สวัสดีค่ะ เราอยากมาเล่าประสบการณ์ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทค่ะ เพราะคิดว่าโรคนี้เป็นภัยเงียบที่คนรุ่นใหม่อายุน้อยเริ่มเป็นมากขึ้นเรื่อยๆค่ะ
   เราอายุ 27 ปี ตอนเด็กจนโตก็มีอาการปวดหลังบ้างเป็นครั้งคราวค่ะ เดี๋ยวเดียวก็หาย เหมือนปกติทั่วไปค่ะ จนกระทั่งมาช่วงมีนาคม มีอาการปวดหลังเวลาขับรถ พอขับไปได้สัก30นาที จะปวดหลังแบบที่ยืนแล้วจี๊ดขึ้นมาเหมือนยืนตรงไม่ได้ค่ะ เราเลยไปหาหมอค่ะ หมอX-ray แล้วบอกว่าหมอนรองกระดูกเราเสื่อม ให้ท่าออกกำลังกายมาสองท่า เพื่อให้กล้ามเนื้อที่หลังแข็งแรงค่ะ เราก็กลับไปทำ เหมือนจะดีขึ้นปวดหลังน้อยลง แต่เราดันเผลอไปยกของหนัก แล้ววันเดียวกันก็ขับรถกลับจาก กรุงเทพฯ กลับบ้านที่พัทยาประมาณ 3 ชั่วโมง ในวันนั้นไม่มีอาการอะไร แต่พอตอนเช้าตื่นนอนมามันปวดหลังไปหมด พอเราจะลุกขึ้นยืนจากเตียงนอน ลุกขึ้นยืนแล้วทรุดลงไปเลย จะลงจากบ้านต้องค่อยๆเกาะลงบันไดมาก เหมือนขาไม่มีแรง และมีอาการชา ลงที่ปลายนิ้วนางนิ้วก้อยเท้าขวา ตอนแรก เราไม่คิดว่าเป็นมากเดี๋ยวก็หาย แต่ไม่ว่าจะอยู่อิริยาบถไหนเราก็ปวดจนทนแทบไม่ไหวมันไปปวดไปหมด ไม่ว่าจะนั่ง ยืน หรือนอน นั่งนี่ไม่ต้องพูดถึงเรานั่งไม่ได้จนเราต้องยืนทั้งวัน ลองปรึกษาเพื่อนที่เป็นหมอ เพื่อนบอกให้ไปหาหมอเฉพาะทางเถอะน่าจะเป็นเยอะแล้ว
    เราตัดสินใจไปหาอาจารย์หมอค่ะ พอไปถึงคุณหมอก็เช็คดูว่าขามีแรงไหม แล้วก็กดๆหลังดู อาจารย์บอกว่าหมอนรองกระดูกน่าจะแตกออกมาทับเส้นประสาท แล้วที่เจ็บมากเพราะเวลาที่มันแตกออกมาจะมีกรดและสารอื่นๆออกมาพร้อมหมอนรองกระดูกด้วยค่ะ

         - หมอนรองกระดูกจะมีลักษณะเหมือนเจลลี่ที่อยู่ระหว่างกระดูกที่เอาไว้รองรับแรงกระแทกของกระดูกสันหลังนะคะ
         -ตอนแรกที่ปวดหลังอาจจะแค่ปลิ้นออกมาก่อน แล้วถ้าเป็นเยอะคือมันแตกออกมาทับเส้นประสาท ทำให้รู้สึกชา ไม่มีแรง แล้วแต่ข้อของกระดูกสันหลังที่จะแตกไปทับเส้นประสาตรงไหน
         
ต่อนะคะ คุณหมอให้เราไปทำ MRI ทำให้รู้ว่าหมอนรองกระดูกของเราแตกช่วง L4-L5 เป็นช่วงที่เป็นกับเยอะ เพราะหมอนรองกระดูกจะรับน้ำหนักบริเวณนี้เยอะ จากการนั่ง ยืนหรือเดิน แต่ละท่าทางการรับน้ำหนักจะแตกต่างกันออกไป
   คุณหมอเลยให้เลือกวิธีการรักษา
    1.ผ่าหลังเพื่อเอาหมอรองกระดูกที่แตกมาทับเส้นประสาทออก
    2.ฉีดยาเข้าหลังแล้วให้นอนนิ่งๆ 1-2เดือน เดินได้แค่ช่วงเข้าห้องน้ำกับกินข้าว

   เมื่อปรึกษากันแล้ว เราเลือกวิธีที่ 2 ค่ะ ก็ฉีดยาแล้วนอนนิ่งๆ ประมาน 1 เดือนคุณหมอนัดอีกครั้ง
  
    วันที่ฉีดยาเป็นการฉีดยาเข้าไปที่ช่วงกระดูกสันหลังที่มันแตกค่ะ เราเข้าห้องผ่าตัดเลย แอร์เย็นมว้ากกก จากที่ว่าเย็นอยู่แล้ว หมอให้เรานอนคุ้ดคู้ ให้ได้ท่าแล้วพี่พยาบาลจับเราไว้ให้อยู่นิ่งๆ (เราขอบคุณพี่พยาบาลคนนั้นมากเลยคือเรากลัวมากเลยบีบมือพี่เขาไว้แน่นเลย) ตอนฉีดก็เจ็บๆตึงๆเพราะฉีดยาชาไปก่อนค่ะ
     เมื่อกลับมาบ้าน กิน นอน ทั้งวันอยู่อย่างนี้ ช่วงอาทิตย์แรกจะดีขึ้นตรงที่อาการปวดลดน้อยลงจากตอนแรก แต่อาการชา ตึงยังมีอยู่ เวลานอนราบจะดีขึ้น พออาบน้ำนี่ยืนได้แพพเดียวเริ่มตึง ถ้าวันไหนสระผมเป่าผมด้วยจะปวดหลังค่ะ ร้าวลงขา
      ผ่านไป 2-3 อาทิตย์อาการยังมีอยู่ จนเราวิตกนะบอกตามตรง เพราะมันมาอาการที่จะไม่หายอยู่เหมือนกัน เงินก็เสียไปแล้ว แต่ต้องขอบคุณกำลังใจจากคนรอบตัวค่ะ ครอบครัว ญาติ เพื่อน ให้กำลังใจเราดีมาก เราก็ทำจิตใจให้ผ่องใสค่ะ สวดมนต์ ไหว้พระ ฟังธรรมด้วย
      ครบกำหนดที่หมอนัดเราไปหา พอทดสอบเหมือนจะมีแรงขาดีขึ้นหน่อย หมอให้นอนต่อไปอีก 1 เดือน โอ้ยยย ช่วงนั้นเบื่อนอนไปเลยแต่ทำไงได้ก็ต้องนอนต่อไปค่ะ หมอนัดอีก 1 เดือนค่ะ
      เรากลับมานอนต่อ อาการเริ่มดีขึ้นยืนได้นานขึ้น แต่ไม่นั่งนะคะ จนไปตามหมอนัด หมอบอกเริ่มดีขึ้นนัดอีก 1 เดือนค่ะ แต่คราวนี้ให้ลงบันไดได้ยืนได้บ้าง ถ้าปวดให้นอนค่ะ เราซื้อเตียงใหม่มานอนมันกลางบ้านเลยค่ะ มีอะไรนอนไว้ก่อน
      พอครบหมอนัดอีกคราวนี้ดีขึ้น ให้เริ่มเดินได้ค่ะ เรานี่ดีใจมว้ากกกเลย เข้าใจผู้ป่วยติดเตียงเลยค่ะ เราก็เริ่มเดินออกกำลังกาย จากวันแรกเดินได้ 5 นาที แล้วถ้าปวดตึงขาก็หยุด แล้วค่อยๆเพิ่มเป็ น 10 นาที 15 20 30 นาทีไปเรื่อยๆ เราเริ่มก็เริ่มดีขึ้น ถ้าช่วงไหนเดินมากก็จะปวดตึงลงขาบ้างค่ะ มีอะไรก็นอนหงายราบลงไป (นอนไว้ก่อน) จนเราไปหาหมออีกครั้งตามนัด หมอบอกไอ้หนูหายแล้วนะ แล้วก็นัดติดตามอาการเรื่อยๆค่ะ 1,2,4,6 เดือนตามลำดับ
      
         -ถึงหมอจะบอกว่าหายแต่เราก็ยังห้ามยกของหนัก ระวังตัวเอง พวกท่านั่งท่าอะไรแปลกๆไม่ทำค่ะ ยืน นั่ง นอน แค่นั้นค่ะ
         -ตอนนี้ เรากลับมาออกกำลังกายปกติได้ใช้ชิวิตเหมือนปกติ เน้นบริหารกล้ามเนื้อกายภาพบำบัด เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อช่วยหมอนรองกระดูกรับน้ำหนักด้วย
         -หลังตรงที่หมอนรองกระดูกเคยแตกกลับมาปวดได้ง่าย และเน้นย้ำว่า ** สามารถกลับมาแตกได้อีก ถ้าเราไม่ระวังตัว** อันนี้สำคัญมากนะคะต้องดูแลตัวเองดีๆ
         -จากตอนนั้นมาตอนนี้ก็ 1 ปีแล้วค่ะ เรายังระวังตัวอยู่ เคยกลับมาปวดหลังเรารีบไปหาหมอเลยกลัวแตกอีก ตอนนั้นกลัวมากๆ

*** ถ้ามีอาการปวดหลัง ชา ร้าวลงอวัยวะต่างๆ เช่น เท้า แขน อย่าทนนะคะควรไปหาหมอ****

       สุดท้ายนี้เราหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ได้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ เดี๋ยวนี้คนเริ่มเป็นกันเยอะขึ้น ถ้าหากข้อมูลผิดพลาดประการใดก็ขออภัยนะคะ