สวัสดีครับ กลับมาอีกครั้งกับทริปตะลุยญี่ปุ่น ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ผมเดินทางไปญี่ปุ่น ซึ่งแต่ละครั้งที่ไปความทรงจำและการเดินทางก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาค ครั้งนี้ผมเลือกเดินทางกลับมายังภูมิภาคคันโตอีกครั้ง ในช่วงเวลาเดิมเลยเหมือน 2 ทริปที่ผ่านมาคือช่วงหน้าหนาว (ติดตามทริปอื่นๆได้ที่
https://ppantip.com/profile/2811063 )
ครั้งนี้มีความพิเศษคือทำการบ้านพอสมควรว่าจะไปที่ไหนที่ไม่ซ้ำกับคราวที่แล้วที่ไป ก็มานั่งศึกษาเส้นทางและลองค้นดูไปเรื่อยๆก็ไปพบกับเส้นทางง่ายๆที่ใช้พาสตัวหนึ่งที่หลายคนน่าจะรู้จัก นั่นก็คือ JR Tokyo Wide Pass
ตั๋วใบนี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่สนามบินนาริตะหรือฮาเนดะมายังใจกลางเมืองโตเกียว และยังสามารถใช้นั่งรถไฟสายต่างๆโดยเฉพาะรถไฟชินคันเซนที่ไปยังเมืองรอบๆได้
อีกพาสที่น่าสนใจก็คือพาสที่ใช้กับบริเวณอ่าวฮาโกเนะ นั่นก็คือ Hakone Free Pass ใช้นั่งรถไฟไป-กลับจากสถานีชินจูกุไปเที่ยวที่ฮาโกเนะได้โดยรวมค่ารถไฟ รถบัส กระเช้า รถรางอยู่ในตั๋วใบเดียว เรียกได้ว่ามีใบเดียวขึ้นได้ตลอดทริปในแถบฮาโกเนะ ก็เลยตัดสินใจจะซื้อพาสทั้งสองอย่างนี้ในการตะลุยแถบคันโตในครั้งนี้ ซึ่งแพลนคร่าวๆที่คิดไว้ก็จะมีประมาณนี้ครับ
สำหรับที่พักครั้งนี้ผมใช้บริการ Airbnb เป็นหลัก จำนวน 5 คืน แล้วคืนวันสุดท้ายใช้บริการ Agoda
- ดูที่พัก Airbnb สถานี Komagome (
https://bit.ly/2GQCdQy )
จุดเด่นของที่พักนี้คือ อยู่ใกล้สถานีรถไฟ JR Komagome สาย Yamanote line เดินออกจากสถานีเพียง 3 นาทีก็ถึงที่พัก บริเวณรอบที่พักมีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อมากมาย เพราะแถวนั้นเป็นย่านตลาดเก่า ถ้าเดินมาอีกนิดก็จะเจอสถานีรถไฟใต้ดิน Komagome ทำให้สามารถเลือกใช้เส้นทางการเดินทางได้หลากหลาย ภายในห้องพักก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ห้องน้ำขนาดเล็กและแคบไปหน่อย มีระเบียงด้านหน้าและด้านหลัง มีเครื่องซักผ้า อุปกรณ์เครื่องนอนครบ ผ้าเช็ดตัว เครื่องอาบน้ำ เครื่องครัว ไมโครเวฟ พื้นที่นั่งเล่น เหมาะสำหรับครอบครัว เพื่อนๆประมาณ 5-7 คน กำลังสบายๆไม่แออัด
- ดูที่พัก Agoda สถานี Nippori เอพีเอ โฮเต็ล ทีเคพี นิปโปริ เอคิเมะ (APA Hotel TKP Nippori Ekimae) (
https://bit.ly/2GM0kQn)
จุดเด่นของที่พักนี้คือ สามารถฝากกระเป๋าที่ล็อบบี้ก่อนแล้วค่อยมาเช็คอินทีหลัง (ปกติเหมือนโรงแรมทั่วไป) อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ JR Nippori เดินเพียง 5 นาทีก็ถึง มีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ มีตลาดให้เดินเล่น เหมาะสำหรับคนที่มีไฟล์ทกลับตอนเช้า สามารถขึ้นรถไฟ Keisei Sky liner จากสถานีนิปโปริตรงไปยังสนามบินนาริตะได้เลย ห้องน้ำกว้าง มีอุปกรณ์ครบครัน สะดวกสบายดี แต่ลักษณะห้องแคบไปหน่อยสำหรับ 2 คน
วันที่ 1 [Day 1]
เครื่องลงประมาณ 8.00 น. เราแพลนว่าจะใช้ JR Tokyo Wide Pass ไปที่คามาคุระ(Kamakura) โดยใช้ N’EX หรือ นาริตะเอ็กซ์เพรส (Narita Express
http://www.jreast.co.jp/e/nex/ )
ขึ้นจากสนามบินนาริตะ ไปลง โอฟุน่า (Ofuna) และต่อรถไฟท้องถิ่นไปลงคามาคุระ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
ก่อนอื่นทำความเข้าใจกับเจ้าพาสตัวนี้ก่อนว่า JR Tokyo Wide Pass มีระยะเวลาในการใช้งาน 3 วันติดต่อกัน ราคาคนละ 10,000 เยน (หาซื้อได้เฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น)
ซึ่งตั๋ว JR Tokyo Wide Pass สามารถใช้ขึ้นรถไฟได้แทบทุกขบวน เช่น แบบ local trains , rapid, express, limited express, รวมถึงรถไฟด่วน Shinkansen
-JR East Lines
-Tokyo Monorail
-Izu Kyuko Line (
https://bit.ly/2GrCvy4)
-Fujikyu Railway(สำหรับเดินทางไปยังทะเลสาบคาวากูชิโกะ เพื่อชมภูเขาไฟฟูจิ) การนั่งไปเที่ยวคาวากูชิโกะ สามารถใช้ขึ้นรถไฟจากโตเกียวไปลงสถานีปลายทางที่สถานี Kawaguchiko Station ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่ารถไฟสาย Local เพิ่ม
-Joshin Dentetsu Line
-Saitama New Urban Transit Line (New Shuttle) – เส้นทางระหว่าง Omiya และ the Railway Museum (
http://www.new-shuttle.jp/ )
-The entire Tokyo Waterfront Area Rapid Transit Rinkai Line (
http://www.twr.co.jp/en/tabid/233/Default.aspx )
-รถไฟที่วิ่งระหว่าง the JR East lines และ Tobu Railway lines เช่น the Nikko, the SPACIA Nikko, the Kinugawa, และ the SPACIA Kinugawa. (
http://www.tobu.co.jp/foreign/th/ )
-รถไฟสาย Local (รวมถึงรถไฟแบบ rapid trains) ที่วิ่งระหว่าง Shimo-imaichi แบะ Tobu-nikko/Kinugawa-onsen Stations.
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.jreast.co.jp/e/tokyowidepass/?src=pcbp หรือโบวชัวร์ภาษาไทย (
https://www.jreast.co.jp/e/downloads/pdf/jtp_th.pdf )
สถานที่จำหน่ายพาสต่างๆอยู่บริเวณชั้นใต้ดินของสนามบิน
หากใครที่ต้องการซื้อพาส JR Tokyo Wide Pass ก็ให้มาซื้อที่ JR EAST Travel Service Center (สังเกตุป้ายสีแดงๆ) หรือใครที่ซื้อพาสอื่นๆมาจากเมืองไทยแล้วต้องการแลกเป็นตั๋ว ก็มาแลกที่นี่เช่นกัน
ข้างๆกันเป็นของ Keisei อันนี้จะขายตั๋วรถไฟเข้าเมืองโตเกียว ซึ่งความพิเศษของ Keisei Skyliner คือ ใช้เวลาน้อยที่สุดในการเข้าถึงใจกลางโตเกียว (ดูรายละเอียดได้ที่
http://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/th/index.php
ถ้าใครมีแพลนว่าจะเข้าด้วย Keisei และต้องการเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน Subway ในโตเกียว ก็มีพาสที่ซื้อคู่กันในราคาที่ถูกกว่าให้เลือกอีกด้วย (ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
http://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/th/value_ticket/subway.php )
เพราะฉะนั้นการจะซื้อพาสอะไรก็ตาม เราต้องแพลนการเดินทางของเราก่อน ว่าจะเดินทางไปที่ไหนบ้าง แล้วก็ค่อยๆมาคำนวณค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แล้วก็หาพาสที่คุ้มค่ากับการเดินทางใน Route นั้นๆ
ฝั่งตรงข้ามกันก็เป็นที่จำหน่ายตั๋วโดยสารรถไฟของแต่ละเจ้า มีของ Keisei กับของ N’EX
การเดินทางในคามาคุระ (Kamakura) หลักๆก็จะเป็นรถราง Enoden สาย Enoshima และก็รถบัสสายท้องถิ่น (Local Bus) ส่วนใหญ่สถานที่ท่องเที่ยวก็จะอยู่ใกลๆกับสถานีรถรางไม่ว่าจะเป็นพระใหญ่ไดบุทสึ สถานีฮาเซะ (Hase) หรือจะไปเกาะ Enoshima ก็ที่สถานี Enoshima (ข้อมูลรถไฟและรถบัสรอบเมืองคามาคุระ
https://www.enoden.co.jp/en/ )
ส่วนการเดินทางของผม แพลนว่าจะเก็บที่หลักๆให้ครบแต่เสียดายที่ไม่มีโอกาสไปเกาะ Enoshima เพราะผมมาถึง Kamakura ก็เที่ยงกว่าแล้ว
นั่ง N’EX มาลงสถานีโอฟุน่า (Ofuna Sta.) แล้วต่อรถไฟสายท้องถิ่นมาลงสถานีคามาคุระ (Kamakura Sta.) จากนั้นก็ฝากกระเป๋าที่ล็อคเกอร์ข้างสถานี ราคาของล็อคเกอร์ขึ้นอยู่กับขนาดของล็อคเกอร์ เล็ก ใหญ่ ราคาไม่เท่ากัน เริ่มจาก 500 เยนขึ้นไป (แผนที่สถานีคามาคุระ
https://www.enoden.co.jp/en/train/station/kamakura/ )
จากนั้นก็ซื้อตั๋วรถราง Enoden ไปยังสถานีฮาเซะ (Hase Sta.) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 นาที ราคา 190 เยน สำหรับผู้ใหญ่ เด็กราคา 100 เยน
จริงๆแล้วถ้าใครมีเวลามากกว่าครึ่งวันแล้วต้องการใช้บริการรถรางมากกว่า 2-3 เที่ยว แนะนำให้ซื้อพาสตั๋ววัน 1 วัน (ENODEN 1-DAY PASS TICKET “NORIORIKUN”) สามารถนั่งได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ราคา 600 เยน (เด็ก 300 เยน) รายละเอียดพาสดูได้ที่
https://www.enoden.co.jp/en/tourism/ticket/noriorikun/
พอถึงสถานีก็เดินออกมาตามทางที่คนเดินเยอะๆเลย ตรงมาเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกตลอดทาง บรรยากาศสองข้างทางก็จะมีร้านค้าขายของ ขายขนมพื้นบ้าน ขายซอฟครีม ขายอาหารต่างๆมากมายให้เลือกซื้อ
-พิกัดร้านขนม
https://bit.ly/2q3Fp0Q
เดินเพลินๆแป๊บเดียวก็มาถึงหน้าทางเข้าชมพระใหญ่ไดบุทสึ ณ จุดนี้เมื่อลอดซุ้มประตูแรกซ้ายมือ จะมีช่องสำหรับซื้อตั๋วเข้าชมภายในพื้นที่ เสียค่าเข้าชมคนละ 200 เยน
[CR] ตะลุยหน้าหนาวแถบคันโต 2018 [Tokyo Kamakura Nikko Gala-Yuzawa Hakone]
ครั้งนี้มีความพิเศษคือทำการบ้านพอสมควรว่าจะไปที่ไหนที่ไม่ซ้ำกับคราวที่แล้วที่ไป ก็มานั่งศึกษาเส้นทางและลองค้นดูไปเรื่อยๆก็ไปพบกับเส้นทางง่ายๆที่ใช้พาสตัวหนึ่งที่หลายคนน่าจะรู้จัก นั่นก็คือ JR Tokyo Wide Pass
ตั๋วใบนี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่สนามบินนาริตะหรือฮาเนดะมายังใจกลางเมืองโตเกียว และยังสามารถใช้นั่งรถไฟสายต่างๆโดยเฉพาะรถไฟชินคันเซนที่ไปยังเมืองรอบๆได้
อีกพาสที่น่าสนใจก็คือพาสที่ใช้กับบริเวณอ่าวฮาโกเนะ นั่นก็คือ Hakone Free Pass ใช้นั่งรถไฟไป-กลับจากสถานีชินจูกุไปเที่ยวที่ฮาโกเนะได้โดยรวมค่ารถไฟ รถบัส กระเช้า รถรางอยู่ในตั๋วใบเดียว เรียกได้ว่ามีใบเดียวขึ้นได้ตลอดทริปในแถบฮาโกเนะ ก็เลยตัดสินใจจะซื้อพาสทั้งสองอย่างนี้ในการตะลุยแถบคันโตในครั้งนี้ ซึ่งแพลนคร่าวๆที่คิดไว้ก็จะมีประมาณนี้ครับ
สำหรับที่พักครั้งนี้ผมใช้บริการ Airbnb เป็นหลัก จำนวน 5 คืน แล้วคืนวันสุดท้ายใช้บริการ Agoda
- ดูที่พัก Airbnb สถานี Komagome (https://bit.ly/2GQCdQy )
จุดเด่นของที่พักนี้คือ อยู่ใกล้สถานีรถไฟ JR Komagome สาย Yamanote line เดินออกจากสถานีเพียง 3 นาทีก็ถึงที่พัก บริเวณรอบที่พักมีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อมากมาย เพราะแถวนั้นเป็นย่านตลาดเก่า ถ้าเดินมาอีกนิดก็จะเจอสถานีรถไฟใต้ดิน Komagome ทำให้สามารถเลือกใช้เส้นทางการเดินทางได้หลากหลาย ภายในห้องพักก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ห้องน้ำขนาดเล็กและแคบไปหน่อย มีระเบียงด้านหน้าและด้านหลัง มีเครื่องซักผ้า อุปกรณ์เครื่องนอนครบ ผ้าเช็ดตัว เครื่องอาบน้ำ เครื่องครัว ไมโครเวฟ พื้นที่นั่งเล่น เหมาะสำหรับครอบครัว เพื่อนๆประมาณ 5-7 คน กำลังสบายๆไม่แออัด
- ดูที่พัก Agoda สถานี Nippori เอพีเอ โฮเต็ล ทีเคพี นิปโปริ เอคิเมะ (APA Hotel TKP Nippori Ekimae) (https://bit.ly/2GM0kQn)
จุดเด่นของที่พักนี้คือ สามารถฝากกระเป๋าที่ล็อบบี้ก่อนแล้วค่อยมาเช็คอินทีหลัง (ปกติเหมือนโรงแรมทั่วไป) อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ JR Nippori เดินเพียง 5 นาทีก็ถึง มีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ มีตลาดให้เดินเล่น เหมาะสำหรับคนที่มีไฟล์ทกลับตอนเช้า สามารถขึ้นรถไฟ Keisei Sky liner จากสถานีนิปโปริตรงไปยังสนามบินนาริตะได้เลย ห้องน้ำกว้าง มีอุปกรณ์ครบครัน สะดวกสบายดี แต่ลักษณะห้องแคบไปหน่อยสำหรับ 2 คน
วันที่ 1 [Day 1]
เครื่องลงประมาณ 8.00 น. เราแพลนว่าจะใช้ JR Tokyo Wide Pass ไปที่คามาคุระ(Kamakura) โดยใช้ N’EX หรือ นาริตะเอ็กซ์เพรส (Narita Express http://www.jreast.co.jp/e/nex/ )
ขึ้นจากสนามบินนาริตะ ไปลง โอฟุน่า (Ofuna) และต่อรถไฟท้องถิ่นไปลงคามาคุระ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
ก่อนอื่นทำความเข้าใจกับเจ้าพาสตัวนี้ก่อนว่า JR Tokyo Wide Pass มีระยะเวลาในการใช้งาน 3 วันติดต่อกัน ราคาคนละ 10,000 เยน (หาซื้อได้เฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น)
ซึ่งตั๋ว JR Tokyo Wide Pass สามารถใช้ขึ้นรถไฟได้แทบทุกขบวน เช่น แบบ local trains , rapid, express, limited express, รวมถึงรถไฟด่วน Shinkansen
-JR East Lines
-Tokyo Monorail
-Izu Kyuko Line (https://bit.ly/2GrCvy4)
-Fujikyu Railway(สำหรับเดินทางไปยังทะเลสาบคาวากูชิโกะ เพื่อชมภูเขาไฟฟูจิ) การนั่งไปเที่ยวคาวากูชิโกะ สามารถใช้ขึ้นรถไฟจากโตเกียวไปลงสถานีปลายทางที่สถานี Kawaguchiko Station ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่ารถไฟสาย Local เพิ่ม
-Joshin Dentetsu Line
-Saitama New Urban Transit Line (New Shuttle) – เส้นทางระหว่าง Omiya และ the Railway Museum (http://www.new-shuttle.jp/ )
-The entire Tokyo Waterfront Area Rapid Transit Rinkai Line (http://www.twr.co.jp/en/tabid/233/Default.aspx )
-รถไฟที่วิ่งระหว่าง the JR East lines และ Tobu Railway lines เช่น the Nikko, the SPACIA Nikko, the Kinugawa, และ the SPACIA Kinugawa. (http://www.tobu.co.jp/foreign/th/ )
-รถไฟสาย Local (รวมถึงรถไฟแบบ rapid trains) ที่วิ่งระหว่าง Shimo-imaichi แบะ Tobu-nikko/Kinugawa-onsen Stations.
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.jreast.co.jp/e/tokyowidepass/?src=pcbp หรือโบวชัวร์ภาษาไทย (https://www.jreast.co.jp/e/downloads/pdf/jtp_th.pdf )
สถานที่จำหน่ายพาสต่างๆอยู่บริเวณชั้นใต้ดินของสนามบิน
หากใครที่ต้องการซื้อพาส JR Tokyo Wide Pass ก็ให้มาซื้อที่ JR EAST Travel Service Center (สังเกตุป้ายสีแดงๆ) หรือใครที่ซื้อพาสอื่นๆมาจากเมืองไทยแล้วต้องการแลกเป็นตั๋ว ก็มาแลกที่นี่เช่นกัน
ข้างๆกันเป็นของ Keisei อันนี้จะขายตั๋วรถไฟเข้าเมืองโตเกียว ซึ่งความพิเศษของ Keisei Skyliner คือ ใช้เวลาน้อยที่สุดในการเข้าถึงใจกลางโตเกียว (ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/th/index.php
ถ้าใครมีแพลนว่าจะเข้าด้วย Keisei และต้องการเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน Subway ในโตเกียว ก็มีพาสที่ซื้อคู่กันในราคาที่ถูกกว่าให้เลือกอีกด้วย (ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/th/value_ticket/subway.php )
เพราะฉะนั้นการจะซื้อพาสอะไรก็ตาม เราต้องแพลนการเดินทางของเราก่อน ว่าจะเดินทางไปที่ไหนบ้าง แล้วก็ค่อยๆมาคำนวณค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แล้วก็หาพาสที่คุ้มค่ากับการเดินทางใน Route นั้นๆ
ฝั่งตรงข้ามกันก็เป็นที่จำหน่ายตั๋วโดยสารรถไฟของแต่ละเจ้า มีของ Keisei กับของ N’EX
การเดินทางในคามาคุระ (Kamakura) หลักๆก็จะเป็นรถราง Enoden สาย Enoshima และก็รถบัสสายท้องถิ่น (Local Bus) ส่วนใหญ่สถานที่ท่องเที่ยวก็จะอยู่ใกลๆกับสถานีรถรางไม่ว่าจะเป็นพระใหญ่ไดบุทสึ สถานีฮาเซะ (Hase) หรือจะไปเกาะ Enoshima ก็ที่สถานี Enoshima (ข้อมูลรถไฟและรถบัสรอบเมืองคามาคุระ https://www.enoden.co.jp/en/ )
ส่วนการเดินทางของผม แพลนว่าจะเก็บที่หลักๆให้ครบแต่เสียดายที่ไม่มีโอกาสไปเกาะ Enoshima เพราะผมมาถึง Kamakura ก็เที่ยงกว่าแล้ว
นั่ง N’EX มาลงสถานีโอฟุน่า (Ofuna Sta.) แล้วต่อรถไฟสายท้องถิ่นมาลงสถานีคามาคุระ (Kamakura Sta.) จากนั้นก็ฝากกระเป๋าที่ล็อคเกอร์ข้างสถานี ราคาของล็อคเกอร์ขึ้นอยู่กับขนาดของล็อคเกอร์ เล็ก ใหญ่ ราคาไม่เท่ากัน เริ่มจาก 500 เยนขึ้นไป (แผนที่สถานีคามาคุระ https://www.enoden.co.jp/en/train/station/kamakura/ )
จากนั้นก็ซื้อตั๋วรถราง Enoden ไปยังสถานีฮาเซะ (Hase Sta.) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 นาที ราคา 190 เยน สำหรับผู้ใหญ่ เด็กราคา 100 เยน
จริงๆแล้วถ้าใครมีเวลามากกว่าครึ่งวันแล้วต้องการใช้บริการรถรางมากกว่า 2-3 เที่ยว แนะนำให้ซื้อพาสตั๋ววัน 1 วัน (ENODEN 1-DAY PASS TICKET “NORIORIKUN”) สามารถนั่งได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ราคา 600 เยน (เด็ก 300 เยน) รายละเอียดพาสดูได้ที่ https://www.enoden.co.jp/en/tourism/ticket/noriorikun/
พอถึงสถานีก็เดินออกมาตามทางที่คนเดินเยอะๆเลย ตรงมาเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกตลอดทาง บรรยากาศสองข้างทางก็จะมีร้านค้าขายของ ขายขนมพื้นบ้าน ขายซอฟครีม ขายอาหารต่างๆมากมายให้เลือกซื้อ
-พิกัดร้านขนม https://bit.ly/2q3Fp0Q
เดินเพลินๆแป๊บเดียวก็มาถึงหน้าทางเข้าชมพระใหญ่ไดบุทสึ ณ จุดนี้เมื่อลอดซุ้มประตูแรกซ้ายมือ จะมีช่องสำหรับซื้อตั๋วเข้าชมภายในพื้นที่ เสียค่าเข้าชมคนละ 200 เยน