวกกับสั่งมาเยอะ (ที่เยอะเพราะไม่รู้ขนาดของถาดอาหารไง อิดวก)
จำได้ว่าเวลาเหลืออีกแค่ไม่กี่นาที เราเลยยกธงขาว พนักงานบอกว่า ทานเหลือเราขออนุญาติปรับเงินตามน้ำหนักที่ชั่งนะคะ และในส่วนของรายการอาการก็จะคิดราคาแตกต่างกันค่ะ ..เราก็โอเค ตามนั้นแหละค่ะ
แล้วพนักงานก็พูดขึ้นอีกว่า คุณพี่ทำไมทานเหลือเยอะจังเลยคะ? ก็เลยบอกไปตรงๆ นั่นแหละว่า ไม่รู้ขนาดของถาดอาหารอ่ะค่ะ ไม่คิดว่ามันจะ Big Size ขนาดเน้!!!!! พอพนักงานเอาบิลมาให้จากราคาบุฟเฟ่ต์ 399 บาท พุ่งทะยานขึ้นไปเป็น 1159 บาท เห็นตัวเลขในบิลแล้วก็สะดุ้ง ง่ายๆ ว่าค่าปรับเยอะกว่าค่าหัวเป็นเท่าตัว
แล้วพนักงานเลยบอกเราว่า คุณพี่ทานเหลือเยอะมากจริงๆ นะคะ คือยังไงทางร้านเก็บอาหารมาก็ต้องเอาทิ้งอยู่ดี ปกติถ้าลูกค้าทานไม่หมดทางร้านจะไม่อนุญาติให้ห่อกลับไป แต่หนูจะลองคุยกับผู้จัดการให้นะคะ มันเหลือเยอะมากจริงๆ หนูเสียดาย
คิดในใจ.. ตูก็เสียดายเหมือนกัน ตามหลักสากลทั่วไปถ้าเข้าร้านบุฟเฟ่ต์แล้วกินไม่หมด ยังไงเค้าก็ไม่ให้ห่อส่วนที่กินเหลือกลับไปอยู่แล้ว
แล้วพนักงานคนนั้นก็เดินกลับมาบอกว่า ทางผู้จัดการอนุญาติให้ห่อกลับได้ค่ะ ..รู้สึกประทับใจเลยอ่ะ เราเองก็กินเหลือเยอะมากจริงๆ (ดูจากค่าปรับแล้วกันเนาะ) 😅 ประทับใจพนักงานคนนั้นที่มีความเป็น fighter เข้าไปคุยกับ ผจก.ให้เราห่ออาหารกลับไปได้นี่แหละ นับถือใจของนางในเรื่อง Service Mind ที่สุดของที่สุด
ครั้งแรกในชีวิตที่ไปทานบุฟเฟ่ต์ (แล้วโดนปรับ)
ตั้งแต่ที่เคยไปกินบุฟเฟ่ต์มา เราไม่เคยโดนปรับสักครั้งเลยนะ ตักมาเยอะแค่ไหนก็กินหมด ถึงเหลือ.. ก็เหลือน้อยมาก (เอาไปชั่ง นน.ไม่ถึงขีดแน่นอน) คือรู้ศักยภาพของตัวเองอ่ะค่ะว่าสามารถกินได้มากน้อยแค่ไหน อีกอย่างชอบไปกินคนเดียว เกิดอิ่มแล้วกินไม่หมด มันไม่มีคนช่วยกิน 5555555555
มันเลยมีเหตุการณ์อยู่ครั้งนึง เราอยากลองกินบุฟเฟ่ต์ที่มันเป็นเตาย่างบนห้างฯ ลองดู ตอนนั้นยังมีแค่ไม่กี่ร้านที่เป็นบุฟเฟ่แบบใช้เตาย่างไฟฟ้า คือ Grills อย่างเดียว ไม่มีน้ำซุปให้ซดหลีแท๊ดอะไรทั้งสิ้น ด้วยความชอบและอินในเรื่องนี้มาก ต้องไม่พลาด ต้องลอง
เราไปที่ร้านปุ๊ปบอกว่ามาทานคนเดียวค่ะ.. แล้วเราก็สั่งๆ เอาอันนั้น เอาอันนี้ คือที่ร้านจะต้องสั่งเมนูหลักกับพนักงานค่ะ ว่ารายการนี้จะเอากี่อัน จะรับกี่ถาดก็ว่ากันไป ส่วนของกินพวกกับแกล้ม ของหวาน เครื่องดื่มตั่งต่าง ก็ลุกไปตักเองตามอัธยาศัย ซึ่งทางร้านจะเป็นเตาย่างให้ Grills อย่างเดียวโดยเฉพาะเลย ไม่มีหม้อต้มสุกี้แยกมาให้แต่อย่างใด
สักพักพนักงานก็ยกถาดตามรายการที่เราสั่งไป.. มาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ คือเยอะไม่เยอะก็คิดเอาแล้วกันว่าโต๊ะมีพื้นที่ไม่เพียงพอที่จะวางอาหารได้ เพราะตอนที่สั่งเราไม่รู้ว่าขนาดของ 1 ถาด มันจะใหญ่และเยอะขนาดนี้ โอ้โห! พระเจ้า เล่นสั่งแต่ละอย่าง 3-4 ถาดขึ้นไปทั้งนั้น
เราไปตักอาหารกลับมาที่โต๊ะ ยังตกใจเลย อะไรวะเนี่ย? ถาดใหญ่ขนาดนี้เลยหรอ? ขนาดโต๊ะข้างๆ เค้ายังต้องหันมามองด้วยความตกใจเลยค่ะ 55555555555 เพิ่งมานึกได้ทีหลัง มิน่าหละตอนที่เราสั่งอาหาร แล้วพนักงานเงยหน้ามามองเราแบบชะงักนิดหน่อย แต่ก็จดออเดอร์ต่อโดยไม่มีการท้วงติงใดๆ ทั้งสิ้น
พอกลับมานั่งกิน แค่เห็นถาดเราก็รู้สึกอิ่มแล้วอ่ะ เป็นครั้งแรกที่กินบุฟเฟ่ต์แบบไม่มีความสุขเลย แถมจำกัดเวลากินแค่ 1.30 ชั่วโมง ..แล้วมองดูถาดอาหารของตัวเองดิ นึกว่ามานั่งแข่งกินวิบาก (วิบากกรรมของตูจริงๆ)
บวกกับตอนนั้นเรายังไม่สันทัดการใช้เตาย่างไฟฟ้าที่ทางร้านบุฟเฟ่ต์ทั้งหลายนิยมใช้ในห้างฯ จึงมีปัญหาการย่างอาหารเกิดขึ้น อย่างหมูสไลด์ ทางร้านสไลด์บางมาก เราคีบไปวางบนเตาไม่ถึง 5 วินาที E’Haaa คือสุกแล้ว ถ้าไม่รีบเอาออกก็ไหม้ติดเตาไปอีก ย่างตับ ย่างหมึก ถ้าไม่รีบกลับด้านนะ มันจะไหม้ชนิดว่ากินแล้วขมเลยอ่ะ T_T
เราไม่รู้นะคะว่าพนักงานเค้าปรับระดับไฟในเตายังไง คือตอนแรกเตาย่างมันไม่ร้อนค่ะ ผ่านไป 10 นาที เนื้อที่เราย่างไว้ก็ยังคง Rare อยู่แบบนั้น เราเลยแจ้งพนักงานให้มาเร่งไฟเพิ่มให้
ซึ่งตอนที่ย่างเบคอนกับสามชั้นนี่แหละมันเป็นอะไรที่พีคสุด พอเราย่างไปสักพักมันก็จะมีน้ำมันเยิ้มออกมา อันนี้มันเป็นเรื่องปกติสากลอยู่แล้ว แต่ที่มันไม่ปกติก็คือตอนที่น้ำมันหมูมันหยดลงไปโดนกับถ่านเตาที่อยู่ด้านล่าง แล้วไฟก็ลุกวาบขึ้นมา มันไม่ได้ลุกธรรมดามันลุกโชนเลยค่ะ ไฟลุกขึ้นมาสูงมาก ถึงจะลุกแค่แปปเดียวแต่เราก็กลัวเหมือนเดิมแหละ (ดีนะที่ขนตาไม่ไหม้ไปด้วย) โชคยังเข้าข้างที่พนักงานมองเห็นพอดีค่ะ ก็สมควรต้องเห็นหรอกไฟลุกสูงขนาดนั้น เค้าก็เลยเดินมาปรับให้ไฟมันเบาลง
และสิ่งที่เราได้เห็นต่อหน้าก็คือ ทุกสิ่งอย่างที่เราได้ย่างเอาไว้ ไหม้หมดเลย ไหม้เกรียมเลยค่ะ ทีนี้พอจะย่างเบคอนกินอีกเราก็กลัว ทั้งกลัวไฟลุก ทั้งกลัวเนื้อที่ย่างเอาไว้จนเตามันจะไหม้ สุดท้ายเลยต้องค่อยๆ ย่างกินด้วยความผวา
กินไปได้สักพักก็เริ่มอิ่มจนจุก ด้วยความที่เราชอบกินประเภทหม้อต้มสุกี้มากกว่า หรือกินแบบหมูกระทะที่มีทั้งเตาย่างและหม้อต้มในเวลาเดียวกัน จะได้ซดน้ำซุปไปด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่เคยไปกินแบบมีแค่เตาย่างอย่างเดียว บวกกับสั่งมาเยอะ (ที่เยอะเพราะไม่รู้ขนาดของถาดอาหารไง อิดวก)
จำได้ว่าเวลาเหลืออีกแค่ไม่กี่นาที เราเลยยกธงขาว พนักงานบอกว่า ทานเหลือเราขออนุญาติปรับเงินตามน้ำหนักที่ชั่งนะคะ และในส่วนของรายการอาการก็จะคิดราคาแตกต่างกันค่ะ ..เราก็โอเค ตามนั้นแหละค่ะ
แล้วพนักงานก็พูดขึ้นอีกว่า คุณพี่ทำไมทานเหลือเยอะจังเลยคะ? ก็เลยบอกไปตรงๆ นั่นแหละว่า ไม่รู้ขนาดของถาดอาหารอ่ะค่ะ ไม่คิดว่ามันจะ Big Size ขนาดเน้!!!!! พอพนักงานเอาบิลมาให้จากราคาบุฟเฟ่ต์ 399 บาท พุ่งทะยานขึ้นไปเป็น 1159 บาท เห็นตัวเลขในบิลแล้วก็สะดุ้ง ง่ายๆ ว่าค่าปรับเยอะกว่าค่าหัวเป็นเท่าตัว
แล้วพนักงานเลยบอกเราว่า คุณพี่ทานเหลือเยอะมากจริงๆ นะคะ คือยังไงทางร้านเก็บอาหารมาก็ต้องเอาทิ้งอยู่ดี ปกติถ้าลูกค้าทานไม่หมดทางร้านจะไม่อนุญาติให้ห่อกลับไป แต่หนูจะลองคุยกับผู้จัดการให้นะคะ มันเหลือเยอะมากจริงๆ หนูเสียดาย
คิดในใจ.. ตูก็เสียดายเหมือนกัน ตามหลักสากลทั่วไปถ้าเข้าร้านบุฟเฟ่ต์แล้วกินไม่หมด ยังไงเค้าก็ไม่ให้ห่อส่วนที่กินเหลือกลับไปอยู่แล้ว
แล้วพนักงานคนนั้นก็เดินกลับมาบอกว่า ทางผู้จัดการอนุญาติให้ห่อกลับได้ค่ะ ..รู้สึกประทับใจเลยอ่ะ เราเองก็กินเหลือเยอะมากจริงๆ (ดูจากค่าปรับแล้วกันเนาะ) 😅 ประทับใจพนักงานคนนั้นที่มีความเป็น fighter เข้าไปคุยกับ ผจก.ให้เราห่ออาหารกลับไปได้นี่แหละ นับถือใจของนางในเรื่อง Service Mind ที่สุดของที่สุด