=========================MELAKA==========================
=======================Kuala Lumpur=========================
=======================Genting Highlands=========================
=========================Putrajaya==========================
Chapter 1 : Wonder journey
ยินดีต้อนรับท่านผู้โดยสารสู่การเดินทางไปพร้อมกับตัวอักษรของพวกเรา ผู้โดยการที่เข้ามาร่วมการเดินทางกับเรา ผู้มีความสนใจและอยากลองไปเที่ยวที่ประเทศมาเลเซียสักครั้ง ประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เราแค่ปลายจมูก เพียงแค่คุณก้าวเท้าออกมาจากที่คุ้นเคย ใช้เวลาผจญภัยไม่นาน เพียง 5 วัน ก็สามารถเที่ยวได้ถึง 3 เมือง ในงบไม่เกิน 8000 รวมทุกอย่างแล้ว ไปเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่า
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Chapter 2 : เตรียมตัวก่อนออกเดินทาง
การเตรียมตัวก่อนเริ่มออกเดินทางแน่นอนว่ารู้เขารู้เราจะเป็นสิ่งดีที่สุด นอกจากอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัวแล้วยังไม่พอ สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนไปท่องเที่ยวต่างประเทศคือ
-สำเนาเอกสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสำเนาบัตรประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง ใบจองที่พัก และใบจองตั๋วเครื่องบิน
-ประกันการเดินทาง ในส่วนนี้มีให้เลือกหลายแบบหลายธนาคาร เรามองว่ามันจำเป็นเพราะว่าเราไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างเดินทาง ประกันการเดินทางจึงเป็นสิ่งจำเป็น
-ซิมมือถือ ไว้ค้นหาสถานที่ติดต่อฉุกเฉิน ของเราเราเลือกเปิดเบอร์กับ SIM2FLY ของ AIS ราคาจะอยู่ที่ 7 วัน 299 บาท แต่ถ้าสมัครครั้งแรก ราคาอยู่ที่ 399 บาทรวมโปรโมชั่น
-เบอร์ติดต่อฉุกเฉิน ในกรณีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สถานีตำรวจ โรงแรม สถานทูต และเบอร์สถานที่ราชการต่างๆ
-เงินติดตัว ทั้งเงินไทยและต่างประเทศ เพื่อตอนฉุกเฉิน
-เราควรศึกษาสภาพอากาศ, เวลา ของที่ที่เราจะไป
-ศึกษาการโกงของประเทศที่เราจะไป เราจะได้ระวังได้ตัวได้ทัน
ส่วนในประเทศมาเลเซีย
สกุลเงินของมาเลเซีย คือ เงินสกุลริงกิต ซึ่ง 1 ริงกิต = 7.9 เราแลกเงินก่อนออกเดินทางประมาณ 1-2 สัปดาห์เพราะราคาถือว่ากำลังดีและถูก
สถาพอากาศ ประเทศมาเลเซียมีสภาพอากาศคล้ายภาคใต้บ้านเรา ในช่วงที่เราเดินทางมีฝนตกเล็กน้อย
ศาสนาประจำชาติก็คือศาสนาอิสลาม ซึ่งตอนที่จะไปควรศึกษากฎข้อห้ามไว้บ้างจะได้ปฏิบัติตัวให้เหมาะสม
ในเรื่องของเวลา จะช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 1 ชั่วโมง (เวลาเดินทางไป เหมือนเราย้อนเวลาได้ตั้ง 1 ชม.เลยนะ เท่ดี )
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Chapter 3 : welcome to Malaysia
เรามาเริ่มกันที่หาตั๋วกันเลยดีกว่า เราเลือกที่จะเดินทางโดยเครื่องบินเนื่องจากสะดวกและใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่หมายจะได้มีเวลาเที่ยวเยอะ ที่เที่ยวที่เราวางแผนไว้ก็มีอยู่ค่อนข้างเยอะพอสมควร ก็ครั้งแรกอะน่ะ ก็จะเที่ยวให้คุ้มกันไปเลย
สายการบินที่เราเลือกคือ สายการบิน Airasia เป็นสายการบิน Low cost ใครๆก็บินได้ เราจองตั๋วล่วงหน้าประมาณ 3 สัปดาห์ก่อนออกเดินทาง ราคาอยู่ที่คนละประมาณ 2,800 บาท กลุ่มเราแชร์น้ำหนักกระเป๋าที่ 20 กิโลกรัมราคาประมาณ 1500 บาท เราเริ่มออกเดินทางวันที่ 7 – 11 มีนาคม 2561 ออกเดินทางเวลา 07.05 น. ถึงกัวลาลัมเปอร์เวลาประมาณ 10.15 น.ตามเวลาท้องถิ่น เที่ยวบินที่ FD 311 เป็นเครื่องบินลำเล็กที่นั่งแบบ 3-3 ผู้โดยสารส่วนมากเป็นคนเอเชีย มีทั้งคนไทย คนมาเลเซีย แอร์บริการดีแต่อาหารถ้าซื้อบนเครื่องราคาค่อนข้างแพง
เมื่อเดินทางมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง บรรยากาศเจ้าหน้าที่สบายๆ ไม่มีอะไรติดขัดและไม่โดนถามอะไรเลยแค่ยืนหนังสือเดินทาง ถ่ายรูป พิมพ์ลายนิ้วมือเป็นอันเสร็จสิ้น เอกสารใดๆที่เตรียมไปบอกเลยว่าไม่ได้ตรวจแต่เพื่อไว้แหละดีแล้ว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Chapter 4 : Transportation
สนามบินกัวลาลัมเปอร์ ค่อนข้างใหญ่มาก เดินจนหลงทางกันไปเลยทีเดียว ข้างในมีร้านแบรนด์ดังๆ ร่วมไปถึงร้านอาหารทั้งขึ้นชื่อและท้องถิ่นมากมาย เรากำลังเดินไปชั้นล่างสุดเพื่อซื้อตั๋วรถทัวร์เดินทางไปยังเมืองมะละกา
บริษัทรถทัวร์เยอะมากและหลายราคา หลายเกรดให้เราสามารถเลือกสรรกันได้เลย
แต่รถโดยสารที่เราเลือกเป็นของ Starmart Express ราคาอยู่ที่คนละ 24.30 ริงกิต
ที่นั่งสบายมาก และกว้างมากเรียกได้ว่าเหมือนชั้น VIP บ้านเราเลย ก็นะราคาแพงขนาดนี้
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึง Melaka Sentral ซึ่งเป็นศูนย์กลางขนส่งหลักของมืองมะละกา
เมือถึงเมืองมะละกากันแล้ว
สามารถจองตั๋วขากลับไปยังเมืองกัวลาลัมเปอร์ล่วงหน้าได้เลย ขากลับเราเลือกกลับของ K.K.K.L Express ราคาอยู่ที่ประมาณ 13.40 ริงกิตต่อคน จุดหมายปลายทางคือ TBS (Terminal Bersepadu selatan) ซึ่งเป็นขนส่งใหญ่ในกัวลาลัมเปอร์สามารถเดินทางไปยังที่พักในกัวลาลัมเปอร์ได้อย่างสะดวก
เมื่อเราจองตั๋วทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เรากำลังจะเดินทางไปยังที่พักเพื่อเก็บสัมภาระกันที่โรงแรม เราไปด้วยรรถเมล์สาย 17 ซึ่งวิ่งผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญรอบเมืองของมะละกา
ราคาโดยสารอยู่ที่คนละ 1.5 ริงกิต
ออกมาจากประตูก็จะเจอรถเมล์สาย 17 จอดอยู่ โดยมีนักท่องเที่ยวต่อแถวเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเหมือนประเทศไทย มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนเยอะมาก บนรถจะเบียดกันหน่อย ต้องจ่ายตังค์กับคนขับรถก่อนขึ้นรถโดยสารนะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Chapter 5 : The Explorer Hotel
ในคืนแรกเราเลือกที่จะมาพักที่โรงแรม The Explorer Hotel ซึ่งเป็นโรงแรม Buget hotel โดยจองผ่านแอปพลิเคชั่น traveloka ถ้าผู้ใช้งานไม่เคยจองผ่านแอปมือถือและได้ทำการจองเป็นครั้งแรก จะลดจากราคาปกติ 20%
ทำให้เราได้ที่พักกันในราคาตกคนละ 430 บาท โดยราคานี้รวมค่าอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้ที่โรงแรมในประเทศมาเลเซียมีกฎสำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้าพักคือต้องเสียภาษีนักท่องเที่ยวที่เข้าพักคืนละ 10 ริงกิตต่อห้องพักมีผลบังคับใช้แล้ว โดยที่พักที่นี่ส่วนใหญ่จะให้เปิดให้เช็คอิน เวลา 15.00 น. และเช็คเอาท์เวลา 12.00 น. แต่ที่โรงแรมนี้สามารถบอกผ่านแอปได้ว่าจะเข้าเช็คอินและเช็คเอาท์ในเวลากี่โมง เราเลือกจะเช็คอินเวลา 14.00 น.
บรรยากาศโดยรอบของที่พักจะไม่ไกลมากจากสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ตลาด ห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ ส่วนของกิน ก็จะมีเซเว่น ร้านแมคโดนัล ถือว่าเป็นที่พักที่ดีเลยสำหรับการเดินเท้าท่องเที่ยว
เมื่อเราเก็บของและสำรวจโดยรอบของที่พักกันแล้ว ฝนก็เริ่มตกลงมา ฝนที่นี่เม็ดไม่ใหญ่เท่าที่ไทย
Chapter 6 : Melaka Maritime Museum
จากโรงแรมเราเดินมา ที่ Melaka Maritime Museum ใช้เวลาไม่นาน ห่างกับโรงแรมเราประมาณ 400 เมตร ซึ่งที่นั้นเปิดให้เข้าชมเวลา 09:00 น. - 18:00 น.ค่าเข้าชมราคาของคนต่างชาติอยู่ที่ ประมาณ 10 ริงกิต
ที่นี่มีประวัติความเป็นมาคือ จะเป็นเรือสำเภาจำลองของชาวโปรตุเกส ที่มีชื่อว่า Flora de La ที่ใช้ในการขนสินค้าในช่องแคบมะละกา ภายในก็จะจัดแสดงประวัติความเป็นมาของเมือง Melaka ซึ่งเป็นเมืองท่าที่สำคัญ ทำให้สมัยนั้นจึงมีคนหลายเชื้อชาติมาค้าขายสินค้ากันที่นี่
[CR] มาละ มาเล ฮูละฮูเล่ ฮูเลฮ่ะฮา
ยินดีต้อนรับท่านผู้โดยสารสู่การเดินทางไปพร้อมกับตัวอักษรของพวกเรา ผู้โดยการที่เข้ามาร่วมการเดินทางกับเรา ผู้มีความสนใจและอยากลองไปเที่ยวที่ประเทศมาเลเซียสักครั้ง ประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เราแค่ปลายจมูก เพียงแค่คุณก้าวเท้าออกมาจากที่คุ้นเคย ใช้เวลาผจญภัยไม่นาน เพียง 5 วัน ก็สามารถเที่ยวได้ถึง 3 เมือง ในงบไม่เกิน 8000 รวมทุกอย่างแล้ว ไปเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่า
การเตรียมตัวก่อนเริ่มออกเดินทางแน่นอนว่ารู้เขารู้เราจะเป็นสิ่งดีที่สุด นอกจากอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัวแล้วยังไม่พอ สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนไปท่องเที่ยวต่างประเทศคือ
-สำเนาเอกสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสำเนาบัตรประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง ใบจองที่พัก และใบจองตั๋วเครื่องบิน
-ประกันการเดินทาง ในส่วนนี้มีให้เลือกหลายแบบหลายธนาคาร เรามองว่ามันจำเป็นเพราะว่าเราไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างเดินทาง ประกันการเดินทางจึงเป็นสิ่งจำเป็น
-ซิมมือถือ ไว้ค้นหาสถานที่ติดต่อฉุกเฉิน ของเราเราเลือกเปิดเบอร์กับ SIM2FLY ของ AIS ราคาจะอยู่ที่ 7 วัน 299 บาท แต่ถ้าสมัครครั้งแรก ราคาอยู่ที่ 399 บาทรวมโปรโมชั่น
-เบอร์ติดต่อฉุกเฉิน ในกรณีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สถานีตำรวจ โรงแรม สถานทูต และเบอร์สถานที่ราชการต่างๆ
-เงินติดตัว ทั้งเงินไทยและต่างประเทศ เพื่อตอนฉุกเฉิน
-เราควรศึกษาสภาพอากาศ, เวลา ของที่ที่เราจะไป
-ศึกษาการโกงของประเทศที่เราจะไป เราจะได้ระวังได้ตัวได้ทัน
ส่วนในประเทศมาเลเซีย
สกุลเงินของมาเลเซีย คือ เงินสกุลริงกิต ซึ่ง 1 ริงกิต = 7.9 เราแลกเงินก่อนออกเดินทางประมาณ 1-2 สัปดาห์เพราะราคาถือว่ากำลังดีและถูก
สถาพอากาศ ประเทศมาเลเซียมีสภาพอากาศคล้ายภาคใต้บ้านเรา ในช่วงที่เราเดินทางมีฝนตกเล็กน้อย
ศาสนาประจำชาติก็คือศาสนาอิสลาม ซึ่งตอนที่จะไปควรศึกษากฎข้อห้ามไว้บ้างจะได้ปฏิบัติตัวให้เหมาะสม
ในเรื่องของเวลา จะช้ากว่าประเทศไทยประมาณ 1 ชั่วโมง (เวลาเดินทางไป เหมือนเราย้อนเวลาได้ตั้ง 1 ชม.เลยนะ เท่ดี )
เรามาเริ่มกันที่หาตั๋วกันเลยดีกว่า เราเลือกที่จะเดินทางโดยเครื่องบินเนื่องจากสะดวกและใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่หมายจะได้มีเวลาเที่ยวเยอะ ที่เที่ยวที่เราวางแผนไว้ก็มีอยู่ค่อนข้างเยอะพอสมควร ก็ครั้งแรกอะน่ะ ก็จะเที่ยวให้คุ้มกันไปเลย
สายการบินที่เราเลือกคือ สายการบิน Airasia เป็นสายการบิน Low cost ใครๆก็บินได้ เราจองตั๋วล่วงหน้าประมาณ 3 สัปดาห์ก่อนออกเดินทาง ราคาอยู่ที่คนละประมาณ 2,800 บาท กลุ่มเราแชร์น้ำหนักกระเป๋าที่ 20 กิโลกรัมราคาประมาณ 1500 บาท เราเริ่มออกเดินทางวันที่ 7 – 11 มีนาคม 2561 ออกเดินทางเวลา 07.05 น. ถึงกัวลาลัมเปอร์เวลาประมาณ 10.15 น.ตามเวลาท้องถิ่น เที่ยวบินที่ FD 311 เป็นเครื่องบินลำเล็กที่นั่งแบบ 3-3 ผู้โดยสารส่วนมากเป็นคนเอเชีย มีทั้งคนไทย คนมาเลเซีย แอร์บริการดีแต่อาหารถ้าซื้อบนเครื่องราคาค่อนข้างแพง
เมื่อเดินทางมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง บรรยากาศเจ้าหน้าที่สบายๆ ไม่มีอะไรติดขัดและไม่โดนถามอะไรเลยแค่ยืนหนังสือเดินทาง ถ่ายรูป พิมพ์ลายนิ้วมือเป็นอันเสร็จสิ้น เอกสารใดๆที่เตรียมไปบอกเลยว่าไม่ได้ตรวจแต่เพื่อไว้แหละดีแล้ว
สนามบินกัวลาลัมเปอร์ ค่อนข้างใหญ่มาก เดินจนหลงทางกันไปเลยทีเดียว ข้างในมีร้านแบรนด์ดังๆ ร่วมไปถึงร้านอาหารทั้งขึ้นชื่อและท้องถิ่นมากมาย เรากำลังเดินไปชั้นล่างสุดเพื่อซื้อตั๋วรถทัวร์เดินทางไปยังเมืองมะละกา
สามารถจองตั๋วขากลับไปยังเมืองกัวลาลัมเปอร์ล่วงหน้าได้เลย ขากลับเราเลือกกลับของ K.K.K.L Express ราคาอยู่ที่ประมาณ 13.40 ริงกิตต่อคน จุดหมายปลายทางคือ TBS (Terminal Bersepadu selatan) ซึ่งเป็นขนส่งใหญ่ในกัวลาลัมเปอร์สามารถเดินทางไปยังที่พักในกัวลาลัมเปอร์ได้อย่างสะดวก
เมื่อเราจองตั๋วทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เรากำลังจะเดินทางไปยังที่พักเพื่อเก็บสัมภาระกันที่โรงแรม เราไปด้วยรรถเมล์สาย 17 ซึ่งวิ่งผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญรอบเมืองของมะละกา
ออกมาจากประตูก็จะเจอรถเมล์สาย 17 จอดอยู่ โดยมีนักท่องเที่ยวต่อแถวเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเหมือนประเทศไทย มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนเยอะมาก บนรถจะเบียดกันหน่อย ต้องจ่ายตังค์กับคนขับรถก่อนขึ้นรถโดยสารนะ
ในคืนแรกเราเลือกที่จะมาพักที่โรงแรม The Explorer Hotel ซึ่งเป็นโรงแรม Buget hotel โดยจองผ่านแอปพลิเคชั่น traveloka ถ้าผู้ใช้งานไม่เคยจองผ่านแอปมือถือและได้ทำการจองเป็นครั้งแรก จะลดจากราคาปกติ 20%
ตอนนี้ที่โรงแรมในประเทศมาเลเซียมีกฎสำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้าพักคือต้องเสียภาษีนักท่องเที่ยวที่เข้าพักคืนละ 10 ริงกิตต่อห้องพักมีผลบังคับใช้แล้ว โดยที่พักที่นี่ส่วนใหญ่จะให้เปิดให้เช็คอิน เวลา 15.00 น. และเช็คเอาท์เวลา 12.00 น. แต่ที่โรงแรมนี้สามารถบอกผ่านแอปได้ว่าจะเข้าเช็คอินและเช็คเอาท์ในเวลากี่โมง เราเลือกจะเช็คอินเวลา 14.00 น.
บรรยากาศโดยรอบของที่พักจะไม่ไกลมากจากสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ตลาด ห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ ส่วนของกิน ก็จะมีเซเว่น ร้านแมคโดนัล ถือว่าเป็นที่พักที่ดีเลยสำหรับการเดินเท้าท่องเที่ยว
จากโรงแรมเราเดินมา ที่ Melaka Maritime Museum ใช้เวลาไม่นาน ห่างกับโรงแรมเราประมาณ 400 เมตร ซึ่งที่นั้นเปิดให้เข้าชมเวลา 09:00 น. - 18:00 น.ค่าเข้าชมราคาของคนต่างชาติอยู่ที่ ประมาณ 10 ริงกิต
ที่นี่มีประวัติความเป็นมาคือ จะเป็นเรือสำเภาจำลองของชาวโปรตุเกส ที่มีชื่อว่า Flora de La ที่ใช้ในการขนสินค้าในช่องแคบมะละกา ภายในก็จะจัดแสดงประวัติความเป็นมาของเมือง Melaka ซึ่งเป็นเมืองท่าที่สำคัญ ทำให้สมัยนั้นจึงมีคนหลายเชื้อชาติมาค้าขายสินค้ากันที่นี่
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น