เมื่อพฤศจิกายน 60 ที่ผ่านมา ลูก2คนเข้ารพ.พร้อมกัน คิดสภาพความเยิน ผู้มีประสบการณ์จะเข้าใจดี มันเริ่มจากลูกชายคนโต2.5 ขวบ ไปติดมาจากรร.(ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเด็กไปรร.) น้ำมูก เป็นไข้ได้2วัน ทั้งกินยาเช็ดตัว ไข้ไม่ลงจึงพาไปหาหมอ ขอนอนรพ. เพราะดูซึมๆไม่เล่น ไม่กิน และอยากแยกจากน้องคนเล็กด้วยที่เพิ่งได้3เดือน(แม้จะกินนมแม่ก็ตาม) แต่สุดท้ายไม่รอดตัวเล็กเริ่มมีไข้ งอแง น่าจะหายใจไม่ออก น้ำมูกแน่นในจมูก พาไปหาหมอเสียงปอดเริ่มผิดปกติเพราะลงหลอดลมเล็กๆซึ่งเป็นการติดเชื้อไวรัสRSV มักทำให้มีน้ำมูกและเสมหะเยอะกว่าไข้หวัดธรรมดา กลางคืนนอนฟังเสียงลูกหายใจครืดคราด ไม่กล้าหลับเลยกลัวลูกหายใจไม่ออกจากน้ำมูกคั่ง และกลัวที่สุดคือหยุดหายใจ จมูกน้อยๆนิดเดียวแค่มีน้ำมูกเท่าปลายไม้ขีดก็หายใจลำบากแล้ว หมอส่งไปเคาะปอด ดูดเสมหะแบบใช้สายแหย่ลงลึกๆ เช้า-เย็น เสมหะทั้งข้นและเหนียวมาก(ขนาดเอียงกระป๋องดูน้ำมูกยังไม่ไหลเลยคือเหนียวมาก) ต้องหยดน้ำเกลือละลายช่วยอีกทีถึงจะดูดออกได้ง่าย และพ่นยาขยายหลอดลมทุก4ชม. ผ่านไป1สัปดาห์ดีขึ้นแต่ยังต้องดูดเสมหะเช้าเย็นแต่ดูดแค่ในจมูกไม่ต้องแหย่ลงหลอดลมแล้ว เพราะถ้าแหย่ลงหลอดลมบ่อยๆจะบวมตามมาทีหลังและอาจจะทำให้หายใจลำบากอีก ผ่านไปอีกสัปดาห์ ทุกๆอย่างดีขึ้น ทีเล่ามาทั้งหมดยังต้องช่วยดูดน้ำมูกกันเองนอกรอบอีก เพราะน้ำมูกผลิตออกมาตลอดเวลา ตอนนั้นหาข้อมูลใครว่าที่ดูดน้ำมูกแบบไหนดีสั่งEMS มาด่วน สรุปว่าตัวที่ใช้ดีที่สุดคือ ที่ดูดน้ำมูกแบบใช้ปากดูด ประทับใจมากๆๆ เพราะแรงดีกว่าเครื่องดูดออโต้(แพงด้วย แพงกว่า 5เท่า) และออกดีกว่าใช้ลูกยางแดง(ส่วนตัวไม่เคยประสบความสำเร็จจากการใช้ลูกยางแดง เพราะดูดออกน้อยมากหรือแทบไม่ได้เลย)
นี่เล่าแค่คนเล็กนะ เพราะกังวลมากกว่าเล็กมากและยังไม่มีภูมิต้านทาน กลัวที่สุดถ้าถึงขึ้นหายใจเองไม่ไหวแล้วต้องใส่ท่อช่วยหายใจ

สรุปข้อดีของปากกาดูดน้ำมูก
1.แรงดูดเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่บาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อจมูก(สมัยก่อนได้ยินว่าพ่อแม่ใช้ปากดูดให้ลูกตรงๆเลย เก่งเน่อะ คือคิดได้และต้องกล้าด้วย)
2.ถอดล้างทำความสะอาดได้ แต่ถ้าเป็นลูกยางแดงคงตกค้างอยู่ในนั้นบ้าง(เคยมีคนผ่าดูข้างในเป็นเชื้อราซึ่งก็น่าจะเป็นไปได้อยู่แล้ว)
3.ราคาบ้านมากๆๆๆ อาจแพงกว่าลูกยางแดงหน่อยเดียว แต่ถูกกว่าเครื่องออโต้มากๆๆๆไม่ต่ำกว่า5เท่า
4.ใช้บ่อยๆได้เท่าที่ต้องการ เมื่อมีน้ำมูกเล็กน้อยก็ดูดออก ดีกว่าเป็นเยอะแล้วต้องไปแผนกกายภาพดูดให้ใช้สายแหย่น่าจะเจ็บมากเลย
5.ถ้าเริ่มมีอาการไม่มากแม้แต่ไข้หวัดธรรมดา รีบดูดออก น่าจะช่วยลูกได้เบื้องต้นก่อนที่จะไปหาหมอ หรืออาจจะลดค่าใช้จ่ายในการนอนรพ.ได้ (เฉลี่ยค่ารักษารพ.เอกชนกลางๆอยูที่8,000 บาทต่อวัน นอนไป1สัปดาห์ก็ประมาณ48,000บาทจ้าเบาะๆเองนร้า)
เอาเป็นว่าคนโต1สัปดาห์ 67,000บาท คนเล็กแอทมิท2รอบ เพราะน้ำมูกเยอะต้องดูดด้วยเครื่องใหญ่รวมๆประมาณ67,000 เช่นกัน เพื่อลูกยังไงก็ต้องยอม
สรุปว่าสุดท้ายมาเจอปากกาดูดน้ำมูก อันนี้ช่วยดูดน้ำมูกให้ลูกเองได้ดีมากชัดเจน(ออกแบบมาให้ดูดน้ำมูกออกทางตรง แรงดูดจะดีกว่าแบบทางเบี่ยง หรือแบบอื่นๆ) ลูกก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย คราวนี้พอเริ่มเป็นไข้หวัดแรกๆมีน้ำมูกนิดหน่อยก็จัดการเองง่ายมาก เลยอยากแนะนำคนที่กำลังมองหาตัวช่วยที่ดี เพื่อลูกน้อยที่รัก ^_^
จบสะที ชื่นชม ใครอ่านจบนี่เก่งมากอะคะ