ประสบการณ์พนักงานออฟฟิศใน ลียง ประเทศฝรั่งเศส (Lyon, France)

กระทู้สนทนา
เล่าประสบการณ์พนักงานออฟฟิศใน ลียง ประเทศฝรั่งเศส (Lyon, France)
ตอน... เด็กบ้านนอกย้ายเข้ากรุง (ขอทยอยเล่าทีละนิดๆนะคะ เพราะอิส อะ ลอง สตอรี่ เรื่องมันยาวมากๆ อาจมีภาษาพูดปนมาบ้างเพื่อให้ได้อรรถรส นี่เป็นกระทู้เล่าเรื่องกระทู้แรก ปกติจะมีแต่ขายของ แหะๆ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ)

ขอเล่าเรื่องโดยเริ่มจากตอนที่เราได้งานแล้วนะคะ เราได้งานในบริษัท Consulting เล็กๆแห่งหนึ่ง รับหน้าที่ทำการตลาดให้กับบริษัท Start-up ที่ให้บริการเกี่ยวกับ file transfer แต่เนื่องจากปัจจุบันเราพักอยู่ในหอพักนักศึกษาในเมืองตูลูส (Toulouse) (อยู่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส) จึงทำให้เราต้องย้ายที่พักไปอยู่ที่เมืองลียง ซึ่งตอนได้งานนั้นคือช่วงเกือบๆปลายสิงหาคม 2016 และก่อนหน้านั้น 1 วัน เราดูตั๋วกลับไทยค่ะ !!! ใช่ค่ะ กำลังจะกลับบ้านเพราะถอดใจเนื่องจากหางานที่ฝรั่งเศสนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราส่งใบสมัครไปหลายร้อยที่ค่ะทั้งจากเว็บของมหาลัย Linkin และหาเองจากบนอินเตอร์เน็ต จริงๆส่งใบสมัครไปหลายประเทศทั่วโลกค่ะ 555 กะว่าถ้าได้ที่ไหนก็เอาแต่ขอไม่ทำที่ไทยเนื่องจากเรามาไกลมากๆ มากจนไม่อยากถอยค่ะไม่อยากให้คนที่รอเราอยู่ที่บ้านผิดหวัง หางานอยู่เกือบ 6 เดือน จนท้อมากๆ ตั้งเป้าหมายว่าถ้าเราไม่ได้งานเดือนกันยายนเราจะกลับบ้าน พอใกล้ช่วงปลายเดือนสิงหาคมก็คิดว่าคงไม่ได้แล้วจึงหาตั๋วกลับบ้านแบบเศร้าๆ แต่พอวันรุ่งขึ้นความโศกเศร้า ท้อแท้ สิ้นหวังเหล่านั้นก็หมดไปเพราะ มีสายเข้าจากชายสูงอายุผู้หนึ่ง โทรมาบอกว่าเค้ารับเราเข้าทำงานค่ะ!!! ณ ตอนนั้น เค้าถามคำถามมามากมายว่า คุณจะเดินทางมาไหวไหม มาถูกหรือเปล่า จะหาหอพักได้เหรอ แล้วมีเพื่อนอยู่ที่ลียงหรือเปล่าและคำถามอีกมากมายก่ายกองที่เราจำไม่ได้ค่ะ ที่จำได้คือ เราตอบตกลงทุกอย่างอย่างไม่มีข้อแม้ใดใด ดีใจจนอยากจะกรีดร้องและลงไปดิ้นแด่วๆอยู่บนพื้น อยากโทรบอกทุกคนว่าเราทำได้แล้วนะเราไม่ต้องกลับบ้านไปเปล่าๆแล้ว T^T ดีใจจนนี่ไม่ได้เผื่อใจไว้เลยว่าจะต้องเจอกับอะไรข้างหน้าที่บันเทิงจนไม่มีวันลืมเลยทีเดียวเชียวล่ะ...

อ่ออยากเล่าชีวิต Lifestyle 6 เดือนที่รอหางานนิดหนึ่งค่ะเพราะบางคนอาจสงสัยว่าอยู่ว่างๆ 6 เดือนทำอะไรบ้าง ชีวิตประจำวันคือ ตื่นมารับทาน ออกกำลังกาย ดูละคร หางาน สอนพิเศษ (หารายได้เสริมและแก้เบื่อ) ออกไปเดินรอบเมืองแบบหว่าเว้และ Live FB แบบคนเหงาและมีความผิดปกติทางจิตเล็กๆเพราะต้องอยู่กับตัวเองนานมากเกินไปนั่นเอง ตอนนั้นก็เริ่มมีอาการพูดคนเดียว มีพฤติกรรมแปลกๆผิดแผกไป เช่น ปัดกวาดเช็ดถูห้องบ่อยผิดปกติ รักความสะอาดจนผิดวิสัย เก็บของในห้องให้เป็นระเบียบมากจนเกินพอดีแบบว่าเพื่อนมาหาที่ห้องถอดรองเท้าเบี้ยวไปนิดก็จะไปจัดให้ ชอบขัดเตาที่ทำอาหาร เช็ดอ่างล้างชามตลอดเวลาไม่ชอบให้มันเปียกน้ำ เห็นขี้ฝุ่นในห้องแล้วไม่สบายใจต้องเช็ดแม้จะนิดๆหน่อยๆก็เถอะ เอาขวดเครื่องปรุงอาหารมาเช็ดเล่น คอยปิดฝาทุกขวดให้สนิทอยู่เป็นประจำ คือมันว่าง มันเหงา มันเศร้า น่าจะเป็นอาการของคนเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ เหมือนไม่มีอะไรทำเหงาๆก็ถูๆขัดๆห้องอยู่นั่นล่ะ
.
ต่อค่ะเราเริ่มวางแผนย้ายหอค่ะเริ่มจากสิ่งแรกเลยคือเขียนจดหมายแจ้งย้ายออกจากหอพักเก่าที่ตูลูส จากนั้นก็เริ่มศึกษาเส้นทางในเมืองลียง หาที่พัก เตรียมเก็บของ ทุกอย่างเร็วมากๆค่ะเนื่องจากจะต้องเริ่มงานวันที่ 5 กันยายน ซึ่งก็คือมีเวลาเตรียมตัวแค่ประมาณ 10 วัน ก่อนเริ่มงานซึ่งน้อยมากๆและโรงเรียนจะเปิดเทอมกันเดือนกันยายนซึ่งทำให้หอพักในลียงเกือบทุกที่เต็มหมดค่ะ !!! สิ่งบันเทิงสิ่งแรกเริ่มมาละค่ะ 555 ตอนนั้นพยายามหาจนเจอที่หนึ่งค่ะทำเลดี อยู่ใกล้รถไฟฟ้าหรือคนฝรั่งเศสจะเรียกกันว่า metro ค่ะ ซึ่งไม่ไกลจากที่ทำงาน และมีห้องว่างอยู่ด้วย 1 ห้องพอดี นี่เลยรีบจองเลยค่ะแล้วแจ้งทางพนักงานว่าเดี๋ยวจะไปจ่ายเงินในวันที่นัดดูห้องเลยคือฉันเอาที่นี่แหละแน่ๆแล้วนะนัดวันเสร็จเรียบร้อยก็จองตั๋วเครื่องบินไปลียงค่ะ (ตอนสมัครงานนั่ง BlaBlaCar ไป ครั้งนี้เลยลองนั่งเครื่องดูบ้างค่ะ) ระยะทางจากตูลูสไปลียงก็ประมาณ 540 กิโลเมตรค่ะ และตอนนั้นจองห้องพัก airbnb ไว้ค่ะประมาณ 2-3 วัน พอทำการจองตั๋วเครื่องบิน จองห้องพักเสร็จปุ๊บ เราก็โทร confirm กับทางหอทันทีค่ะว่าเราจะเข้าไปตอนกี่โมง พนักงานที่น่ารักนางตอบกลับมาว่า ขอโทษค่ะห้องเต็มแล้ว!!! เฮ้ยยยยยย อะไรอะ แบบนี้ก็ได้เหรอ ฉันจองแล้วไงแล้วนัดวันไปดูแล้วด้วยบอกจะจ่ายเงินมัดจำเลยวันที่ไปดูห้อง จองตั๋วจองที่พักเสร็จแล้วมาบอกหอเต็มคืออัลไลลลล ไม่แจ้งไม่ถามสุขภาพเฮาซักคำเลย เอาห้องให้คนอื่นไปเฉยบอกเค้าจ่ายเงินก่อนเลยให้เค้าก่อน เอ๊าาาาาาา ความบันเทิงเรื่องที่ 2 มาแล้วค่ะท่านผู้ชม นี่จะเดินทางพรุ่งนี้และต้องหาหอให้ได้ในวันนี้ค่ะ สรุปคือมีเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก่อน 5 โมงเย็นในการหาหอพักให้ได้ ข้อแม้คือต้องได้เท่านั้น!!! เพราะคนประเทศชาติฝรั่งเศสเค้าไม่ทำงานนอกเวลางานกันแม้แต่วินาทีเดียวค่ะ 5555 หมดเวลาปุ๊บลาก่อยย แม้เธอจะตายเธอก็ต้องรอให้ถึงเวลางานฉันก่อนอัลไลแบบนั้น (กรณีทำงานบริษัทของรัฐหรือบ.ใหญ่ๆ) ณ เวลานั้นอยากร้องไห้มาก แต่ไม่มีเวลาค่ะ เลยไว้อาลัยให้แก่ความบันเทิงสิบวินาทีแล้วรีบเปิดเว็บหาหอพักค่ะ
.
เราหาอยู่พักใหญ่จนใกล้จะเย็นก็เจอหอพักที่หนึ่งค่ะ อยู่ไกลจากที่ทำงานพอสมควรและราคาแพงด้วย แต่ใช่ซี้อี้อี้อี้อี้ นี่ไม่มีทางเลือกไงก็เลยรีบโทรเลยค่ะ จะเข้าไปดูห้องพรุ่งนี้นะคะ ถามข้อมูลการชำระเงิน ค่ามัดจำ นู่นนี่นั่น อ่อมีอีกอย่างนะคะเราต้องเสียค่าดำเนินการถ้าจำไม่ผิดคือ 500 Euro หรือประมาณ 20,000 บาทไทยไม่รวมค่าหอค่ะตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าคือค่าอะไร แต่พอไปถามพี่ที่รู้จักเค้าบอกเหมือนเป็นค่าที่พนักงานเค้ามาดูแลเราเป็นพิเศษอะไรทำนองนั้น ปกติติดต่อหออื่นไปสอบถามเรื่องห้องพักกว่าพนักงานจะตอบกลับนี่ไม่ต่ำกว่า 1 อาทิตย์นะคะ ยิ่งถ้าเป็นหอพักนักศึกษาของรัฐนี่ไม่ต้องพูดถึงต้องจองล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 1 เดือนค่ะ ตอนแรกก็อุส่าห์ชื่นชมว่าเออที่นี่เค้าบริการดีจังเลยตอบ email ก็เร็ว โทรไปถามก็ตอบคำถามละเอียดมีความตั้งใจดูมี service mind นัดดูห้องแถมเข้าอยู่ได้รวดเร็วทันใจ ปรากฏว่าอ๋อคิดเงินนี่เองถึงได้เร็วและเพราะแพงแบบนี้นี่เองถึงได้มีห้องว่างให้เรา T^T ส่วนค่าหอก็อยู่ที่ 650 Euro รวมค่าน้ำไม่รวมค่าไฟกับค่าส่วนกลาง ตกแล้วเดือนนึงก็จ่ายประมาณ 700 Euro (สัญญา 8 เดือน) ถ้าเช่าต่ำว่า 8 เดือนค่าหอจะพุ่งแพงมากๆก็เลยต้องจำยอมต่อความบันเทิงเหล่านี้ จะบอกว่าเงินเดือนนักศึกษาฝึกงานแค่ 500 Euro นะคะไม่รวมที่เจ้านายชอบแอบหักโน่นนี่จนเหลือไม่ถึงอีกไรอีก 555+ ไม่รวมค่าอาหารไม่รวมค่าเดินทาง สรุปก็คือรอดละค่ะ ได้ที่พักแล้วพร้อมไปทำงานแล้วนะ
.
มาเล่าเรื่องการเดินทางไปทำงานกันดีกว่า ตอนย้ายเข้าหอใหม่ๆก็สอบถามเส้นทางโน่นนี่กับพนักงาน (ชีชื่ออิสซาเบลค่ะ) อิสซาเบลบอกว่านี่นะออกจากหอเลี้ยวขวาเดินไปแค่ 5 นาทีก็ถึง tram เลย เราก็คิดในใจเออก็เร็วดีนะไม่ไกลเท่าไหร่ แต่พอเดินจริงๆเท่านั้นแหละรู้เลยค่า 5 นาทีที่อิสซาเบลบอกนี่คือเราต้องเดินเร็วมากกึ่งวิ่ง คุณหลอกดาว TT อ่อเราใช้บัตรรายเดือนของ TCL นะคะนั่งได้ทั้ง  metro tram และรถบัสเลย เป็นแบบเหมาจ่ายค่ะราคานักเรียนก็ต้องไปยื่นเอกสารยืนยันตัวตนนิดหน่อยที่ออฟฟิศ แต่จะบอกว่าเราไม่เคยไปทำงานสายนะคะถ้ารถ metro ไม่เสียเพราะว่าการเดินทางที่โน่นนั้นค่อนข้างสะดวกมากและไม่ต้องเผชิญปัญหารถติด ก็คือถ้าออกจากห้องตรงเวลาเดิมทุกๆวันยังไงก็ไม่สายค่ะ ส่วนมากก็จะเผื่อเวลาไว้กันสายประมาณ 10 นาทีค่ะ จากหอพักเราต้องเดินประมาณ 500 เมตรค่ะ เพื่อไปขึ้นรถ tram หรือรถไฟรางเบา (เราใช้เวลาเดินแบบปกติไม่เดินเร็วกึ่งวิ่งก็ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีค่ะ) จากนั้นก็ไปลงที่สถานี Grange Blanche เพื่อไปต่อ metro และไปลงสุดสายสีเขียวที่สถานี Gare de Vaise และเดินต่ออีก 500 เมตรถึงออฟฟิศค่ะ เราใช้เวลาสิบกว่านาทีที่อยู่บน metro อย่างมีคุณค่าด้วยการหลับค่ะ!!! ใช่ค่ะ ท่านผู้ชม เรานั่งหลับบน metro ทุกวัน เพราะอ่อนเพลียมากถึงมากที่สุด 555 ร่างกายต้องการพักผ่อน เดี๋ยววันหลังจะมาเล่าให้ฟังว่ามันอ่อนเพลียอะไรนักหนา มันคือความบันเทิงที่ค่อนข้างยาวค่ะ การเดินทางไปทำงานนั้นก็จะประมาณนี้ค่ะไม่มีอะไรมากรวมๆแล้ววันนึงก็เดินประมาณ 2 กิโลเอง!! แต่ที่แปลกใจมากๆคือ คนฝรั่งเศสชอบมาถามทางนี่ค่ะ ให้ความรู้สึกเหมือนนี่เป็นคนท้องถิ่น 555 บางทีก็สงสารให้แผนที่ metro+tram เค้าไปเลย คือปกติเราจะพกแผนที่กระดาษติดตัวตลอดค่ะ จะตัดเป็นแผ่นเล็กๆพักเก็บใส่กระเป๋าตังไว้เพราะเป็นคนชอบหลงทางและบางทีแบตมือถือก็บันเทิงค่ะอยู่ดีดีก็เสื่อมกระทันหันจาก 100% ก็หมดได้ภายในเวลาไม่นาน อาจจะเพราะอากาศที่เย็นจัดด้วยเลยทำให้แบตหมดเร็วมากๆ (ที่กล้าให้แผนที่เค้าไปเพราะอยู่นานละเริ่มรู้ทางละค่ะ หุหุ)
ส่วนเรื่องอาหารการกิน ช่วงแรกๆบันเทิงมากค่ะ T^T ไม่ค่อยเจริญอาหารวันๆก็กินแซนด์วิช สลัด อาหารกล่องชีวิตรีบๆสไตล์คนเมืองกรุง ตอนกลางวันพักทานข้าวอยากจะเดินลงมาหาร้านอาหารตามสั่ง สั่งกระเพราไก่ไข่ดาวบ้านๆอะไรแบบนี้ไม่มีนะคะ มีแต่ที่เป็น restaurant เลยอาหารก็จานละไม่ต่ำกว่า 13 Euro ไม่ก็ซื้อของกินที่ซุปเปอร์ซึ่งแถวออฟฟิศไม่มีค่ะ ต้องซื้ออาหารกล่องไม่ก็ขนมปัง แซนด์วิชจากแถวหอไปอุ่นไมโครเวฟที่ออฟฟิศเอา ช่วงหลังๆก็เลยทำ plan การรับทานค่ะ โดยทุกเช้าจะรับทานเป็นขนมปังหรือครัวซองกรุ่บกริบพอ ส่วนตอนกลางวันก็จะเป็นอาหารกล่อง 3 วัน อีก 2 วันจะไป restaurant ส่วนตอนเย็นจะทำกับข้าวรับทานเองทุกวันค่ะ วันไหนขี้เกียจก็จะซื้อโดมิโน่พิซซ่าร้านข้างๆหอมานานๆครั้ง
ขอเล่าเรื่อง restaurant ต่ออีกนิด จะบอกว่าร้านนี้เด็ดมากบางครั้งก็กินอาทิตย์ละ 3 วันไปเลยถ้ามีเรื่องบันเทิงเยอะ ของกินเยียวยาได้ทุกสิ่ง 555 เมนูเด็ดก็จะมีสเต็กเป็ดย่างแล้วก็สเต็กหมูย่างค่ะ จะมีเครื่องเคียงเป็นสลัดหรือผักต่างชนิดที่เรากินไม่ค่อยเป็นกับเฟรนฟรายด์ จริงๆถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยวลียงอยากแนะนำให้ไปทานร้านนี้ค่ะอร่อยมากเจ้าของร้านก็น่ารัก ตอนเราฝึกงานวันสุดท้ายพอเค้ารู้เค้าเอาอาหาร+ขนมมาแถมให้เรากินเต็มไปหมดประทับใจมากๆ พนักงานในร้านก็จำนี่ได้หมดทุกคน จำเมนูที่เราชอบสั่งได้จนถึงขั้นพอไปถึงร้านแทบไม่ต้องพูดอะไรเลยพนักงานรู้เลยว่าเราจะสั่งอะไร พูดชื่อเมนูอาหารพร้อมถามว่าเอาเหมือนเดิมใช่ไหม 555 คิดว่าอาจจะเพราะเราเป็นคนเอเชียคนเดียวในแถบนั้นมั้งเพราะทำงานมา 6 เดือนยังไม่เจอคนเอเชียแถวที่ทำงานเลยซักคน ส่วนการทำอาหารรับทานเองนั้นเราจัดเต็มค่ะ เพราะคิดถึงอาหารไทยมากๆจะไปซื้อที่ร้านอาหารไทยก็ไกลและแพงมากๆ โดยปกติก็จะไปซื้อกับข้าวที่ร้านเอเชียค่ะอยู่แถวๆสถานี Guillotière ซึ่งเป็นแถบคนผิวสีค่ะแอบน่ากลัวเล็กๆ นี่ก็จะพยายามไปเฉพาะตอนกลางวันค่ะ เคยเดินคุยโทรศัพท์แถวนั้นแล้วเจ้าของร้านที่เป็นคนไทยเค้าเตือนมาค่ะว่ามาแถวนี้อย่าเอาของมีค่าออกมามันอันตราย สิ่งที่ซื้อก็จะมีของจำพวก เครื่องปรุง เช่น น้ำมันหอย น้ำปลา รสดี น้ำตาล น้ำมะขาม มะนาว กะปิ น้ำกะทิ เครื่องแกงเขียวหวาน แพนง น้ำจิ้มสุกี้ พริก และเครื่องปรุงอื่นๆ ผักไทยๆเช่น มะละกอ ชะอม พริก ใบมะกรูด กระชาย ขิง และอื่นๆ อุปกรณ์ทำครัวแบบไทยๆที่สำคัญมากที่สุดซึ่งก็คือ ครกและสากตำส้มตำนั้นเอง เมนูที่ทำบ่อยๆก็จะมีส้มตำปลาร้าใส่กะปิ (ใช้ปลาร้าผงเพื่อนซื้อมาฝากจากไทยค่ะ) แกงเขียวหวาน สุกี้แห้ง หมูย่างน้ำพริกกะปิ ลาบหมู น้ำตกหมู ข้าวผัด ราเม็ง แล้วก็ชอบทำน้ำจิ้มแซ่บคล้ายๆน้ำจิ้มซีฟู้ดน่ะค่ะคือใช้พริกชีฟ้าแดงแทนพริกขี้หนูเขียวโดยซื้อปลาแซลม่อนมาทำซาชิมิจิ้มกับน้ำจิ้มนี้นะเด็ดมากๆๆๆ เพราะอยู่นู่นแล้วจะทำให้อยากรับทานอะไรเผ็ดๆค่ะ แบบร่างกายต้องการพริก
การเริ่มต้นชีวิตพนักงานออฟฟิศในลียงก็จะประมาณนี้ค่ะ ว่างๆจะมาเล่าต่อนะคะ อิอิ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่