หลังจากที่มหาลัยต่างๆได้เลื่อนเวลาเปิดปิดภาคเทอมตามเวลาสากล ซึ่งปีที่ผมกำลังจะเข้าปี1 นั้นเป็นปีแรกที่เลื่อนเวลาเปิดภาคเรียน(นับว่าเป็นเวลาประมาณ 4ปีผ่านมาแล้ว) เว้นช่วงปิดภาคเรียนเป็นระยะเวลา 6เดือน! ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่ระยเวลาที่ยาวนานเท่าไหร่และผ่านไปรวดเร็วเพราะนักเรียนตอนนั้นต้องแข่งขันลงสนามสอบกันอย่างไม่หยุดไม่ย่อนเพื่อคณะที่ใช่มหาลัยที่ชอบ แต่! ปัญหามันคือหลังจากนั้นหลังจากสอบติด หลังเปิดการศึกษา เทอมที่1 นั้นยังไม่พบปัญหาใดๆ แต่เทอมที่ 2 นี่สิ มันเป็นหน้าร้อนของไทยซึ่งร้อนมากๆ ตอนเรียนในห้องแอร์ไม่เท่าไหร่แต่เวลาออกมาใช้ชีวิตข้างนอกห้องแอร์นะสิ มันปวดร้าวทรมานมากแทนที่จะนอนอยู่บ้านปิดเทอมชิวๆ ไหนจะวันสงกรานต์อีกจากที่เคยเล่นสงกรานต์แบบไม่สนผีสนสาง ตอนนี้ต้องกลับมาปั่นงาน หนักเข้าก็ไม่ได้เล่นมันซะเลย เพราะอะไรรึ เพราะหลังจากสงกรานต์สองอาทิตย์ทุกมหาลัยจะเข้าสู้สัปดาห์สอบก่อนสัปดาห์สอบมันคือสัปดาห์ส่งงาน ซึ่งอยู่หลังวันสงกรานต์ แม่เจ้า! ใครจะอยากทำงานวันสงกรานต์กันช่วยตอบผมที มันคือเวลาพักผ่อน ฮอลิเดย์อ่ะ วันครอบครัว เราต้องไปเที่ยว ไปเล่นน้ำ ไม่ใช่จมปลักนั่งปั่นงานส่งอาจารย์ไง แล้ววันสงกรานต์อ่ะปกติพี่ๆพนักงงานออฟฟิศ วัยทำงานก็แห่กันกลับบ้านกันจนถนนโล่งละ นี้เด็กๆมหาลัยก็ต้องเบียดโควต้าตั๋วรถตั๋วเครื่องบินพี่ๆเพื่อกลับบ้านอีกมันวุ่นวายไปหมด(จริงๆก็ไม่วุ่นวายหรอกผมคิดเองอ่ะนะ) ยิ่งเป็นหน้าร้อนแบบนี้นักศึกษาที่ต้องอยู่หองี้ถ้าหอไม่มีแอร์คือนอนร้อนตาเหลือกกันไปข้างนึงเลย ถ้ามีเรียนบ่าย ออกห้องตอนเที่ยงนะ โอ้วววงดงามผิวแทนของฉัน คือบรรยากาศมันไม่เหมาะแก่การเรียนเลย และผมก็ยังไม่เห็นประโยชน์อะไรจากการเลื่อนเปิดภาคเทอมเลยแม้แต่นิด ถ้าบอกว่าให้คนไปเรียนต่อได้มีเวลาตรงกับต่างชาติจะได้ไม่ต้องมีช่องว่างระหว่างระยะของสากลกับไทย ผมก็ถามด้วยความเห็นแก่ตัวอีกแหละว่า จำนวนคนที่เรียนต่อนอก/คนที่เรียนต่อในประเทศ+คนที่จบไปทำงาน+คนที่ยังต้องเรียนในมหาลัยไทย มันมากพอรึป่าวที่ต้องเปลี่ยนเวลาแบบนี้ ตัวผมเองก็ใกล้จบแล้ว แต่เป็นห่วงน้องๆที่กำลังจะเข้ามหาลัยกับคนที่กำเรียนอยู่เลยว่าทำไมเราต้องทนแบบนี้ไปเรื่อยๆทั้งๆที่มีตัวเลือกที่ดีกว่า
ปัญหาโลกแตกของเด็กมหาลัยหลังวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์