จบลงไปแล้วสำหรับ The Script Live in Bangkok 2018 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2561
จากเมื่อสามปีที่แล้ว (2015) The Script ได้มาเปิดคอนเสิร์ตครั้งแรกในไทย ครั้งนั้นเราประทับใจมาก เพราะเป็นคอนเสิร์ตต่างประเทศครั้งแรก และเป็นการดูคอนเสิร์ตคนเดียวครั้งแรกของเรา ครั้งนั้นเราประทับใจมาก เรียกได้ว่าบัตรพันสามห้าสิบได้อารมณ์เหมือนห้าพัน เราคิดเลยว่าถ้าพวกเขามาเปิดการแสดงอีกจะต้องไปดูแน่ และต้องไปอยู่ในโซนที่ใกล้กว่านี้
แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราโตขึ้น เราเริ่มรู้คุณค่าของเงินมากขึ้น พวกเขากลับมาเปิดการแสดงอีกครั้ง เราเกือบไม่ไปดู ด้วยเหตุผลที่ว่ามา คือ เสียดายเงิน แต่ด้วยความที่ในใจลึกๆแล้วก็ยังอยากจะไปดู ..สองวันก่อนคอนเสิร์ต เราเจอรหัสบัตรส่วนลดสำหรับการซื้อตั๋ว the script เราดีใจมาก และได้บัตรมา ได้อยู่ในโซนต้องการ
วันงาน มีฝนโปรยปราย แหมช่างเข้ากับเพลงโปรโมทของอัลบั้มล่าสุดนี้ซะจริง Rain
มาเริ่มความประทับใจของเรากับคอนเสิร์ตครั้งนี้กัน
คอนเสิร์ตเริ่มตรงเวลาเหมือนเดิม ปีนี้ไม่มีวงเปิด ไม่ได้เปิดตัวเซอร์ไพรส์ที่โซนยืน แต่ก็เปิดตัวอย่างเยี่ยมยอดบนเวทีกับเพลง Superheroes
The Script ร้องเพลงต่อเนื่องกันยาวๆ สามเพลง จากนั้นก็ทักทายแฟนๆ
สำหรับเพลง Paint the Town Green มีความพิเศษให้กับชาวไทยที่เดียวเท่านั้น คือ การแสดงศิลปะแม่ไม้มวยไทย การตีกลอง และการเชิดแผ่นหนัง
มีการบิ้วให้คนดูกอดคอกันร่วมร้องเพลงกันด้วย โอ้ สนุกกันเลยสิ
ไฮไลท์ของ the script คือ การวิ่งไปทั่ว ร้องๆเพลงอยู่ ก็ลงมาวิ่ง ให้แฟนแถวหน้าดีใจอย่างใกล้ชิด
จนขึ้นไปอยู่บนโซนนั่งขวามือของเวที โซนเดิมกับคราวที่แล้วเลย เจ้าของกระทู้มาดักอยู่ฝั่งตรงข้าม คือ อด ฮ่าๆ กะว่าพี่แกน่าจะเปลี่ยนมุมเซอร์ไพรส์บ้าง แต่ก็ไม่ ฮ่าๆ
สำหรับในโซนนี้ เหมือนกับทุกที่ที่พวกเขาไปแสดง เพลง Never Seen Anything Quite Like You ในเวอร์ชั่นอะคูสติก ได้ถูกบรรเลงขึ้น
เสียดายมากๆ ที่ไม่ได้ซื้อบัตรอยู่ฝั่งนั้น แต่ไม่เป็นไร แค่นี้ก็ประทับใจแล้ว
แต่ก็มีความประทับใจอีกอย่างของคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ในระหว่างเพลงนี้กำลังบรรเลง มีคนขอแต่งงานกันจ้า ที่โซนยืนฝั่งซ้ายของเวที น่ารักมากๆเลย
จากนั้นไฟก็ดับลง เราก็จ้องอยู่ที่เวทีเพราะเข้าใจว่าพวกเขาก็คงพากันกลับไปแสดงบนเวทีกันต่อ แต่..ทันใดนั้นก็มีแสงสปอร์ตไลท์สว่างขึ้นที่โซนนั่ง โซนกลาง พร้อมกลับเสียงกรี๊ดของคนดูและ แดนนี่!! เขาออกมาเซอร์ไพรส์อีกรอบ แล้วก็ร้องเพลงไป ทักทายคนดูไป รอบๆที่แถวหน้าของโซนนั่ง เกือบครึ่งฮอล์ล ว้าววว เราได้จับมือด้วย แน่น แข็งแรงมาก โห ดีใจมากมายจริง เซอร์ไพรส์สุดๆ ไปเลย
จากนั้น แดนนี่ก็ปีนรั้วลงมาจากโซนนั่ง เพื่อกลับขึ้นไปร้องเพลงต่อบนเวที ฮ่าๆ
แล้วคอนเสิร์ตก็จบ เฮ้ย เร็วไปไหน ไม่สิ มันมีต่อ
หลังจากนั้นมีอังกอร์ อันนี้ขอบอกว่า มันดูเงียบๆนะ คือ แฟนๆน่าจะอังกอร์หนักกว่านี้นิดนึง แต่ยังไงๆ มันเป็นคิวการแสดงเนอะ ก็ต้องออกมาแสดงต่อสิ ฮ่าๆ
พวกเขาสามคนกลับมาแสดงบนเวทีอีกรอบ แดนนี่ลงมาวิ่งที่แถวหน้าโซนยืนอีกแล้ว การ์ดวิ่งตาม ฮ่าๆ แอบสงสารการ์ดนิดนึง
ปิดท้าย สามเพลงสุดท้าย มันมากกก แสงไฟจากมือถือของคนดูเปิดสว่างพร้อมกันสวยงามมาก และพวกเราจงรู้ว่า I can !! คอนเสิร์ตปิดฉากกับเพลงสุดท้ายด้วยความประทับใจกับเพลง Hall of Fame สนุกมาก ดีมาก
แม้ว่าเราจะประทับใจกับคอนเสิร์ต 2015 มากกว่า แต่คอนเสิร์ต 2018 ก็ทำให้เรารู้สึกคุ้มค่ากับการตัดสินใจไปดูในนาทีสุดท้ายเช่นกัน
ใครมีเรื่องราวประทับใจกับคอนเสิร์ตครั้งนี้ มาแชร์กันได้นะ ขอบคุณที่ช่วยกันสร้างบรรยากาศที่สวยงามในคอนเสิร์ตครั้งนี้จ้า ^_^
The Script Live in Bangkok 2018 มาแชร์ความประทับใจกัน
จากเมื่อสามปีที่แล้ว (2015) The Script ได้มาเปิดคอนเสิร์ตครั้งแรกในไทย ครั้งนั้นเราประทับใจมาก เพราะเป็นคอนเสิร์ตต่างประเทศครั้งแรก และเป็นการดูคอนเสิร์ตคนเดียวครั้งแรกของเรา ครั้งนั้นเราประทับใจมาก เรียกได้ว่าบัตรพันสามห้าสิบได้อารมณ์เหมือนห้าพัน เราคิดเลยว่าถ้าพวกเขามาเปิดการแสดงอีกจะต้องไปดูแน่ และต้องไปอยู่ในโซนที่ใกล้กว่านี้
แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราโตขึ้น เราเริ่มรู้คุณค่าของเงินมากขึ้น พวกเขากลับมาเปิดการแสดงอีกครั้ง เราเกือบไม่ไปดู ด้วยเหตุผลที่ว่ามา คือ เสียดายเงิน แต่ด้วยความที่ในใจลึกๆแล้วก็ยังอยากจะไปดู ..สองวันก่อนคอนเสิร์ต เราเจอรหัสบัตรส่วนลดสำหรับการซื้อตั๋ว the script เราดีใจมาก และได้บัตรมา ได้อยู่ในโซนต้องการ
วันงาน มีฝนโปรยปราย แหมช่างเข้ากับเพลงโปรโมทของอัลบั้มล่าสุดนี้ซะจริง Rain
มาเริ่มความประทับใจของเรากับคอนเสิร์ตครั้งนี้กัน
คอนเสิร์ตเริ่มตรงเวลาเหมือนเดิม ปีนี้ไม่มีวงเปิด ไม่ได้เปิดตัวเซอร์ไพรส์ที่โซนยืน แต่ก็เปิดตัวอย่างเยี่ยมยอดบนเวทีกับเพลง Superheroes
The Script ร้องเพลงต่อเนื่องกันยาวๆ สามเพลง จากนั้นก็ทักทายแฟนๆ
สำหรับเพลง Paint the Town Green มีความพิเศษให้กับชาวไทยที่เดียวเท่านั้น คือ การแสดงศิลปะแม่ไม้มวยไทย การตีกลอง และการเชิดแผ่นหนัง
มีการบิ้วให้คนดูกอดคอกันร่วมร้องเพลงกันด้วย โอ้ สนุกกันเลยสิ
ไฮไลท์ของ the script คือ การวิ่งไปทั่ว ร้องๆเพลงอยู่ ก็ลงมาวิ่ง ให้แฟนแถวหน้าดีใจอย่างใกล้ชิด
จนขึ้นไปอยู่บนโซนนั่งขวามือของเวที โซนเดิมกับคราวที่แล้วเลย เจ้าของกระทู้มาดักอยู่ฝั่งตรงข้าม คือ อด ฮ่าๆ กะว่าพี่แกน่าจะเปลี่ยนมุมเซอร์ไพรส์บ้าง แต่ก็ไม่ ฮ่าๆ
สำหรับในโซนนี้ เหมือนกับทุกที่ที่พวกเขาไปแสดง เพลง Never Seen Anything Quite Like You ในเวอร์ชั่นอะคูสติก ได้ถูกบรรเลงขึ้น
เสียดายมากๆ ที่ไม่ได้ซื้อบัตรอยู่ฝั่งนั้น แต่ไม่เป็นไร แค่นี้ก็ประทับใจแล้ว
แต่ก็มีความประทับใจอีกอย่างของคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ในระหว่างเพลงนี้กำลังบรรเลง มีคนขอแต่งงานกันจ้า ที่โซนยืนฝั่งซ้ายของเวที น่ารักมากๆเลย
จากนั้นไฟก็ดับลง เราก็จ้องอยู่ที่เวทีเพราะเข้าใจว่าพวกเขาก็คงพากันกลับไปแสดงบนเวทีกันต่อ แต่..ทันใดนั้นก็มีแสงสปอร์ตไลท์สว่างขึ้นที่โซนนั่ง โซนกลาง พร้อมกลับเสียงกรี๊ดของคนดูและ แดนนี่!! เขาออกมาเซอร์ไพรส์อีกรอบ แล้วก็ร้องเพลงไป ทักทายคนดูไป รอบๆที่แถวหน้าของโซนนั่ง เกือบครึ่งฮอล์ล ว้าววว เราได้จับมือด้วย แน่น แข็งแรงมาก โห ดีใจมากมายจริง เซอร์ไพรส์สุดๆ ไปเลย
จากนั้น แดนนี่ก็ปีนรั้วลงมาจากโซนนั่ง เพื่อกลับขึ้นไปร้องเพลงต่อบนเวที ฮ่าๆ
แล้วคอนเสิร์ตก็จบ เฮ้ย เร็วไปไหน ไม่สิ มันมีต่อ
หลังจากนั้นมีอังกอร์ อันนี้ขอบอกว่า มันดูเงียบๆนะ คือ แฟนๆน่าจะอังกอร์หนักกว่านี้นิดนึง แต่ยังไงๆ มันเป็นคิวการแสดงเนอะ ก็ต้องออกมาแสดงต่อสิ ฮ่าๆ
พวกเขาสามคนกลับมาแสดงบนเวทีอีกรอบ แดนนี่ลงมาวิ่งที่แถวหน้าโซนยืนอีกแล้ว การ์ดวิ่งตาม ฮ่าๆ แอบสงสารการ์ดนิดนึง
ปิดท้าย สามเพลงสุดท้าย มันมากกก แสงไฟจากมือถือของคนดูเปิดสว่างพร้อมกันสวยงามมาก และพวกเราจงรู้ว่า I can !! คอนเสิร์ตปิดฉากกับเพลงสุดท้ายด้วยความประทับใจกับเพลง Hall of Fame สนุกมาก ดีมาก
แม้ว่าเราจะประทับใจกับคอนเสิร์ต 2015 มากกว่า แต่คอนเสิร์ต 2018 ก็ทำให้เรารู้สึกคุ้มค่ากับการตัดสินใจไปดูในนาทีสุดท้ายเช่นกัน
ใครมีเรื่องราวประทับใจกับคอนเสิร์ตครั้งนี้ มาแชร์กันได้นะ ขอบคุณที่ช่วยกันสร้างบรรยากาศที่สวยงามในคอนเสิร์ตครั้งนี้จ้า ^_^