กระทู้ของพี่ Luck me เรื่อง ขอเปิดประเด็น เงินหมื่นเป็นเงินล้าน (
https://ppantip.com/topic/37561729) และเรื่อง โครงการ สะสมร่ำรวยจากหุ้น (
https://ppantip.com/topic/37566764) ทำให้ผมอยากหา ‘วิธีการ’ เพื่อสร้างความเป็นไปได้จริงของหลักการนี้ หลายวันมานี้ก็เลยคิด คิด และคิดๆๆๆๆๆๆ
ยิ่งคิดก็ยิ่งสนุก และมองเห็นความเป็นไปได้จริงของแนวคิดนี้ และพบด้วยว่า การมีสติ ฝึกจิตใจที่อดทนได้ เฝ้ารอได้ จะเป็นแนวทางที่มั่นคงและยั่งยืนกว่า ทั้งหมดเป็นผลของการคิดหรือมโนกับตัวเองเท่านั้น ก่อนหน้านี้จะรู้สึกเหนื่อยล้าเวลาเจอรถติด แต่พอมีเรื่องให้คิดหาวิธีที่จะอยู่กับตลาดนานๆ ไม่ถูกถีบกระเด็นให้เป็นผู้แพ้-แบบเม่าส่วนใหญ่-ยิ่งคิดก็ยิ่งสนุก รถติดทีไรก็เอากระดาษมาลากเส้นโยงใย เขียนสรุปเตือนใจตัวเอง สุขสงบลึกๆ ยิ้มกริ่มอยู่คนเดียวบนที่นั่งคนขับ หลังพวงมาลัยรถยนต์ (นี่ถ้ามีคนมองทะลุกระจกเข้ามาเห็น เขาก็คงจะคิดว่าคนบ้าขับรถแน่ๆ อิอิ)
ผลของการนึกๆคิดๆตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมพบว่า การใช้ ‘กราฟรายวัน’
น่าจะเป็นอีกวิธีการหนึ่ง ที่สร้างผลกำไรให้ได้ โดยเราไม่ต้องซื้อขายบ่อย แต่ลงมือไตรมาสละ 1 ครั้ง หวังกำไรส่วนต่างราคา (Capital Gain) ครั้งละ 25% (หนึ่งปี 4 ไตรมาส ก็ครบ 100% ตามหลักการของพี่ Luck me พอดี) วิธีการที่อยากนำเสนอในที่นี้ก็คือ
A. เลือกเฉพาะหุ้นที่ค่อนข้างมั่นคง เพราะต้องถือจนกว่าจะได้กำไร 25% ซึ่งอาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือน (ในที่นี้ เลือกจากกลุ่ม SET100 เพราะได้ทำ Backtest ดูแล้ว มีความเป็นไปได้จริง ดังภาพตัวอย่างด้านล่างนี้)
B. ใช้กราฟรายวันมองหาหุ้นที่เกิด Bullish Divergence ชัดเจน (Divergence เกิดได้ในอินดิเคเตอร์หลายๆตัว เลือกใช้ตามความถนัดของใครของมัน ที่สำคัญคืออดทนรอจนกว่าจะเกิด Bullish Divergence ชัดเจน)
C. ตั้งออเดอร์รอซื้อเมื่อราคาปิดทะลุผ่าน Trend Line ขึ้นไป และ
D. ตั้งจุด Stop Loss ที่ราคาต่ำสุด (Previous Low) ในรอบนั้นๆ
ตัวอย่างที่ 1 (GLOBAL) Entry: 13.30 >> Exit: 16.70 >> Stop Loss: 12.70
ตัวอย่างที่ 2 (KTC) Entry: 106 >> Exit: 133 >> Stop Loss: 95 (ตัวนี้ถ้าขาย ณ ราคานี้ก็คือขายหมูตัวเบ้อเริ่มเลยหละ อิอิ)
ตัวอย่างที่ 3 (PTG) Entry: 17.90 >> Exit: 22.50 >> Stop Loss: 15.60
ตัวอย่างที่ 4 (PTT) Entry1: 230 >> Exit1: 289 และ Entry2: 247 >> Exit2: 311 (Stop Loss 1&2: 196)
สรุป ตารางแสดงการซื้อขาย ตามวิธีการ A.B.C.D.
ในตารางข้างบน จุด Stop Loss คือราคาต่ำสุดในรอบนั้นๆ (ซึ่งเป็นจุดที่เกิด Bullish Divergence ชัดเจน) แต่จะเห็นว่า ในหุ้นทั้ง 4 ตัวที่ยกตัวอย่างมานี้ ไม่มีแม้แต่ตัวเดียวที่ถอยกลับลงมาต่ำกว่าโลว์เดิม (ซึ่งจะทำให้ต้องสั่ง Stop Loss) เลย !
ก็...ไม่มีอะไรมากครับ แค่มโนเล่นๆในวันหยุดเท่านั้นเอง หวังว่ากระทู้นี้จะมีประเด็นให้หมู่เฮาชาวแมงเม่า(เหมือนผม)นำไปคิดต่อบ้าง ทั้งนี้ก็เพื่อให้แต่ละท่านแสวงหาหลักการ แนวทาง และวิธีการ ที่สร้างสรรค์เป็นประโยชน์แก่ตัวเอง ครอบครัว คนรอบข้าง และสังคมต่อไป --> ขอให้โชคดีทุกคนครับ
A.B.C.D.
ยิ่งคิดก็ยิ่งสนุก และมองเห็นความเป็นไปได้จริงของแนวคิดนี้ และพบด้วยว่า การมีสติ ฝึกจิตใจที่อดทนได้ เฝ้ารอได้ จะเป็นแนวทางที่มั่นคงและยั่งยืนกว่า ทั้งหมดเป็นผลของการคิดหรือมโนกับตัวเองเท่านั้น ก่อนหน้านี้จะรู้สึกเหนื่อยล้าเวลาเจอรถติด แต่พอมีเรื่องให้คิดหาวิธีที่จะอยู่กับตลาดนานๆ ไม่ถูกถีบกระเด็นให้เป็นผู้แพ้-แบบเม่าส่วนใหญ่-ยิ่งคิดก็ยิ่งสนุก รถติดทีไรก็เอากระดาษมาลากเส้นโยงใย เขียนสรุปเตือนใจตัวเอง สุขสงบลึกๆ ยิ้มกริ่มอยู่คนเดียวบนที่นั่งคนขับ หลังพวงมาลัยรถยนต์ (นี่ถ้ามีคนมองทะลุกระจกเข้ามาเห็น เขาก็คงจะคิดว่าคนบ้าขับรถแน่ๆ อิอิ)
ผลของการนึกๆคิดๆตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมพบว่า การใช้ ‘กราฟรายวัน’ น่าจะเป็นอีกวิธีการหนึ่ง ที่สร้างผลกำไรให้ได้ โดยเราไม่ต้องซื้อขายบ่อย แต่ลงมือไตรมาสละ 1 ครั้ง หวังกำไรส่วนต่างราคา (Capital Gain) ครั้งละ 25% (หนึ่งปี 4 ไตรมาส ก็ครบ 100% ตามหลักการของพี่ Luck me พอดี) วิธีการที่อยากนำเสนอในที่นี้ก็คือ
A. เลือกเฉพาะหุ้นที่ค่อนข้างมั่นคง เพราะต้องถือจนกว่าจะได้กำไร 25% ซึ่งอาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือน (ในที่นี้ เลือกจากกลุ่ม SET100 เพราะได้ทำ Backtest ดูแล้ว มีความเป็นไปได้จริง ดังภาพตัวอย่างด้านล่างนี้)
B. ใช้กราฟรายวันมองหาหุ้นที่เกิด Bullish Divergence ชัดเจน (Divergence เกิดได้ในอินดิเคเตอร์หลายๆตัว เลือกใช้ตามความถนัดของใครของมัน ที่สำคัญคืออดทนรอจนกว่าจะเกิด Bullish Divergence ชัดเจน)
C. ตั้งออเดอร์รอซื้อเมื่อราคาปิดทะลุผ่าน Trend Line ขึ้นไป และ
D. ตั้งจุด Stop Loss ที่ราคาต่ำสุด (Previous Low) ในรอบนั้นๆ
ตัวอย่างที่ 1 (GLOBAL) Entry: 13.30 >> Exit: 16.70 >> Stop Loss: 12.70
ตัวอย่างที่ 2 (KTC) Entry: 106 >> Exit: 133 >> Stop Loss: 95 (ตัวนี้ถ้าขาย ณ ราคานี้ก็คือขายหมูตัวเบ้อเริ่มเลยหละ อิอิ)
ตัวอย่างที่ 3 (PTG) Entry: 17.90 >> Exit: 22.50 >> Stop Loss: 15.60
ตัวอย่างที่ 4 (PTT) Entry1: 230 >> Exit1: 289 และ Entry2: 247 >> Exit2: 311 (Stop Loss 1&2: 196)
สรุป ตารางแสดงการซื้อขาย ตามวิธีการ A.B.C.D.
ในตารางข้างบน จุด Stop Loss คือราคาต่ำสุดในรอบนั้นๆ (ซึ่งเป็นจุดที่เกิด Bullish Divergence ชัดเจน) แต่จะเห็นว่า ในหุ้นทั้ง 4 ตัวที่ยกตัวอย่างมานี้ ไม่มีแม้แต่ตัวเดียวที่ถอยกลับลงมาต่ำกว่าโลว์เดิม (ซึ่งจะทำให้ต้องสั่ง Stop Loss) เลย !
ก็...ไม่มีอะไรมากครับ แค่มโนเล่นๆในวันหยุดเท่านั้นเอง หวังว่ากระทู้นี้จะมีประเด็นให้หมู่เฮาชาวแมงเม่า(เหมือนผม)นำไปคิดต่อบ้าง ทั้งนี้ก็เพื่อให้แต่ละท่านแสวงหาหลักการ แนวทาง และวิธีการ ที่สร้างสรรค์เป็นประโยชน์แก่ตัวเอง ครอบครัว คนรอบข้าง และสังคมต่อไป --> ขอให้โชคดีทุกคนครับ