ชีวิตหลังเกษียณคนทำงานเอกชนกับคนเป็นข้าราชการ

เมื่อคืนก็คุยกับภรรยาที่เป้นข้าราชการ เพื่อนฝูงเขาก็เกษียณไปหลายคนแล้วมีที่จะเตรียมเกษียณก่อนกำหนดอีกจำนวนมาก มาคุยด้วยประจำ
            ที่ผมสังเกตุเปรียบเทียบนะ  

  1. คนเป็นข้าราชการพออายุงานใกล้ได้บำนาญ คิดถึงเรื่องเกษียณเข้าโครงการเออลี่กันเป็นส่วนมาก    หลายคนอยากลาออกหรือวางแผนกันแล้ว
           - คนทำเอกชน ส่วนมากคิดว่าจะทำยังไงให้มีงานทำตลอดรอดฝั่ง  ให้บริษัทจ้างไปยาว  ๆ    ส่วนน้อยที่มีเงินมากพอจึงคิดเกษียณไปทำอย่างอื่น

  2. คนเป็นข้าราชการส่วนมาก คิดเสมอเกษียณมาจะไปเที่ยวไหน ในประเทศ ต่างประเทศ  ใช้เวลาทำอะไร ปลูกต้นไม้   เข้าวัด ทำงานจิตอาสา   เห็นแต่ละคนวางแผนกันแบบนี้ทั้งนั้นเลย
           - คนทำเอกชนก่อนเกษียณส่วนมากคิดว่าหลังเกษียณจะทำงานอะไรให้มีรายได้เข้ามา     เรื่องวางแผนไปเที่ยวคนวัยนี้ที่ทำเอกชนไม่ค่อยคิดแล้ว  อาจเพราะเคยไปมาแล้วตอนวัยทำงาน   แต่หลังเกษียณแล้วคิดแต่จะหารายได้เข้ามาประทังชีวิตมากกว่า  คือมักคิดลงทุนทำนั่นทำนี่ มากกว่าจะคิดเรื่องอื่น

  3. คนเป็นข้าราชการส่วนมากเกษียณมาได้หลักล้านบาท  แต่ไม่ใช่หลายล้านหรือเป็น 10 ล้าน
          - คนทำเอกชนส่วนมากเกษียณแล้วไม่มีเงินบำเหน็จให้ในหลักล้านบาท  เขาไม่ไล่ออกก่อนเกษียณก็ดีแล้ว   ถ้าไม่เก็บเงินไว้เองตอนที่ยังมีแรงทำงานอยู่      แต่มีบางรายที่หน้าที่การงานดี อยู่บริษัทที่ดี มีสวัสดิการดี  โอกาสได้เงินก้อนจากบริษัทหลายล้านบาทก็มี

  4. คนเป็นข้าราชการเกษียณมามีเงินบำเหน็จ 1 -3 ล้านกว่าบาท  เพียงพอกับการดำรงชีพถ้าไม่มีหนี้สินเกินตัว  เพราะมีบำนาญอยู่แล้ว 2x,xxx up
          - คนทำเอกชนเกษียณมา จะมีกี่ล้านก็แล้วแต่    แต่ส่วนมากกังวลการหารายได้หลังเกษียณ ( ยกเว้นคนมีเหลือกินเหลือใช้ )        เพราะคนทำเอกชนจะให้มีรายได้เท่าบำนาญคนเป็นข้าราชการต้องมีเงินตอนเกษียณอย่างน้อยซัก 10 ล้านขึ้นไป  จึงจะพอเทียบเท่าข้าราชการได้   คนวัยนี้ไม่ได้มีรายได้เข้ามาตลอดเหมือนตอนเป็นมนุษย์เงินเดือนจึงกังวลมากเป็นพิเศษ

  5.คนเป็นข้าราชการ สังเกตุจะมีเลี้ยงรุ่นเสมอ  แม้เวลาที่เกษียณไปแล้ว    พูดคุยสังสรรสนุกสนาน ทำธุรกิจอะไร ลูกเ็ป็นยังไงบ้าง  อื่น  ๆ  บางทีนัดกันไปเที่ยวก็มีอีก  
         - คนทำเอกชนโอกาสมีเลี้ยงรุ่นยากมากแทบไม่เคยเห็น ตอนปกติทำงานบริษัทสังสรรบริษัทก็แทบไม่อยากไป  เกษียณแล้วฝันไปเหอะใครจะมาชวน    เจอหน้ากันก็บ่นเรื่องเศรษฐกิจ  หรือไม่ก็พูดคุยเรื่องหนทาง หาทางทำมาหากิน   แย่ว่ะ  เจอหน้ากันแทนที่จะได้คุยสังสรร สนุกสนาน   ดีไม่ดีขอยืมเงินอีกต่างหาก ได้ฟังแต่เรื่องหน้าเศร้า
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 72
Reference : https://ppantip.com/topic/31876556/comment28-2

.คนที่มาพูดว่าเอกชนดี อายุก็แค่ 30-40 ปี
และที่ชอบมาพูดก็พวกก่อสร้าง..ที่เป็นกลุ่มงานเงินดีที่สุดของเอกชน...
...แต่คนส่วนน้อยที่เรียนก่อสร้าง...ไม่ใช่ว่าคนไทยทุกคนต้องทำอาชีพนี้...อาชีพเอกชนอื่นๆ..เค้าไม่ได้รายได้ดีเท่าก่อสร้าง
....และพวกคุณยังไม่เคยเจอวิกฤติการทางเศรษฐกิจ..แบบที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ล้ม..ไม่มีการลงทุนในงานก่อสร้างใหม่ๆ..ขายคอนโด..ขายบ้านไม่ออก
..ไอ้วิศวกร มีใบ กว. มันก็รอด.ยังหนีไปทำงาน ตปท.ได้บ้าง.แต่ไอ้โฟร์แมนมันจะอดตายสิครับ
...ไม่รวมอาชีพเอกชนอื่นๆ
...แต่ละคนบอก ได้แสนกว่าๆ/เดือน
...ถามว่า ทุกตำแหน่งมันได้เงินแสนหรือครับ
....แน่หล่ะ..คุณเป็นระดับผู้จัดการ
...แต่คำว่า..ผจก. มันก็เป็นหัวหน้างาน
...และมันก็มีไม่กี่คนในบริษัท...
....แล้วคนธรรมดา
...เค้าไม่ได้เรียนจบวิศวะ..หรือ ป.โท แบบคุณ
..ส่วนใหญ่คนไทยเรียนจบ คณะพื้นๆ เยอะ
การจัดการ การตลาด เกลื่อนเมือง
บัญชีเป็นล้านๆคน
...คนพวกนี้ จะมีความรุ่งเรืองทางสายงานเอกชนได้ซักกี่ปี....
....ทำงานพออายุเกิน 30 เงินเดือนเกิน 25000 ก็โดนเจ้านายยัดงานอื่นมาเพียบ บีบออกแล้ว...
....โลกมันไม่ได้สวยแบบที่..ฯพณฯ ท่าน คอนเซ้า โปรเจคเมเนเจอร์ มาโม้..มาขี้คุยหรอกนะ
....
...แต่งานราชการ
...แม้ว่าคุณจะไปได้ไม่ถึงซี 8 (ชำนาญการพิเศษ) ที่เป็นขั้นต้นของระดับบริหาร
...คุณจะจบชีวิตราชการแค่ซี 5-7
...คุณก็มีบำนาญกิน
...เงินบำเหน็จก็เอาอายุราชการคูณกับเปอร์เซ็นเงินเดือนไป...
...ลูกๆ ก็สบาย เรียนจบแน่ๆ
...สบายเยอะครับ ขรก.
...บอกตรงๆ ถ้าไม่ดิ้นรน จะเป็น ผบ. เป็นหัวหน้า
...ขอแค่คุณประคองตัว..ทำงานตามเวลาราชการ
...คุณจะพบว่า
...คุณมีเวลาทำสิ่งที่ตัวเองรักได้มากกว่าอาชีพอื่นๆ
...ทำงานเอกชน เงินเดือนสูงมาก
...แต่ตุณทำงานตั้งแต่เช้า และอาจเลิกดึก
...ยิ่งผู้จัดการโครงการก่อสร้าง งานเสร็จไม่ทันโดนปรับวันละเป็นล้าน
...ไม่ต้องนอนหรอกครับ...เร่งงานไปเถิด 555
...ไหนจะสารพัด สีปัญหากับผู้รับเหมารายย่อย ทีามารับช่วงงานกับเราอีก
...แต่ทำงานราชการ
...คุณชอบวาดรูปไหม
...เลิกงาน 4 โมงก็ไปวาดรูปขาย เป็นศิลปิน
...คุณชอบร้องเพลงไหม
...เลิกงาน ก็ไปเล่นดนตรี ตามที่ที่เขาจ้าง ในวันศุกร์ เสาร์ สบายๆ
...คุณชอบทำขนม ก็เปิดกิจการทำขนม
...เงินลงทุนกู้สหกรณ์เอาสิ
...ข้าราชการมากมาย
...ลาออกจากราชการ ตอนอายุ 40 กว่าปี ทำงานเกิน 25 ปี รับบำนาญได้แล้ว
...แถมยังเป็นเจ้าของกิจการ
...ข้าราชการหลายๆ คน เป็นเจ้าของกิจการ
...จากเงินที่กู้สหกรณ์มาลงทุน
...พอกิจการตนเองรุ่งเรือง ก็ลาออก
...หลายๆคนเป็นอภิมหาเศรษฐี
...
เงินกู้น่ะ ไม่ใช่ว่าใครจะกู้ง่ายๆ
...แต่ ขรก. กู้ง่าย ครั้งละ 2 ล้าน นี่ไม่ยากเลย
...แต่ทำงานเอกชน
...เงินเดือนเป็นแสน
...ไม่ใช่ว่าธนาคารจะปล่อยให้คุณกู้
..เพราะเงินแสนนึงของคุณ ผ่อนหนี้อะไรบ้าง
...ยิ่งในสายก่อสร้าง รู้ๆ กินเที่ยวสุดยอด
...กินเหล้าพอๆกับน้ำ เดี๋ยวเลี้ยงรุ่นๆ
...เมียเยอะอีกต่างหาก
..เงินเดือนแสนสองแสน ไม่เหลือเก็บหรอกนะ
...จะเอาเวลาไปทำกิจการส่วนตัวก็ไม่ได้
...ชีวิตร่อนเร่ เฝ้าไซด์งาน ขึ้นเหนือ ลงใต้
...แทบไม่เจอลูกเมีย...555
....
...ความแตกต่างคือ...คนทำงานเอกชน เงินเดือนถึงแสน มีไม่กี่คนหรอกครับ
....มีน้อยมากๆ
....อาจจนะมีซัก 2-3 พันคน ในประเทศไทย
...แต่ข้าราชการ
...กู้เงินได้ 2 ล้าน ทุกคน 5555
....และที่มาบอกว่า
....ติดหนี้จนเกษียณ ใช้หนี้ไม่หมด
....คนโง่น่ะ
....มันใช้เงินไม่เป็นมีเยอะ
....ไปกู้มาผ่อนบ้านผ่อนรถ เงินไม่งอกเงย
...คนฉลาดกู้มาลงทุนกินดอก กินผลตอบแทน
....ข้าราชการโง่ๆ มีเยอะครับ
....แต่ไม่ว่าโง่อย่างไร เค้าก็เงินได้ ติดหนี้สหกรณ์ ก็ยังกู้แบงค์ได้
...ข้าราชการถ้าใช้สิทธิกู้เต็มที่ 5 ล้านนี่ หากู้ได้ครับ
....ถ้าฉลาดในการลงทุน ตั้งกิจการได้เลย...
ตอบกลับ
0 1   
สมาชิกหมายเลข 1213620   
27 มกราคม เวลา 10:32 น.
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
แล้วแต่คนนะเราว่า.. แบบที่จขกท. ว่ามาก็มี

ราชการที่กู้แล้วกู้อีก หลังเกษียณยังต้องเอาเงินบำนาญไปจ่ายหนี้จนเหลือเงินแทบไม่พอประทังชีวิตก็มี

มนุษย์เงินเดือนที่รู้จักเก็บออมลงทุนจนมี passive income เกษียณตัวเองได้ก่อนกำหนดก็มี

ทุกอาชีพทุกสายงาน มีคนประสบความสำเร็จและล้มเหลวเสมอ ไม่ว่าจะ ราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน ธุรกิจส่วนตัว ฯลฯ
ความคิดเห็นที่ 17
ส่วนตัวไม่ชอบฝากอนาคตไว้ที่ใคร ไม่ว่าจะตอนนี้หรือ รอเกษียณ ไม่ได้คิดว่าใครจะให้ความมั่งคงได้ เพราะเราคิดว่าความมั่นคงต้องสร้างด้วยตัวเอง
ไม่ชอบระบบราชการ เต่าล้านปี (เรามีอคติกับงานราชการ)
ไม่ชอบเงินน้อย
ไม่ชอบเช้าชามเย็นครึ่งชาม

ชอบความท้าทาย
ชอบผลตอบแทนสูง
ชอบความเป็นเหตุเป็นผล
ชอบระบบการใช้ความสามารถมากกว่าอายุ
ชอบการแสดงความคิดเห็นได้
ชอบอิสระทางความคิดและทำให้เกิดขึ้นได้
งานเอกชนจึงเหมาะกับเรามากกว่างานราชการ

เรื่องการวางแผนดำเนินชีวิตเพื่อชีวิตปกติหรือหลังเกษียณคงเป็นเรื่องแล้วแต่บุคคลว่ามีความต้องการแบบไหนและความสามารถในการจัดการแบบไหน โดยเราเองไม่ได้รู้สึกว่าต้องอดทนอยู่ในระบบที่ไม่ชอบเกือบทั้งชีวิตเพื่อให้มีเงินหลักหมื่นใช้หลังเกษียณ แล้วอาจจะมี 7 หลักให้กอดเบาๆเพื่อความอุ่นใจ(รึเปล่า) มันไม่ได้คุ้มกันกับความสุขในชีวิตที่ขาดหายไป รวมทั้งก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าเอกชนเรามีเป้าหมายและวางแผนเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว (การเงิน การการ สุขภาพ ความสุข passive income บริหารความเสี่ยง) เงินเก็บหลักหลายล้านก่อนเกษียณ ถ้ารู้จักวางแผนพัฒนาตัวเอง มีวินัยระดับนึง รู้จักตัวเองและเป้าหมาย พัฒนาตัวเองให้อยู่ในความต้องการของตลาดแรงงาน ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมของพนักงานเอกชนเลย

ทุกองค์กรมีคนเก่งและไม่เก่ง มันอยู่ที่ตัวเราเองว่าอยากเป็นคนไหนในองค์กรไหนมากกว่า
ความคิดเห็นที่ 59
เพราะ เหตุผลที่เจ้าของกระทู้ยกมานี่แหละครับ

เป็นตัวเพาะบ่มความเช้าชามเย็นชามของข้าราชการไทย

ทำงานยังไงก็ได้แค่ไม่โดนไล่ออกก็พอแก่ก็สบายแล้ว
ความคิดเห็นที่ 28
สมเป็นสังคมพันทิป เหมือนอยู่คนละโลก อ่านไปอ่านมาเริ่มเคลิ่มตามเหมือนเงินเดือนเอกชนประเทศไทยเฉลี่ยอยู่ที่หลักแสน

แต่ในความเป็นจริงกลุ่มเงินเดือนเอกชนหลักแสนมีไม่ถึง 1% เลยนะครับ

ส่วนตัวเท่าที่เห็นชีวิตราชการก็ตามที่คุณว่า ส่วนสายเอกชนมีส่วนน้อยที่รุ่ง ส่วนสายที่ไปไวสุดก็ราชการ + ธุรกิจส่วนตัว เพราะเข้าถึงแหล่งเงินกู้ง่ายดอกเบี้ยไม่แพง
ความคิดเห็นที่ 80
ขอแสดงความคิดเห็นจากคนรุ่นใหม่ ที่เข้ารับราชการนะครับ  ผมรับราชการ ตอนอายุ 23 ตอนนี้อายุ 26 อายุราชการก็เกือบจะ 3 ปีแล้วครับ

บรรจุด้วยวุฒิ ป.ตรี เงินเดือนเริ่มต้น 15,000 บาท ถ้าอยู่ต่างจังหวัดมีเงินประจำตำแหน่งให้อีก 5,000 บาทครับ(พึ่งได้) และเงินค่าเช่าบ้าน(หากหลวงไม่มีบ้านให้) เดือนละประมาณ 3000 - 4000 บาท แต่ตอนนี้ลาเรียน จึงไม่ได้ในส่วนนี้
สรุปคือมีเงินตอนนี้ประมาณ 16,000 บาท ต่อเดือน เงินเดือน 16k เมื่อเทียบเพื่อนๆที่จบมหาลัยเดียวกัน ถือว่าน้อยครับ (ผมจบ จุฬาฯ) แต่เหตุผลที่เลือกทำงานราชการ คือ

1. ผมมองว่าในอนาคตคนในระบบราชการยุคเก่า รุ่นพ่อแม่ กำลังจะเกษียณออกไป เนื่องจากสมัยนั้นเป็น ยุค baby boom และประมาณสิบปีข้างหน้า จะเกิดตำแหน่งว่าง ระดับสูง ในราชการมากขึ้น คือ จะมีโอกาสเติบโตได้ตั้งแต่อายุยังน้อย (ถ้ารัฐไม่ยืดอายุเกษียณราชการออกไป เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุนะครับ แต่ส่วนตัวคิดว่าถ้ายืดก็คง แค่ไม่กี่ปี และรัฐก็มีเป้าหมายจะลดกำลังคนในราชการลงอยู่แล้ว โดยเน้นเพิ่มพนักงานราชการแทน)
2. เงินเดือนข้าราชการแรกเข้า 15,000 ถือว่าน้อยมากหากทำงานที่ กทม แต่ถ้าอยู่ต่างจังหวัด ถือว่าเป็นฐานเงินเดือนที่สูง เพราะในต่างจังหวัด มักจะไม่มีงานเอกชนที่ให้ฐานเงินเดือนในระดับนี้ นอกจากจะมีสาขา ของบริษัทชั้นนำที่จังหวัดนั้น สรุปเงินเดือนเท่านี้ ที่จังหวัดทั่วไปก็พอใช้
3. เงินบำนาญและสวัสดิการ เป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจรับราชการ เพราะแทบจะไม่ต้องกังกลกับเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเลย และเงินบำนาญ สำหรับผมคือเคยอ่านงานชิ้นนึง เขาเสนอว่า หากทำงานเอกชน และเกษียณ ให้มีเงินเดือนมีมูลค่าเท่ากับ 15,000 บาทของปัจจุบัน ในอีก ประมาณ 30 ปีข้างหน้า ต้องมีเงินเก็บอย่างน้อย 10+ ล้านบาท(รวมค่ารักษาพยาบาล) ซึ่งราชการไม่ต้องกังวลส่วนนี้ และเงินบำนาญกว่าจะถึงตอนที่ผมเกษียณ ยังไงก็มีค่ามากกว่า 15,000 บาท อีกทั้งรัฐก็มีการปรับฐานเงินบำนาญเป็นประจำ และ งานราชการเป็นงานที่แทบจะไม่มีวันตกงาน ถ้าทำตัวถูกต้อง
4. ในระบบราชการ มีโอกาสหลายๆอย่างที่เราไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เก่งที่สุด แต่ถ้าเราเก่ง ก็ยิ่งทำให้มีโอกาสต่างๆมากขึ้นเพราะมีคู่แข่งน้อย เช่น การรับทุนการศึกษาในต่างประเทศ ทุนอบรม หรือการเป็นตัวแทนของประเทศในโอกาสต่างๆ
5. ครอบครัวผมรับราชการ เลยทำให้เห็นว่า ตอนแก่ ไม่น่าสบาย แต่อาจลำบากตอนเริ่มต้น โดยเงินเดือนตอนนี้ของพ่อแม่รวมกันน่าจะประมาณ 120 k ในต่างจังหวัดถือว่าเยอะพอสมควรครับ

ปล. ระบบราชการตอนนี้รู้สึกว่าเริ่มทำงานหนักมากขึ้น แต่สิ่งที่แก้ยังไม่ได้คือ ความวุ่นวาย มากเรื่อง ในเรื่องไร้สาระ เช่นงานเอกสาร และระบบไม่ค่อยพัฒนาคนเก่งเพราะต้องเชื่อฟังตามลำดับบังคับบัญชา ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่