เมื่อสองเดือนก่อนเราซื้อ S8+มา ในงาน Jaymart ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว ด้วยคำโฆษณาที่ว่าโทรศัพท์รุ่นนี้สามารถกันน้ำและหน้าจอเป็น Gorilla Glass สามารถรองรับแรงกระแทกได้ดี เลยตัดสินใจซื้อ
พอใช้ไปสักพักใหญ่ๆก็เจอกับปัญหาที่ว่าโทรศัพท์รุ่นนี้ดีไซน์ให้หน้าจอเป็นแบบโค้ง ทำให้ติดฟิล์มยากมากและฟิล์มก็มีราคาแพงมากด้วย เท่านั้นยังไม่พอ เราเจอกับปัญหาเพิ่มที่ว่าพอติดฟิล์มกระจกเข้าไปแล้ว ไม่สามารถใช้งานทัชสกรีนได้เลยลองเอาไปให้ที่Shopดู พนักงานบอกว่าเนื่องจากจอรุ่นนี้เป็นจอกระจก เมื่อติดฟิล์มกระจกก็ทำให้เพิ่มความหนาเหมือนกระจกชนกระจก และเมื่อใส่เคสก็จะทำให้ฟิล์มเผยอ ทางแก้ก็คือต้องไม่ใส่เคส จึงจะใช้งานได้ตามปกติ เราก็เลยไม่ใส่เคสมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หลังจากนั้นปัญหาก็ตามมาอีกคือ กล้องหลังเริ่มไม่โฟกัส เราก็ลองsearchข้อมูลในพันทิปดู พบว่ามีคนที่ใช้โทรศัพท์รุ่นนี้ และมีอาการเดียวกันหลายคน มีแนะนำว่าให้ลองเขย่าโทรศัพท์แล้วจะหาย ซึ่งเราก็ได้ลองทำตามและมันก็หายจริงๆแต่ก็เป็นแค่ชั่วคราว เราเลยตัดสินใจนำเข้าศูนย์ซ่อมที่เซ็นทรัลพระรามเก้า
ปัญหาใหญ่เริ่มขึ้นที่ตรงนี้เมื่อเราไปที่ศูนย์บริการพนักงานเช็คอาการเบื้องต้นและบอกว่าต้องทิ้งตัวเครื่องไว้ที่ศูนย์ซ่อม หลังจากนั้นประมาณ 2 ชั่วโมง ทางช่างก็โทรมาแจ้งว่าจะต้องทำการเปลี่ยนฝาหลังเนื่องจากตัวเครื่องมีรอยตกกระแทกและมีรอยที่ลึกมาก และฝาหลังก็ไม่ได้อยู่ในประกัน ทั้งๆที่เราเพิ่งซื้อมาสองเดือน มีแค่กล้องที่ทางศูนย์จะเปลี่ยนให้ฟรี ช่างแจ้งว่าฝาหลังราคา 1400 บาท เราบอกว่าเราไม่โอเคเพราะเราไม่ได้ทำตกแรงขนาดนั้นและอีกอย่างหนึ่งมันก็เป็นความผิดของทาง Samsungด้วยที่ดีไซน์โทรศัพท์มาให้ไมีสามารถใส่เคสได้
ทางช่างขอเวลากลับไปดูอีกและโทรมาแจ้งใหม่ว่าเราต้องเปลี่ยนทั้งจอและฝาหลังซึ่งจอราคา 7000 กว่าบาทคราวนี้เราโมโหมากจึงถามว่ามีเหตุผลอะไรที่ต้องเปลี่ยนจอเพราะจอเราไม่ได้แตก ช่างบอกว่าถ้าแกะเครื่องออกมาจะทำให้เครื่องไม่สามารถกันน้ำได้เนื่องจากโทรศัพท์ถูกออกแบบมาให้เป็นสุญญากาศ ถ้าจะให้กันน้ำได้เหมือนเดิมก็ต้องเปลี่ยนอะไรทั้งชุด
นี่คือสภาพเครื่องที่ทางช่างบอกว่าทต้องเปลี่ยนททั้งหน้าจอและฝาหลัง
เราจึงถามกลับไปว่ามันเป็นความผิดของผู้บริโภคหรอ ที่Samsungออกมือถือรุ่นFlagshipออกมา ขายแต่ดีไซน์และฟังก์ชันรวมถึงโฆษณาต่างๆ แต่ไม่คิดถึงปัญหาที่จะตามมาและยังไม่คิดรับผิดชอบอีกด้วย เราเลยตัดสินใจเปลี่ยนแค่กล้อง ซึ่งทางช่างก็บอกว่าตอนนี้โทรศัพท์เราไม่สามารถกันน้ำได้แล้ว แต่เราก็ทำใจไม่ได้ จริงๆที่จะต้องเสียเงินอีกเกือบ 10,000 บาท เพื่อซ่อมโทรศัพท์ที่เพิ่งซื้อมาแค่สองเดือนโดยไม่ได้มีปัญหารุนแรง จริงๆแล้วโทรศัพท์รุ่นนี้มีประกันหน้าจอซึ่งต้องซื้อประกันเพิ่มประมาณ 300 กว่าบาทแต่พนักงานของ Jaymart ก็ไม่ได้แจ้งเรา ซึ่งถ้าพนักงานแจ้ง เราก็คงซื้อประกันไปแล้ว เพราะเรารู้ว่าหน้าจอมีราคาแพงมาก
เราเลยโทรไป complain ทั้งที่ศูนย์เJaymartและSumsung ตั้งแต่ต้นเดือนเมษาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า มีแต่คำว่าขอโทษ เราอยากถามว่าบริษัทผลิตมือถือค่ายยักษ์ใหญ่ขนาด Samsung มีนโยบายเซอร์วิสลูกค้าได้เพียงแค่นี้หรอ ตอนนี้ก็โฆษณาขาย S9 และ S9+ในทุกสื่อ ขอถามหน่อยว่า คุณแก้ปัญหาเหล่านี้ได้หรือยัง ถ้าไม่ได้คนอีกจำนวนมากก็จะตั้งเจอปัญหาแบบเรา ซึ่งเราไม่อยากให้ใครเจอปัญหาแบบนี้อีก
ขอโทษนะคะที่กระทู้นี้ยาวมาก เพราะเราไม่อยากให้ใครต้องมาเสียความรู้สึกแบบที่เราเจอ เลยอยากเตือนไว้ก่อนที่จะซื้อมือถือยี่ห้อนี้ ไม่จำเป็นต้องเชื่อเราทั้งหมดแต่ลองพิจารณาเองว่าคุณรับได้ไม๊ถ้าเจอเหตุการณ์แบบเรา
ใครที่กำลังจะซื้อ Samsung S9/S9+ ลองอ่านดูก่อนนะคะ
พอใช้ไปสักพักใหญ่ๆก็เจอกับปัญหาที่ว่าโทรศัพท์รุ่นนี้ดีไซน์ให้หน้าจอเป็นแบบโค้ง ทำให้ติดฟิล์มยากมากและฟิล์มก็มีราคาแพงมากด้วย เท่านั้นยังไม่พอ เราเจอกับปัญหาเพิ่มที่ว่าพอติดฟิล์มกระจกเข้าไปแล้ว ไม่สามารถใช้งานทัชสกรีนได้เลยลองเอาไปให้ที่Shopดู พนักงานบอกว่าเนื่องจากจอรุ่นนี้เป็นจอกระจก เมื่อติดฟิล์มกระจกก็ทำให้เพิ่มความหนาเหมือนกระจกชนกระจก และเมื่อใส่เคสก็จะทำให้ฟิล์มเผยอ ทางแก้ก็คือต้องไม่ใส่เคส จึงจะใช้งานได้ตามปกติ เราก็เลยไม่ใส่เคสมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หลังจากนั้นปัญหาก็ตามมาอีกคือ กล้องหลังเริ่มไม่โฟกัส เราก็ลองsearchข้อมูลในพันทิปดู พบว่ามีคนที่ใช้โทรศัพท์รุ่นนี้ และมีอาการเดียวกันหลายคน มีแนะนำว่าให้ลองเขย่าโทรศัพท์แล้วจะหาย ซึ่งเราก็ได้ลองทำตามและมันก็หายจริงๆแต่ก็เป็นแค่ชั่วคราว เราเลยตัดสินใจนำเข้าศูนย์ซ่อมที่เซ็นทรัลพระรามเก้า
ปัญหาใหญ่เริ่มขึ้นที่ตรงนี้เมื่อเราไปที่ศูนย์บริการพนักงานเช็คอาการเบื้องต้นและบอกว่าต้องทิ้งตัวเครื่องไว้ที่ศูนย์ซ่อม หลังจากนั้นประมาณ 2 ชั่วโมง ทางช่างก็โทรมาแจ้งว่าจะต้องทำการเปลี่ยนฝาหลังเนื่องจากตัวเครื่องมีรอยตกกระแทกและมีรอยที่ลึกมาก และฝาหลังก็ไม่ได้อยู่ในประกัน ทั้งๆที่เราเพิ่งซื้อมาสองเดือน มีแค่กล้องที่ทางศูนย์จะเปลี่ยนให้ฟรี ช่างแจ้งว่าฝาหลังราคา 1400 บาท เราบอกว่าเราไม่โอเคเพราะเราไม่ได้ทำตกแรงขนาดนั้นและอีกอย่างหนึ่งมันก็เป็นความผิดของทาง Samsungด้วยที่ดีไซน์โทรศัพท์มาให้ไมีสามารถใส่เคสได้
ทางช่างขอเวลากลับไปดูอีกและโทรมาแจ้งใหม่ว่าเราต้องเปลี่ยนทั้งจอและฝาหลังซึ่งจอราคา 7000 กว่าบาทคราวนี้เราโมโหมากจึงถามว่ามีเหตุผลอะไรที่ต้องเปลี่ยนจอเพราะจอเราไม่ได้แตก ช่างบอกว่าถ้าแกะเครื่องออกมาจะทำให้เครื่องไม่สามารถกันน้ำได้เนื่องจากโทรศัพท์ถูกออกแบบมาให้เป็นสุญญากาศ ถ้าจะให้กันน้ำได้เหมือนเดิมก็ต้องเปลี่ยนอะไรทั้งชุด
นี่คือสภาพเครื่องที่ทางช่างบอกว่าทต้องเปลี่ยนททั้งหน้าจอและฝาหลัง
เราจึงถามกลับไปว่ามันเป็นความผิดของผู้บริโภคหรอ ที่Samsungออกมือถือรุ่นFlagshipออกมา ขายแต่ดีไซน์และฟังก์ชันรวมถึงโฆษณาต่างๆ แต่ไม่คิดถึงปัญหาที่จะตามมาและยังไม่คิดรับผิดชอบอีกด้วย เราเลยตัดสินใจเปลี่ยนแค่กล้อง ซึ่งทางช่างก็บอกว่าตอนนี้โทรศัพท์เราไม่สามารถกันน้ำได้แล้ว แต่เราก็ทำใจไม่ได้ จริงๆที่จะต้องเสียเงินอีกเกือบ 10,000 บาท เพื่อซ่อมโทรศัพท์ที่เพิ่งซื้อมาแค่สองเดือนโดยไม่ได้มีปัญหารุนแรง จริงๆแล้วโทรศัพท์รุ่นนี้มีประกันหน้าจอซึ่งต้องซื้อประกันเพิ่มประมาณ 300 กว่าบาทแต่พนักงานของ Jaymart ก็ไม่ได้แจ้งเรา ซึ่งถ้าพนักงานแจ้ง เราก็คงซื้อประกันไปแล้ว เพราะเรารู้ว่าหน้าจอมีราคาแพงมาก
เราเลยโทรไป complain ทั้งที่ศูนย์เJaymartและSumsung ตั้งแต่ต้นเดือนเมษาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า มีแต่คำว่าขอโทษ เราอยากถามว่าบริษัทผลิตมือถือค่ายยักษ์ใหญ่ขนาด Samsung มีนโยบายเซอร์วิสลูกค้าได้เพียงแค่นี้หรอ ตอนนี้ก็โฆษณาขาย S9 และ S9+ในทุกสื่อ ขอถามหน่อยว่า คุณแก้ปัญหาเหล่านี้ได้หรือยัง ถ้าไม่ได้คนอีกจำนวนมากก็จะตั้งเจอปัญหาแบบเรา ซึ่งเราไม่อยากให้ใครเจอปัญหาแบบนี้อีก
ขอโทษนะคะที่กระทู้นี้ยาวมาก เพราะเราไม่อยากให้ใครต้องมาเสียความรู้สึกแบบที่เราเจอ เลยอยากเตือนไว้ก่อนที่จะซื้อมือถือยี่ห้อนี้ ไม่จำเป็นต้องเชื่อเราทั้งหมดแต่ลองพิจารณาเองว่าคุณรับได้ไม๊ถ้าเจอเหตุการณ์แบบเรา