ผม และกรรมของเขา ตอนที่ 12 บทเริ่มของต้น แห่งความเจ็บปวด

เรื่องราวต่อไปนี้ ขอให้อ่านเป็น นิทานนะครับ ทุกครั้งที่คุณ สงสัยอะไร ...ขอให้คิดเสียว่า มันเป็นนิทาน ที่หาคำตอบในความเป็นจริงได้ยาก นิทานต่อไปนี้ มีนายเจ เป็นพระเอกของเรื่องนะครับ ตามบทบาท ตัวละครอื่นๆ ก็ถือเสียว่าผมสมมุติขึ้นมา ขอคุณรับเอาไว้ เมื่อได้อ่านแล้ว สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ในการพลิกความรู้สึก จากติดลบ ให้มีกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ต่อไป ขอให้คุณรู้ว่า บนโลกใบนี้ ยังมีเพื่อนร่วมทุกข์ ทั้งมีชีวิต มีร่างกาย และไร้ร่างกายอีกนับไม่ถ้วน ที่ยังต่อสู้ไปพร้อมๆกับคุณ พรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้นะครับ
จงเข้มแข็ง อดทน และมีสติในการใช้ชีวิต  
    
บางครั้ง ....ผมรู้สึกโดดเดี่ยวเหลือเกิน การที่โดนของ (อย่างที่ได้เล่ามา ในตอนต่างๆ ) มันหาจุดเริ่มต้นไม่ได้ ผมทำอะไรผิด ใครทำผม ทำไมต้องมาทำร้ายผม ทำไมชีวิตถึงดูไม่ยุติธรรมกับผมเลย ผมพยายามหาคำตอบนะครับ มองหาคนที่คิดว่า เป็นศัตรู แต่ยิ่งค้นหา ยิ่งสับสน ยิ่งเคว้งคว้าง ยิ่งจมดิ่งลง บางทีก็เหมือนตัวเอง ถูกถ่วงด้วยก้อนหินหนักๆ กำลังจมดิ่งลงในมหาสมุทธ ผมต้องการคนมาช่วย ยิ่งต้องการ ก็ยิ่งเจ็บปวดและโดดเดี่ยว

จะปรึกษาใคร เรื่องแบบนี้ ใครเขาจะเข้าใจครับ เขาก็คงแนะนำให้ไปปรึกษาจิตแพทย์ มีครั้งนึง ที่ผมกลับบ้าน แล้วก็เล่าให้กับครอบครัวฟัง ตอนนั้นเศษเหล็กไนผึ้ง ยังคงฝังอยู่ตามผิวหนังของผม ผมคิดว่า ยิ่งผมพยายามปิดซ่อนมันก็คงไม่ดี ผม อยากจะมีคนที่มาเข้าใจ จึงบอกครอบครัวไป เริ่มจากพี่ของผมก่อน สิ่งที่ได้รับ คือ เขามองผมแบบ หนักใจมากๆ แต่พี่ก็คือพี่ ยอมรับฟังทั้งหมด  แม้จะไม่เห็นด้วย ขั้นแรก พี่ผมพยายามหาทางออกโดยการพาผมไปหาแปะกง ผมรู้ครับ ว่าพี่ต้องการอะไร พี่ต้องการให้ผมสบายใจ แม้ในสายตาพี่ จะเจ็บปวดที่ผมดูเหมือนจะเสียสติไป และงมงายกับสิ่งที่มองไม่เห็น แต่พี่ก็ฝืนใจ พยายามที่จะปลอบใจผม ด้วยการหาวิธีที่ทำให้ผมรู้สึกว่าพี่เข้าใจผมมากที่สุด

มันบังเอิญ ไอ้สิ่งที่ผมมี คือการรู้วาระ ความคิดของคนอื่น ในช่วงที่ชีวิตผมถูกประดังไปด้วยเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็น ความสามารถในเรื่องของการเห็นสิ่งที่มองไม่เห็น ได้ยินในสิ่งที่คนอื่นไม่ได้ยิน มันก็มาพร้อมกันด้วย ตอนแรก ผมไม่เคยรู้ครับ การที่เรารู้ว่า คนอื่นเขาคิดอะไร โดยที่เขาไม่ต้องพูดนั้น มันเป็นยังงัย เคยได้ดูแต่ในละคร ที่พระเอก รู้วาระจิตคนอื่น พระเอกก็ยังคิดไปว่า ตัวเองเป็นบ้า คนเราพูดแบบนี้ แต่คิดอีกแบบ เป็นไปไม่ได้ ผมเข้าใจแล้ว และสิ่งนี้ มันถูกเรียกว่าอะไร มันมาได้ยังงัย ผมก็ไม่อาจทราบได้

แม้ผมจะเสียใจ ที่ครอบครัวมองผมอย่างคนที่เสียสติ ผมฝืนยิ้ม และเล่นไปตามเกมส์ ผมไปหาแปะกง ที่เพื่อนของพี่ศรัทธา และแปะกงนี้ ก็เป็นที่นับถือของคนมากมาย คนมีเงินทำธุรกิจก็มาหาแปะกงช่วยเสมอ  แปะกงไม่ได้เรียกเก็บเงิน แต่เป็นแล้วแต่จะให้ ไม่คิดเงินในการปรึกษาและรักษา
ผมจำได้ ว่ากลัวมาก ไม่ได้กลัวแปะกงเลยสักนิด กลับกลัวตรงที่ว่า ถ้าสิ่งที่ผมมีเปิดเผยตัวตน และผมควบคุมสติไม่ได้ พี่ของผมคงจะเสียใจมาก และแน่นอนเรื่องนี้ต้องถึงหูครอบครัวผมแน่ๆ แล้วสิ่งที่ผมคิดก็ไม่ผิด แปะกงที่ว่า เป็นผู้หญิงชาวจีน ที่เป็นร่างทรงของแปะกง มีอายุราวๆ 60 ปี เมื่อลงทรง แปะกงมองผม และผมก็มองแปะกง ผมรู้ว่า คนในร่างของผม กำลังมองแปะกงอย่างแสกน ว่าเป็นของแท้ หรือผีเข้า และจะทำอย่างไร กับผม
แล้ว แปะกงก็ตอบครอบครัวผมว่า ผมเป็นคนมีองค์ของแท้ คนที่จะเป็นได้อย่างผมมีน้อยมาก เพราะขนาดตัวของแปะกงเอง การจะลงทรง ร่าง(ผู้หญิงที่เป็นร่าง) ก็จะไม่ได้รับรู้ หรือ หมดสติทันทีที่แปะกงลงทรง ร่างนี้ ส่วนผม ผมยังคงมีสติอยู่ 100% เพียงแต่ไม่มีแรงที่จะควบคุมร่างเท่านั้น รับรู้เรื่องราวทุกอย่าง ไปพร้อมกับ เทพที่มีแฝงร่าง เป็นคนที่หาได้ยาก เพราะเวลาทรงนั้น ดวงจิตของเทพที่มาทรง จะทำให้ดวงจิตของเจ้าของร่าง ไม่สามารถทรงสติสัมปชัญญะได้

จริง ...ผมได้ยินทุกอย่าง รับรู้ทุกเรื่อง จริงๆ ผมเฝ้าภาวนาขอไม่ให้ตัวเองตอบ และพูดอะไรที่ไม่ใช่ผมออกไปแม้แต่คำเดียว แต่........คำภาวนาของผมไม่เป็นผล ผมพูดออกไปเป็นภาษาที่คนทั่วไปฟังไม่รู้เรื่อง พูดไปอย่างแนะนำและอธิบายให้แปะกงทราบ ใจผมแหลกเหลวตรงนั้น พี่ผมมองผมอย่างอึ้งๆ มองผมอย่างค้นคว้า

แปะกงอธิบายให้พี่ผมรู้ ว่า เทพในตัวของผม บอกว่า ผมเกิดมาด้วยคำสัญญาว่า จะมาปราบมาร จะลงมาเพื่อทำประโยชน์ แต่เกิดมาแล้วผมดันต่อต้านสิ่งที่เหนือธรรมชาติ  ปิดกั้นการรับรู้ที่จะช่วยเหลือมนุษย์ ผมเกลียดมนุษย์ที่มีแต่ความโลภ และต้องการไม่สิ้นสุด สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมคือ กรรมที่ผมต้องรับ และผลของการต่อต้านเทพ

มาถึงตรงนี้ น้ำตาผมไหล ไหลตลอดเวลา จบแล้ว ความรู้สึกของการจะกู้ความรู้สึกของพี่ และครอบครัว ผมกลัว กลัวว่า เขาจะเสียใจ และกลัวว่าเขาจะคิดมากกับในสิ่งที่ผมเป็น ซึ่งก็ถูกต้องทุกอย่าง สิ่งที่ผมเล่าให้พี่ฟังนั้น เป็นแค่ เศษส่วนใน 100 ส่วนกับสิ่งที่ผมเจอมา ผมเลือกเล่าเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้นและรับรู้แล้วว่า ผมคิดผิดที่บอกครอบครัว ผมควรเลือกเดินตัวคนเดียวดีกว่า

แปะกงคนนี้พูดถูกทุกเรื่อง ในความรู้สึกของผม ส่วนเรื่องจะลงมาช่วยใคร ผมไม่ทราบได้ เจตนาก่อนมาเกิด นั้นก็ไม่ทราบ อะไรก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่มีสิ่งหนึ่ง ที่ผมรับรู้ คือความเสียใจของครอบครัว เป็นสิ่งที่บีบคั้นหัวใจของผมอย่างที่สุด คนอื่นๆ ที่ผมรู้จัก ในวงการของคนทรง ต้องการจะเป็นผม ต้องการได้รับการยอมรับ และพยายามทำให้คนยอมรับมากที่สุด ส่วนผม ...ทุกข์ทรมานใจอย่างที่สุดที่ทำให้ครอบครัวเสียใจ เพราะในความคิดของครอบครัว การมีอะไรแบบนี้ ไม่ต่างจากการเป็นคนเสียสติ และแม้จะรักษาอย่างไร มันก้เหมือนตัวประหลาดในสายตาของทุกคน

พี่ของผม ร้องไห้ เมื่อเห็นผมนอนเกร็งชัก มือและเท้าเขียวม่วง ด้วยอาการของคนที่พยายามต่อต้านอย่างที่สุด พี่ผมทนดูไม่ได้จนต้องหนีไปร้องไห้ข้างนอก ภาพความเสียใจของพี่ ทำร้ายผมอย่างรุนแรง พอพี่เดินออกไป แปะกงพูดกับผมว่า ลื้อยิ่งดิ้นยิ่งฝืน ลื้อยิ่งทรมาน

ชะตากรรมนี้ลื้อฝืนไม่ได้หรอก และเมื่อลื้อเดินออกไปจากแปะกง ลื้อไปหาใครก็จะได้คำตอบเช่นเดียวกันนี้

คนที่ฝืนชะตา มีหลายประเภท
บางคนตายไม่ดี
บางคนชีวิตล่มจม
บางคนต้องทุกข์ใจตลอดชีวิต
บางคนเจ็บป่วยตลอดอย่างลื้อนี่งัย
แปะกงกลัวลื้อฆ่าตัวตาย ลื้อจะฝืนไปดื้อไปให้ได้อะไร

ช่วยคนน่ะดี เพิ่มบารมีกับตัวเอง เทพบันดาลดูแลให้ลื้อได้ ดูแลคนใครครอบครัวลื้อได้ เลือกเอาเถิด ใคร่ครวญดู

ตอนนี้ พี่ผมไม่อยู่ ผมก็ไม่ชักแล้ว ผมนอนนิ่งๆอย่างหมดแรง ทุกคนคิดว่าผมสลบไป  และได้ยินเสียงแปะกงบอกพี่ผมว่า ผมเป็นคนที่ดื้อที่สุด ที่เคยเจอมา ความจริงก็ไม่น่าเชื่อที่ผมยังไม่ตาย โดนขนาดนั้น ใครจะทนได้ นับว่าพอมีบุญอยู่ แปะกงเล่าให้พี่ผมฟังถึง ไสยเวทย์ที่ผมโดน เล่าถูกเสียด้วย และเล่าด้วยว่า ผมอาศัยอำนาจและความศรัทธาในพระ รักษาตัวเองด้วยการต้าน ทานของไม่ดี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่