3 คนที่จ้างมาตั้งแต่ป๋าเฟอร์กี้เกษียณ มีทิศทางการวางแผนที่แตกต่างไปจากเซอร์มาก จนตอนนี้เริ่มกระเซิงไปแล้ว
แม้มอยส์, ฟานกัล และ มูรินโญ๋ จะสามารถวางเกมส์เชิงรุกเชิงรับได้ค่อนข้างดีระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ 3 คนนี้ ขาดหายไปคือ หลักการบริการภายใน และ หลักจิตวิทยา ซึ่งส่งผลให้ตั้งแต่พรีเมียร์ลีกก่อตั้งมาจนกระทั่งป๋าเกษียณ
เซอร์อเล็กซ์ เป็นกุนซือไม่กี่คน หรืออาจจะยังมีแค่คนเดียวด้วยซ้ำ ที่ปั้นเบอร์ 7 อย่างคันโตน่า, เบ็คแค่ม และ โรนัลโด้ ให้เป็นปีศาจของทีมอื่น และยังคว้าแชมป์ 13 สมัย จาก 21 สมัย อีก 8 สมัย ไม่เคยอยู่ต่ำกว่าอันดับ 3 (แถมอยู่อันดับ 3 แค่ 3 สมัย)
หากครึ่งหลังใกล้แพ้ แกจะกระตุ้นให้ลูกทีมปลุกยักษ์ขึ้นมา ใช้คำพูดสร้างพลัง ดึงความพยายามออกมา ถ้าใกล้ชนะ จะพยายามเตือนแผนตลบหลังของคู่แข่ง แท็คติคในสนามเป็นเรื่องรองสำหรับแก เรื่องหลักของแกคือ ให้ทุกคนมีใจสู้ มีกำลัง
ขณะที่มอยส์,ฟานกัล และ มู ไม่เคยโทษตัวเอง (หรืออาจจะโทษไว้ในใจ) ไม่มีพลังปลุกยักษ์มากพอ
มอยส์ ใช้แท็คติกในทีมเล็กมาใส่ทีมใหญ่ ทำให้โดนทีมใหญ่ด้วยกันขยี้เละ
ฟานกัล ใช้ปรัชญาทฤษฎีมามากเกินไป อารมณ์เหมือนทรัมป์คุมทีม แต่แย่กว่าตรงที่เอาจริงแทบไม่เป็น
มู แท็คติกดี ฝึกเก่ง แต่ไม่มีพลังปลุกยักษ์เหมือนเซอร์ คุมทีมเหมือนเน้นเอาชนะมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม ผมมองว่า คาร์ริก ยังพอมีความเป็นเซอร์อเล็กซ์อยู่บ้าง แต่ยังไม่มีประสบการณ์มากพอที่จะถึงกับทำแท็คติกเอง อาจจะต้องเน้นปลุกยักษ์ก่อน แล้วค่อยๆศึกษาแท็คติกของเซอร์ ตัวอย่างหนึ่งคือเกมส์ไปเยือนแมนซิตี้ น่าชื่นชมที่คาร์ริกปลุกยักษ์เพื่อนร่วมทีมจนกระทั่งสามารถตีไข่แตกกลับมาชนะได้ (แม้เวลาต่อมาอาจจะบ๊วยติดคอก็ตาม)
อย่างน้อย ได้เห็นคาร์ริกในวันนี้ ก็ภูมิใจ ว่าจะได้อนาคตแบบยุคเซอร์อเล็กซ์กลับมา
แต่ถ้ารอยุคคาร์ริกไม่ไหว ภูมิใจเสนอให้ซื้อตัว ซีดาน มาคุมแมนยู หรือถ้ากล้าพอ ก็ซื้อตัว เป๊บ มาจากแมนซิตี้เลยก็ดี
สุดท้าย ผมขอบคุณ ฟานเพอร์ซี รูนีย์ และ สลาตัน ที่ทำให้แมนยูยังมีถ้วยอยู่บ้าง
ปล. ผมแฟนนิวคาสเซิล
ผมว่าแมนยูควรหากุนซือแบบเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มานะครับ
แม้มอยส์, ฟานกัล และ มูรินโญ๋ จะสามารถวางเกมส์เชิงรุกเชิงรับได้ค่อนข้างดีระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ 3 คนนี้ ขาดหายไปคือ หลักการบริการภายใน และ หลักจิตวิทยา ซึ่งส่งผลให้ตั้งแต่พรีเมียร์ลีกก่อตั้งมาจนกระทั่งป๋าเกษียณ
เซอร์อเล็กซ์ เป็นกุนซือไม่กี่คน หรืออาจจะยังมีแค่คนเดียวด้วยซ้ำ ที่ปั้นเบอร์ 7 อย่างคันโตน่า, เบ็คแค่ม และ โรนัลโด้ ให้เป็นปีศาจของทีมอื่น และยังคว้าแชมป์ 13 สมัย จาก 21 สมัย อีก 8 สมัย ไม่เคยอยู่ต่ำกว่าอันดับ 3 (แถมอยู่อันดับ 3 แค่ 3 สมัย)
หากครึ่งหลังใกล้แพ้ แกจะกระตุ้นให้ลูกทีมปลุกยักษ์ขึ้นมา ใช้คำพูดสร้างพลัง ดึงความพยายามออกมา ถ้าใกล้ชนะ จะพยายามเตือนแผนตลบหลังของคู่แข่ง แท็คติคในสนามเป็นเรื่องรองสำหรับแก เรื่องหลักของแกคือ ให้ทุกคนมีใจสู้ มีกำลัง
ขณะที่มอยส์,ฟานกัล และ มู ไม่เคยโทษตัวเอง (หรืออาจจะโทษไว้ในใจ) ไม่มีพลังปลุกยักษ์มากพอ
มอยส์ ใช้แท็คติกในทีมเล็กมาใส่ทีมใหญ่ ทำให้โดนทีมใหญ่ด้วยกันขยี้เละ
ฟานกัล ใช้ปรัชญาทฤษฎีมามากเกินไป อารมณ์เหมือนทรัมป์คุมทีม แต่แย่กว่าตรงที่เอาจริงแทบไม่เป็น
มู แท็คติกดี ฝึกเก่ง แต่ไม่มีพลังปลุกยักษ์เหมือนเซอร์ คุมทีมเหมือนเน้นเอาชนะมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม ผมมองว่า คาร์ริก ยังพอมีความเป็นเซอร์อเล็กซ์อยู่บ้าง แต่ยังไม่มีประสบการณ์มากพอที่จะถึงกับทำแท็คติกเอง อาจจะต้องเน้นปลุกยักษ์ก่อน แล้วค่อยๆศึกษาแท็คติกของเซอร์ ตัวอย่างหนึ่งคือเกมส์ไปเยือนแมนซิตี้ น่าชื่นชมที่คาร์ริกปลุกยักษ์เพื่อนร่วมทีมจนกระทั่งสามารถตีไข่แตกกลับมาชนะได้ (แม้เวลาต่อมาอาจจะบ๊วยติดคอก็ตาม)
อย่างน้อย ได้เห็นคาร์ริกในวันนี้ ก็ภูมิใจ ว่าจะได้อนาคตแบบยุคเซอร์อเล็กซ์กลับมา
แต่ถ้ารอยุคคาร์ริกไม่ไหว ภูมิใจเสนอให้ซื้อตัว ซีดาน มาคุมแมนยู หรือถ้ากล้าพอ ก็ซื้อตัว เป๊บ มาจากแมนซิตี้เลยก็ดี
สุดท้าย ผมขอบคุณ ฟานเพอร์ซี รูนีย์ และ สลาตัน ที่ทำให้แมนยูยังมีถ้วยอยู่บ้าง
ปล. ผมแฟนนิวคาสเซิล