[SR] First Ride Impression 2018 "Ducati Panigale V4 S"



หลังๆ ผมไม่ค่อยได้เข้ามาห้องรัชดา > มอไซค์ เท่าไหร่ จะไปสิงอยู่ตามกลุ่มต้นไม้ใบหญ้าตามเฟสมากกว่า(หรือจะเพราะ ตามวัยพออายุมากขึ้นก็หันไปสนใจต้นไม้) ไม่ค่อยได้ขี่มอไซค์เท่าใดนัก พอดีช่วงก่อนสงกรานต์ที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้ลองขี่ Ducati Panigale V4 S ซึ่งทีแรกว่าจะเล่าเฉพาะใน FB ของผมอย่างเดียว แต่พอเริ่มเขียนๆ เอ๊ะ! มันชักยาวแฮะ เลยคิดไปคิดมาเอามาลงใน 1000 ทิพย์น่าจะดีกว่า เอามาแชร์ให้พี่ๆน้องๆ ที่สนใจเจ้าตัวนี้อยู่ได้อ่านกันด้วย นานๆผมมาเขียนที ผิดพลาดตกหล่นยังไงขออภัยด้วย เพราะห่างหายจากการเขียนอะไรยาวๆแบบนี้มานานตั้งแต่เลิกทำหนังสือครับ



ส่วนตัวผมเล่นรถบิ๊กไบค์มาก็ปีนี้เฉียดๆ 30 ปีละ(ไม่ต้องถามนะครับว่าผมอายุเท่าไหร่ ลืมๆมันไปเหอะ) สมัยก่อนผมเคยใช้ NC30 อยู่หลายปีและชอบเครื่อง V4 มาก ยิ่งเคยได้ลองขี่พวกเครื่อง V4 อื่นๆอย่าง RC30, RC45 และ NR750 ในสนามแบบเต็มๆจนจุใจทำให้รักเครื่อง V4 เป็นการส่วนตัว แม้ว่าจะแอบนอกใจไปขี่ Sport Inline 4 มาบ้าง แต่ก็ยังรักเครื่อง V4 อยู่ดี ซึ่งจุดที่ทำให้ผมรักเครื่อง V4 มาตลอดก็คือความไหลลื่นต่อเนื่องของเครื่อง ไม่กระโชกโฮกฮากแบบ Inline 4 โดยธรรมชาติ(สมัยนั้น) และเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ (นึกภาพ NC30 หรือ NC35 ใส่ท่อ ETHOES Design) ผมก็เลยฝังใจกับเครื่อง V4 มาตลอดแต่ทว่า หลังจากได้ขี่ RC45 กับ NR750 แล้ว ก็แทบไม่มีรถโปรดักชั่นค่ายไหนทำเครื่อง Sport V4 ออกมาอีกเลยนับๆดูก็ไม่ตำกว่า 20 ปี (จริงๆก็มีแหละ แต่คงไม่มีโอกาสได้ขี่ด้วยเหตุผลบางประการ ^^!) จนผมเคยบ่นๆกับเพื่อนๆ ที่สนิทๆกันว่า “กูจะมีโอกาสได้ขี่เครื่องสปอร์ต V4 อีกไม๊น๊อ”

ครั้งสุดท้ายที่ได้ขี่เครื่อง 4 สูบก็โน้นเลยปี 2007 หลังจากนั้นได้ขี่แต่ L-Twin มาตลอด


แต่แล้วสวรรค์ก็เมตตาผม เมื่อ Ducati ปล่อย Panigale V4 ออกมาและเปิดตัวในงานมอเตอร์ Motor Expo บ้านเราปลายปีที่แล้ว(2017)นี่แหละ ผมก็เลยเริ่มหวังว่าสักวันจะได้ขี่มันสักอีกครั้งนึง แล้วโอกาสมันก็มาแบบปัจจุบันทันด่วน เมื่อน้องเล็ก Leader และ Header ในสายงานของผมบอกว่ามีรถ Panigale V4 กับโมเดลอื่นๆของ Ducati 2018 มาให้ลองน้าจะมาไม๊ ?  โห๊ะ! มีเหรอครับผมจะพลาด ฝันไว้อยู่แล้วนี่ รีบเตรียม Racing Suit โยนเข้ากระโปรงท้ายรถ หวดไปสนาม MotorSportPark  ทันที ขับไปคิดไปฝันกูจะเป็นจริงแล้วเว้ยยย ย๊ะ ฮู้วววว์ !!!!

ตัดภาพตอนไปถึงสนามวันนั้น ผมมีเวลาแค่ชั่วโมงครึ่งโดยประมาณสำหรับการทดลองขี่น้อง V4 S และรถ Ducati โมเดลปี 2018 อีก 3 รุ่น (ไว้วันหลังจะมาเล่าให้ฟังครับว่าเป็นไง ถ้าทุกท่านชอบ)  ด้วยเวลาที่จำกัดผมเลยไม่มีเวลาพิถีพิถันกับการถ่ายเจาะชิ้นส่วนต่างๆบนตัวรถด้วยมือตัวเองเหมือนสมัยทำหนังสือ ดังนั้นภาพทั้งหมดจึงขอไปจิ๊กจากหน้าเว็บ ducati.com มาลงประกอบกันดื้อๆนี่แหละครับ ส่วนรูปภาพตอนขี่ต้องขอขอบคุณน้อง เก่ง Santipap Wattanasiri ที่ลงไปตากแดดอันร้อนจัดถ่ายภาพให้แบบไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก ภาพที่ได้ออกมาโอเคเลยครับ ( -/\- ) ยิ่งถ่ายยิ่งเก่งนะเราเนี่ย ^^

เอาภาพเต็มลำไปดูแก้เมื่อยสายตาก่อนฮะ ด้านข้างของตัว V4 S จิ๊กภาพจาก ducati.com เลยฮะ


จริงๆมีเรื่องทางเทคนิคที่รวบรวมไว้เหมือนกัน แต่เห็นว่าเว็บฝรั่งก็เขียนๆกันไปเยอะละจึงขอข้าม ไปเน้นส่วนของรายละเอียดเกี่ยวกับตัวรถในมุมอื่นที่ได้ลองขี่มากกว่า ส่วนเรื่องอื่นผมจะขอเอาแบบย่อๆ แยกไปไว้เป็นเรื่องๆใน Comment ละกันนะครับ หรือบางเรื่องก็จะไปพูดถึงเมื่อมันเกี่ยวกับการทดลองขี่โดยตรงแบบเสริมลงไปน่าจะดีว่า ผมขอเริ่มต้นด้วยเรื่องที่เบสิคที่สุด เป็นคำถามที่ผมมักจะเจอตลอดสำหรับคนที่สนใจคือ .....

“ตอนสตาร์ทแล้วออกตัว จะง่ายกว่าเดิมไม๊ ?”
ในมุมคนไม่เคยขี่ Ducati มาก่อนจะรู้สึกหวันๆกับช่วงออกตัวประคองเกียร์หนึ่ง ใครที่เคยกังวลแบบนั้น สบายใจได้น้อง V4 S รวมถึงตัวไม่ S ไม่มีอาการพะเงิบพะงาบกระฉิกกระฉักเป็นจิงโจ้โล้สำเภาให้ตกใจอีกแล้ว  โดยส่วนตัวค่อนข้างแปลกใจไม่คิดว่าโรงงานจะทำได้ดีขนาดนี้เมื่อเที่ยบกับรุ่นก่อนๆชนิดฟ้ากับเหวสำหรับมือใหม่ หรือถ้าคุณเคยขับรถ 4 สูบรุ่นอื่นมาแล้วคุณแทบไม่ต้องปรับตัวมากนักสเตปนี้ไม่แตกต่าง ย้ายความคุ้นเคยจากรถคันเก่าของคุณมาปรับใช้ได้เลย ซึ่งต้องขอชมว่าเจ้า V4 S คันนี้เก็บรายละเอียดปลีกย่อยหลายจุดจนเป็นมิตรกับคนขี่มากๆ คลัตช์เบามือระดับคลัชต์ที่บีบเข้าหรือปล่อยออกไปเด่นชัด แต่ไม่ออกแนว “Cut Off” เหมือนที่เคย รอบเครื่องก็สงบเสงี่ยมสุขุมนุ่มลึก ไม่รู้สึกกระโชกโฮกฮากให้ตกใจ

ดูด้านขวาไปแล้วดูด้านซ้ายบ้าง


“สัมผัสมิติตัวรถด้วยมือ เท้า เข่า ศอก นี่มันรถแข่งสนาม ใส่กระจกส่องหลังกับไฟหน้าชัดๆ”
ไม่พูดพล่ามอะไรกันมากเวลาน้อย เปลี่ยนชุดได้ผมก็ตรงดิ่งไปที่น้อง V4 S ก่อนเลย ทำความคุ้นเคยกับตัวรถก่อนออกตัว ผมปรับ Riding Mode เป็น Street ซึ่งเป็นโหมด Standard สำหรับการขับขี่ปกติบนถนน ออกตัวจากพิทเลนเลี้ยวเข้าสนาม  เปิดคันเร่งไหลๆเดินรอบเปลี่ยนเกียร์เข้าเกียร์ 2 โอ๊ววว ช่วงเกียร์กระชับและละมุนอะไรเช่นนี้ ข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือ ช่วงเกียร์ 1 ยาวขึ้นกว่ารถรุ่นอื่นมากทำให้ไม่ต้องรีบเปลี่ยนเกียร์เร็วนัก จะขึ้นเกียร์ 2 ควรตุนไว้ 3500 รอบฯ ขึ้นไป แม้ว่าจะมี Quickshifter มาให้ทั้งแบบ Up และ Down แต่ในรอบต่ำๆผมก็ยังคงใช้คลัชต์เปลี่ยนเกียร์เพื่อให้จังหวะตัวเอง ใน 2 รอบแรกผมพยามจับความรู้สึกที่ตอบสนองมาจากตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นระดับแฮนด์ พักเท้า และการกริ๊ปกับถังน้ำมัน รวมถึงระยะวงเลี้ยวในความเร็วปกติ  ถามว่าต่างไม๊กับ 959 หรือ 899 หรือ 1199 ที่เคยลอง ดูๆเหมือนไม่ต่าง แต่รู้สึกต่างมาก

ไม่รู้จะเอาภาพไหนให้เห็นถังน้ำมันเอาดภาพนี้แหละ จะเห็นว่ามันไม่คอดกิ่วเหมือนซีรีส์ L-Twin เดิมอีกต่อไปละแต่ผมชอบนะ


“ถังน้ำมันสมส่วนและกระชับ ไม่มีเหลี่ยมมุมกดทับต้นขาด้านในเมื่อต้องหนีบถัง”
สิ่งที่ผมชอบเป็นอย่างแรกกับท่านั่งของ V4 คือถังน้ำมันไม่ได้เว้าลึกมากทำให้ไม่ต้องหนีบเข่าลึกเกินไปเมื่อต้องการกระชับท่าขี่  ต้นขาด้านในแนบไปกับร่องถังน้ำมันพอดี แถมเวลาเข้าโค้งแอ่งข้อศอกด้านในของแขนฝั่งตรงข้ามกับโค้งจะวางขอบถังด้านบนในจังหวะลีนเข้าโค้งแบบพอดีมาก

“พักเท้าเดิมเหลือเฟือ กริ๊ปดีไม่ลื่น แถมตำแหน่งสูงขึ้นเป็นรถสนามเต็มตัว”
เป็นพักเท้าจับติดพื้นรองเท้าเรซซิ่งได้ดีแบบสุดติ่งกระดิ่งแมว ไม่มีลื่นทำให้การวางกริ๊ปที่เท้าง่ายกว่ารุ่นเดิมมากๆ วางเท้าแบบไหนอยู่แบบนั้นไม่ต้องแกร็งขาสู้เพราะกลัวลื่น พักเท้าของ V4 S  นั้นสูงกว่า 959 อยู่ 5 มิล ( V4 = 405 มม. และ 959 = 400 มม.)  ที่สำคัญ การถ่ายน้ำหนักระหว่างพักเท้าซ้ายและขวาในโค้งกับพักเท้าที่กระชับทำให้คุณใช้แรงคุมรถน้อยลง

ผมสูง 165 cm. เบาะนั่งสูง 830 มม. เขย่งนิดเดียวครับ


“คนตัวเล็กขี่ได้ไม๊พี่ ?”
เดี่ยว! “ผมไม่เล็กนะครับ” 555 ไม่ใช่! ….. สำหรับคนไทยความสูงเบาะเป็นเรื่องหนึ่งที่ดูจะเป็นประเด็นมากที่สุด แต่สำหรับ V4 ไม่ต้องห่วงครับ เบาะนั่งสูง 830 มิล เท่ากับ 959 พอดีเป๊ะ คนที่สูงแค่ 165 ซม.อย่างผม เขย่งเท้านิดเดียวเท่านั้น ดังนั้นใครเตี้ยกว่าผมนิดหน่อย +- 3-4 ซม.ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ครับ “ได้แน่นอน”  นอกจากนี้ผมยังชอบดีไซน์ของเบาะคือมันกระชับกับก้นถึงต้นขาด้านในกับด้านหน้า ไม่รู้สึกว่ามีเหลี่ยมมุมกดทับ ซึ่งถือว่าทีมออกแบบเก็บรายละเอียดตรงนี้ได้ดีมากๆ เมื่อเทียบกับโมเดลก่อนหน้านี้

เรื่องตำแน่งการขี่ในภาพรวม ระยะออพเซ็ทระหว่าง ”ช่วงแฮนด์ – เบาะนั่ง – ตำแหน่งพักเท้า” จากความรู้สึก เขาออกแบบมา ทรงเดียวกับรถสนามแข่ง เพราะปลายแฮนด์ห่างพื้นระดับเดียวกับเบาะคือ 830 มิล ซึ่งก็เท่ากับ 959 ดังนั้นสิ่งที่ทำให้ V4 มีความรู้สึกเป็นรถสปอร์ตมากกว่าจึงเป็นตำแหน่งพักเท้าที่สูงกว่านี่เอง ไม่ใช่เพราะว่าแฮนด์ต่ำลง

เลขบอกเกียร์ตัวเท่าหม้อแกง ใครยังหลงเกียร์อีก ก็ให้มันรู้ไปครับ!


หน้าจอเรือนไมล์แบบ TFT ขนาด 5 นิ้วกับสิ่งที่ต้องเห็นตัวเป้งๆ เห็นง่าย เห็นเร็ว แถมสบายตา
เข้ารอบที่ 4 ของสนาม MotorSportPark  ผมเริ่มเห็นได้ชัดว่า หน้าจอเรือนไมล์ที่บอกตำแหน่งเกียร์ตัวเป๊งๆ เต็มๆตา (ดูภาพประกอบ) ช่วยให้คุณเช็คเกียร์ก่อนเข้าไปทำอะไรในโค้งได้ง่ายขึ้นมาก ถามว่าทำไมสำคัญ จริงๆรถสมัยก่อนที่ผมขี่ๆ ตลอด 20 กว่าปี มันก็ไม่มีบอกหรอกครับ (หรือมีมาให้แต่ดูยากต้องละสายตาจากเส้นทางมาเพ่งดู)  ไอ้ตำแหน่งเกียร์เนี่ยเอาจริงๆ ต้องอาศัยความเคยชินหรือขี่มันบ่อยๆเป็นหลัก ถึงจะจับฟิลลิ่งเกียร์ได้แม่น แต่การมีเลขบอกเกียร์ตัวใหญ่ๆ มันทำให้คุณกังวลน้อยลงและปรับตัวเข้ากับรถได้ง่ายขึ้นในบางสถานะการณ์ เช่นขี่ทำเวลาในสนามที่ต้องคิดล่วงหน้าเยอะๆ ที่สำคัญคนออกแบบเดาใจนักขี่ถูกมากๆว่าอะไรสำคัญต่อการขี่ สิ่งนั้นจะถูกทำให้มองเห็นชัดมาก แม้จะมองด้วยหางตาไม่ต้องมองตรงๆก็เห็นชัด สำหรับ V4 หน้าจอ TFT รุ่นนี้ไม่มีอาการจอทึบเมือเจอแสงแดดจ้า การปรับปรุงหน้าจอของ V4 นี่เอาไปใจไปเต็มร้อยครับ เก็บรายละเอียดปลีกย่อยได้ยอดเยี่ยม


Extreme Riding Modes [ Street,  Sport,  Race ]
ผมเสียดายนิดหน่อยตรงที่สนาม MotorSportPark ดูจะเล็กและทางสั้นไปนิดสำหรับเจ้า V4 ทำให้โหมดที่เหมาะสมกับการขับขี่มีแค่โหมด Street ถามว่าโหมดอื่นขี่ได้ไม๊ ก็ได้ครับ แต่มันก็เหมือนคุณพยายามจะขับเครื่องบิน Airbus A380 ลงจอดที่สนามบินขนาดเล็กที่รับได้แค่ A320  แหละครับ มันได้ไม่คุ้มเสียและดูจะผิดวัตถุประสงค์ของการใช้ ผมจึงลอง Mode Sport กับ Race แค่ดูอัตราเร่งทางตรงกับการตอบสนองของ ABS เพื่อให้ทราบฟิลลิ่งเท่านั้น ซึ่งความกระชับกระฉับกระเฉงต่างกันชัดเจน ไว้มีโอกาสได้ลองมันในสนามพีระเซอร์กิตเมื่อไหร่ค่อยมาอัพเดทครับ
Riding Mode หลักๆ 3 โหมดเรียงลำดับจากขี่สบายๆ ไปตามระดับความตื่นเต้น Street > Sport > Race ในแต่ละโหมดคุณสามารถเข้าไปปรับแต่งระดับของระบบต่างๆที่เกี่ยวข้องได้อีก ซึ่งตัวย่อเยอะมากๆ ขอสรุปมาเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่โดยตรงแบบนี้ครับ (* มีข้อสังเกตดังนี้ครับ ตัวย่อ พร้อมความหมายที่มีคำว่า Evo ต่อท้ายหมายถึงว่า เป็นระบบที่พัฒนาต่อยอดจากระบบเดิมที่มีอยู่แล้วในรุ่นก่อนหน้าคือตัว Panigale 1299* )


** เริ่มยาวเกินละครับเดี่ยวขอเอาไปต่อใน Comment แทนละกันนะครับ ***
ชื่อสินค้า:   Ducati Panigale V4
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่