ตอนนี้มีเวลาว่างแล้ว ก็ขอเล่าประสบการณ์ที่สามีทำกระเป๋าสตางค์หล่นไว้บนรถแท๊กซี่ให้ฟังนะคะ เผื่อคนที่ประสบเหตุการแบบนี้จะตามกระเป๋าสตางค์ของตัวเองเจอ....
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมานี่ค่ะ ขณะที่เรานั่งรถแท๊กซี่กลับจากถนนข้าวสารตอนประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง มาถึงที่คอนโดตอนประมาณ 5 ทุ่มค่ะ ตอนนั้นทุกอย่างเป็นปกติทุกอย่าง สามียังไม่รู้ตัวว่าลืมกระเป๋าสตางค์หล่นไว้ในแท๊กซี่...
จนมาเมื่อตอน 11.30 น ของวันที่ 4 เมษายน ในขณะที่เราทำงานอยู่ที่ออฟฟิต เจมี่ก็ติดต่อมาหา บอกว่าหากระเป๋าสตางค์ไม่เจอ พยายามค้นทั่วห้อง ในกระเป๋าเป้และเสื้อผ้าก็ไม่เจอกระเป๋าสตางค์ เราพยายามให้สามีลำดับเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนว่าเขาจับกระเป๋าตังค์ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เราช่วยกันคิดก็ได้คำตอบว่า ครั้งสุดท้ายที่สามีจับกระเป๋าสตางค์คือตอนที่ฮีหยิบแบงค์ 20 ออกมาจ่ายค่าทางด่วน ซึ่งนั่นหมายถึงว่ากระเป๋าสตางค์อาจตกในรถ หรือทางเดินแถวๆคอนโด...
12.00 น. เราขออนุญาติเจ้านายออกไปหากระเป๋าสตางค์ที่คอนโด เพราะตอนนั้นคือจิตใจเราอยู่ไม่เป็นสุขมากๆ
เราติดต่อนิติที่คอนโดเพื่อขอเปิดกล้องวงจรปิด นัดเวลากับช่างได้ตอนบ่ายโมง พอเราถึงคอนโดแล้วสิ่งแรกที่ทำคือวิ่งไปที่ป้อมยามแล้วถามว่า มีใครเอากระเป๋าสตางค์มาฝากบ้างมั้ย รปภ. บอกว่า ไม่มีใครเอาของอะไรมาฝากไว้ แต่เมื่อคืน รปภ. ได้จดบันทึกเลขทะเบียนรถ สี ยี่ห้อ และเวลาของรถทุกคันที่เข้าออก (ยกเว้นรถของผู้พักในคอนโด) ในบันทึกที่ยามจดไว้มีรถแท๊กซี่สองคันที่เข้ามาเวลาใกล้เคียงกัน คือคันสีเขียวเหลือง เข้ามาตอน 5 ทุ่ม และ คันสีชมพูเข้ามาตอน 5 ทุ่ม 5 นาที....เอาจริงๆ เราไม่กล้าฟันธงว่าแท๊กซี่ที่เรานั่งมาเมื่อคืนสีอะไร เพราะเมื่อคืนเกิดเหตุเรากับสามีจัดโมฮีโต้ไปสองถังที่ข้าวสาร แต่เราคุ้นๆ ว่าน่าจะเป็นสีชมพู และเป็นรถแท๊กซี่รุ่นใหม่ที่มีไฟคำว่า "ว่าง" เป็นสีเขียว และมีสติ๊กเกอร์ Grab Taxi ติดอยู่...
หลังจากที่เราคุยกับยามเสร็จ เราก็เดินดูตามทางที่คอนโด ตามซอกมุมต่างๆ เผื่อว่าจะโชคดีเจอกระเป๋าสตางค์ตกอยู่ แต่ก็ไม่เจออะไร...
เรากลับมาถึงห้อง สามีนั่งหน้าเจื่อนอยู่เลย สงสารนาง พึ่งไปกดเงินออกมาเมื่อคืนนี้ยังไม่ได้ใช้เลย ไหนจะบัตรเครดิตอีกอะไรอีก อีกอย่างกระเป๋าสตางค์เราซื้อให้วันเกิดด้วย....เอาหน่ะ เราต้องสู้สักครั้งถึงแม้โอกาสได้คืนจะลิปหลี่ แต่ก็ไม่ถึงกับสิ้นหวัง...เราพยายามลื้อห้องอีกครั้งเพื่อความชัวร์ แต่ก็หาไม่เจอ...กระเป๋าสตางค์ต้องตกบนแท๊กซี่แน่ๆ...
13.00 น. เราลงมาหาช่างที่คอนโดเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด สรุปคือรถคันที่เรานั่งมาคือสีชมพูจริงๆ แต่กล้องวงจรปิดที่คอนโดห่วยมาก มองเลขทะเบียนรถไม่เห็นเลย อารมณ์เหมือนใช้กล้องมือถือสมัยที่โนเกียพึ่งออกมือถือถ่ายรูปได้รุ่นแรกๆ แต่อย่างน้อยๆ เราก็รู้ว่าแท๊กซี่สีอะไร ทะเบียนรถอะไร (ยังไม่แน่ใจ 100 เปอร์เซนต์เพราะตอนที่กลับมาเห็นยามเล่นมือถืออยู่)....
เราเริ่มวางแผนการตามหากระเป๋าสตางค์อย่างจริงจังโดยเริ่มจากโทรหา Grab call center 02-0212500 เพราะเราคิดว่าทางแกร๊บอาจให้เบอร์คนขับรถกับเราได้ เขาน่าเอาเลขทะเบียนรถที่เขามีไปลิ้งค์กับฐานข้อมูลของเขาได้ แต่ทางแกร๊บบอกว่า เขาไม่สามารถช่วยเราได้เนื่องจากเราไม่ได้จองรถผ่านแอ๊ปของเขา ถึงแม้ว่ารถจะมีสัญลักษณ์ของแกร๊บแท๊กซี่ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าคนขับคือคนที่ลงทะเบียนไว้กับแกร๊บเนื่องจากรถยนต์หนึ่งคันอาจมีคนขับหลายคน แล้วแต่อู่รถ แก๊บแท๊กซี่แนะนำให้เราโทรไปหา จส100 สวพ FM 91 และสหกรณ์แท๊กซี่ เพื่อให้เขาช่วยประกาศ
เราจึงโทรไปหา จส 100 เป็นอันดับแรก โทรไปที่เบอร์ 1137 และโทรไปที่ สวพ FM 91 ที่เบอร์ 1644 ทั้งสองที่ให้บริการเราดีมาก พูดจาดีมาก และให้กำลังใจเราในการตามหาของ ที่สวพ FM 91 ยังแนะนำให้เราโทรหา Taxi-Radio 1681 เพื่อให้เขาช่วยตามหาอีกแรง...
เราโทรไป Taxi-Radio โดยบอกรายละเอียดทุกอย่างที่เราทราบกับเขา แต่คำตอบที่ได้คือ แท๊กซี่คันนี้ไม่ได้อยู่ในสมาคมของเขาซึ่งเขาไม่สามารถช่วยเราตามหาได้...
เอาจริงๆ ตอนนั้นเราเริ่มท้อแล้ว เรารู้ว่าโอกาสที่เราจะได้กระเป๋าสตางค์คืนคงไม่มี อย่าได้หวังถึงเงินในกระเป๋าเลย...
เรานั่งรถกลับมาทำงานต่อ ระหว่างทางเราก็คิดมาตลอดว่า เรากับสามีเป็นคนดี ไม่เคยเบียดเบียนคนอื่น ไม่เคยเอาของๆ คนอื่นมาเป็นของตัวเอง ความดีที่เราสองคนเคยสร้างไว้ขอให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นกับเราด้วยเถิด...
เรากลับมานั่งที่ออฟฟิต ลองคิดไปคิดมาอีกครั้ง คิดถึงคำที่สมาคมแท๊กซี่พูดว่าแท็กซี่คันที่เรานั่งมาไม่ใช่ของสมาคม บวกกับเราตั้งสมมุติฐานว่าแท๊กซี่ที่สีต่างกันต้องมาจากสหกรณ์ที่ต่างกัน เราเลยเริ่มต้นค้นหาข้อมูลอีกครั้ง สรุปเราได้ข้อมูลว่า แท๊กซี่สีชมพูส่วนใหญ่เป็นของสหกรณ์ๆหนึ่งแถวๆ รามอินทราเราจึงโทรไปหา สรุปว่า แท๊กซี่ที่เรานั่งมาก็ยังไม่ใช่ของสหกรณ์นี้ ทางสหกรณ์แนะนำให้เราโทรไปหากรมขนส่งซึ่งเขาจะต้องมีข้อมูลของรถยนต์สาธารณะทุกคันที่วิ่งบนท้องถนน...
เราโทรหากรมการขนส่งทางบกที่เบอร์ 1584 โดยแจ้งเรื่องกระเป๋าสตางค์หายและบอกเลขที่ทะเบียนรถแท๊กซี่กับทางกรม สักพักก็ได้ข้อมูลอู่แท๊กซี่และเบอร์โทรของอู่ (เริ่มมีความหวังมากขึ้น)
เรารีบโทรไปหาอู่แท๊กซี่ ซึ่งพออู่ได้รับทราบข้อมูลแล้วก็บอกว่าจะช่วยประสารงานให้ แต่ก็ไม่ได้รับรองว่าจะเจอมั้ย...เรารู้สึกเบาขึ้น อย่างน้อยๆ เราก็ได้พยายามเต็มที่แล้ว ต่อไปคงต้องดวงล้วนๆ...
ผ่านไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ ได้ หลังจากที่เราวางสายจากอู่ไป อยู่ดีๆ ก็มีเบอร์แปลกโทรมา เรารีบรับสาย...
คนขับรถแท๊กซี่โทรมาจ้าาาาาาา....โอ้ยยยย หัวใจเราเต้นแรง เหมือนตอนนั่งลุ้นหวยเลขท้าย 3 ตัว
คนขับรถบอกว่า กระเป๋าสตางค์เป็นสีดำๆ ใช่มั้ย เราก็บอกว่า ใช่ๆเป็นสีดำ ข้างในมีเงินปอนด์กับเงินไทยอยู่ประมาณ 4000 กว่าบาท เขาก็บอกว่า เขาไม่ได้เปิดดูว่ามีเงินอะไรมั้ย เขาไม่รู้ว่าอยู่ครบหรือปล่าว เพราะผู้โดยสารคนที่นึ้นมานั่งต่อจากเราเขาหยิบขึ้นมาเปิดดูแล้วหัวเราะคิ๊กๆคั๊กๆ เขาเลยรู้สึกว่าต้องไม่ใช่กระเป๋าสตางค์ของผู้สายสารคนนั้นแน่ๆ ก็เลยถาม และหยิบมาดู คนขับรถเห็นใบขับขี่ของเจมี่ในกระเป๋าสตางค์ก็เลยจำได้ว่าเป็นของผู้โดยสารคนก่อน จึงเก็บไว้ให้...
เรานัดรับกระเป๋าเงินกับคนขับแท็กซี่ที่อู่ของเขา อยู่แถวๆบางปะแก้วตอน 6 โมงเย็น หลังจากที่วางสายจากพี่แท็กซี่เรารีบโทรไปหาสามีว่าเจอกระเป๋าสตางค์แล้วนัดรับตอน 6 โมงเย็น สามีตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเจอ เราเองก็ไม่คิดว่าจะได้เจอแท๊กซี่ดีๆแบบนี้ มันคือโชคล้วนๆ...
เราไปรับกระเป๋าสตางค์ที่อู่ และรับกระเป๋าสตางค์คืนในนั้นมีเงินอยู่ครบ ไม่มีบัตรใบไหนหายไป เรากับสามีดีใจมาก เหมือนน้ำตาแห่งความสุขมันไหลออกมา เราขอบคุณทุกคน ขอบคุณเจ้าของอู่ที่ช่วยเหลือโทรไปหาพี่แท๊กซี่ และขอบคุณพี่แท็กซี่ที่เก็บกระเป๋าเงินไว้ให้ เรามอบเงินให้เขาตอบแทนความดีนิดหน่อย และเราก็ขอให้ความดีของเขาที่ทำในครั้งนี้ส่งผลให้เขาเจริญ ร่ำรวย ขอให้เขามีความสุข....
เราขอสรุปง่ายๆ ณ จุดนี้นะคะว่า ถ้าลืมของไว้ในแท็กซี่ควรทำอย่างไร
1. ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเวลาขึ้นแท็กซี่ให้จำทะเบียบรถ สีรถไว้ หรือไม่ก็ถ่ายรูปป้ายของคนขับไว้ เผื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจะได้แก้ไขทัน
2. พยายามนึกให้ออกว่าครั้งสุดท้ายที่หยิบของชิ้นนั้นขึ้นมาดูคือเมื่อไหร่ (บางทีอาจลืมไว้ในบ้านก็ได้)
3. ถ้ารู้ว่าลืมของแล้วจริงๆ ให้รีบไปแจ้งความ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเป๋าสตางค์
4. ถ้าเป็นพวกบัตรเครดิตบัตรเอทีเอ็มให้รีบอายัดบัตรเลยค่ะ
5. หากเป็นการเรียกแท๊กซี่จาก apps ต่างๆ เช่น Grab, Taxi OK ให้ติดต่อไปหาที่เบอร์ Call Center ของเขา
6. โทรหา จส. 100 ให้ช่วยประกาศที่เบอร์ 1137
7. โทรหา สวพ FM 91 ให้ช่วยประกาศที่เบอร์ 1644
8. โทรหากรมขนส่งทางบกที่เบอร์ 1584 กรมขนส่งจะให้เบอร์ของอู่รถเพื่อให้เราไปติดต่อหาคนขับแท็กซี่อีกทีค่ะ
ขอให้หาของเจอนะคะ
วิธีการตามของหายใน Taxi (ใช้วิธีนี้อาจช่วยได้)
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมานี่ค่ะ ขณะที่เรานั่งรถแท๊กซี่กลับจากถนนข้าวสารตอนประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง มาถึงที่คอนโดตอนประมาณ 5 ทุ่มค่ะ ตอนนั้นทุกอย่างเป็นปกติทุกอย่าง สามียังไม่รู้ตัวว่าลืมกระเป๋าสตางค์หล่นไว้ในแท๊กซี่...
จนมาเมื่อตอน 11.30 น ของวันที่ 4 เมษายน ในขณะที่เราทำงานอยู่ที่ออฟฟิต เจมี่ก็ติดต่อมาหา บอกว่าหากระเป๋าสตางค์ไม่เจอ พยายามค้นทั่วห้อง ในกระเป๋าเป้และเสื้อผ้าก็ไม่เจอกระเป๋าสตางค์ เราพยายามให้สามีลำดับเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนว่าเขาจับกระเป๋าตังค์ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เราช่วยกันคิดก็ได้คำตอบว่า ครั้งสุดท้ายที่สามีจับกระเป๋าสตางค์คือตอนที่ฮีหยิบแบงค์ 20 ออกมาจ่ายค่าทางด่วน ซึ่งนั่นหมายถึงว่ากระเป๋าสตางค์อาจตกในรถ หรือทางเดินแถวๆคอนโด...
12.00 น. เราขออนุญาติเจ้านายออกไปหากระเป๋าสตางค์ที่คอนโด เพราะตอนนั้นคือจิตใจเราอยู่ไม่เป็นสุขมากๆ เราติดต่อนิติที่คอนโดเพื่อขอเปิดกล้องวงจรปิด นัดเวลากับช่างได้ตอนบ่ายโมง พอเราถึงคอนโดแล้วสิ่งแรกที่ทำคือวิ่งไปที่ป้อมยามแล้วถามว่า มีใครเอากระเป๋าสตางค์มาฝากบ้างมั้ย รปภ. บอกว่า ไม่มีใครเอาของอะไรมาฝากไว้ แต่เมื่อคืน รปภ. ได้จดบันทึกเลขทะเบียนรถ สี ยี่ห้อ และเวลาของรถทุกคันที่เข้าออก (ยกเว้นรถของผู้พักในคอนโด) ในบันทึกที่ยามจดไว้มีรถแท๊กซี่สองคันที่เข้ามาเวลาใกล้เคียงกัน คือคันสีเขียวเหลือง เข้ามาตอน 5 ทุ่ม และ คันสีชมพูเข้ามาตอน 5 ทุ่ม 5 นาที....เอาจริงๆ เราไม่กล้าฟันธงว่าแท๊กซี่ที่เรานั่งมาเมื่อคืนสีอะไร เพราะเมื่อคืนเกิดเหตุเรากับสามีจัดโมฮีโต้ไปสองถังที่ข้าวสาร แต่เราคุ้นๆ ว่าน่าจะเป็นสีชมพู และเป็นรถแท๊กซี่รุ่นใหม่ที่มีไฟคำว่า "ว่าง" เป็นสีเขียว และมีสติ๊กเกอร์ Grab Taxi ติดอยู่...
หลังจากที่เราคุยกับยามเสร็จ เราก็เดินดูตามทางที่คอนโด ตามซอกมุมต่างๆ เผื่อว่าจะโชคดีเจอกระเป๋าสตางค์ตกอยู่ แต่ก็ไม่เจออะไร...
เรากลับมาถึงห้อง สามีนั่งหน้าเจื่อนอยู่เลย สงสารนาง พึ่งไปกดเงินออกมาเมื่อคืนนี้ยังไม่ได้ใช้เลย ไหนจะบัตรเครดิตอีกอะไรอีก อีกอย่างกระเป๋าสตางค์เราซื้อให้วันเกิดด้วย....เอาหน่ะ เราต้องสู้สักครั้งถึงแม้โอกาสได้คืนจะลิปหลี่ แต่ก็ไม่ถึงกับสิ้นหวัง...เราพยายามลื้อห้องอีกครั้งเพื่อความชัวร์ แต่ก็หาไม่เจอ...กระเป๋าสตางค์ต้องตกบนแท๊กซี่แน่ๆ...
13.00 น. เราลงมาหาช่างที่คอนโดเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด สรุปคือรถคันที่เรานั่งมาคือสีชมพูจริงๆ แต่กล้องวงจรปิดที่คอนโดห่วยมาก มองเลขทะเบียนรถไม่เห็นเลย อารมณ์เหมือนใช้กล้องมือถือสมัยที่โนเกียพึ่งออกมือถือถ่ายรูปได้รุ่นแรกๆ แต่อย่างน้อยๆ เราก็รู้ว่าแท๊กซี่สีอะไร ทะเบียนรถอะไร (ยังไม่แน่ใจ 100 เปอร์เซนต์เพราะตอนที่กลับมาเห็นยามเล่นมือถืออยู่)....
เราเริ่มวางแผนการตามหากระเป๋าสตางค์อย่างจริงจังโดยเริ่มจากโทรหา Grab call center 02-0212500 เพราะเราคิดว่าทางแกร๊บอาจให้เบอร์คนขับรถกับเราได้ เขาน่าเอาเลขทะเบียนรถที่เขามีไปลิ้งค์กับฐานข้อมูลของเขาได้ แต่ทางแกร๊บบอกว่า เขาไม่สามารถช่วยเราได้เนื่องจากเราไม่ได้จองรถผ่านแอ๊ปของเขา ถึงแม้ว่ารถจะมีสัญลักษณ์ของแกร๊บแท๊กซี่ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าคนขับคือคนที่ลงทะเบียนไว้กับแกร๊บเนื่องจากรถยนต์หนึ่งคันอาจมีคนขับหลายคน แล้วแต่อู่รถ แก๊บแท๊กซี่แนะนำให้เราโทรไปหา จส100 สวพ FM 91 และสหกรณ์แท๊กซี่ เพื่อให้เขาช่วยประกาศ
เราจึงโทรไปหา จส 100 เป็นอันดับแรก โทรไปที่เบอร์ 1137 และโทรไปที่ สวพ FM 91 ที่เบอร์ 1644 ทั้งสองที่ให้บริการเราดีมาก พูดจาดีมาก และให้กำลังใจเราในการตามหาของ ที่สวพ FM 91 ยังแนะนำให้เราโทรหา Taxi-Radio 1681 เพื่อให้เขาช่วยตามหาอีกแรง...
เราโทรไป Taxi-Radio โดยบอกรายละเอียดทุกอย่างที่เราทราบกับเขา แต่คำตอบที่ได้คือ แท๊กซี่คันนี้ไม่ได้อยู่ในสมาคมของเขาซึ่งเขาไม่สามารถช่วยเราตามหาได้...
เอาจริงๆ ตอนนั้นเราเริ่มท้อแล้ว เรารู้ว่าโอกาสที่เราจะได้กระเป๋าสตางค์คืนคงไม่มี อย่าได้หวังถึงเงินในกระเป๋าเลย...
เรานั่งรถกลับมาทำงานต่อ ระหว่างทางเราก็คิดมาตลอดว่า เรากับสามีเป็นคนดี ไม่เคยเบียดเบียนคนอื่น ไม่เคยเอาของๆ คนอื่นมาเป็นของตัวเอง ความดีที่เราสองคนเคยสร้างไว้ขอให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นกับเราด้วยเถิด...
เรากลับมานั่งที่ออฟฟิต ลองคิดไปคิดมาอีกครั้ง คิดถึงคำที่สมาคมแท๊กซี่พูดว่าแท็กซี่คันที่เรานั่งมาไม่ใช่ของสมาคม บวกกับเราตั้งสมมุติฐานว่าแท๊กซี่ที่สีต่างกันต้องมาจากสหกรณ์ที่ต่างกัน เราเลยเริ่มต้นค้นหาข้อมูลอีกครั้ง สรุปเราได้ข้อมูลว่า แท๊กซี่สีชมพูส่วนใหญ่เป็นของสหกรณ์ๆหนึ่งแถวๆ รามอินทราเราจึงโทรไปหา สรุปว่า แท๊กซี่ที่เรานั่งมาก็ยังไม่ใช่ของสหกรณ์นี้ ทางสหกรณ์แนะนำให้เราโทรไปหากรมขนส่งซึ่งเขาจะต้องมีข้อมูลของรถยนต์สาธารณะทุกคันที่วิ่งบนท้องถนน...
เราโทรหากรมการขนส่งทางบกที่เบอร์ 1584 โดยแจ้งเรื่องกระเป๋าสตางค์หายและบอกเลขที่ทะเบียนรถแท๊กซี่กับทางกรม สักพักก็ได้ข้อมูลอู่แท๊กซี่และเบอร์โทรของอู่ (เริ่มมีความหวังมากขึ้น)
เรารีบโทรไปหาอู่แท๊กซี่ ซึ่งพออู่ได้รับทราบข้อมูลแล้วก็บอกว่าจะช่วยประสารงานให้ แต่ก็ไม่ได้รับรองว่าจะเจอมั้ย...เรารู้สึกเบาขึ้น อย่างน้อยๆ เราก็ได้พยายามเต็มที่แล้ว ต่อไปคงต้องดวงล้วนๆ...
ผ่านไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ ได้ หลังจากที่เราวางสายจากอู่ไป อยู่ดีๆ ก็มีเบอร์แปลกโทรมา เรารีบรับสาย...
คนขับรถแท๊กซี่โทรมาจ้าาาาาาา....โอ้ยยยย หัวใจเราเต้นแรง เหมือนตอนนั่งลุ้นหวยเลขท้าย 3 ตัว
คนขับรถบอกว่า กระเป๋าสตางค์เป็นสีดำๆ ใช่มั้ย เราก็บอกว่า ใช่ๆเป็นสีดำ ข้างในมีเงินปอนด์กับเงินไทยอยู่ประมาณ 4000 กว่าบาท เขาก็บอกว่า เขาไม่ได้เปิดดูว่ามีเงินอะไรมั้ย เขาไม่รู้ว่าอยู่ครบหรือปล่าว เพราะผู้โดยสารคนที่นึ้นมานั่งต่อจากเราเขาหยิบขึ้นมาเปิดดูแล้วหัวเราะคิ๊กๆคั๊กๆ เขาเลยรู้สึกว่าต้องไม่ใช่กระเป๋าสตางค์ของผู้สายสารคนนั้นแน่ๆ ก็เลยถาม และหยิบมาดู คนขับรถเห็นใบขับขี่ของเจมี่ในกระเป๋าสตางค์ก็เลยจำได้ว่าเป็นของผู้โดยสารคนก่อน จึงเก็บไว้ให้...
เรานัดรับกระเป๋าเงินกับคนขับแท็กซี่ที่อู่ของเขา อยู่แถวๆบางปะแก้วตอน 6 โมงเย็น หลังจากที่วางสายจากพี่แท็กซี่เรารีบโทรไปหาสามีว่าเจอกระเป๋าสตางค์แล้วนัดรับตอน 6 โมงเย็น สามีตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเจอ เราเองก็ไม่คิดว่าจะได้เจอแท๊กซี่ดีๆแบบนี้ มันคือโชคล้วนๆ...
เราไปรับกระเป๋าสตางค์ที่อู่ และรับกระเป๋าสตางค์คืนในนั้นมีเงินอยู่ครบ ไม่มีบัตรใบไหนหายไป เรากับสามีดีใจมาก เหมือนน้ำตาแห่งความสุขมันไหลออกมา เราขอบคุณทุกคน ขอบคุณเจ้าของอู่ที่ช่วยเหลือโทรไปหาพี่แท๊กซี่ และขอบคุณพี่แท็กซี่ที่เก็บกระเป๋าเงินไว้ให้ เรามอบเงินให้เขาตอบแทนความดีนิดหน่อย และเราก็ขอให้ความดีของเขาที่ทำในครั้งนี้ส่งผลให้เขาเจริญ ร่ำรวย ขอให้เขามีความสุข....
เราขอสรุปง่ายๆ ณ จุดนี้นะคะว่า ถ้าลืมของไว้ในแท็กซี่ควรทำอย่างไร
1. ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเวลาขึ้นแท็กซี่ให้จำทะเบียบรถ สีรถไว้ หรือไม่ก็ถ่ายรูปป้ายของคนขับไว้ เผื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจะได้แก้ไขทัน
2. พยายามนึกให้ออกว่าครั้งสุดท้ายที่หยิบของชิ้นนั้นขึ้นมาดูคือเมื่อไหร่ (บางทีอาจลืมไว้ในบ้านก็ได้)
3. ถ้ารู้ว่าลืมของแล้วจริงๆ ให้รีบไปแจ้งความ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเป๋าสตางค์
4. ถ้าเป็นพวกบัตรเครดิตบัตรเอทีเอ็มให้รีบอายัดบัตรเลยค่ะ
5. หากเป็นการเรียกแท๊กซี่จาก apps ต่างๆ เช่น Grab, Taxi OK ให้ติดต่อไปหาที่เบอร์ Call Center ของเขา
6. โทรหา จส. 100 ให้ช่วยประกาศที่เบอร์ 1137
7. โทรหา สวพ FM 91 ให้ช่วยประกาศที่เบอร์ 1644
8. โทรหากรมขนส่งทางบกที่เบอร์ 1584 กรมขนส่งจะให้เบอร์ของอู่รถเพื่อให้เราไปติดต่อหาคนขับแท็กซี่อีกทีค่ะ
ขอให้หาของเจอนะคะ