(9.3/10) " The End Is Here " [ Avengers: Infinity War ]
เกริ่นก่อนว่าผมและเพื่อนๆได้มีโอกาสได้ดูตั้งแต่วันแรกที่เข้าฉายแล้วนั่นก็คือวันที่ 25 เมษาที่ผ่านมานั่นแหละ ซึ่งที่มารีวิวช้าก็ไม่ใช่อะไร มันพูดไม่ถูก และรีวิวไม่ถูกกันเลยทีเดียว ซึ่งกว่าจะได้มีโอกาสมารีวิวก็ได้ดูไป 2 รอบแล้วสำหรับ Infinity War นี้ และก็ว่าจะไปซ้ำอีกรอบเร็วๆนี้ซะหน่อย เพราะรู้สึกมันคันซะเหลือเกิน55555 บอกก่อนเลยว่ารีวิวแบบระมัดระวังสุดๆ ผมจะพยายามไม่สปอย และหากมีสปอยจริงๆก็จะซ่อนสปอยไว้ให้ครับ เพราะผมค่อนข้างแคร์ การสปอยมากๆเลยแหละ เพราะผมเชื่อว่า ความรู้สึกแรกของการดูหนังสำคัญเสมอ และครั้งแรก มันมีครั้งเดียว จึงอยากให้ชมกันให้สนุกโดยไม่รู้อะไรมาก่อนจะแจ่มเว่อเลย5555 เพราะตอนที่ผมไปดูรอบแรกเนี่ย ผมดูรอบ 4 ทุ่มครึ่งของวันที่ 25 ซึ่งผมระวังสปอยมากๆ พอเดินเข้าห้องน้ำที ได้ยินเสียงนิดหน่อย ผมนี่อุดหูเลย 5555 ยิ่งตอนเข้าไปเข้าห้องน้ำในโรงนี่อุดหูสุดฤทธิ์ + ตอนผู้ชมที่เพิ่งดูจบและเดินออกจากโรงผมนี่ก้มหน้าอุดหูเดินผ่านเลย 55555 ก็ไม่บ่นอะไรมากละ มาเริ่มรีวิวกันดีกว่า
------------------------------------------------------------------------------------
สิ่งน่ารู้จากหนัง
=นี่เป็นหนังภาพยนตร์ที่ใช้หนังถึง 18 เรื่อง ในระยะเวลา 10 ปีเพื่อปูเข้าสู่ ภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะฉะนั้นแนะนำให้ดูให้ครบ! หรือถ้าไม่มีเวลาจริงๆก็แนะนำให้หาอ่านสรุป ต่างๆที่หลายๆกระทู้เคยทำไว้บ้างแล้ว เพื่อที่จะอินกับตัวหนังมากขึ้น
=เป็นหนังที่คนทั่วโลกรอคอยมากที่สุดในปี 2018 นี้เลย
=จริงอยู่ที่ทุกอย่างมาถึงตรงนี้ที่เหมือนจะเป็นบทสรุป แต่เปล่าเลย บทสรุปที่แท้จริงคือ Avengers 4 ในปี 2019 ต่างหาก แต่ที Infinity War หลายๆคนเรียกว่าเป็นบทสรุป คงจะกล่าวได้ว่า เป็นจุดเริ่มต้นของบทสรุปของมหากาพย์ 10 ปีที่ปูมาซะมากกว่า ซึ่งในตอรแรกนั้น Avengers จะแบ่งเป็น 2 Part ซะแล้ว แต่แล้วก็ได้มีการแบ่งเป็นคนละภาค ใช้ชื่อคนละภาคไปเลย
=เป็นหนังที่มียอดการจองตั๋วล่วงหน้าเยอะมากที่สุดใน MCU เยอะขนาดที่ว่า ยอดจองของหนัง 7 เรื่องของ MCU นั้นยังไม่เท่ากับยอดจอง Infinity War เรื่องเดียวเลยด้วยซ้ำ
------------------------------------------------------------------------------------
------------------------------------------------------------------------------------
สิ่งที่ชอบสำหรับ Infinity War
+ การดำเนินเรื่องฉับไวกว่าทุกๆเรื่องของ Marvel ซึ่งเป็นเหมือนดาบสองคม แต่สำหรับผมแล้ว ผมกลับชอบเพราะหากใครที่ติดตาม Marvel อยู่แล้วก็จะเข้าใจอยู่แล้ว และการดำเนินเรื่องแบบฉับไวแต่หนักแน่นนี้ ก็ทำให้เราได้เห็นฉากอะไรต่างๆมากมายมากขึ้น
+ การแบ่งบทตัวละครที่ต้องยอมรับเลย ว่า ทำได้โคตรดี โคตรเยี่ยมไปเลย คือต้องเข้าใจก่อนว่า ตัวละครใน Infinity War เนี่ยเยอะมหาเยอะเลยแหละ ถ้าเอาตัวหลักๆใน Poster ก็ประมาณ 20 กว่าตัว ยังไม่รวมตัวอื่นๆที่ไม่อยู่ใน Poster อีก ไหนจะตัวละครลับ ตัวร้าย สมุนต่างๆอีก ต้องบอกได้เลยว่าหนาแน่นแบบเบียดจนอึดอัด จนผมกังวลตั้งแต่ก่อนหนังฉายแล้วว่า จะไหวไหมนะจุดนี้ กลัวจะเป็นจุดอ่อนของหนังจังเลย แต่พอมาดูถึงกับต้องเปลี่ยนความคิด เพราะทำได้ยอดเยี่ยมมาก เราไม่รู้สึกเลยว่าตัวละครไหนดูดรอป ตัวละครไหนดูไม่โดดเด่น ทุกตัวละครโดดเด่นหมดเลย คืออาจจะไม่ได้เยอะ บทพูดเยอะมาก หรือออกเยอะมาก แต่มันเกลี่ยๆเฉลี่ยๆได้โอเค บางตัวละครออกน้อยหน่อย แต่ออกน้อยในแต่ละฉากนั้น การแสดง บทพูด ต่อยหนักทั้งนั้น คือน่าจดจำมากๆในแต่ละฉาก ต้องยอมรับจริงๆว่าในจุดๆนี้ Infinity War ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆจริงๆ
+เคมี ความสัมพันธ์ตัวละครต่างๆในเรื่องที่โคตรลงตัว อย่างที่รู้กันว่า หลายๆตัวละครนั้นพบเจอกันเป็นครั้งแรกในหนังเรื่องนี้ และมันเป็นครั้งแรกที่โคตรลงตัว คือแบบใครนิสัยแบบไหนก็ยังแบบนั้น แล้วมันเข้ากันมาก คือลงตัวอะ หลายๆอย่างมันดีมาก เป็นอะไรที่ฝันว่าอยากจะเห็นตัวละครนี้เจอตัวละครนู้นอะไรทำนองนี้ แล้วแบบในที่สุดมันก็เป็นจริงอะ แล้วมันดีมาก ฟินสุดในสามโลก5555
+ ความแปลกใหม่! กับ เรื่องของอารมณ์ ความลึก ความคม ของมิติตัวละคร ตัวร้าย ที่ดูแล้วแบบเห้ย นี่ Marvel จริงดิ ทำไมทำได้มีมิติแบบนี้ อีกทั้งยังมีความ Dark ความหม่นแบบคาดไม่ถึงทั้งโทนภาพ บทพูด เนื้อเรื่องต่างๆ จนต้องขอยืมคำพูดของ Deadpool "โคตรดาร์ค แน่ใจนะว่าไม่ได้มาจาก DC Universe!??" 5555
+ คาดเดาอะไรไม่ได้เลย ซึ่งน่าจะเป็นหนัง Marvel เรื่องแรกที่ ทำให้ผมคาดเดาอะไรไม่ได้เลยจากหนัง ตั้งแต่ช่วงแรกๆ จนถึงช่วงท้ายที่อุทานมาหลายรอบมาก ว่า WTF เห้ย อ้าว อะไรยังงี้ตลอดเลย ซึ่งต้องยอมรับจริงๆว่า Marvel ทำให้เราคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เก็บความลับ ความน่าสนใจต่างๆได้เก่งมาก
+ มิติของตัวร้ายที่น่าจะมีมิติที่สุดแล้วใน MCU นั่นก็คือ Thanos ซึ่งแม้เราจะได้รู้จักเขามาบ้างแล้วประปรายในหนังแต่ละเรื่องของ MCU แต่ๆพอมาในเรื่องนี้ ต้องยอมรับเลยว่า นี่สินะตัวร้ายของ Marvel ที่สุดยอดที่สุด ที่ใช้เวลาปูมาถึง 10 ปี นี่สินะ ตัวร้ายของ Marvel ที่ทุกคนรอคอย คือแบบมันสุดยอดมากๆในทุกๆด้าน ทั้งความโหด ดิบ ความแข็งแกร่ง โทน มิติตัวละครที่ยอมเลยว่าทำได้ดีและเราเข้าใจเหตุผล เข้าใจตัวเขามากๆ จนแทบจะอยากเปลี่ยนชื่อหนังภาคนี้เลยเป็นชื่อ Thanos : Infinity War 55555
+ฉากความโหด ที่ส่วนตัวต้องบอกเลยว่าน่าจะเรทความโหดลำดับต้นๆของ MCU เลย ทั้งฉากต่อสู้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ฉากการตาย การสูญเสียของเหล่า Hero บางตัว ที่ทำได้โหดกว่าที่คิด คือไม่นึกว่า Marvel จะกล้าทำได้ ซึ่งส่วนตัวผมชอบนะ ได้ใจมาก คือบางครั้งมันก็ต้องแบบนี้บ้าง จะให้ใสๆตลอดก็ไม่ได้หรอก ถูกใจมาก (แต่ตอนดูในโรงก็แอบช็อก แบบเห้ย เอาจริงดิ เอางี้เลยหรอ55555)
------------------------------------------------------------------------------------
สิ่งที่ไม่ชอบหรืออาจจะขัดใจเล็กๆน้อยๆ
-จากที่พูดไปในข้อดีนั่นก็คือ การดำเนินเรื่องที่ฉับไว ซึ่งมันจะเหมือนดาบสองคมได้ เพราะบางคนที่ไม่ได้ติดตาม MCU มามากนักก็อาจจะงงได้และอาจปรับอารมณ์อะไรต่างๆปรับความเข้าใจไม่ทัน หรือแม้แต่คนที่ติดตาม MCU มาตลอดก็อาจจะงงได้ เพราะอะไร? เพราะว่าปกติแล้ว หนัง Marvel จะไม่ดำเนินเรื่องแบบนี้ คือไม่เชิง ฉับไว หนักแน่น น้อยแต่หนักแบบนี้ ซึ่งอาจทำให้หลายๆคนไม่ชินได้
-แม้จะชมไปในข้อดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แต่ก็ต้องยอมรับว่า Marvel อาจจะยังมีปัญหาของตัวร้ายเล็กน้อย นั่นก็คือ Black Order ที่ตายง่ายไปนิดนึง คือเข้าใจว่าตัวละครเหล่า Black Order อาจจะโหดมากนักไม่ได้ เพราะว่าต้องเน้นไปที่ตัวร้ายหลักอย่าง Thanos แต่ก็อยากจะได้เหตุผลที่ดีกว่านิดนึงของการตายของแต่ละตัวของ เหล่า Black Order แต่ส่วนตัวก็พอเข้าใจได้ เพราะแม้หลายๆคนจะบอกตายง่าย แต่ถ้าสังเกตุให้ดี เหล่า Black Order ก็แข็งแกร่งเสมอ คือโดนรุมก็สู้ไหวตลอด ซึ่งตรงจุดนี้ผมถือว่าทำได้โอเคเลยแหละ
-ด้วยความฉับไว ของเนื้อเรื่อง อาจทำให้บางช่วงบางฉากไม่สุดสักเท่าไร ไม่ว้าวเท่าไร (คือยังไม่ทันว้าวก็ตัดไปแล้วอะไรประมาณนี้ ) และด้วยเวลาของหนังที่จำกัด บางอย่างก็ขยี้ไม่สุด ไม่อินขนาดนั้น แต่สำหรับบางคนก็อาจจะอินได้ ซึ่งส่วนตัวผมก็อินในหลายๆฉากเลยแหละ และก็เข้าใจเพราะรายละเอียดมันเยอะมากที่จะใส่หมดได้ใน 2 ชม.ครึ่งนี้
-
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้การจบเรื่องด้วยความค้างคา อาจเป็นข้อเสียของใครหลายๆคน ที่คิดว่า โหจบแบบนี้เลยหรอ จบแบบเหมือนไม่สุด เหมือนเราโดนทิ้งไว้กลางทางแบบมึนๆ แบบค้างๆ และไม่สบายตัว ซึ่งคงหลายๆเหตุผลด้วย 1. Marvel ไม่เคยจบในแบบค้างคา แบบไม่สุดแบบนี้มาก่อน เลยอาจทำให้หลายๆคนไม่ชินได้ แต่สำหรับผมถามว่าตอนแรก งงไหม ช็อคไหม ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าช็อก และคิดว่าจบแบบนี้จริงดิ เอางี้เลยหรอ Marvel 5555 แต่ถ้ามองอีกมุมแล้ว ผมว่า คนดูอย่างเราๆคงจะชินกับการที่ Hero ชนะมากไปหน่อย รวมถึงตัวผมเองด้วย พอมาถึงบทสรุปที่ Hero พ่ายแพ้ สูญเสีย บาดเจ็บ ตาย บ้างแล้ว ก็เลยไม่ชินได้ ซึ่งตรงจุดนี้ ถ้าใครรู้สึกเหมือนผม ผมว่า Marvel ทำสำเร็จแล้ว ในจุดนี้ เพราะทำให้ผมโคตรอยากดู Avengers 4 สุดๆ และระหว่างทางไปสู่จุดนั้น ก็จะมีทั้ง Antman 2 , Cap.Marvel อีก ซึ่งต้องเป็นจุดเชื่อมที่สำคัญ และมีอะไรที่บอกใบ้เราได้ใน Avengers 4 แน่นอน ซึ่งต้องยอมเลยว่า Marvel ืทำให้เราโดนตกเข้าให้แบบนี้จริงๆ5555
------------------------------------------------------------------------------------
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ฝากชุมชน เพจ รีวิวหนังภาพยนตร์ของผมด้วยนะครับ ถ้าชอบกันก็ฝากกดไลค์ ติดตามเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ แต่ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและแสดงความคิดเห็นกันครับ
Facebook : ( https://www.facebook.com/VanklomStudios/ ) แว่นกลม Studios
Instagram : ( https://www.instagram.com/vanklom_studios/ ) แว่นกลม Studios
Twitter : @Vanklom_Studios
[CR] (9.3/10) " The End Is Here " [ Avengers: Infinity War ] By แว่นกลม Studios
เกริ่นก่อนว่าผมและเพื่อนๆได้มีโอกาสได้ดูตั้งแต่วันแรกที่เข้าฉายแล้วนั่นก็คือวันที่ 25 เมษาที่ผ่านมานั่นแหละ ซึ่งที่มารีวิวช้าก็ไม่ใช่อะไร มันพูดไม่ถูก และรีวิวไม่ถูกกันเลยทีเดียว ซึ่งกว่าจะได้มีโอกาสมารีวิวก็ได้ดูไป 2 รอบแล้วสำหรับ Infinity War นี้ และก็ว่าจะไปซ้ำอีกรอบเร็วๆนี้ซะหน่อย เพราะรู้สึกมันคันซะเหลือเกิน55555 บอกก่อนเลยว่ารีวิวแบบระมัดระวังสุดๆ ผมจะพยายามไม่สปอย และหากมีสปอยจริงๆก็จะซ่อนสปอยไว้ให้ครับ เพราะผมค่อนข้างแคร์ การสปอยมากๆเลยแหละ เพราะผมเชื่อว่า ความรู้สึกแรกของการดูหนังสำคัญเสมอ และครั้งแรก มันมีครั้งเดียว จึงอยากให้ชมกันให้สนุกโดยไม่รู้อะไรมาก่อนจะแจ่มเว่อเลย5555 เพราะตอนที่ผมไปดูรอบแรกเนี่ย ผมดูรอบ 4 ทุ่มครึ่งของวันที่ 25 ซึ่งผมระวังสปอยมากๆ พอเดินเข้าห้องน้ำที ได้ยินเสียงนิดหน่อย ผมนี่อุดหูเลย 5555 ยิ่งตอนเข้าไปเข้าห้องน้ำในโรงนี่อุดหูสุดฤทธิ์ + ตอนผู้ชมที่เพิ่งดูจบและเดินออกจากโรงผมนี่ก้มหน้าอุดหูเดินผ่านเลย 55555 ก็ไม่บ่นอะไรมากละ มาเริ่มรีวิวกันดีกว่า
=นี่เป็นหนังภาพยนตร์ที่ใช้หนังถึง 18 เรื่อง ในระยะเวลา 10 ปีเพื่อปูเข้าสู่ ภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะฉะนั้นแนะนำให้ดูให้ครบ! หรือถ้าไม่มีเวลาจริงๆก็แนะนำให้หาอ่านสรุป ต่างๆที่หลายๆกระทู้เคยทำไว้บ้างแล้ว เพื่อที่จะอินกับตัวหนังมากขึ้น
=เป็นหนังที่คนทั่วโลกรอคอยมากที่สุดในปี 2018 นี้เลย
=จริงอยู่ที่ทุกอย่างมาถึงตรงนี้ที่เหมือนจะเป็นบทสรุป แต่เปล่าเลย บทสรุปที่แท้จริงคือ Avengers 4 ในปี 2019 ต่างหาก แต่ที Infinity War หลายๆคนเรียกว่าเป็นบทสรุป คงจะกล่าวได้ว่า เป็นจุดเริ่มต้นของบทสรุปของมหากาพย์ 10 ปีที่ปูมาซะมากกว่า ซึ่งในตอรแรกนั้น Avengers จะแบ่งเป็น 2 Part ซะแล้ว แต่แล้วก็ได้มีการแบ่งเป็นคนละภาค ใช้ชื่อคนละภาคไปเลย
=เป็นหนังที่มียอดการจองตั๋วล่วงหน้าเยอะมากที่สุดใน MCU เยอะขนาดที่ว่า ยอดจองของหนัง 7 เรื่องของ MCU นั้นยังไม่เท่ากับยอดจอง Infinity War เรื่องเดียวเลยด้วยซ้ำ
+ การดำเนินเรื่องฉับไวกว่าทุกๆเรื่องของ Marvel ซึ่งเป็นเหมือนดาบสองคม แต่สำหรับผมแล้ว ผมกลับชอบเพราะหากใครที่ติดตาม Marvel อยู่แล้วก็จะเข้าใจอยู่แล้ว และการดำเนินเรื่องแบบฉับไวแต่หนักแน่นนี้ ก็ทำให้เราได้เห็นฉากอะไรต่างๆมากมายมากขึ้น
+ การแบ่งบทตัวละครที่ต้องยอมรับเลย ว่า ทำได้โคตรดี โคตรเยี่ยมไปเลย คือต้องเข้าใจก่อนว่า ตัวละครใน Infinity War เนี่ยเยอะมหาเยอะเลยแหละ ถ้าเอาตัวหลักๆใน Poster ก็ประมาณ 20 กว่าตัว ยังไม่รวมตัวอื่นๆที่ไม่อยู่ใน Poster อีก ไหนจะตัวละครลับ ตัวร้าย สมุนต่างๆอีก ต้องบอกได้เลยว่าหนาแน่นแบบเบียดจนอึดอัด จนผมกังวลตั้งแต่ก่อนหนังฉายแล้วว่า จะไหวไหมนะจุดนี้ กลัวจะเป็นจุดอ่อนของหนังจังเลย แต่พอมาดูถึงกับต้องเปลี่ยนความคิด เพราะทำได้ยอดเยี่ยมมาก เราไม่รู้สึกเลยว่าตัวละครไหนดูดรอป ตัวละครไหนดูไม่โดดเด่น ทุกตัวละครโดดเด่นหมดเลย คืออาจจะไม่ได้เยอะ บทพูดเยอะมาก หรือออกเยอะมาก แต่มันเกลี่ยๆเฉลี่ยๆได้โอเค บางตัวละครออกน้อยหน่อย แต่ออกน้อยในแต่ละฉากนั้น การแสดง บทพูด ต่อยหนักทั้งนั้น คือน่าจดจำมากๆในแต่ละฉาก ต้องยอมรับจริงๆว่าในจุดๆนี้ Infinity War ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆจริงๆ
+เคมี ความสัมพันธ์ตัวละครต่างๆในเรื่องที่โคตรลงตัว อย่างที่รู้กันว่า หลายๆตัวละครนั้นพบเจอกันเป็นครั้งแรกในหนังเรื่องนี้ และมันเป็นครั้งแรกที่โคตรลงตัว คือแบบใครนิสัยแบบไหนก็ยังแบบนั้น แล้วมันเข้ากันมาก คือลงตัวอะ หลายๆอย่างมันดีมาก เป็นอะไรที่ฝันว่าอยากจะเห็นตัวละครนี้เจอตัวละครนู้นอะไรทำนองนี้ แล้วแบบในที่สุดมันก็เป็นจริงอะ แล้วมันดีมาก ฟินสุดในสามโลก5555
+ ความแปลกใหม่! กับ เรื่องของอารมณ์ ความลึก ความคม ของมิติตัวละคร ตัวร้าย ที่ดูแล้วแบบเห้ย นี่ Marvel จริงดิ ทำไมทำได้มีมิติแบบนี้ อีกทั้งยังมีความ Dark ความหม่นแบบคาดไม่ถึงทั้งโทนภาพ บทพูด เนื้อเรื่องต่างๆ จนต้องขอยืมคำพูดของ Deadpool "โคตรดาร์ค แน่ใจนะว่าไม่ได้มาจาก DC Universe!??" 5555
+ คาดเดาอะไรไม่ได้เลย ซึ่งน่าจะเป็นหนัง Marvel เรื่องแรกที่ ทำให้ผมคาดเดาอะไรไม่ได้เลยจากหนัง ตั้งแต่ช่วงแรกๆ จนถึงช่วงท้ายที่อุทานมาหลายรอบมาก ว่า WTF เห้ย อ้าว อะไรยังงี้ตลอดเลย ซึ่งต้องยอมรับจริงๆว่า Marvel ทำให้เราคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เก็บความลับ ความน่าสนใจต่างๆได้เก่งมาก
+ มิติของตัวร้ายที่น่าจะมีมิติที่สุดแล้วใน MCU นั่นก็คือ Thanos ซึ่งแม้เราจะได้รู้จักเขามาบ้างแล้วประปรายในหนังแต่ละเรื่องของ MCU แต่ๆพอมาในเรื่องนี้ ต้องยอมรับเลยว่า นี่สินะตัวร้ายของ Marvel ที่สุดยอดที่สุด ที่ใช้เวลาปูมาถึง 10 ปี นี่สินะ ตัวร้ายของ Marvel ที่ทุกคนรอคอย คือแบบมันสุดยอดมากๆในทุกๆด้าน ทั้งความโหด ดิบ ความแข็งแกร่ง โทน มิติตัวละครที่ยอมเลยว่าทำได้ดีและเราเข้าใจเหตุผล เข้าใจตัวเขามากๆ จนแทบจะอยากเปลี่ยนชื่อหนังภาคนี้เลยเป็นชื่อ Thanos : Infinity War 55555
+ฉากความโหด ที่ส่วนตัวต้องบอกเลยว่าน่าจะเรทความโหดลำดับต้นๆของ MCU เลย ทั้งฉากต่อสู้ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ซึ่งส่วนตัวผมชอบนะ ได้ใจมาก คือบางครั้งมันก็ต้องแบบนี้บ้าง จะให้ใสๆตลอดก็ไม่ได้หรอก ถูกใจมาก (แต่ตอนดูในโรงก็แอบช็อก แบบเห้ย เอาจริงดิ เอางี้เลยหรอ55555)
-จากที่พูดไปในข้อดีนั่นก็คือ การดำเนินเรื่องที่ฉับไว ซึ่งมันจะเหมือนดาบสองคมได้ เพราะบางคนที่ไม่ได้ติดตาม MCU มามากนักก็อาจจะงงได้และอาจปรับอารมณ์อะไรต่างๆปรับความเข้าใจไม่ทัน หรือแม้แต่คนที่ติดตาม MCU มาตลอดก็อาจจะงงได้ เพราะอะไร? เพราะว่าปกติแล้ว หนัง Marvel จะไม่ดำเนินเรื่องแบบนี้ คือไม่เชิง ฉับไว หนักแน่น น้อยแต่หนักแบบนี้ ซึ่งอาจทำให้หลายๆคนไม่ชินได้
-แม้จะชมไปในข้อดี [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-ด้วยความฉับไว ของเนื้อเรื่อง อาจทำให้บางช่วงบางฉากไม่สุดสักเท่าไร ไม่ว้าวเท่าไร (คือยังไม่ทันว้าวก็ตัดไปแล้วอะไรประมาณนี้ ) และด้วยเวลาของหนังที่จำกัด บางอย่างก็ขยี้ไม่สุด ไม่อินขนาดนั้น แต่สำหรับบางคนก็อาจจะอินได้ ซึ่งส่วนตัวผมก็อินในหลายๆฉากเลยแหละ และก็เข้าใจเพราะรายละเอียดมันเยอะมากที่จะใส่หมดได้ใน 2 ชม.ครึ่งนี้
-[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้