คนที่แอบชอบ ก็ควรอยู่แค่ในฐานะคนที่แอบชอบ

จุ๊บๆสวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน วันนี้เราจะมาแชร์เรื่องราวของเราที่เกี่ยวกับความรักกับคนที่เราแอบชอบอยู่นะคะ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน เราเป็นเฟรชชี่มหาลัยหนึ่ง แล้วทุกๆ มหาลัยจะต้องมีการรับน้องกลาง (รับน้องของมหาลัย)
แล้ววันที่เข้ารับน้องก็จะมีพี่ๆ มาคัดตัวน้องไปเป็นน้องหลีด ซึ่งทุกๆ คนจะต้องมีหน้าที่ที่แบ่งออกเป็นสามฝ่ายคือ น้องหลีด น้องเชียร์ และน้องร้อง ซึ่งเราถูกคัดไปเป็นน้องหลีด แต่ด้วยความที่ว่าเราไม่อยากเป็นน้องหลีด ในวันที่เขาลงชื่อกันเราจึงหนีออกมาแล้วว่าจะไปหาอยู่ที่ฝ่ายอื่น (เพราะถ้าไม่เข้าจะไม่ผ่านกิจกรรมมหาลัย) ซึ่งคิดว่าน้องเชียร์คงสบายเพราะได้นั่งซ้อม แต่ไม่เลยจ้ะ นั่งซ้อมก็จริงแต่กลางแดดเลยจ้าา เลยเหลือฝ่ายสุดท้ายคือน้องร้อง ซึ่งได้ข่าวว่าน้องร้องได้ซ้อมอยู่ในห้องหอประชุมใหญ่ที่มีแอร์เย็นสบาย แต่เสียที่ว่าได้ยืนซ้อมเหมือนหลีดเลย แต่ไม่เป็นไร มีแอร์ก็ยังดี ก็เลยแอบๆ เข้าไป
ซึ่งตอนนั้นเองที่เปิดประตูเข้าไปในหอประชุม ได้เจอกับพี่ร้องที่ยืนอยู่ตรงประตูพอดี ซึ่งนั่นคือครั้งแรกที่เราได้เจอกับพี่คนนึง คนอะไรไม่รู้น่ารักยิ้ม เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุน เหมือนถูกสต๊าบไว้แค่ตรงนั้น เหมือนมีผีเสื้อบินอยู่รอบตัว แต่ทุกอย่างต้องหยุดลงเพราะพี่ดำคนข้างๆ พี่เขาหันมาตะคอกใส่เราว่า "น้อง!! ยืนทำหน้าเอ๋อไรตรงนี้ ไปลงชื่อแล้วไปเข้าแถวเร็วๆ!!" ไอ้พี่ดำนะไอ้พี่ดำ
หลังจากลงชื่อเสร็จเรียบร้อย เราก็มาซ้อมร้องเพลง ซึ่งพี่เขาก็เป็นพี่ร้องที่ต้องคุมน้องๆ และซ้อมให้น้องๆ นั่นเอง และด้วยความแรดในตัวมันมีมากมายล้นเหลือเกื้อกูล ไม่ว่าพี่เขาจะเดินขึ้นเดินลง เดินไปทางไหน อีเราก็สลับแถวตามพี่เขาไปเพื่ออยากให้พี่เขาเห็นเรา และด้วยความขยับแถวไปมาของเราทำให้การจัดแถวมันไม่นิ่งเลยโดนดุว่าใครขยับ แล้วได้หยุดยืนอยู่ตรงนั้น แต่ไม่เป็นไร แค่ได้ยืนมองอยู่ไกลๆ ก็บุญมากพอแล้ว

หลังจากที่ซ้อมกันจนถึงวันโชว์จริง วันนั้นต้องมีการซ้อมใหญ่ 1 รอบ ซึ่งอากาศร้อนมากๆๆๆๆๆๆๆ และด้วยความที่พี่เขาอยู่หน่วยแพทย์ด้วย เราจึงใช้ความมารยาห้าหมื่นล้านเล่มเกวียนของเราบวกกับใช้ขาที่เคยประสบอุบัติเหตุมาให้เกิดประโยชน์โดยการบอกว่าเจ็บขา (ยิ้มมากก 555) และพี่เขาก็พาไปห้องพยาบาล แต่!! เผือกมีไอ้พี่ดำมาด้วย และมาพยุงฉันแทนพี่เขาซะงั้น (ด้านมากกก) แต่ไม่เป็นไรอย่างน้อยๆ เมื่อมาถึงห้องพยาบาลพี่เขาก็เป็นคนเอาผ้าพันขามาพันขาให้เรา (แต่ตอนนั้นขาบวมจริงๆ นะออเจ้า) แล้วถามว่าหออยู่ไหน ? ตอนนั้นเราอยู่หอในซึ่งไม่ไกลมาก เราจึงบอกว่าเดี๋ยวกลับเอง แล้วพี่เขาก็กลับไปประจำกรหน่วยแพทย์ต่อไป เรานอนอยู่ห้องพยาบาลสักพักแล้วนึกขึ้นได้ว่า อีผี!! ยังไม่รู้ชื่อพี่เขา ไม่รู้ด้วยว่าเขาเรียนอะไร รู้อย่างเดียวคือพี่เขาเป็นพี่ร้อง ที่ประจำการอยู่หน่วยแพทย์นักศึกษา จึงรีบดีดตัวเองจากเตียงแล้ววิ่งกลับห้องจนลืมว่าตัวเอง (ยิ้ม) เจ็บขาอยู่ 55555

พอมาถึงห้อง เราก็รีบจัดการเปิดคอมหาเฟซพี่เขา แต่... จะเริ่มจากอะไรดีล่ะ ในเมื่อรู้ข้อมูลแค่ 1.เป็นพี่ร้อง 2.อยู่หน่วยแพทย์  เราจึงเริ่มจากการหาจากคนที่เช็คอินสถานที่มหาลัย แต่มันกว้างไป เลยหาจากการเช็คอินตึกของมหาลัย แต่ตึกไหนที่มีการเรียนเกี่ยวกับหน่วยแพทย์ เพราะเพิ่งเข้ามหาลัย ไม่รู้เลยว่าตึกไหนเป็นตึกไหน และแต่ละตึกก็ตั้งชื่อตามพระนามของพระบรมวงศานุวงศ์ ก็เลยหาตาม #พี่ร้อง ก็ไปเจอพี่คนนึงที่คุมเหมือนกัน เลยเข้าไปตามเฟซพี่เขา สืบไปๆๆๆ จนเวลาล่วงไปหลายชั่วโมง สุดท้าย ปิ๊งป่อง!! ความที่ผู้หญิงอยากรู้อะไรก็ต้องรู้นี่มันใช่จริงๆ เราเข้าไปในเฟซพี่เขา พี่เขาชื่อ "พีพี" (นามสมมุติ) สิ่งแรกที่เช็คคือ "โสดดดดดดดดดดดดดดด" อารมณ์เหมือนถูกหวย แล้วเข้าไปดูเฟซพี่เขา คนติดตามหลายพันเชียว ยอดไลค์ทะลุพัน คอมเมนต์บลาๆ สาวๆ ทั้งนั้น โพสอ่อยสะไม่มี คนบ้าอะไรหน้าตาก็ดี เป็นหนุ่มฮอตอีก อี ยิ้ม แล้วตัวกูล่ะ เห้อออ ตอนนั้นคิดแค่ว่า ช่างยิ้มเหอะ ไม่แอ็ดเฟรนละ แต่เก็บลิ้งก์ไว้ก่อน หลังจากนั้นก็เข้าไปส่องเฟซพี่เขาเรื่อยๆ นะ เช็คอินที่ไหนนุ้งตามไปหมดจ้า พี่เขาทำงานสภา นุ้งก็ไปอาคารสภา แต่ไปทำไมไม่มีธุระก็เนียนๆ ตามเพื่อนว่าจะไปสมัครทำงานสภา (แต่ตอนนั้นสมัครอนุกรรมการสโมฯ ของคณะไปละ) ก็ได้เจอพี่เขาอีก แต่พี่เขาคงจำเราไม่ได้ เดินผ่านไปเหมือนเรานั้นเป็นแค่ตัวไรอะไรประมาณนั้น ผ่านมาสามวัน เอาว๊ะ แอ็ดยิ้มเลย แอ็ดปุ๊บ นั่งเฝ้ารอคอยการกดรับเฟรนจากพี่เขา จนหลายชั่วโมงผ่านไปก็ไม่มีวี่แวว (เชื่อไหมว่านั่งจ้องการแจ้งเตือนอยู่อย่างนั้นหลายชั่วโมงจริงๆ) จนรู้สึกถอดใจ จะกดยกเลิกคำขอ แต่ทันใดนั้น การแจ้งเตือนก็เด้งตึ๊ง "พีพีตอบรับคำขอเป็นเพื่อนของคุณ..." เหมือนโลกหยุดหมุนไปสักสี่สาห้าชั่วโมง และต้องช็อคไปอีกเมื่อพี่เขาทักมาว่า "ใช่น้องคนที่เจ็บขาไหม ?" อีผี ตอนนั้นกรี๊ดลั่นห้อง เมทในห้องตกใจร้องกร๊ดตาม นึกว่าเราดูหนังผี แต่พอกำลังจะตอบ เพราะมัวแต่หวีดไปหลายนาที พี่เขาก็ออฟไลน์ไปแล้ว เห้อออ แต่ไม่เป็นไร แค่นี้ก็สุขใจแล้วเบบี้ และหลังจากนั้นก็คุยกันบ้าง ...วันละประโยค เรารู้สึกถอดใจและดูเหมือนพี่เขาจะมีคนที่คุยๆ อยู่แล้ว และเราก็ยังระหองระแหงกับแฟนเก่าอยู่ ก็เลยช่างมันเหอะ แต่ก็ยังได้คุยๆ บ้าง แต่มันไม่มีการพัฒนาห่าเหวอะไรเลยย เราจึงกลับไปคบกับแฟนเก่าในช่วงนั้น

ซึ่งหลังจากนั้นหลายเดือน เราจึงมารู้จักพี่เขาอีกครั้งจากเพื่อนในกลุ่ม เพราะพี่เขาเป็นเทรนเนอร์ของฟิตเนสมหาลัย เพื่อนเราไปออกกำลังกายแล้วพี่เขากำลังเรียนวิชาเทรนนิ่ง (รู้จากเพื่อน) เพราะเพื่อนเราก็คุยๆ กันว่าพี่คนนี้หล่ออ่า น่ารัก นิสัยดี เป็นกันเอง เล่นดนตรีได้ ร้องเพลงเพราะ คือยิ้มโคตรเพอเฟค คน ยิ้มอะไร ซึ่งในกลุ่มที่พูดคุยกันตอนนั้นจะมีเรากับเพื่อนอีกคนที่รู้ว่าเราเคยคุยกับพี่เขา เพื่อนที่ไปเทรนกับพี่เขาเลยไปพูดกับเพื่อนอีกคนว่ารู้สึกว่าเรากับพี่เขาจะมีซัมติงอะไรสักอย่าง แต่ในตอนนั้นเพื่อนคนที่ไปเทรนกับพี่เขาเราก็รู้สึกว่าจะชอบพี่เขาและชอบไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ถ่ายรูปลงเฟซลงไอจี เราเลยคิดว่าสองคนนี้คบกันหรือไม่ก็คุยๆ กันอยู่ และไม่นานหลังจากนั้นเราก็เลิกกับแฟนเก่า และคุยมั่วซั่วไปหมด ทั้งผู้ชาย ผู้หญิงกะเทยทอมบอย (กะเทยไม่มีนะ ใส่ไปให้มันได้อรรถรสว่าเสเพลจริงๆ) คุยจนคนที่คุยๆ อยู่ถามว่ามีคนมาเล่าให้ฟังว่าเราไม่จริงจังกับใคร (เอาจริงๆตอนนั้นที่เป็นแบบนั้นเพราะแฟนเก่า รู้สึกว่าความรักยิ้มลวงหลอก ให้โอกาสแต่ก็ทำผิดอีก ผู้ชายก็เหมือนกันยิ้มทุกคน) และคุยซ้อนจนรถไฟชนกัน จนเพื่อนว่าให้อยู่คนเดียว

ช่วงปิดเทอมจะขึ้นปี 2 ช่วงนั้นรู้สึกชีวิตดีขึ้นมาหน่อยๆ เพราะหลังจากอยู่คนเดียว แบกเป้เที่ยว ไปเรื่อยๆ ได้อยู่กับตัวเอง และเห็นคุณค่าตัวเองกับคนอื่นที่เขาไม่รู้เรื่องด้วย เราจึงเริ่มใช้ชีวิตได้แบบมีความสุขด้วยการอยู่กับเพื่อน วันหยุดก็กลับบ้านหาครอบครัว จนเริ่มมีคนเข้ามาอีก ก็เลยเปิดใจแต่ด้วยความงี่เง่าและชอบพูดให้เราว่าคิดถึงแฟนเก่า เราก็เลยเลือกจะอยู่คนเดียว จนถึงช่วงสอบปลายภาคของปี2 เทอม1 ช่วงนั้นเพื่อนในกลุ่มคนนึงเป็นพี่น้องกันกับพี่พี แล้วช่วงนั้นพี่พีทำงานร้านอาหาร หารายได้เสริม จึงทักมาชวนให้ไปที่ร้าน และคุยหยอกๆ เล่นๆ กัน ว่าเราโสดคนเดียวในกลุ่ม เลยเต๊าะๆ เพื่อนให้พี่ชายตัวเอง เหมือนได้กลับมาคุยกัน แต่ไม่ได้คุยเอง เป็นการคุยกันผ่านเพื่อนของเรา ก่อนจะถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ มาทราบสรรพคุณของพี่พีก่อนว่าเขาเป็นมายังไง

"พี่พีพี เป็นนักศึกษาปี3 เป็นพี่เรา 1 ปี *คณะไม่ขอบอก* เป็นเด็กกิจกรรม ทำงานสภามหาลัย เป็นเทรนเนอร์ที่หุ่นดี สูง 176 cm น้ำหนักไม่รู้ แต่หุ่นดี ผิวสีแทนออกเหลือง คมเข้ม เบ้าหน้าแบบชายไทย เป็นนักร้องสังกัดค่ายในจังหวัด เล่นดนตรีได้ หลักๆ คือกีต้าร์ เป็นที่รักของทุกคน เป็นคนดีมีน้ำใจ ฐานะทางบ้านปานกลาง แต่พี่เขาโคตรของโคตรขยัน รักครอบครัว มีความเป็นผู้นำสูง เขาได้เป็นพี่ระเบียบในการรับน้อง 60 ที่ผ่านมา เข้ากับคนได้ง่ายมาๆๆๆ มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศ ผู้คนรู้จักมากมาย เป็นคนน่ารัก และรักทุกคน ที่สำคัญที่สุด ไม่เจ้าชู้ รักเดียวใจเดียว และมักจะโดนเท"

หลังจากที่ได้คุยกันผ่านเพื่อน เราก็โสดและสดมาก 5555 ด้วยความที่ก็ไม่มีใคร จะคุยกันอีกก็คงไม่เสียหาย (ตลอดระเวลาที่ผ่านมาก็ยังมีคุยกันบ้าง แต่ด้วยความที่เพื่อนเราชอบเขา ** ไม่ได้คบกันไม่ได้คุยกัน แต่พี่เขาเทคแคร์แบบนี้ทุกคนที่เป็นลูกเทรน ** เราก็เลยไม่ได้จะคุยอะไรแบบจริงจัง) แต่ครั้งนี้รู้สึกว่าจริงจังและอยากได้คนนี้ แต่เราก็ยังอดคิดไม่ได้เรื่องที่พี่เขาจะดีกับเราเหมือนกับที่ดีกับคนอื่นๆ และเราจะคิดไปเองไหม เราะยังไงพี่เขาก็คือคนที่เราแอบชอบอยู่ จนวันที่ออกเดทครั้งแรก พาไปกินไก่ วันนั้นรู้สึกว่าพี่เขาเกร็งๆ เราก็เกร็ง และได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน รู้จักกันมากขึ้น จนช่วงปิดเทอมจะเทอม2 เพื่อนเราก็มาบอกว่าเดี๋ยวจะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับชีวิตแล้วนะ

และผ่านไปสองสามวัน พี่เขาก็มาขอเราเป็นแฟน วี๊ดดดดดดดดดดดดดด คือมันดีใจมากๆนะเว้ยย คนที่เราแอบชอบ ชอบเรา และขอเราเป็นแฟน ซึ่งตลอดชีวิตพี่เขาเพิ่งจะเคยขอคนคบครั้งแรก เพราะนอกนั้นมีแต่คนมาขอเขาคบ และที่สำคัญ ตอนนั้นเหมือนเราเหนือกว่าผู้หญิงหลายๆ คนที่ชอบพี่เขาอยู่ หุๆๆๆ รู้สึกสวย ...แต่ๆๆ เรื่องไม่ได้จบแค่นี้ นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น เพราะหวข้อกระทู้ของเราคือ "คนที่แอบชอบ ก็ควรอยู่แค่ในฐานะคนที่แอบชอบ" ทำไมถึงชื่อนี้น่ะหรอ เดี๋ยวมาต่อ

>>ฝากติดตาม กดไลค์ กดแชร์ด้วยน้าาาา<< เยี่ยม อมยิ้ม16
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่