กาลเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เมื่อนับจากวันที่ ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ ขึ้นมาเล่นให้กับ โรม่า เมื่อปี 1992 จนถึงวันสุดท้ายที่แขวนสตั๊ด โดยรวมแล้ว 25 ปีที่เขามอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับสโมสรแห่งนี้ และเป็นตำนานของทีม "จัลโล่รอสซี่"
“เขามันเป็นไอ้แสบนั่นแหละต๊อตติ ผมไม่เห็นเข้าใจเลยว่าจะตีโพยตีพายกันไปทำไม” นั่นเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่ รอน แอ็ตกินสัน เคยพูดแต่มันก็เป็นสิ่งที่ไร้สาระที่สุดเช่นกัน สติของบิ๊กรอนนั้นคงอยู่ที่อื่นจากอาหารว่างมื้อเล็กของเขาในศึกฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้ายที่เขาทำหน้าที่เป็นผู้วิจารณ์ให้กับ ITV ด้วยคำพูดที่ว่า “มีแซนด์วิชเหลืออีกไหม ผมหิวจะแย่แล้ว”
แต่อดีตผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแอสตัน วิลล่า นั้นก็ไม่ได้เป็นแค่คนเดียวในวงการฟุตบอลอังกฤษที่ไม่เชื่อน้ำยาของ ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ ถัดไปอีกเกือบ 10 ปีทั้ง เทอร์รี่ เวนาเบิ้ลส์, เกล็นน์ ฮ็อดเดิ้ล และ แกรม ซูเนสส์ ต่างก็ไม่ชื่นชอบต๊อตติ เหล่าผู้ได้รับเครื่องราชย์ฯชั้น Victoria Cross อันน่าภาคภูมิใจต่างรุมสับศูนย์หน้าโรม่ารายนี้ด้วยคำชมแก้เก้อหลังเขาทำประตูชัยในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่มเกมพบกับบาเยิร์น มิวนิค ว่า “เขาไม่ใช่พวกนักเตะที่ทุ่มเท” ซูเนสส์ยิ้มแหยๆ “จริงอยู่ว่าเขามีพรสวรรค์แต่คุณรู้ดีว่าผมคิดกับเขาอย่างไร”
ฮ็อดเดิ้ลรับไม้ต่อทันทีว่า “ไม่เลยเขาไม่ใช่จิตรกรชั้นยอดอีกแล้ว ถ้าเขาเคยเป็นแต่ตอนนี้เขาไม่ใช่แล้ว ต้องมีใครสักคนมาแทนที่เขา”
“เกล็นน์พูดถูก” เวนาเบิ้ลส์รวบรัด “เขาเป็นอะไรที่ฟุ่มเฟือยเกินไป”
สังคมฟุตบอลอังกฤษในวงกว้างต่างตัดสินต๊อตติในเรื่องต่างๆมาอย่างยาวนานโดยหยิบเอาเรื่องผลงานในสนามมาพูดถึงไม่มากนัก แต่กลับพูดถึงเกมที่พ่ายยับในศึกแชมเปี้ยนส์ลีกรอบก่อนรองชนะเลิศกับศึกฟุตบอลโลกที่เขาเคยพลาด เขาเป็นเจ้าปัญหาที่เราไม่เข้าไปยุ่งเพื่อจะคลี่คลายลงได้ แม้จะคว้าแชมป์เมเจอร์ถึง 4 รายการ (กัลโช เซเรียอา 1 สมัย โคปาอิตาเลีย 2 สมัย และฟุตบอลโลก 1 สมัย) แต่เราก็กลับนำมาล้อเลียนเสียอย่างนั้น
นั่นมาจากความไม่รู้ อิงลิชชนส่วนใหญ่นั้นรู้จักแข้งวัย 39 ปีรายนี้ว่าค้าแข้งมาอย่างยาวนานต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 26 ให้กับโรม่านับแต่เขาร่วมทีมชุดเยาวชนขณะอายุ 13 ขวบในปี 1989 เขาไม่เคยทิ้งสโมสรในวัยเด็กของตน เรากำลังพูดถึงทายาทชาวโรมันรุ่นที่ 7 ที่ตั้งแต่เริ่มค้าแข้งนั้นไม่เคยไปไกลกว่ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึกแชมเปี้ยนส์ลีกและไม่เคยได้รับเสียงโหวตบอลลงดอร์สูงกว่าอันอับ 5
ทั่วทั้งแผ่นดินนั้นเขาได้รับความเคารพในฐานะเป็นนักเตะผู้จงรักภักดี ตอนที่โรม่าแข่งกับบาร์เซโลน่าในเกมกระชับมิตรนั้น ลีโอเนล เมสซี่ ขอทั้งเสื้อและลายเซ็นของต๊อตติ และอัพโหลดรูปดังกล่าวบนอินสตาแกรมด้วยแคปชั่น “ผู้ยิ่งใหญ่ ปรากฏการณ์ชัดๆ” มีคนกดไลค์ถึง 1.8 ล้านคนเลยทีเดียว
เมสซี่สวมกอดกับต๊อตติในเกมที่เสมอกัน 1-1
สถิติที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆต่างๆนั้นเป็นตัวสนับสนุนแข้งระดับทวีปให้อยู่เหนือแข้งอังกฤษรายอื่นๆ โดยมีเพียงแค่ ซิลวิโอ ปิโอล่า ที่ค้าแข้งในสมัยยังไม่มีกฎล้ำหน้าที่ยิงประตูในเซเรียอาได้เยอะกว่าต๊อตติ เขาได้รับรางวัลนักเตะอิตาลียอดเยี่ยมประจำปี 5 สมัย เขาคว้ารองเท้าทองคำยุโรปได้ในปี 2007 และแน่นอนเขาคว้าแชมป์โลกในปี 2006
ต๊อตติจะมีอายุ 40 ปีในเดือนกันยายนนี้ ขณะที่ราชาแห่งโรมกำลังอาจไปถึงจุดจบของอาชีพการค้าแข้ง โฟร์โฟร์ทูได้สอบถามแฟนบอล, โค้ชและเพื่อนร่วมทีมรายต่างๆว่าทำไมกลาดิเอเตอร์ของฟุตบอลยุโรปรายนี้ถึงทั้งได้รับการยอมรับมากขนาดนี้แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้รับความเชื่อถือและยังคงมีความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับตัวเขาอยู่
ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ นั้นสำคัญอย่างไร อะไรทำให้เขาเป็นเช่นนั้น เขาอดทนอยู่ในเมืองแห่งนี้มาอย่างยาวนานได้อย่างไร และเขาจะสามารถยิงอีก 30 ประตูที่เหลืออยู่ก่อนจะแซงสถิติทำประตูตลอดกาลในเซเรีย อา ของ ซิลวิโอ ปิโอล่า ได้หรือไม่
“เพียงแค่ผมจับบอลไม่กี่ครั้ง ผมก็ตื่นเต้นและมีความสุขสุดๆ”
คุณพ่อต๊อตติย้ำและฟรานเชสโก้ในวัย 4 ขวบผู้สวมถุงเท้าแดงและเสื้อเบอร์ 4 สีขาวก็ลงเล่นกับเด็กที่อายุมากกว่าตน 2 เท่าจนเด็กๆพวกนั้นอ้าปากค้าง
“เอาเลยส่งเด็กนั่นลงสนาม” วูจาดิน บอสคอฟ เพ่งมองที่หน้า ซินิซ่า มิไฮโลวิช มิดฟิลด์จอมยุ่งแนะนำให้โค้ชของเขาเปลี่ยนตัวผู้เล่นด้วยการส่งเด็กผมบลอนด์วัย 16 ปีที่นั่งบนม้านั่งสำรองถัดออกมาไม่กี่ที่ จัลโล่รอสซี่นั้นบุกไปนำเบรสชาอยู่ 2-0 ขณะเหลือเวลา 5 นาทีซึ่งนั่นเป็นฤดูกาลที่น่าผิดหวังมาตลอดจนกระทั่งจบลงในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม 1993
“วอร์มอัพเลยจะได้พร้อมลงสนาม” บอสคอฟสั่งเด็กคนนั้นที่นั่งอยู่ข้างๆ โรเบอร์โต้ มุซซี่ ศูนย์หน้าคนสำคัญวัย 22 ปี แต่เด็กรายนั้นยังนิ่งอยู่
“ดูนั่น” มุซซี่กล่าวแบบไม่พอใจ “เขาพูดกับนายอยู่ ออกไปได้แล้ว”
ในภายหลังแข้งดาวรุ่งคนนั้นก็ระลึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น “ผมลุกขึ้นวอร์มอยู่ 10 วินาทีและลงสนาม ผมได้บอลอยู่ไม่กี่ครั้ง มันตื่นเต้นมากและมีความสุขมากๆด้วย”
ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ ทำความฝันวัยเด็กของตนเองสำเร็จแล้วซึ่งเขาก็ไปต่อเรื่อยๆจนลงเตะไปแล้ว 750 เกมนับตั้งแต่ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของโรม่า
ลองนึกภาพเหตุการณ์ดังกล่าวใน 10 ก่อนหน้านี้ ต๊อตติเลี้ยงบอลได้อย่างคล่องแคล่วอยู่บนเวีย เวตูโลเนีย ถนนแคบๆที่ทอดยาวอยู่ทางใต้ของโคลิเซียมและโรงละครต่างๆของเมืองโบราณอย่างโรม เป็นที่น่าสงสัยว่าชนชั้นแรงงานของกำแพงลาตินสีแดงและบล็อคส์อพาร์ทเมนต์หลังสงครามสีเหลือง สถานที่ที่มีชื่อเล่นว่า “อาคารแห่งโรม” ซึ่งทุกๆคนต่างรู้จักกัน
ภาพของต๊อตติถูกนำมาวาดประดับผนังอาคาร
“ผมไม่ได้เป็นคนตรงอะไรนักหรอก” ต๊อตติเผย “ผมเคยขโมยลูกฟุตบอล ในช่วงหน้าร้อนเราสามารถเล่นฟุตบอลทั้งบ่ายจนพระอาทิตย์ตกได้ บ่อยๆครั้งที่ก่อนกลับบ้าน ผมจะเอาบอลไปด้วย ทำเท่ห์ๆแล้วเอามันไป ผมมีเป็นคอเลกชั่นเลย ผมคืนกลับทั้งหมดในท้ายที่สุด ผมไม่ได้เก่งที่สุดในโรงเรียนแต่ผมนั้นเอาใจใส่และประพฤติตัวดีตลอดเพราะแม่เลย”
นี่ถือเป็นคาแรคเตอร์ของเส้นทางอาชีพที่ดูเหมือนถูกลิขิตเอาไว้แล้ว ฟิโอเรลล่าดูแลการศึกษาของลูกชาย, พาเขาไปฝึกซ้อมครั้งแรกที่ฟอร์ทิทูโด้ จากนั้นก็เป็นสมิต ทราสเทเวเร่ และสุดท้ายที่ลอดิจานี่ตั้งแต่อายุ 10 จน 13 ปีและควบคุมเขาอยู่ในเส้นทางที่ตรงไปข้างหน้าอย่างเคร่งครัด ทุกๆวันอาทิตย์เขาต้องเข้ามิซซา และดูแลคุณตาคุณยายรวมทั้งเล่นไพ่บนโต๊ะทานอาหารร่วมกับครอบครัวแบบขยาย
“ครอบครัวของเขานั้นเป็นปัจจัยที่ส่งผลอย่างมาก” เอมิดิโอ เนโรนี่ โค้ชของต๊อตติที่ลอดิจานี่กล่าว “เอ็นโซ่และฟิโอเรลล่าอยู่ข้างๆลูกเสมออย่างสุขุมรอบคอบ, คอยถ่ายทอดความอ่อนน้อมถ่อมตนและความจริงจังที่เป็นรากฐานมาให้ ขณะอายุแค่ 10 ปีนั้นตัวเล็กและรวดเร็ว คุณสามารถบอกได้เลยว่าเขามีพรสวรรค์จริงๆ ความท้าทายนั้นไม่ใช่การขัดเกลาความสามารถเขาแต่เป็นการแนะนำเส้นทางที่ถูกต้อง เขามีฟุตบอลอยู่ใน DNA เขาเคยเล่นโง่ๆ เขาดูเหมือนกำลังจะทำพลาด จากนั้นเขาก็สามารถทำประตูได้
[bต๊อตติในวัย 19 ปีได้วาดลวดลายในศึกแชมเปี้ยนส์ลีก]
จากนั้นหลายๆเสียงก็พูดถึงว่าที่ดาวรุ่งฝีเท้าฉกาจที่สุดแห่งยุคของโรม ทั้งเอซี มิลาน และยูเวนตุสต่างก็แสดงความสนใจเป็นไปได้ว่าลาซิโอก็ด้วย ตระกูลต๊อตติซึ่งเป็นแฟนบอลโรม่ามาหลายทศวรรษไม่สนใจเรื่องดังกล่าว ฟิโอเรลล่าเดินทางมายังสนามซ้อมทริโกเรียของลอดิจานี่
“ลอดิจานี่” จิลโด้ จานนินี่ ระลึกความทรงจำก่อนภายหลังจะได้รับหน้าที่ดูแลระบบเยาวชนของจัลโล่รอสซี่ “เคยสัญญาต๊อตติกับลาซิโอไว้ แต่แม่ของเขาฟิโอเรลล่ามาหาผมบอกให้โรม่าเป็นผู้คว้าตัวเขาไป ผมไม่อยากต่อรองอะไรมากมาย เรารู้จักเขาดีอยู่แล้วและผมก็ได้ให้ลอดิจานี่ขายเขาให้กับเรา”
ไม่ถึงหนึ่งเดือนต๊อตติก็ได้ลงเล่นกับกลุ่มที่อายุสูงกว่าตัวเอง 2 ปี(อย่างไม่ถูกกฎ)ให้กับทีมยู-15 เขาอุทิศตัวเองเพื่อเป็นนักฟุตบอลโรม่า ทำหน้าที่เป็นเด็กเก็บบอลในเกมเลก 2 ของศึกยูฟ่าคัพรอบชิงชนะเลิศที่พบกับอินเตอร์
เขายังควบคุมการรับประทานขนมปัง, นูเทลล่า, มาร์เกริต้า พิซซ่า และมันฝรั่งทอดอีกด้วย แล้วดาวรุ่งวัย 15 ปีช่วยทีมยู-17 คว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จในปีดังกล่าว
“ผมดึงเขามาร่วมทีมแค่เดือนเดียวก่อนที่เขาจะเล่นให้กับทีมยู-20” เอซิโอ เซลล่า กล่าวกับโฟร์โฟร์ทู “เขาทำให้ผมสนใจในทันที คุณไม่เคยเห็นเด็กอายุน้อยแค่นี้ทำสิ่งพิเศษต่างๆได้ ตั้งแต่ช่วงฝึกซ้อมครั้งแรก ผมรู้เลยว่าตำนานนั้นกำลังจะถือกำเนิดขึ้น เขาสร้างสรรค์สิ่งต่างๆได้ ผมแค่บอกเขาว่าอย่าเพิ่งถือว่าตัวเองทำได้สำเร็จแล้วเพราะว่าทุกๆคนเอาแต่กล่าวชมเขา เวลาเดินต่อไปแล้วเขาก็พิสูจน์สิ่งต่างๆครั้งแล้วครั้งเล่า”
รางวัลใหญ่ที่สุดในชีวิตต๊อตติ
เซลล่าย้อนถึงตอนที่ทีมยู-17 คว้าแชมป์เหนือมิลานในปี 1991 ได้เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ “เขากระโดดหลบทุกๆการเข้าสกัดที่เลวร้าย ไม่สำคัญเลยว่าพวกเขาจะพยายามหยุดต๊อตติมากขนาดไหน จำให้ดีว่านี่เป็นทีมที่พยายามจะเซ็นสัญญาเขามามากกว่า 1 ครั้ง ผมส่งเขาเป็นทั้งมิดฟิลด์ตัวกลางและศูนย์หน้าแล้วเขาก็ทำคนเดียว 2 ประตูช่วยให้เราชนะ 2-0”
“เขาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยทำหน้าที่เป็นโค้ช ไม่ต้องสอนเทคนิคอะไรให้เขาเลย มันเป็นอะไรที่เสียเวลาสุดๆ”
โค้ชทีมยู-20 ลูชาโน่ สปิโนซี่ จะไม่มีวันลืมครั้งแรกที่เขาเห็นนักเตะภายใต้การดูแลลงเล่นในช่วงปรีซีซั่น “หลังเริ่มได้ 10 นาที ผมเรียกผู้อำนวยการกีฬา จอร์โจ้ เปริเนตติ มาบอกเขาว่าอย่าให้แชมเปี้ยนคนนี้ออกจากสโมสรเป็นอันขาด” สปิโนซี่กล่าวกับโฟร์โฟร์ทู “วิธีการยิงของเขานั้นไม่เหมือนกับใครๆ ผมเคยเห็นนักฟุตบอลหนุ่มๆมามากมาย แต่เขาเป็นคนพิเศษ เขาลากทั้งทีมมาอยู่ข้างเขา ผมแค่ต้องบอกให้เขาลงเล่น ผมไม่เคยเห็นนักเตะอายุ 16 เล่นในระดับนี้ เขาทำอาชีพของผมง่ายขึ้นเยอะ”
มันเป็นช่วงระหว่างเกมยู-20 ในเดือนมีนาคม 1993 ที่พบกับอัสโคลี่ที่โลกทั้งใบของต๊อตตินั้นเปลี่ยนไป จากการที่ทีมชุดใหญ่นั้นกำลังจะออกเดินทางไปที่เบรสชา เฮดโค้ชอย่างบอสคอฟตัดสินใจครั้งสุดท้ายด้วยการดึงต๊อตติวัย 16 ปีร่วมทีมไปด้วยหลังเพิ่งยิง 2 ประตูมาหมาดๆ เขาถูกเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลังและถูกเรียกขึ้นรถโค้ช
วูจาดิน บอสคอฟ(ซ้าย) ให้โอกาสต๊อตติประเดิมลงสนาม
วันต่อมาก็เป็นเรื่องของมิไฮโลวิช, บอสคอฟ และการประเดิมลงสนาม เขาลงเล่นแทน รุจจิเอโร่ ริซซิเทลลี่ นักเตะทีมชาติอิตาลี่และตำนานของทีมโรม่าที่มีชื่อเล่นว่า ‘ริซซี่โกล’ โดยสาวกจัลโล่รอสซี่
“เราทุกคนต่างหวังให้เขาได้ประเดิมลงแข่งในวันนั้น” ริซซิเทลลี่กล่าวกับโฟร์โฟร์ทู “ดาวรุ่งหลายๆคนฝึกซ้อมร่วมกับทีมชุดใหญ่แต่ต๊อตตินั้นแตกต่างออกไป คุณไม่เห็นเด็กที่หลอกนักเตะทีมชุดใหญ่ระหว่างฝึกซ้อมได้มากนักหรอก แต่เขามีบุคลิกภาพที่ยิ่งใหญ่มากร่วมไปกับพรสวรรค์ของเขา ผมบอกให้เขาเย็นเข้าไว้และทำให้เต็มที่(ในการประเดิมลงสนาม) มันก็แค่ฟุตบอล พูดแบบขำๆนะ ผมภูมิใจที่ได้หลีกทางให้ต๊อตติลงเล่นเป็นครั้งแรก ทุกๆปีจะมีบางคนเรียกผมมาเพื่อพูดถึงเกมที่โรม่าพบกับเบรสชาเท่านั้น”
To Be Continue..
ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ เจ้าชายหมาป่าผู้ไม่เคยได้รับความรัก
“เขามันเป็นไอ้แสบนั่นแหละต๊อตติ ผมไม่เห็นเข้าใจเลยว่าจะตีโพยตีพายกันไปทำไม” นั่นเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่ รอน แอ็ตกินสัน เคยพูดแต่มันก็เป็นสิ่งที่ไร้สาระที่สุดเช่นกัน สติของบิ๊กรอนนั้นคงอยู่ที่อื่นจากอาหารว่างมื้อเล็กของเขาในศึกฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้ายที่เขาทำหน้าที่เป็นผู้วิจารณ์ให้กับ ITV ด้วยคำพูดที่ว่า “มีแซนด์วิชเหลืออีกไหม ผมหิวจะแย่แล้ว”
แต่อดีตผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแอสตัน วิลล่า นั้นก็ไม่ได้เป็นแค่คนเดียวในวงการฟุตบอลอังกฤษที่ไม่เชื่อน้ำยาของ ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ ถัดไปอีกเกือบ 10 ปีทั้ง เทอร์รี่ เวนาเบิ้ลส์, เกล็นน์ ฮ็อดเดิ้ล และ แกรม ซูเนสส์ ต่างก็ไม่ชื่นชอบต๊อตติ เหล่าผู้ได้รับเครื่องราชย์ฯชั้น Victoria Cross อันน่าภาคภูมิใจต่างรุมสับศูนย์หน้าโรม่ารายนี้ด้วยคำชมแก้เก้อหลังเขาทำประตูชัยในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่มเกมพบกับบาเยิร์น มิวนิค ว่า “เขาไม่ใช่พวกนักเตะที่ทุ่มเท” ซูเนสส์ยิ้มแหยๆ “จริงอยู่ว่าเขามีพรสวรรค์แต่คุณรู้ดีว่าผมคิดกับเขาอย่างไร”
ฮ็อดเดิ้ลรับไม้ต่อทันทีว่า “ไม่เลยเขาไม่ใช่จิตรกรชั้นยอดอีกแล้ว ถ้าเขาเคยเป็นแต่ตอนนี้เขาไม่ใช่แล้ว ต้องมีใครสักคนมาแทนที่เขา”
“เกล็นน์พูดถูก” เวนาเบิ้ลส์รวบรัด “เขาเป็นอะไรที่ฟุ่มเฟือยเกินไป”
สังคมฟุตบอลอังกฤษในวงกว้างต่างตัดสินต๊อตติในเรื่องต่างๆมาอย่างยาวนานโดยหยิบเอาเรื่องผลงานในสนามมาพูดถึงไม่มากนัก แต่กลับพูดถึงเกมที่พ่ายยับในศึกแชมเปี้ยนส์ลีกรอบก่อนรองชนะเลิศกับศึกฟุตบอลโลกที่เขาเคยพลาด เขาเป็นเจ้าปัญหาที่เราไม่เข้าไปยุ่งเพื่อจะคลี่คลายลงได้ แม้จะคว้าแชมป์เมเจอร์ถึง 4 รายการ (กัลโช เซเรียอา 1 สมัย โคปาอิตาเลีย 2 สมัย และฟุตบอลโลก 1 สมัย) แต่เราก็กลับนำมาล้อเลียนเสียอย่างนั้น
นั่นมาจากความไม่รู้ อิงลิชชนส่วนใหญ่นั้นรู้จักแข้งวัย 39 ปีรายนี้ว่าค้าแข้งมาอย่างยาวนานต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 26 ให้กับโรม่านับแต่เขาร่วมทีมชุดเยาวชนขณะอายุ 13 ขวบในปี 1989 เขาไม่เคยทิ้งสโมสรในวัยเด็กของตน เรากำลังพูดถึงทายาทชาวโรมันรุ่นที่ 7 ที่ตั้งแต่เริ่มค้าแข้งนั้นไม่เคยไปไกลกว่ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึกแชมเปี้ยนส์ลีกและไม่เคยได้รับเสียงโหวตบอลลงดอร์สูงกว่าอันอับ 5
ทั่วทั้งแผ่นดินนั้นเขาได้รับความเคารพในฐานะเป็นนักเตะผู้จงรักภักดี ตอนที่โรม่าแข่งกับบาร์เซโลน่าในเกมกระชับมิตรนั้น ลีโอเนล เมสซี่ ขอทั้งเสื้อและลายเซ็นของต๊อตติ และอัพโหลดรูปดังกล่าวบนอินสตาแกรมด้วยแคปชั่น “ผู้ยิ่งใหญ่ ปรากฏการณ์ชัดๆ” มีคนกดไลค์ถึง 1.8 ล้านคนเลยทีเดียว
เมสซี่สวมกอดกับต๊อตติในเกมที่เสมอกัน 1-1
สถิติที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆต่างๆนั้นเป็นตัวสนับสนุนแข้งระดับทวีปให้อยู่เหนือแข้งอังกฤษรายอื่นๆ โดยมีเพียงแค่ ซิลวิโอ ปิโอล่า ที่ค้าแข้งในสมัยยังไม่มีกฎล้ำหน้าที่ยิงประตูในเซเรียอาได้เยอะกว่าต๊อตติ เขาได้รับรางวัลนักเตะอิตาลียอดเยี่ยมประจำปี 5 สมัย เขาคว้ารองเท้าทองคำยุโรปได้ในปี 2007 และแน่นอนเขาคว้าแชมป์โลกในปี 2006
ต๊อตติจะมีอายุ 40 ปีในเดือนกันยายนนี้ ขณะที่ราชาแห่งโรมกำลังอาจไปถึงจุดจบของอาชีพการค้าแข้ง โฟร์โฟร์ทูได้สอบถามแฟนบอล, โค้ชและเพื่อนร่วมทีมรายต่างๆว่าทำไมกลาดิเอเตอร์ของฟุตบอลยุโรปรายนี้ถึงทั้งได้รับการยอมรับมากขนาดนี้แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้รับความเชื่อถือและยังคงมีความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับตัวเขาอยู่
ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ นั้นสำคัญอย่างไร อะไรทำให้เขาเป็นเช่นนั้น เขาอดทนอยู่ในเมืองแห่งนี้มาอย่างยาวนานได้อย่างไร และเขาจะสามารถยิงอีก 30 ประตูที่เหลืออยู่ก่อนจะแซงสถิติทำประตูตลอดกาลในเซเรีย อา ของ ซิลวิโอ ปิโอล่า ได้หรือไม่
“เพียงแค่ผมจับบอลไม่กี่ครั้ง ผมก็ตื่นเต้นและมีความสุขสุดๆ”
คุณพ่อต๊อตติย้ำและฟรานเชสโก้ในวัย 4 ขวบผู้สวมถุงเท้าแดงและเสื้อเบอร์ 4 สีขาวก็ลงเล่นกับเด็กที่อายุมากกว่าตน 2 เท่าจนเด็กๆพวกนั้นอ้าปากค้าง
“เอาเลยส่งเด็กนั่นลงสนาม” วูจาดิน บอสคอฟ เพ่งมองที่หน้า ซินิซ่า มิไฮโลวิช มิดฟิลด์จอมยุ่งแนะนำให้โค้ชของเขาเปลี่ยนตัวผู้เล่นด้วยการส่งเด็กผมบลอนด์วัย 16 ปีที่นั่งบนม้านั่งสำรองถัดออกมาไม่กี่ที่ จัลโล่รอสซี่นั้นบุกไปนำเบรสชาอยู่ 2-0 ขณะเหลือเวลา 5 นาทีซึ่งนั่นเป็นฤดูกาลที่น่าผิดหวังมาตลอดจนกระทั่งจบลงในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม 1993
“วอร์มอัพเลยจะได้พร้อมลงสนาม” บอสคอฟสั่งเด็กคนนั้นที่นั่งอยู่ข้างๆ โรเบอร์โต้ มุซซี่ ศูนย์หน้าคนสำคัญวัย 22 ปี แต่เด็กรายนั้นยังนิ่งอยู่
“ดูนั่น” มุซซี่กล่าวแบบไม่พอใจ “เขาพูดกับนายอยู่ ออกไปได้แล้ว”
ในภายหลังแข้งดาวรุ่งคนนั้นก็ระลึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น “ผมลุกขึ้นวอร์มอยู่ 10 วินาทีและลงสนาม ผมได้บอลอยู่ไม่กี่ครั้ง มันตื่นเต้นมากและมีความสุขมากๆด้วย”
ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ ทำความฝันวัยเด็กของตนเองสำเร็จแล้วซึ่งเขาก็ไปต่อเรื่อยๆจนลงเตะไปแล้ว 750 เกมนับตั้งแต่ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของโรม่า
ลองนึกภาพเหตุการณ์ดังกล่าวใน 10 ก่อนหน้านี้ ต๊อตติเลี้ยงบอลได้อย่างคล่องแคล่วอยู่บนเวีย เวตูโลเนีย ถนนแคบๆที่ทอดยาวอยู่ทางใต้ของโคลิเซียมและโรงละครต่างๆของเมืองโบราณอย่างโรม เป็นที่น่าสงสัยว่าชนชั้นแรงงานของกำแพงลาตินสีแดงและบล็อคส์อพาร์ทเมนต์หลังสงครามสีเหลือง สถานที่ที่มีชื่อเล่นว่า “อาคารแห่งโรม” ซึ่งทุกๆคนต่างรู้จักกัน
ภาพของต๊อตติถูกนำมาวาดประดับผนังอาคาร
“ผมไม่ได้เป็นคนตรงอะไรนักหรอก” ต๊อตติเผย “ผมเคยขโมยลูกฟุตบอล ในช่วงหน้าร้อนเราสามารถเล่นฟุตบอลทั้งบ่ายจนพระอาทิตย์ตกได้ บ่อยๆครั้งที่ก่อนกลับบ้าน ผมจะเอาบอลไปด้วย ทำเท่ห์ๆแล้วเอามันไป ผมมีเป็นคอเลกชั่นเลย ผมคืนกลับทั้งหมดในท้ายที่สุด ผมไม่ได้เก่งที่สุดในโรงเรียนแต่ผมนั้นเอาใจใส่และประพฤติตัวดีตลอดเพราะแม่เลย”
นี่ถือเป็นคาแรคเตอร์ของเส้นทางอาชีพที่ดูเหมือนถูกลิขิตเอาไว้แล้ว ฟิโอเรลล่าดูแลการศึกษาของลูกชาย, พาเขาไปฝึกซ้อมครั้งแรกที่ฟอร์ทิทูโด้ จากนั้นก็เป็นสมิต ทราสเทเวเร่ และสุดท้ายที่ลอดิจานี่ตั้งแต่อายุ 10 จน 13 ปีและควบคุมเขาอยู่ในเส้นทางที่ตรงไปข้างหน้าอย่างเคร่งครัด ทุกๆวันอาทิตย์เขาต้องเข้ามิซซา และดูแลคุณตาคุณยายรวมทั้งเล่นไพ่บนโต๊ะทานอาหารร่วมกับครอบครัวแบบขยาย
“ครอบครัวของเขานั้นเป็นปัจจัยที่ส่งผลอย่างมาก” เอมิดิโอ เนโรนี่ โค้ชของต๊อตติที่ลอดิจานี่กล่าว “เอ็นโซ่และฟิโอเรลล่าอยู่ข้างๆลูกเสมออย่างสุขุมรอบคอบ, คอยถ่ายทอดความอ่อนน้อมถ่อมตนและความจริงจังที่เป็นรากฐานมาให้ ขณะอายุแค่ 10 ปีนั้นตัวเล็กและรวดเร็ว คุณสามารถบอกได้เลยว่าเขามีพรสวรรค์จริงๆ ความท้าทายนั้นไม่ใช่การขัดเกลาความสามารถเขาแต่เป็นการแนะนำเส้นทางที่ถูกต้อง เขามีฟุตบอลอยู่ใน DNA เขาเคยเล่นโง่ๆ เขาดูเหมือนกำลังจะทำพลาด จากนั้นเขาก็สามารถทำประตูได้
[bต๊อตติในวัย 19 ปีได้วาดลวดลายในศึกแชมเปี้ยนส์ลีก]
จากนั้นหลายๆเสียงก็พูดถึงว่าที่ดาวรุ่งฝีเท้าฉกาจที่สุดแห่งยุคของโรม ทั้งเอซี มิลาน และยูเวนตุสต่างก็แสดงความสนใจเป็นไปได้ว่าลาซิโอก็ด้วย ตระกูลต๊อตติซึ่งเป็นแฟนบอลโรม่ามาหลายทศวรรษไม่สนใจเรื่องดังกล่าว ฟิโอเรลล่าเดินทางมายังสนามซ้อมทริโกเรียของลอดิจานี่
“ลอดิจานี่” จิลโด้ จานนินี่ ระลึกความทรงจำก่อนภายหลังจะได้รับหน้าที่ดูแลระบบเยาวชนของจัลโล่รอสซี่ “เคยสัญญาต๊อตติกับลาซิโอไว้ แต่แม่ของเขาฟิโอเรลล่ามาหาผมบอกให้โรม่าเป็นผู้คว้าตัวเขาไป ผมไม่อยากต่อรองอะไรมากมาย เรารู้จักเขาดีอยู่แล้วและผมก็ได้ให้ลอดิจานี่ขายเขาให้กับเรา”
ไม่ถึงหนึ่งเดือนต๊อตติก็ได้ลงเล่นกับกลุ่มที่อายุสูงกว่าตัวเอง 2 ปี(อย่างไม่ถูกกฎ)ให้กับทีมยู-15 เขาอุทิศตัวเองเพื่อเป็นนักฟุตบอลโรม่า ทำหน้าที่เป็นเด็กเก็บบอลในเกมเลก 2 ของศึกยูฟ่าคัพรอบชิงชนะเลิศที่พบกับอินเตอร์
เขายังควบคุมการรับประทานขนมปัง, นูเทลล่า, มาร์เกริต้า พิซซ่า และมันฝรั่งทอดอีกด้วย แล้วดาวรุ่งวัย 15 ปีช่วยทีมยู-17 คว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จในปีดังกล่าว
“ผมดึงเขามาร่วมทีมแค่เดือนเดียวก่อนที่เขาจะเล่นให้กับทีมยู-20” เอซิโอ เซลล่า กล่าวกับโฟร์โฟร์ทู “เขาทำให้ผมสนใจในทันที คุณไม่เคยเห็นเด็กอายุน้อยแค่นี้ทำสิ่งพิเศษต่างๆได้ ตั้งแต่ช่วงฝึกซ้อมครั้งแรก ผมรู้เลยว่าตำนานนั้นกำลังจะถือกำเนิดขึ้น เขาสร้างสรรค์สิ่งต่างๆได้ ผมแค่บอกเขาว่าอย่าเพิ่งถือว่าตัวเองทำได้สำเร็จแล้วเพราะว่าทุกๆคนเอาแต่กล่าวชมเขา เวลาเดินต่อไปแล้วเขาก็พิสูจน์สิ่งต่างๆครั้งแล้วครั้งเล่า”
รางวัลใหญ่ที่สุดในชีวิตต๊อตติ
เซลล่าย้อนถึงตอนที่ทีมยู-17 คว้าแชมป์เหนือมิลานในปี 1991 ได้เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ “เขากระโดดหลบทุกๆการเข้าสกัดที่เลวร้าย ไม่สำคัญเลยว่าพวกเขาจะพยายามหยุดต๊อตติมากขนาดไหน จำให้ดีว่านี่เป็นทีมที่พยายามจะเซ็นสัญญาเขามามากกว่า 1 ครั้ง ผมส่งเขาเป็นทั้งมิดฟิลด์ตัวกลางและศูนย์หน้าแล้วเขาก็ทำคนเดียว 2 ประตูช่วยให้เราชนะ 2-0”
“เขาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยทำหน้าที่เป็นโค้ช ไม่ต้องสอนเทคนิคอะไรให้เขาเลย มันเป็นอะไรที่เสียเวลาสุดๆ”
โค้ชทีมยู-20 ลูชาโน่ สปิโนซี่ จะไม่มีวันลืมครั้งแรกที่เขาเห็นนักเตะภายใต้การดูแลลงเล่นในช่วงปรีซีซั่น “หลังเริ่มได้ 10 นาที ผมเรียกผู้อำนวยการกีฬา จอร์โจ้ เปริเนตติ มาบอกเขาว่าอย่าให้แชมเปี้ยนคนนี้ออกจากสโมสรเป็นอันขาด” สปิโนซี่กล่าวกับโฟร์โฟร์ทู “วิธีการยิงของเขานั้นไม่เหมือนกับใครๆ ผมเคยเห็นนักฟุตบอลหนุ่มๆมามากมาย แต่เขาเป็นคนพิเศษ เขาลากทั้งทีมมาอยู่ข้างเขา ผมแค่ต้องบอกให้เขาลงเล่น ผมไม่เคยเห็นนักเตะอายุ 16 เล่นในระดับนี้ เขาทำอาชีพของผมง่ายขึ้นเยอะ”
มันเป็นช่วงระหว่างเกมยู-20 ในเดือนมีนาคม 1993 ที่พบกับอัสโคลี่ที่โลกทั้งใบของต๊อตตินั้นเปลี่ยนไป จากการที่ทีมชุดใหญ่นั้นกำลังจะออกเดินทางไปที่เบรสชา เฮดโค้ชอย่างบอสคอฟตัดสินใจครั้งสุดท้ายด้วยการดึงต๊อตติวัย 16 ปีร่วมทีมไปด้วยหลังเพิ่งยิง 2 ประตูมาหมาดๆ เขาถูกเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลังและถูกเรียกขึ้นรถโค้ช
วูจาดิน บอสคอฟ(ซ้าย) ให้โอกาสต๊อตติประเดิมลงสนาม
วันต่อมาก็เป็นเรื่องของมิไฮโลวิช, บอสคอฟ และการประเดิมลงสนาม เขาลงเล่นแทน รุจจิเอโร่ ริซซิเทลลี่ นักเตะทีมชาติอิตาลี่และตำนานของทีมโรม่าที่มีชื่อเล่นว่า ‘ริซซี่โกล’ โดยสาวกจัลโล่รอสซี่
“เราทุกคนต่างหวังให้เขาได้ประเดิมลงแข่งในวันนั้น” ริซซิเทลลี่กล่าวกับโฟร์โฟร์ทู “ดาวรุ่งหลายๆคนฝึกซ้อมร่วมกับทีมชุดใหญ่แต่ต๊อตตินั้นแตกต่างออกไป คุณไม่เห็นเด็กที่หลอกนักเตะทีมชุดใหญ่ระหว่างฝึกซ้อมได้มากนักหรอก แต่เขามีบุคลิกภาพที่ยิ่งใหญ่มากร่วมไปกับพรสวรรค์ของเขา ผมบอกให้เขาเย็นเข้าไว้และทำให้เต็มที่(ในการประเดิมลงสนาม) มันก็แค่ฟุตบอล พูดแบบขำๆนะ ผมภูมิใจที่ได้หลีกทางให้ต๊อตติลงเล่นเป็นครั้งแรก ทุกๆปีจะมีบางคนเรียกผมมาเพื่อพูดถึงเกมที่โรม่าพบกับเบรสชาเท่านั้น”
To Be Continue..