สวัสดีครับ..วันนี้ผมได้มีโอกาสมาเขียนกระทู้หลังจากที่มีโอกาสไปเที่ยวโอซาก้ากับแฟน ในช่วงวันที่ 29 มีนาคม - 6 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา เลยอยากมาเเชร์ข้อมูลให้กับพี่ๆน้องๆ ที่อยากไปเที่ยวโอซาก้า หัวเรื่องตามนี้เลยครับ เที่ยวเเบบง่ายๆด้วยตัวเอง ไม่มีทัวร์ (หลงก็หลง 5555) จริงๆเเล้วก่อนหน้านี้ผมกับเเฟนก็มีประสบการณ์ไปเที่ยวที่โตเกียว ซึ่งตอนนั้นวางเเผนอย่างดี เพราะเป็นการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งเเรกก็เลยวางแผนว่าวันนั้นต้องไปที่นั่นที่นี่ เเต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามเเผมที่เราวางไว้สักเท่าไหร่ อิอิ เพราะเจริญหูเจริญตาไปหมด 55555 (ไม่ใช่อย่างว่านะครับ 55555 ) ผมกับแฟนก็เลยคุยกันว่าไปถึงที่นั่น อยากไปที่ไหนก็ไป ไม่ต้องระบุว่าวันนี้ไปนั่นไปนี่ ให้บรรยากาศพาไป เราเลือกขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ เพราะใกล้บ้านเรา ไปก็ง่าย กลับก็ง่าย
ด้วยความที่เราหาตั๋วที่บินตรงไม่ได้ (ที่จริง คือ ตั๋วแพง) เพราะไม่ตรงกับวันที่เราจะไป (วันลาพักร้อน 55555 ) เราก็เลยได้ตั๋วที่ต้องไปต่อเครื่อง เราได้ตั๋วของสายการบิน China Eastern ซึ่งต้องไปต่อเครื่องที่เซี่ยงไฮ้ (จีน) เราก็โอเค ถือว่าไปดูบรรยากาศสนามบินที่นั่นแล้วกัน
ตลอดการเดินทางไม่ต้องต้องห่วงครับ ว่าจะต้องซื้ออาหารและเครื่องดื่ม เพราะค่าอาหาร 2 มื้อ รวมอยู่ในค่าตั๋วเรียบร้อยแล้วครับ (น่ากินไหม 55555 ) หลังจากใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เราก็มาถึงเซี่ยงไฮ้ (สนามบินใหญ่มาก)
อลังการมาก!!!! มหานครเซี่ยงไฮ้ (เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้อยู่ไหน ผมอยากเจอ เห็นแต่ในทีวี 55555 ) หลังจากนั้นเราผ่านเข้า ต.ม. ที่สนามบิน แล้วก็ไปรอที่ Gate เราได้ Boarding Pass มา 2 ใบ ตั้งแต่ตอนที่เรา Check in ที่สุวรรณภูมิ เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องไปทำอะไรเลย เราก็แค่เดินไปรอที่ Gate
เราใช้เวลาต่อเครื่อง 2 ชั่งโมงกว่า ทำให้มีเวลาเหลือเราก็เดินชิวเล่นที่สนามบินนิดหน่อย เพราะขึ้นเครื่องอีกทีตอน 6 โมงเย็น (เวลาที่จีน) แถมยังมี Free Wifi ให้เล่น เพียงเเค่ Scan Boarding Pass ที่ตู้ Information ก็จะได้ Username และ Password
หลังจากนั้นก็ได้เวลาขึ้นเครื่องอีกครั้ง การขึ้นเครื่องก็จะคล้ายๆ กับบ้านเรา อาจจะเป็นเพราะว่าที่จอดเครื่องบินไม่พอ เลยต้องนั่งรถบัสไปยังเครื่องบิน ซึ่งตอนที่ลงรถบัสอากาศเย็นมาก ลมเเรงด้วย
หลังจากนั่งเครื่องได้ไม่นาน ก็มีอาหารมาให้อีกเเล้ว 55555 เราชอบอยู่เเล้วเราเป็นคนกินเยอะ ตอนเเรกผมนึกว่าจะไม่เเจกเราเพราะเค้าได้เเจกเราเเลัวตอนที่นั้งมาลงที่เซี่ยงไฮ้ แอร์ถามว่า จะเอาเนื้อหรือเอาปลาค่ะ ผมก็บอกไปอย่างไม่รีรอ ผมเอาปลาครับ (อร่อยจริงๆๆ)
หลังจากนั้นชั่วโมงกว่าๆ เราก็ถึงสนามบินนานาชาติคันไซ (ตื่นเต้นๆ และได้เวลาทะเลาะกับแฟนอีกแล้ว เพราะจะเถียงเรื่องการขึ้นรถไฟตลอด ไปเที่ยวต่างประเทศทุกครั้งจะเถียงกันตลอด )
หลังจากนั้นเราก็ไปรอรับกระเป๋า และก็ลุ้นว่ากระเป๋าจะมาไหม 55555 เพราะมันมีการเปลี่ยนเครื่อง ซึ่งเราเองก็อดคิดไม่ได้ เเละอีกอย่างเคยได้ยินหลายครั้งจากเพื่อนๆ ว่ากระเป๋ายังไม่มาต้องรออีกวัน 55555 สุดท้ายกระเป๋าเราก็มาเป็นใบแรกๆเลย จากนั้นก็ไปชื้อตั๋วรถไฟเข้าเมือง เราเลือกชื้อตั๋วของรถไฟ JR Line เพราะง่ายดี
ผมก็ได้เเต่จ้องจอทีวีที่อยู่บนรถไฟ ว่าจะถึงเราเมื่อไหร่ (ไม่ใช่หรอกกลัวหลง) เพราะรถไฟสายเดียวกันอาจจะไม่วิ่งไปที่สถานนีที่เราต้องการไป
แล้วเราก็มาลงที่สถานี Tenoji และต่อไปอีกขบวน (JR Line เหมือนกัน) ไปลงที่สถานนี Shin - imamiya
และหน้าที่หนึ่งของผมที่ขาดไม่ได้ เวลามาเที่ยวด้วยกันกับแฟน คือ เด็กยกกระเป๋า 55555 พอออกจากสถานีเราก็เดินหาโรงเเรมที่เราได้จองเอาไว้ ใช้เวลาหาอยู่ประมาณ 10 นาทีก็เจอ (โอ้ยโล่งๆๆๆๆๆๆๆๆ มีที่นอนเเล้ว)
แต่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! Check In โรงเเรมไม่ได้ เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ที่ Counter 555555 เค้ากลับบ้านไปเเล้ว เค้าอยู่ถึงเเค่เที่ยงคืน (ตายกูนอนไหนล่ะทีนี้ ) ขนาดแฟนเราส่ง Email ล่วงหน้ามาแจ้งแล้วว่า เราจะมาช้า 1 ชั่วโมง (หรือว่าเขาไม่อ่าน Email ) เราก็มองไปที่โต๊ะเห็นกระดาษวางไว้มีข้อความว่า....................
ด้วยความโชคดีของเราโรงเเรมที่เราจอง Lobby ใหญ่และมีโซฟาหลายตัวพอให้เรานอนได้ในคืนนี้ เราก็ใช้ที่ Lobby นี่เเหล่ะเป็นที่นอนสุดหรูของเราในคืนนี้
ด้วยความโชคดีอีกครั้งที่มีคนไทย มาพักที่โรงเเรมนี้ด้วย เพราะน้องเค้ามาช้าเหมือนเรา เราก็เลยมีเพื่อนนอน เเละรอให้เช้าเพื่อรอเจ้าหน้าที่ด้วยกัน เราก็เลยหลับสบายตาม รูปเลย 555555 พอตอน 7 โมงเช้า เจ้าหน้าที่เขาก็มาเเล้วเราก็ Check in
พอเรา Check in เสร็จ ก็อาบน้ำแล้วไปเที่ยวต่อเลย ฟิตไหมล่ะ ซึ่งเราจะไปเที่ยวที่ไหนนั้น สามารถติดตามเราได้นะครับ และอีก 8 วันที่เหลือเราจะไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง เจอกันในวันที่ 2,3,4,...,9 ของ Osaka,Nara,Kyoto,Kobe Trip นะครับ เดี๋ยวจะมาเขียนให้อ่านต่อนะครับ (เราจะมีดอกซากูระสวยๆให้ดูกันด้วยครับ)
'' ไปเที่ยวโอซาก้าแบบมั่วๆ '' Day 1 (ไปโอซาก้ากัน) (Osaka,Nara,Kyoto,Kobe Trip)
ด้วยความที่เราหาตั๋วที่บินตรงไม่ได้ (ที่จริง คือ ตั๋วแพง) เพราะไม่ตรงกับวันที่เราจะไป (วันลาพักร้อน 55555 ) เราก็เลยได้ตั๋วที่ต้องไปต่อเครื่อง เราได้ตั๋วของสายการบิน China Eastern ซึ่งต้องไปต่อเครื่องที่เซี่ยงไฮ้ (จีน) เราก็โอเค ถือว่าไปดูบรรยากาศสนามบินที่นั่นแล้วกัน
ตลอดการเดินทางไม่ต้องต้องห่วงครับ ว่าจะต้องซื้ออาหารและเครื่องดื่ม เพราะค่าอาหาร 2 มื้อ รวมอยู่ในค่าตั๋วเรียบร้อยแล้วครับ (น่ากินไหม 55555 ) หลังจากใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เราก็มาถึงเซี่ยงไฮ้ (สนามบินใหญ่มาก)
อลังการมาก!!!! มหานครเซี่ยงไฮ้ (เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้อยู่ไหน ผมอยากเจอ เห็นแต่ในทีวี 55555 ) หลังจากนั้นเราผ่านเข้า ต.ม. ที่สนามบิน แล้วก็ไปรอที่ Gate เราได้ Boarding Pass มา 2 ใบ ตั้งแต่ตอนที่เรา Check in ที่สุวรรณภูมิ เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องไปทำอะไรเลย เราก็แค่เดินไปรอที่ Gate
เราใช้เวลาต่อเครื่อง 2 ชั่งโมงกว่า ทำให้มีเวลาเหลือเราก็เดินชิวเล่นที่สนามบินนิดหน่อย เพราะขึ้นเครื่องอีกทีตอน 6 โมงเย็น (เวลาที่จีน) แถมยังมี Free Wifi ให้เล่น เพียงเเค่ Scan Boarding Pass ที่ตู้ Information ก็จะได้ Username และ Password
หลังจากนั้นก็ได้เวลาขึ้นเครื่องอีกครั้ง การขึ้นเครื่องก็จะคล้ายๆ กับบ้านเรา อาจจะเป็นเพราะว่าที่จอดเครื่องบินไม่พอ เลยต้องนั่งรถบัสไปยังเครื่องบิน ซึ่งตอนที่ลงรถบัสอากาศเย็นมาก ลมเเรงด้วย
หลังจากนั่งเครื่องได้ไม่นาน ก็มีอาหารมาให้อีกเเล้ว 55555 เราชอบอยู่เเล้วเราเป็นคนกินเยอะ ตอนเเรกผมนึกว่าจะไม่เเจกเราเพราะเค้าได้เเจกเราเเลัวตอนที่นั้งมาลงที่เซี่ยงไฮ้ แอร์ถามว่า จะเอาเนื้อหรือเอาปลาค่ะ ผมก็บอกไปอย่างไม่รีรอ ผมเอาปลาครับ (อร่อยจริงๆๆ)
หลังจากนั้นชั่วโมงกว่าๆ เราก็ถึงสนามบินนานาชาติคันไซ (ตื่นเต้นๆ และได้เวลาทะเลาะกับแฟนอีกแล้ว เพราะจะเถียงเรื่องการขึ้นรถไฟตลอด ไปเที่ยวต่างประเทศทุกครั้งจะเถียงกันตลอด )
หลังจากนั้นเราก็ไปรอรับกระเป๋า และก็ลุ้นว่ากระเป๋าจะมาไหม 55555 เพราะมันมีการเปลี่ยนเครื่อง ซึ่งเราเองก็อดคิดไม่ได้ เเละอีกอย่างเคยได้ยินหลายครั้งจากเพื่อนๆ ว่ากระเป๋ายังไม่มาต้องรออีกวัน 55555 สุดท้ายกระเป๋าเราก็มาเป็นใบแรกๆเลย จากนั้นก็ไปชื้อตั๋วรถไฟเข้าเมือง เราเลือกชื้อตั๋วของรถไฟ JR Line เพราะง่ายดี
ผมก็ได้เเต่จ้องจอทีวีที่อยู่บนรถไฟ ว่าจะถึงเราเมื่อไหร่ (ไม่ใช่หรอกกลัวหลง) เพราะรถไฟสายเดียวกันอาจจะไม่วิ่งไปที่สถานนีที่เราต้องการไป
แล้วเราก็มาลงที่สถานี Tenoji และต่อไปอีกขบวน (JR Line เหมือนกัน) ไปลงที่สถานนี Shin - imamiya
และหน้าที่หนึ่งของผมที่ขาดไม่ได้ เวลามาเที่ยวด้วยกันกับแฟน คือ เด็กยกกระเป๋า 55555 พอออกจากสถานีเราก็เดินหาโรงเเรมที่เราได้จองเอาไว้ ใช้เวลาหาอยู่ประมาณ 10 นาทีก็เจอ (โอ้ยโล่งๆๆๆๆๆๆๆๆ มีที่นอนเเล้ว)
แต่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! Check In โรงเเรมไม่ได้ เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ที่ Counter 555555 เค้ากลับบ้านไปเเล้ว เค้าอยู่ถึงเเค่เที่ยงคืน (ตายกูนอนไหนล่ะทีนี้ ) ขนาดแฟนเราส่ง Email ล่วงหน้ามาแจ้งแล้วว่า เราจะมาช้า 1 ชั่วโมง (หรือว่าเขาไม่อ่าน Email ) เราก็มองไปที่โต๊ะเห็นกระดาษวางไว้มีข้อความว่า....................
ด้วยความโชคดีของเราโรงเเรมที่เราจอง Lobby ใหญ่และมีโซฟาหลายตัวพอให้เรานอนได้ในคืนนี้ เราก็ใช้ที่ Lobby นี่เเหล่ะเป็นที่นอนสุดหรูของเราในคืนนี้
ด้วยความโชคดีอีกครั้งที่มีคนไทย มาพักที่โรงเเรมนี้ด้วย เพราะน้องเค้ามาช้าเหมือนเรา เราก็เลยมีเพื่อนนอน เเละรอให้เช้าเพื่อรอเจ้าหน้าที่ด้วยกัน เราก็เลยหลับสบายตาม รูปเลย 555555 พอตอน 7 โมงเช้า เจ้าหน้าที่เขาก็มาเเล้วเราก็ Check in
พอเรา Check in เสร็จ ก็อาบน้ำแล้วไปเที่ยวต่อเลย ฟิตไหมล่ะ ซึ่งเราจะไปเที่ยวที่ไหนนั้น สามารถติดตามเราได้นะครับ และอีก 8 วันที่เหลือเราจะไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง เจอกันในวันที่ 2,3,4,...,9 ของ Osaka,Nara,Kyoto,Kobe Trip นะครับ เดี๋ยวจะมาเขียนให้อ่านต่อนะครับ (เราจะมีดอกซากูระสวยๆให้ดูกันด้วยครับ)