แง่คิดจากกรณีของเมจิกสกิน รู้เท่าทันวงการอาหารเสริมและความงาม!!

อันนี้เป็นกระทู้แรกของเราเองนะคะ ถ้าผิดพลาดต้องขออภัย ตอนแรกตั้งใจสมัครไว้ว่าจะมีรีวิวงานแต่งงาน และเรื่องการดูแลตัวเอง เป็นกระทู้แรก แต่เมื่อวานดูข่าวเมจิกสกิน เลยคิดว่าขอเริ่มจากกระทู้นี้ก่อนนะคะ อมยิ้ม01

จากข่าวเมจิกสกิน เราว่าหลายๆคนคงจะรู้สึกกลัวกับการเลือกซื้อสินค้าด้านความงาม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว หรืออาหารเสริมต่างๆที่ปัจจุบันมีอยู่มากมายสาระพัด เราก็เป็นคนหนึ่งเพิ่งเข้ามาในวงการเครื่องสำอางได้ไม่นานมากเท่าไร แต่ก็ได้รับรู้และได้พบเจอบางอย่างซึ่งสะท้อนถึงความหละหลวม และจรรยาบรรณของของหลายฝ่ายในแวดวง เลยอยากขออนุญาตแชร์แง่คิดเล็กๆน้อยดังนี้ค่ะ

1. ปัจจุบันปัญหาเรื่องการสวมเลขหรือการปลอม "อ.ย." มีอยู่ไม่น้อย ให้ลองนึกถึงจำนวนแบรนด์ต่างๆ เทียบกับเจ้าหน้าที่ของ อย. ที่มีอยู่ว่าจะสามารถไล่ตรวจจับแบรนด์ที่ไม่มีมาตรฐานได้ทันหรือไม่ เพราะในบางครั้งบางแบรนด์ยื่นจดอย่างถูกต้อง แต่เวลาผลิตจริงกลับใส่ส่วนผสมไม่เหมือนที่ยื่นแจ้งจด

2. สินค้าราคาถูก เห็นผลเร็ว ส่วนมากจะตามด้วยผลระยะยาวจนอาจเทียบเป็นมูลค่าไม่ได้กับสิ่งที่เราต้องสูญเสีย ลองนึกในมุมผู้ผลิตดูนะคะ หากผลิตสินค้าที่ไม่ได้กำไรแล้วคงไม่สามารถดำเนินธุระกิจอยู่ได้ ดังนั้นเมื่อต้องขายสินค้ามีราคาต่ำ ต้นทุนย่อมถูกลดให้ต่ำตามลงไปด้วย ไม่ได้หมายความว่าของถูกและดีจะไม่มีนะคะ ลองนึกง่ายๆ จากตัวอย่างกรณีนี้ที่ราคาสินค้าค่อนข้างต่ำมาก แต่ว่ามีเงินจ้างดาราดังจำนวนมากรีวิว ลองนึกดูว่าต้นทุนจะต่ำมากแค่ไหน แล้วที่ที่เราจะได้รับคืออะไร

3. จากข่าวที่ว่าแบรนด์ในเครือเมจิกสกิน กว่า 227 แบรนด์ต้องได้รับผลกระทบไปด้วย เป็นเพราะว่าปัจจุบันโรงงานรับจ้างผลิตหลายๆแห่งมักจะมีสูตรสำเร็จรูปของสินค้าที่พร้อมขายทันที เช่น สูตรครีมหน้าใสสูตร ขาวทะละจักรวาล ถ้าอยากได้แบรนด์ตัวเองก็แค่ ซึ่งแค่เพียงเปลี่ยนแพ็คเกจ เปลี่ยนสี เปลี่ยนกลิ่น และชื่อสินค้าก็พร้อมจำหน่ายทันที ไม่ต้องรอการคิดค้นวิจัยสูตรเพราะจะเป็นการเพิ่มต้นทุน ดังนั้น "สินค้ากึ่งสำเร็จรูป" ลักษณะนี้จึงมีจำหน่ายเป็นจำนวนมาก

4. สินค้าที่ผลิตจากโรงงานที่มีมาตรฐาน ย้ำเลยว่ามาตรฐานจริงๆ และมีการค้นคว้าวิจัยสูตร หรือการทดสอบความปลอดภัยและคุณภาพจากสถาบันทดสอบเครื่องสำอางที่มีมาตรฐาน มีแพทย์ผิวหนังและผู้เชี่ยวชาญควบคุมติดตามผลการทดสอบ จะตามมาด้วยต้นทุนที่สูง เนื่องจากเฉพาะค่าทดสอบไม่ว่าจะผ่านหรือไม่เริ่มต้นที่หลักแสน ซึ่งหากไม่ผ่านคือเสียเงินฟรี ในส่วนนี้ขึ้นอยู่ที่ผู้ผลิตกล้าเสี่ยงและมั่นใจในสินค้าของตนหรือไม่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคของตน

5. ปัจจุบันไม่ได้มีเพียงแค่การใช้ดาราคนดังมาเพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่แบรนด์เท่านั้น ยังมีการแจกสารพัดรางวัลการันตรีสินค้าที่บางครั้งเราก็ไม่รู้ว่ามีเกณฑ์การเลือกอย่างไร ไปคัดเลือกกันตอนไหน จนบางครั้งผู้ที่ได้รับรางวัลก็เยอะซะจนจะล้นเวที ปีหนึ่งๆ ก็แจกกันมากมายหลากหลายรางวัล ซึ่งก็จะมี "ค่าสนับสนุนรางวัล" ต่างกันออกไป มอบให้สินค้าบ้างให้เจ้าของแบรนด์บ้าง ตรงนี้เป็นส่วนที่เรารู้สึกรับไม่ได้มากจริงๆ เพราะคนจัดงานเป็นพวกสมาคม.... (ขอไม่พูดว่าใครจัด เดี๋ยวจะปลิว ร้องไห้ ) ซึ่งเรารู้สึกว่าคนเหล่านี้ขาดจรรยาบรรณ

6. การติดตามหรือรับข้อมูลสินค้าจากดารา เน็ตไอดอล หรือ bloggers ต่างๆ ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของการตลาดด้านความงามอย่างตัดไม่ขาด เพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก เราควรเลือกติดตามผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ มีความรู้ และมีการทดลองใช้สินค้าจริงก่อนพูด หรือแนะนำสินค้า ซึ่งแต่ละแบรนด์ต้องยอมจ่ายไปไม่น้อยเลยเพื่อการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ลองนึกดูค่ะว่าถ้าไม่ตัวแทนทำเป็นเครือข่ายลูกโซ่ ถ้าไม่มี Influencers แล้วสินค้าดีแค่ไหนก็เกิดยากในยุคนี้
ซึ่งกลุ่ม Influencers เหล่านี้ก็มีทั้งที่ดีและไม่ดีปะปนกันเหมือนกับคนในอาชีพอื่นๆเช่นกัน บางคนเลือกงานดีใช้ดีจริงถึงพูด ใช้ไม่ได้ไม่รีวิว บางคนซักแต่ว่าเขียนลอกตามคำบรรยายสรรพคุณของสินค้า ไม่ได้ลองอะไรจริงจังรับงานเน้นปริมาณ

จากใจคนในวงการเครื่องสำอาง อยากฝากสาวๆทุกคนไว้นะคะ การที่จะเลือกใช้อะไรต้องใช้วิจารณญาณให้การเลือก เลือกซื้อสินค้าที่น่าเชื่อถือ ควรมีการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยจากสถาบันทดสอบเฉพาะทางจริงๆ และต้องผลิตจากโรงงานที่มีคุณภาพมาตรฐาน ถ้าไม่รู้ลองถามคนขายดูแล้วเข้า google เลยค่ะ หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์กับหลายๆคนนะคะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่