รีวิวเรื่องที่ 6/100
Pursuit of Happiness ด้วยชื่อหนังที่ว่าด้วยคำว่าความสุขล้วนๆแต่แท้ที่จริงแล้วนั้นหนังกลับปนความทุกข์และอุปสรรคต่างๆไว้มากซะจนได้แต่คิดว่าสุดท้ายตัวเอกจะเจอกับความสุขที่ตามหาจริงเหรอ แต่ละคนล้วนให้คำนิยามสิ่งที่เรียกว่าความสุขแตกต่างกันไป บางคนมีความสุขกับชื่อเสียงการทำงาน, บางคนมีความสุขกับการได้เห็นเงินในธนาคารของตนที่เพิ่มขึ้นๆ, บางคนมีความสุขกับการเอาชนะความท้าทายใหม่ๆในชีวิต ส่วน Chirs Gardner ตัวเอกของเรื่องนั้นความสุขของเขาคือความสุขของครอบครัวครับซึ่งมันดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่หัวหน้าครอบครัวควรจะมีความสุขกับสิ่งๆนี้ แต่เพราะสิ่งที่เขาต้องเผชิญทำให้ความสุขของเขากลายเป็นเรื่องที่ยากและไม่ธรรมดาเลยครับ เรื่องนี้ base on true story นะครับโดยส่วนตัวไม่รู้ว่ามากน้อยแค่ไหน แต่หนังเรื่องนี้สามารถทำให้ชีวิตธรรมดาๆกลายเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ได้ครับ
โครงเรื่องว่าด้วยChris Gardner ชายวัยกลางคนหัวหน้าครอบครัวชนชั้นกลางในเมืองซานฟรานซิสโก มีภรรยาและลูกที่น่ารัก Chrisเลือกลงทุนทำธุรกิจส่วนตัวในการขายอุปกรณ์ทางการแพทย์แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด จนท้ายที่สุดภรรยาได้ทนต่อสภาพไม่ไหวจึงได้ทิ้ง ChrisและลูกChristopher Jr.ไป Chrisต้องเผชิญกับวิกฤตทางการเงินตามลำพัง ชีวิตที่ไม่เป็นดั่งใจ ลูกที่กำลังเล็กและไม่เดียงสา จนได้สูญเสียหลายสิ่งหลายอย่าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็น Homeless เลยทีเดียว Chrisได้เดิมพันชีวิตของเขาและลูกด้วยการเริ่มต้นเป็นโบรกเกอร์หุ้นฝึกหัดของบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่ง โดยคนที่จะได้เข้ามาเป็นโบรกเกอร์ประจำที่มีรายได้ที่มั่นคงจะมีแค่1คนเท่านั้นจากจำนวนผู้ฝึก20-30คน Chrisต้องใช้เวลาช่วงกลางวันเรียนรู้งานสาขาใหม่ที่เขาไม่เคยได้ทำ และตกเย็นต้องรีบไปรับลูกจากที่รับเลี้ยงเด็ก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เพื่อจะไปยังบ้านพักคนจรจัดรายวันเนื่องจากตอนที่ฝึกงาน Chrisไม่มีปัญญาจ่ายค่าเช่าบ้านและโดนไล่ออกจากห้องพัก Chrisต้องสู้กับความลำบากแข่งขันกับผู้ฝึกงานคนอื่นเพื่อที่จะได้ตำแหน่งในบริษัทและเหนือกว่าสิ่งอื่นใดคือสู้กับจิตใจตัวเองเพื่อลูกของเขาจะได้มีชีวิตที่ดีและกลับมาตั้งหลักกันได้อีกครั้ง
หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบผมได้แต่ถามตัวเองว่าถ้าวันหนึ่งผมเจอวิกฤตทางการเงินเหมือนอย่างที่ Chrisเจอผมจะมีแรงกายแรงใจที่จะฝ่าฟันมันไปได้หรือไม่หรือผมจะยอมแพ้ อะไรคือสิ่งที่ทำให้Chrisยังสู้ต่อ คำตอบง่ายๆคือ เพื่อลูก ถ้าเขาไม่มี Christopher Jr. เขาอาจตัดสินใจโง่ๆอย่างการฆ่าตัวตายก็เป็นได้ ลูกเป็นเหมือนแสงในความมืดให้เขา ตลอดทั้งเรื่องคุณจะรู้สึกได้ถึงแรงใจที่ลูกส่งไปให้Chris ในยามที่เขาท้อแท้และทำให้เขาพร้อมที่จะก้าวต่อไป
ริวิวตัวละคร
Chris Gardner (Will Smith) Will Smith เหมาะกับบทที่ทรงพลังบทนี้มาก เป็นการแสดงของ Will ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ฉากสุดท้ายที่ได้แต่งตัวเป็นพนักงานถาวร will ได้แสดงออกทางแววตาให้เราเห็นว่านี่คือแววตาและใบหน้าของผู้ที่เผชิญกับเรื่องต่างๆมากมายแต่ไม่เคยยอมแพ้จนสามารถชนะได้ในท้ายที่สุด โดยด้วยบทนี้ Will Smithได้เข้าชิงOSCARในปี 2007สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมด้วย ช่างน่าเสียดายที่แพ้ให้กับ Forest Whitaker จากเรื่องThe Last King of Scottland ในที่สุด
Christopher Jr. (Jaden Smith) รับบทโดยลูกชายแท้ๆของWill Smith เองเลยทำให้ดูrealมาก ในแง่ของการแสดงJadenทำได้น่ารักน่าเอ็นดูครับ หลังจากเรื่องนี้ผมได้แต่ลุ้นให้ Jaden Smith ตามรอยนักแสดงที่ยอดเยี่ยมพ่อของเขาให้ได้ในอนาคต
เป็นหนึ่งในหนังดราม่าไม่กี่เรื่องที่ผมดูในโรงรอบสองนะครับ เป็นหนังที่ให้พลังกับคนที่ท้อคนที่เจอปัญหาได้อย่างดีครับ ไม่ว่าอะไรแล้วแต่ที่คุณกำลังเผชิญให้คิดซะว่ามีคนที่กำลังเผชิญสิ่งๆนั้นอยู่เหมือนกันและถ้าเขายังสู้ต่อไป คุณก็ไม่ควรยอมแพ้ด้วยเช่นกันครับ ซึ่งตัวหนังก็สอนเราด้วยว่าหลายๆครั้งก่อนที่คุณจะมีความสุขได้บางครั้งคุณก็ต้องพบกับความทุกข์, อุปสรรคและบททดสอบต่างๆซะก่อน
จงยิ้มให้โชคชะตาและสู้เพื่อคนที่รักครับ
บทภาพยนต์: 9/10
ความสนุก: 8.5/10
การตัดต่อภาพและเสียง:7/10
[CR] รีวิว "Pursuit of Happiness" (รีวิวหนัง100เรื่อง/100วัน)
Pursuit of Happiness ด้วยชื่อหนังที่ว่าด้วยคำว่าความสุขล้วนๆแต่แท้ที่จริงแล้วนั้นหนังกลับปนความทุกข์และอุปสรรคต่างๆไว้มากซะจนได้แต่คิดว่าสุดท้ายตัวเอกจะเจอกับความสุขที่ตามหาจริงเหรอ แต่ละคนล้วนให้คำนิยามสิ่งที่เรียกว่าความสุขแตกต่างกันไป บางคนมีความสุขกับชื่อเสียงการทำงาน, บางคนมีความสุขกับการได้เห็นเงินในธนาคารของตนที่เพิ่มขึ้นๆ, บางคนมีความสุขกับการเอาชนะความท้าทายใหม่ๆในชีวิต ส่วน Chirs Gardner ตัวเอกของเรื่องนั้นความสุขของเขาคือความสุขของครอบครัวครับซึ่งมันดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่หัวหน้าครอบครัวควรจะมีความสุขกับสิ่งๆนี้ แต่เพราะสิ่งที่เขาต้องเผชิญทำให้ความสุขของเขากลายเป็นเรื่องที่ยากและไม่ธรรมดาเลยครับ เรื่องนี้ base on true story นะครับโดยส่วนตัวไม่รู้ว่ามากน้อยแค่ไหน แต่หนังเรื่องนี้สามารถทำให้ชีวิตธรรมดาๆกลายเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ได้ครับ
โครงเรื่องว่าด้วยChris Gardner ชายวัยกลางคนหัวหน้าครอบครัวชนชั้นกลางในเมืองซานฟรานซิสโก มีภรรยาและลูกที่น่ารัก Chrisเลือกลงทุนทำธุรกิจส่วนตัวในการขายอุปกรณ์ทางการแพทย์แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด จนท้ายที่สุดภรรยาได้ทนต่อสภาพไม่ไหวจึงได้ทิ้ง ChrisและลูกChristopher Jr.ไป Chrisต้องเผชิญกับวิกฤตทางการเงินตามลำพัง ชีวิตที่ไม่เป็นดั่งใจ ลูกที่กำลังเล็กและไม่เดียงสา จนได้สูญเสียหลายสิ่งหลายอย่าง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ Chrisได้เดิมพันชีวิตของเขาและลูกด้วยการเริ่มต้นเป็นโบรกเกอร์หุ้นฝึกหัดของบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่ง โดยคนที่จะได้เข้ามาเป็นโบรกเกอร์ประจำที่มีรายได้ที่มั่นคงจะมีแค่1คนเท่านั้นจากจำนวนผู้ฝึก20-30คน Chrisต้องใช้เวลาช่วงกลางวันเรียนรู้งานสาขาใหม่ที่เขาไม่เคยได้ทำ และตกเย็นต้องรีบไปรับลูกจากที่รับเลี้ยงเด็ก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ Chrisต้องสู้กับความลำบากแข่งขันกับผู้ฝึกงานคนอื่นเพื่อที่จะได้ตำแหน่งในบริษัทและเหนือกว่าสิ่งอื่นใดคือสู้กับจิตใจตัวเองเพื่อลูกของเขาจะได้มีชีวิตที่ดีและกลับมาตั้งหลักกันได้อีกครั้ง
หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบผมได้แต่ถามตัวเองว่าถ้าวันหนึ่งผมเจอวิกฤตทางการเงินเหมือนอย่างที่ Chrisเจอผมจะมีแรงกายแรงใจที่จะฝ่าฟันมันไปได้หรือไม่หรือผมจะยอมแพ้ อะไรคือสิ่งที่ทำให้Chrisยังสู้ต่อ คำตอบง่ายๆคือ เพื่อลูก ถ้าเขาไม่มี Christopher Jr. เขาอาจตัดสินใจโง่ๆอย่างการฆ่าตัวตายก็เป็นได้ ลูกเป็นเหมือนแสงในความมืดให้เขา ตลอดทั้งเรื่องคุณจะรู้สึกได้ถึงแรงใจที่ลูกส่งไปให้Chris ในยามที่เขาท้อแท้และทำให้เขาพร้อมที่จะก้าวต่อไป
ริวิวตัวละคร
Chris Gardner (Will Smith) Will Smith เหมาะกับบทที่ทรงพลังบทนี้มาก เป็นการแสดงของ Will ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ โดยด้วยบทนี้ Will Smithได้เข้าชิงOSCARในปี 2007สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมด้วย ช่างน่าเสียดายที่แพ้ให้กับ Forest Whitaker จากเรื่องThe Last King of Scottland ในที่สุด
Christopher Jr. (Jaden Smith) รับบทโดยลูกชายแท้ๆของWill Smith เองเลยทำให้ดูrealมาก ในแง่ของการแสดงJadenทำได้น่ารักน่าเอ็นดูครับ หลังจากเรื่องนี้ผมได้แต่ลุ้นให้ Jaden Smith ตามรอยนักแสดงที่ยอดเยี่ยมพ่อของเขาให้ได้ในอนาคต
จงยิ้มให้โชคชะตาและสู้เพื่อคนที่รักครับ
บทภาพยนต์: 9/10
ความสนุก: 8.5/10
การตัดต่อภาพและเสียง:7/10