มาเรียนไกลบ้านทั้งที สิ่งที่เราๆจะนึกถึงแรกๆหรือหลังจากชีวิตเริ่มลงตัว ก็คงจะเป็นการหางานพาร์ทไทม์ทำยามอยู่เมืองฝรั่งนี่แหละ เพราะเป็นโอกาสดีที่เราจะได้มีโอกาสเจอเพื่อน มีรายได้เสริมได้ทำงานอะไรที่เราไม่มีโอกาสทำที่ไทย หรืออยู่ไปแล้วจะกอบโกยเงินช่วยพ่อแม่จ่ายค่าเรียนอะไรก็ว่ากันไปตามสะดวก ส่วนเจ้นี่ คิดถึงการทำงานเสริมอย่างแรกเลยตอนมาที่นี่ เอ้ะ! นี่ชั้นร้อนเงิน ? ป่าววว ชั้นอยากสร้าง Student life balance work and study ต่างหาก
เข้าเรื่องเลย อะไรที่นักเรียนนอกมือใหม่ควรรู้ก่อนสมัครงานพาร์ทไทม์
“เตรียมตัวเริ่มสมัครงานยังไง นายจ้างอยากได้อะไร?”
ก่อนอื่นเลยถ้าเราไม่ได้โชคดี มีของ ที่มีคนรู้จักพาเข้าทำงานได้ ส่วนใหญ่ที่เราต้องทำคือต้องหย่อน Resume และ Coverletter เดินสมัครงานตามร้าน หรือยื่นสมัครออนไลน์กัน (ซึ่งเดี๋ยวนี้ถ้าไม่สนิทชิดเชื้อ ต่อให้เป็นเพื่อนกันจริงๆก็ไม่มีใครกล้าฝากงานให้กันนะจ้ะ เพราะเขาไม่รู้ว่า เราจะทนงานความกดดันได้ไหม ที่จะไม่ลากออกให้เขาเสีย) สิ่งที่ควรรู้เบื้องต้นคือ งานส่วนใหญ่งานเริ่มแรกที่เราจะทำพาร์ทไทม์ตอนเรียนเมืองนอกนั้น ไม่ว่าจะเป็น Restaurants, cafe, cleaner,hotel ล้วนค่อนข้างต่างจากสายงานที่เราทำมาจากไทยหรือสายที่จบมาพอสมควร ทีนี้แหละ ! เราจะเขียนข้อมูลอะไรลงไป ที่พอเหมาะพอดี ให้เขาเรียกเราทำงาน จากประสบการณ์ที่เคยพบคือ การที่เราอัดแน่นใส่ไปทั้ง background การศึกษา ประกาศณีบัตร ที่เราภูมิใจที่เราคิดว่ามันดีมาก บางทีมันดู Over-Qualication เกินไป หรือดูไม่เหมาะกับงานเขาเลย นายจ้างมักไม่กล้าเรียก เพราะเค้าดูไม่ออกว่าเราจะไหวทำงานประเภทนั้นให้เขาไหม เราต้องรู้ว่าประสบการณ์อะไรควรใช้ตรงไหน ไม่ต้องเขียนให้ยืดเยื้อ และชัดเจนเรื่องประวัติการทำงานใกล้เคียงที่มันจะคล้องกับงานที่เราสมัครที่สุด
ยกตัวอย่าง รุ่นพี่เราจบโทมาแล้วจากไทย มาต่อที่นี่ อยากเริ่มหางานหารายได้เสริม เลยสมัครงานเสิร์ฟและคลีนนิ่งตอนอยู่เมืองนอก ใน Resume ก่อนหน้าระบุทั้งทำวิจัย เขียนหนังสือ ประวัติการศึกษาแน่นเอี๊ยด งานสายวิชาการเป๊ะ แต่ไม่มีที่ไหนเรียกเลย เพราะประวัติการทำงานพี่แกไม่สอดคล้อง หรือใกล้เคียงกับงานใช้แรงเลย จนเขาเริ่มมาปรึกษาว่า พี่เครียด สมัครมาหลายที่ทำไมพี่ไม่ได้งานเลยแกเอ้ยทำไงดี ? ด้วยความที่เราทำมาหลายปี เจอคนที่มายื่นงานผ่านเรา และเคยช่วยกันแสกนดูกับเจ้านายว่าจะเรียกเข้ามาเทรนงานดี เราก็เลยพยายามหาจุดที่ตกหล่นช่วยรุ่นพี่ให้ได้งานเริ่มจาก รุ่นพี่ส่ง Resume มาให้ดู นั่นไง!! ไม่มีเลยความใกล้เคียงของ background งานก่อนหน้า ที่จะชี้ว่าจะสามารถทำงานนั้นได้ เจ้มาสายวิชาการล้วนๆ เอาล่ะ เริ่มแก้ใหม่ๆ จับเข่าคุยกัน นึกๆพี่เคยไปไหนทำอะไรที่เป็นงานสังคมบ้าง พี่เคยเป็น volunteer ฟื้นฟูบ้านเมืองแถบเอเชียนี่แหละอยู่ครึ่งปีเลย พี่เคยทำ work and travel USA ด้วย น่าสนใจ แต่ตอนแรกพี่แกดั๊นไม่กล้าใส่ลงเพราะเห็นว่า ทำแค่สามเดือน ฉะนั้น เปลี่ยนๆเลย ใส่มันลงไปซะ พยายามนึกออกมาและเขียนให้มันดูเข้าท่า ที่ผ่านมาเราทำไรมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นออกอีเว้นขายน้ำ เทคคอร์สทำขนม ช่วยงานร้านกาแฟญาติ งานช่วยเหลือกิจกรรมมหาลัยต่างๆให้ประวัติเราดูมีอะไรมากกว่าเรียน หรือ ก่อนมาถ้ารู้แล้วว่าต้องมา เตรียมตัวหน่อยมีเวลาก็พยายามหาอะไรทำที่ไทยก่อนมาจะได้พอเห็นภาพ งานร้านอาหาร บางคนไปเรียนนวดเลยก็มี รวมถึง ไปทำพาร์ทไทม์เป็น volunteer ที่ร้านกาแฟ ก็ดูน่าสนใจไม่หยอกต่อใจนายจ้างเด้อ
แต่จริงๆปัญหาที่ไม่ได้งานซักที ที่พบมาก็มีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับช่วงจังหวะงานเราเองด้วยอาจจะไม่ได้ปุปปับทันที บางคนก็ได้มาไม่ยากถ้าเตรียมตัวดีๆ แต่ถ้าไม่ได้เค้ยไม่เคยผ่านใช้แรงมาเลยในชีวิต กระนั้นตัวเรามั่นใจว่าเราทำได้แน่นอน แนะให้เขียนเสริมไปนะ ว่า ถึงเราไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาโดยตรง แต่เราก็มีความตั้งใจและร้านสามารถเทรนงานเราก่อนได้และค่อยตัดสินใจ ให้เขาอ่านแล้วรู้สึกชื้นใจว่าเด็กนี่พร้อมทำงานนะ ท่ามกลางใบสมัครอื่นๆที่เขาจะหยิบมาดู และอย่างที่ออสเตรเลีย เคยพบอาจารย์ที่มักปรึกษา ตาม Job club แนะทริคว่า งานพาร์ทไทม์แบบนี้ ไม่ต้อง ใส่สัญชาติน้ำหนัก ส่วนสูง ระบุไปนะ กฏเขาออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้นายจ้างเลือก คนทำงานจากภายนอก หรือ Nationality เท่านั้น
ต่อไปเกี่ยวกับเรื่องควรรู้การจ่าย การเรียกเทรนงานนะ เจ้ขอต่อคอมเม้นด้านล่างนะ เดี๋ยวจะยาวเกิน
เผยหมดเปลือก นักเรียนนอกมือใหม่ควรรู้ก่อนเริ่มหางานพาร์ทไทม์
เข้าเรื่องเลย อะไรที่นักเรียนนอกมือใหม่ควรรู้ก่อนสมัครงานพาร์ทไทม์
“เตรียมตัวเริ่มสมัครงานยังไง นายจ้างอยากได้อะไร?”
ก่อนอื่นเลยถ้าเราไม่ได้โชคดี มีของ ที่มีคนรู้จักพาเข้าทำงานได้ ส่วนใหญ่ที่เราต้องทำคือต้องหย่อน Resume และ Coverletter เดินสมัครงานตามร้าน หรือยื่นสมัครออนไลน์กัน (ซึ่งเดี๋ยวนี้ถ้าไม่สนิทชิดเชื้อ ต่อให้เป็นเพื่อนกันจริงๆก็ไม่มีใครกล้าฝากงานให้กันนะจ้ะ เพราะเขาไม่รู้ว่า เราจะทนงานความกดดันได้ไหม ที่จะไม่ลากออกให้เขาเสีย) สิ่งที่ควรรู้เบื้องต้นคือ งานส่วนใหญ่งานเริ่มแรกที่เราจะทำพาร์ทไทม์ตอนเรียนเมืองนอกนั้น ไม่ว่าจะเป็น Restaurants, cafe, cleaner,hotel ล้วนค่อนข้างต่างจากสายงานที่เราทำมาจากไทยหรือสายที่จบมาพอสมควร ทีนี้แหละ ! เราจะเขียนข้อมูลอะไรลงไป ที่พอเหมาะพอดี ให้เขาเรียกเราทำงาน จากประสบการณ์ที่เคยพบคือ การที่เราอัดแน่นใส่ไปทั้ง background การศึกษา ประกาศณีบัตร ที่เราภูมิใจที่เราคิดว่ามันดีมาก บางทีมันดู Over-Qualication เกินไป หรือดูไม่เหมาะกับงานเขาเลย นายจ้างมักไม่กล้าเรียก เพราะเค้าดูไม่ออกว่าเราจะไหวทำงานประเภทนั้นให้เขาไหม เราต้องรู้ว่าประสบการณ์อะไรควรใช้ตรงไหน ไม่ต้องเขียนให้ยืดเยื้อ และชัดเจนเรื่องประวัติการทำงานใกล้เคียงที่มันจะคล้องกับงานที่เราสมัครที่สุด
ยกตัวอย่าง รุ่นพี่เราจบโทมาแล้วจากไทย มาต่อที่นี่ อยากเริ่มหางานหารายได้เสริม เลยสมัครงานเสิร์ฟและคลีนนิ่งตอนอยู่เมืองนอก ใน Resume ก่อนหน้าระบุทั้งทำวิจัย เขียนหนังสือ ประวัติการศึกษาแน่นเอี๊ยด งานสายวิชาการเป๊ะ แต่ไม่มีที่ไหนเรียกเลย เพราะประวัติการทำงานพี่แกไม่สอดคล้อง หรือใกล้เคียงกับงานใช้แรงเลย จนเขาเริ่มมาปรึกษาว่า พี่เครียด สมัครมาหลายที่ทำไมพี่ไม่ได้งานเลยแกเอ้ยทำไงดี ? ด้วยความที่เราทำมาหลายปี เจอคนที่มายื่นงานผ่านเรา และเคยช่วยกันแสกนดูกับเจ้านายว่าจะเรียกเข้ามาเทรนงานดี เราก็เลยพยายามหาจุดที่ตกหล่นช่วยรุ่นพี่ให้ได้งานเริ่มจาก รุ่นพี่ส่ง Resume มาให้ดู นั่นไง!! ไม่มีเลยความใกล้เคียงของ background งานก่อนหน้า ที่จะชี้ว่าจะสามารถทำงานนั้นได้ เจ้มาสายวิชาการล้วนๆ เอาล่ะ เริ่มแก้ใหม่ๆ จับเข่าคุยกัน นึกๆพี่เคยไปไหนทำอะไรที่เป็นงานสังคมบ้าง พี่เคยเป็น volunteer ฟื้นฟูบ้านเมืองแถบเอเชียนี่แหละอยู่ครึ่งปีเลย พี่เคยทำ work and travel USA ด้วย น่าสนใจ แต่ตอนแรกพี่แกดั๊นไม่กล้าใส่ลงเพราะเห็นว่า ทำแค่สามเดือน ฉะนั้น เปลี่ยนๆเลย ใส่มันลงไปซะ พยายามนึกออกมาและเขียนให้มันดูเข้าท่า ที่ผ่านมาเราทำไรมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นออกอีเว้นขายน้ำ เทคคอร์สทำขนม ช่วยงานร้านกาแฟญาติ งานช่วยเหลือกิจกรรมมหาลัยต่างๆให้ประวัติเราดูมีอะไรมากกว่าเรียน หรือ ก่อนมาถ้ารู้แล้วว่าต้องมา เตรียมตัวหน่อยมีเวลาก็พยายามหาอะไรทำที่ไทยก่อนมาจะได้พอเห็นภาพ งานร้านอาหาร บางคนไปเรียนนวดเลยก็มี รวมถึง ไปทำพาร์ทไทม์เป็น volunteer ที่ร้านกาแฟ ก็ดูน่าสนใจไม่หยอกต่อใจนายจ้างเด้อ
แต่จริงๆปัญหาที่ไม่ได้งานซักที ที่พบมาก็มีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับช่วงจังหวะงานเราเองด้วยอาจจะไม่ได้ปุปปับทันที บางคนก็ได้มาไม่ยากถ้าเตรียมตัวดีๆ แต่ถ้าไม่ได้เค้ยไม่เคยผ่านใช้แรงมาเลยในชีวิต กระนั้นตัวเรามั่นใจว่าเราทำได้แน่นอน แนะให้เขียนเสริมไปนะ ว่า ถึงเราไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาโดยตรง แต่เราก็มีความตั้งใจและร้านสามารถเทรนงานเราก่อนได้และค่อยตัดสินใจ ให้เขาอ่านแล้วรู้สึกชื้นใจว่าเด็กนี่พร้อมทำงานนะ ท่ามกลางใบสมัครอื่นๆที่เขาจะหยิบมาดู และอย่างที่ออสเตรเลีย เคยพบอาจารย์ที่มักปรึกษา ตาม Job club แนะทริคว่า งานพาร์ทไทม์แบบนี้ ไม่ต้อง ใส่สัญชาติน้ำหนัก ส่วนสูง ระบุไปนะ กฏเขาออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้นายจ้างเลือก คนทำงานจากภายนอก หรือ Nationality เท่านั้น
ต่อไปเกี่ยวกับเรื่องควรรู้การจ่าย การเรียกเทรนงานนะ เจ้ขอต่อคอมเม้นด้านล่างนะ เดี๋ยวจะยาวเกิน