อ่านประวัติศาสตร์สมัยพระนารายณ์จากหลายๆ แหล่งแล้วรู้สึกไม่ปะติดปะต่อกัน
ผมจึงลองเรียบเรียงขึ้นมาดูจนออกมาเป็นแบบนี้
ทั้งๆ ที่ตอนแรก ผมก็เชื่อตามความเห็นจากคนแต่งหนังสือหลายๆ ท่านและคิดว่าฟอลคอนเป็นคนเลว
แต่ดันเรียบเรียงออกมาเหมือนจะอวยฟอลคอนเกินเหตุ
นี่คือกระทู้แรกที่ผมตั้งแบบมีสาระ คิดเห็นอย่างไรแนะนำได้ แต่อย่าแรงก็พอครับ
ส่วนบางคำที่ไม่ได้ใช้คำราชาศัพท์ต้องขออภัยด้วยครับ
ถ้ามีประโยคไหนลบหลู่บุคคลสำคัญเหล่านี้ ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ
ประวัติของคอนสแตนติน ฟอลคอน
คอนสแตนติน ฟอลคอน เกิดปีค.ศ.1647 (พ.ศ.2190) ในแคว้นเซฟาโลเนีย ประเทศกรีก
ปีค.ศ.1662 (พ.ศ.2205)
ฟอลคอนอายุ 15 ปีได้ออกจากบ้านไปทำงานอยู่บนเรือสินค้าของอังกฤษที่ไปทำการค้าในประเทศต่างๆ บนทวีปเอเชีย ฟอลคอนทำอยู่นานเป็นเวลากว่า 10 ปีก็ได้ลาออกไปทำงานกับพ่อค้าชาวอังกฤษที่ทำการค้าระหว่างกรุงศรีอยุธยา เมืองจีนและทางเหนือของเวียดนาม ทำให้มีประสบการณ์ทำการค้าเป็นอย่างดี และสามารถพูดได้หลายภาษา อาทิเช่น อังกฤษ โปรตุเกส มลายู รวมทั้งภาษาไทย
ปีค.ศ.1675 (พ.ศ.2218)
พ่อค้าชาวอังกฤษที่เป็นเจ้านายได้เดินทางกลับอังกฤษ ฟอลคอนที่มีอายุได้ 28 ปีจึงตัดสินใจเสี่ยงโชคอยู่ที่ภูมิภาคนี้ต่อ โดยเลือกที่จะทำงานราชการอยู่ในกรุงศรีอยุธยา
ฟอลคอนทำการค้าอยู่ในพื้นที่นี้มานานจึงรู้ว่าเจ้าพระยาพระคลังโกษาเหล็กชื่นชอบรับสินบนจึงนำเงินสะสมที่ตัวเองมีอยู่ติดสินบนโกษาเหล็กเพื่อขอทำงานราชการด้วย ท่านโกษาเหล็กจึงจ้างฟอลคอนให้ทำงานเป็นล่ามดูแลการค้าทางต่างประเทศ
ฟอลคอนเป็นคนเก่งช่วยงานโกษาเหล็กได้หลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการคิดบัญชีพ่อค้าอิหร่าน ที่พระคลังฝากสินค้าให้พ่อค้าชาวอิหร่านไปขายโดยยังไม่ต้องชำระเงิน เมื่อกลับมาคิดเงินหักค่าใช้จ่าย กลับขาดทุนจนพระคลังต้องเป็นหนี้ ฟอลคอนจึงเข้าไปคำนวณใหม่ กลับกลายเป็นว่าพระคลังได้กำไรถึงสองเท่าตัว ด้วยผลงานครั้งนี้ทำให้พระนารายณ์ทรงโปรดฟอลคอน และดึงตัวมาช่วยงานราชการ
ปีค.ศ.1682 (ค.ศ.2225)
เมื่ออายุได้ 35 ปี ฟอลคอนก็ได้สมรสกับนางมารีกีมาร์ (ท้าวทองกีบม้า) หญิงสาวลูกครึ่งโปรตุเกส-ญี่ปุ่น
ปีค.ศ.1683-1684 (ค.ศ.2226-2227)
ไฟไหม้ห้างร้านอังกฤษ
บริษัทการค้าของอังกฤษขายไม่ดี ประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก บริษัทแม่ไม่ได้ส่งเงินทุนมาให้จนตัวแทนต้องกู้ยืมเงินจากพระนารายณ์มาทำทุนต่อ พระนารายณ์ทรงสนับสนุนการค้าจึงยอมให้กู้ยืม โดยคิดดอกร้อยละสองต่อเดือน
ภายหลัง โกษาเหล็กพบเห็นช่องทางทำกำไร จึงร่วมมือกับตัวแทนจากบริษัทการค้าของอังกฤษแอบซื้อขายสินค้าผ่านชื่อของบริษัทสร้างกำไรให้กับพวกตัวเอง โดยมีฟอลคอนรู้เห็นด้วย
ภายหลังบริษัทแม่จากอังกฤษแปลกใจทำไมบริษัทสาขากรุงศรีอยุธยายังไม่ปิดกิจการ จึงส่งคนมาตรวจสอบ
ตรวจไปตรวจมา ดันพบว่ามีกำไร จึงคิดจะเชิดเงินทั้งหมดขึ้นมาเป็นของตัวเอง
ฟอลคอนจึงต้องออกหน้าแทนโกษาเหล็กบอกว่าเงินที่กู้ยืมไปลงทุนยังไม่จ่าย ขอให้อังกฤษจ่ายคืนมาก่อน แต่ยอดเงินที่กู้ยืมไปมีจำนวนมหาศาล ผู้ตรวจสอบไม่มีปัญญาจ่ายจึงพยายามบ่ายเบี่ยงแล้วคิดจะยึดสินค้าในห้างร้างขึ้นมาเป็นของตัวเอง แต่ฟอลคอนไม่ยอมให้เอาไป ผู้ตรวจสอบจึงขอเข้าเฝ้าพระนารายณ์
แต่เรื่องนี้ได้เข้าถึงหูพระนารายณ์อยู่ก่อนแล้ว พระองค์ไม่อยากเอาโทษโกษาเหล็กจึงไม่ยอมให้เข้าเฝ้าและสั่งให้ฟอลคอนเป็นคนจัดการให้จบเรื่อง
ผู้ตรวจสอบจากอังกฤษไม่พอใจที่เชิดเงินขึ้นมาไม่ได้ สินค้าในห้างก็เอาออกมาไม่ได้อีก ยามโกรธแค้นจึงเผาสินค้าที่อยู่ในห้างร้านทั้งหมด เพราะสินค้าเหล่านี้ยังอยู่ในห้างร้านของพวกตน พวกตนจะทำอะไรก็ได้ ข้าราชการไทยทราบข่าวจึงรีบเข้าไปดับไฟ แต่ถูกชาวอังกฤษขัดขวางไว้
พระนารายณ์ทราบเรื่องนี้จึงทรงกริ้วมาก เพราะสินค้าทั้งหมดซื้อด้วยเงินที่กู้ยืมไปจากพระองค์ ถ้าสินค้าถูกเผาไม่เหลือ เงินทุนที่ลงไปก็ต้องกลายเป็นหนี้สูญ
(หลักฐานในเรื่องนี้อยู่ในคำประกาศสงครามกับอังกฤษในปีค.ศ.1687 ที่ได้ระบุเจาะจงเอาไว้ว่า ซามูเอล พอต์ต ชาวอังกฤษเป็นคนเผาห้างร้าน และพยายามหน่วงเหนี่ยวไว้ไม่ให้ข้าราชการไทยเข้าไปดับไฟ)
(โกษาเหล็กเป็นคนที่ชอบกอบโกยเงินเข้าตัว มีหรือที่จะไม่ทราบเรื่องที่ฟอลคอนทำอะไรลงไปบ้าง)
ลงอาญาโกษาเหล็ก
เนื่องจากผิดใจกับบริษัทจากอังกฤษในครั้งนี้ ทำให้พระนารายณ์มีพระดำริคิดจะสร้างป้อมปราการขึ้นมา เพื่อใช้ป้องกันเรือรบจากอังกฤษที่จะยกทัพขึ้นมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา พระองค์จึงได้สั่งให้ฟอลคอนสร้างป้อมปราการขึ้นที่บางกอก
แต่เจ้าพระยาพระคลังโกษาเหล็กไม่เห็นด้วยกล่าวคัดค้านโดยอ้างว่าไม่เหมาะกับคนไทย เหมือนเป็นกรงขัง ทำให้พระนารายณ์ทรงกริ้วมาก เพราะเหตุที่ผิดใจกับบริษัทอังกฤษมาจากโกษาเหล็ก การที่พระองค์จะสร้างป้อมขึ้นมาป้องกันทัพเรือของอังกฤษก็เพราะโกษาเหล็กเป็นต้นเหตุ
พระองค์รู้ว่าโกษาเหล็กมีนิสัยโลภในเงินทอง จึงถามว่าโกษาเหล็กรับสินบนมาใช่ไหม ถึงได้กล่าวคัดค้านเช่นนี้
แต่โกษาเหล็กยังยืนกรานว่าไม่ได้รับสินบน และไม่เห็นด้วยที่จะให้สร้างป้อม
พระนารายณ์ไม่ทรงเชื่อ จึงระงับอารมณ์ไม่อยู่สั่งให้พระอาญาโบยโกษาเหล็กต่อหน้าพระที่นั่งและจองจำ 5 ประการ โดยไม่สนใจผลงานและความผูกพันจากเก่าก่อน และไม่มีการสอบสวนเรื่องรับสินบนแต่อย่างใด
เพราะเหตุนี้ ภายหลังถูกฟาดโบย โกษาเหล็กจึงไม่โทษฟอลคอน เพราะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีใครใส่ความ ที่พระนารายณ์ทรงลงพระอาญาเป็นเพราะความผิดจากครั้งก่อน
หลังจากนั้น พระนารายณ์คิดจะแต่งตั้งฟอลคอนเป็นพระยาพระคลังแทน แต่ฟอลคอนไม่ยอมรับเพราะคิดว่าตัวเองเป็นชาวต่างชาติ และกลัวคนเข้าใจผิดคิดว่าตัวเขาเป็นต้นเหตุทำให้โกษาเหล็กถูกลงอาญา พระนารายณ์จึงทรงแต่งตั้งให้เป็นแค่ผู้ช่วยพระยาพระคลัง แต่มีอำนาจสิทธิ์ขาดเท่าพระยาพระคลัง
เมื่อขึ้นมามีอำนาจ ฟอลคอนก็วางแผนเตรียมการรับมืออังกฤษ โดยได้ปลดเจ้าเมืองที่อยู่แถบชายฝั่งเมืองมะริด และแต่งตั้งชาวอังกฤษที่เป็นพรรคพวกของตนขึ้นมาเป็นเจ้าเมือง จากนั้นก็ได้จ้างชาวอังกฤษมาช่วยทำการค้า และให้ปล้นเรือสินค้าชาติอื่นทุกลำที่แล่นผ่านอ่าวเบงกอล ยกเว้นเรือของอังกฤษแค่ชาติเดียว เพื่อทำให้ทุกชาติที่ถูกปล้นคิดว่าเป็นฝีมือของชาวอังกฤษ
ปีค.ศ.1685 (ค.ศ.2228)
โกษาปานไปฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสส่งคณะราชทูตมาเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงศรีอยุธยา ฟอลคอนเห็นได้โอกาสจึงคิดจะดึงฝรั่งเศสมาคานอำนาจอังกฤษและฮอลันดา เมื่อโกษาปานนำคณะราชทูตออกเดินทาง ฟอลคอนจึงได้ส่งจดหมายลับไปขออาวุธกับทหารจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 โดยแสดงท่าทีว่าคิดจะยกกรุงศรีให้ฝรั่งเศส
ต้นปีค.ศ.1686 (ค.ศ.2229)
จับพระสึกมาใช้แรงงาน
พระนารายณ์ทรงคิดจะสร้างป้อมเพิ่มอีกหลายแห่ง ที่เมืองละโว้ เมืองบางกอก เมืองพิษณุโลก เมืองมะริด และเมืองสงขลา จึงต้องระดมคนมาเป็นแรงงานก่อสร้างเป็นจำนวนมาก แต่คนส่วนหนึ่งไม่อยากถูกเกณฑ์ไปใช้แรงงาน จึงหนีไปบวชเป็นพระ ทำให้แรงงานที่ใช้ก่อสร้างมีไม่พอ ฟอลคอนเห็นการศึกกับอังกฤษพร้อมจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อจึงจับพระนับหมื่นคนให้สึกออกมาช่วยกันเร่งสร้างป้อม เรื่องนี้ได้สร้างความไม่พอใจให้กับชาวไทยหลายฝ่าย หลวงสรศักดิ์ (พระเจ้าเสือ) ไม่พอใจมาก ถึงขั้นชกปากฟอลคอน จนต้องหลบหนีพระราชอาญาไปขอหลบภัยกับเจ้าแม่วัดดุสิต
กลางปีค.ศ.1686 (ค.ศ.2229)
เกิดกบฏแขกมักกะสัน
สาเหตุเกิดจากชาวมุสลิมไม่พอใจที่พระนารายณ์มีนโยบายสนับสนุนศาสนาคริสต์ จึงวางแผนคิดจะก่อกบฏปลงพระชนม์พระนารายณ์ และยกเจ้าฟ้าอภัยทศขึ้นมาเป็นขุนหลวง โดยมีข้อแม้ว่าเจ้าฟ้าอภัยทศต้องเปลี่ยนศาสนามานับถือศาสนาอิสลาม ถ้าไม่ยอมจะฆ่าทิ้ง
ฟอลคอนจึงเป็นผู้นำทหารไทยและฝรั่งเศสออกไปปราบกบฏ การปราบปรามเป็นไปอย่างดุเดือด ทหารไทยตายไปพันกว่าคน ทหารฝรั่งตายไปสิบกว่าคน แม้แต่ฟอลคอนเองก็เกือบจะจมน้ำตาย
เหตุการณ์นี้จึงเป็นผลเสียที่เกิดจากการที่พระนารายณ์เอนเอียงไปทางศาสนาคริสต์มากเกินไป
ผมแต่งประวัติฟอลคอนแบบนี้ อวยเกินไปไหมครับ
ผมจึงลองเรียบเรียงขึ้นมาดูจนออกมาเป็นแบบนี้
ทั้งๆ ที่ตอนแรก ผมก็เชื่อตามความเห็นจากคนแต่งหนังสือหลายๆ ท่านและคิดว่าฟอลคอนเป็นคนเลว
แต่ดันเรียบเรียงออกมาเหมือนจะอวยฟอลคอนเกินเหตุ
นี่คือกระทู้แรกที่ผมตั้งแบบมีสาระ คิดเห็นอย่างไรแนะนำได้ แต่อย่าแรงก็พอครับ
ส่วนบางคำที่ไม่ได้ใช้คำราชาศัพท์ต้องขออภัยด้วยครับ
ถ้ามีประโยคไหนลบหลู่บุคคลสำคัญเหล่านี้ ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ
ปีค.ศ.1662 (พ.ศ.2205)
ฟอลคอนอายุ 15 ปีได้ออกจากบ้านไปทำงานอยู่บนเรือสินค้าของอังกฤษที่ไปทำการค้าในประเทศต่างๆ บนทวีปเอเชีย ฟอลคอนทำอยู่นานเป็นเวลากว่า 10 ปีก็ได้ลาออกไปทำงานกับพ่อค้าชาวอังกฤษที่ทำการค้าระหว่างกรุงศรีอยุธยา เมืองจีนและทางเหนือของเวียดนาม ทำให้มีประสบการณ์ทำการค้าเป็นอย่างดี และสามารถพูดได้หลายภาษา อาทิเช่น อังกฤษ โปรตุเกส มลายู รวมทั้งภาษาไทย
พ่อค้าชาวอังกฤษที่เป็นเจ้านายได้เดินทางกลับอังกฤษ ฟอลคอนที่มีอายุได้ 28 ปีจึงตัดสินใจเสี่ยงโชคอยู่ที่ภูมิภาคนี้ต่อ โดยเลือกที่จะทำงานราชการอยู่ในกรุงศรีอยุธยา
ฟอลคอนทำการค้าอยู่ในพื้นที่นี้มานานจึงรู้ว่าเจ้าพระยาพระคลังโกษาเหล็กชื่นชอบรับสินบนจึงนำเงินสะสมที่ตัวเองมีอยู่ติดสินบนโกษาเหล็กเพื่อขอทำงานราชการด้วย ท่านโกษาเหล็กจึงจ้างฟอลคอนให้ทำงานเป็นล่ามดูแลการค้าทางต่างประเทศ
ฟอลคอนเป็นคนเก่งช่วยงานโกษาเหล็กได้หลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการคิดบัญชีพ่อค้าอิหร่าน ที่พระคลังฝากสินค้าให้พ่อค้าชาวอิหร่านไปขายโดยยังไม่ต้องชำระเงิน เมื่อกลับมาคิดเงินหักค่าใช้จ่าย กลับขาดทุนจนพระคลังต้องเป็นหนี้ ฟอลคอนจึงเข้าไปคำนวณใหม่ กลับกลายเป็นว่าพระคลังได้กำไรถึงสองเท่าตัว ด้วยผลงานครั้งนี้ทำให้พระนารายณ์ทรงโปรดฟอลคอน และดึงตัวมาช่วยงานราชการ
ปีค.ศ.1682 (ค.ศ.2225)
เมื่ออายุได้ 35 ปี ฟอลคอนก็ได้สมรสกับนางมารีกีมาร์ (ท้าวทองกีบม้า) หญิงสาวลูกครึ่งโปรตุเกส-ญี่ปุ่น
ไฟไหม้ห้างร้านอังกฤษ
บริษัทการค้าของอังกฤษขายไม่ดี ประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก บริษัทแม่ไม่ได้ส่งเงินทุนมาให้จนตัวแทนต้องกู้ยืมเงินจากพระนารายณ์มาทำทุนต่อ พระนารายณ์ทรงสนับสนุนการค้าจึงยอมให้กู้ยืม โดยคิดดอกร้อยละสองต่อเดือน
ภายหลัง โกษาเหล็กพบเห็นช่องทางทำกำไร จึงร่วมมือกับตัวแทนจากบริษัทการค้าของอังกฤษแอบซื้อขายสินค้าผ่านชื่อของบริษัทสร้างกำไรให้กับพวกตัวเอง โดยมีฟอลคอนรู้เห็นด้วย
ภายหลังบริษัทแม่จากอังกฤษแปลกใจทำไมบริษัทสาขากรุงศรีอยุธยายังไม่ปิดกิจการ จึงส่งคนมาตรวจสอบ
ตรวจไปตรวจมา ดันพบว่ามีกำไร จึงคิดจะเชิดเงินทั้งหมดขึ้นมาเป็นของตัวเอง
ฟอลคอนจึงต้องออกหน้าแทนโกษาเหล็กบอกว่าเงินที่กู้ยืมไปลงทุนยังไม่จ่าย ขอให้อังกฤษจ่ายคืนมาก่อน แต่ยอดเงินที่กู้ยืมไปมีจำนวนมหาศาล ผู้ตรวจสอบไม่มีปัญญาจ่ายจึงพยายามบ่ายเบี่ยงแล้วคิดจะยึดสินค้าในห้างร้างขึ้นมาเป็นของตัวเอง แต่ฟอลคอนไม่ยอมให้เอาไป ผู้ตรวจสอบจึงขอเข้าเฝ้าพระนารายณ์
แต่เรื่องนี้ได้เข้าถึงหูพระนารายณ์อยู่ก่อนแล้ว พระองค์ไม่อยากเอาโทษโกษาเหล็กจึงไม่ยอมให้เข้าเฝ้าและสั่งให้ฟอลคอนเป็นคนจัดการให้จบเรื่อง
ผู้ตรวจสอบจากอังกฤษไม่พอใจที่เชิดเงินขึ้นมาไม่ได้ สินค้าในห้างก็เอาออกมาไม่ได้อีก ยามโกรธแค้นจึงเผาสินค้าที่อยู่ในห้างร้านทั้งหมด เพราะสินค้าเหล่านี้ยังอยู่ในห้างร้านของพวกตน พวกตนจะทำอะไรก็ได้ ข้าราชการไทยทราบข่าวจึงรีบเข้าไปดับไฟ แต่ถูกชาวอังกฤษขัดขวางไว้
พระนารายณ์ทราบเรื่องนี้จึงทรงกริ้วมาก เพราะสินค้าทั้งหมดซื้อด้วยเงินที่กู้ยืมไปจากพระองค์ ถ้าสินค้าถูกเผาไม่เหลือ เงินทุนที่ลงไปก็ต้องกลายเป็นหนี้สูญ
(หลักฐานในเรื่องนี้อยู่ในคำประกาศสงครามกับอังกฤษในปีค.ศ.1687 ที่ได้ระบุเจาะจงเอาไว้ว่า ซามูเอล พอต์ต ชาวอังกฤษเป็นคนเผาห้างร้าน และพยายามหน่วงเหนี่ยวไว้ไม่ให้ข้าราชการไทยเข้าไปดับไฟ)
(โกษาเหล็กเป็นคนที่ชอบกอบโกยเงินเข้าตัว มีหรือที่จะไม่ทราบเรื่องที่ฟอลคอนทำอะไรลงไปบ้าง)
เนื่องจากผิดใจกับบริษัทจากอังกฤษในครั้งนี้ ทำให้พระนารายณ์มีพระดำริคิดจะสร้างป้อมปราการขึ้นมา เพื่อใช้ป้องกันเรือรบจากอังกฤษที่จะยกทัพขึ้นมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา พระองค์จึงได้สั่งให้ฟอลคอนสร้างป้อมปราการขึ้นที่บางกอก
แต่เจ้าพระยาพระคลังโกษาเหล็กไม่เห็นด้วยกล่าวคัดค้านโดยอ้างว่าไม่เหมาะกับคนไทย เหมือนเป็นกรงขัง ทำให้พระนารายณ์ทรงกริ้วมาก เพราะเหตุที่ผิดใจกับบริษัทอังกฤษมาจากโกษาเหล็ก การที่พระองค์จะสร้างป้อมขึ้นมาป้องกันทัพเรือของอังกฤษก็เพราะโกษาเหล็กเป็นต้นเหตุ
พระองค์รู้ว่าโกษาเหล็กมีนิสัยโลภในเงินทอง จึงถามว่าโกษาเหล็กรับสินบนมาใช่ไหม ถึงได้กล่าวคัดค้านเช่นนี้
แต่โกษาเหล็กยังยืนกรานว่าไม่ได้รับสินบน และไม่เห็นด้วยที่จะให้สร้างป้อม
พระนารายณ์ไม่ทรงเชื่อ จึงระงับอารมณ์ไม่อยู่สั่งให้พระอาญาโบยโกษาเหล็กต่อหน้าพระที่นั่งและจองจำ 5 ประการ โดยไม่สนใจผลงานและความผูกพันจากเก่าก่อน และไม่มีการสอบสวนเรื่องรับสินบนแต่อย่างใด
เพราะเหตุนี้ ภายหลังถูกฟาดโบย โกษาเหล็กจึงไม่โทษฟอลคอน เพราะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีใครใส่ความ ที่พระนารายณ์ทรงลงพระอาญาเป็นเพราะความผิดจากครั้งก่อน
หลังจากนั้น พระนารายณ์คิดจะแต่งตั้งฟอลคอนเป็นพระยาพระคลังแทน แต่ฟอลคอนไม่ยอมรับเพราะคิดว่าตัวเองเป็นชาวต่างชาติ และกลัวคนเข้าใจผิดคิดว่าตัวเขาเป็นต้นเหตุทำให้โกษาเหล็กถูกลงอาญา พระนารายณ์จึงทรงแต่งตั้งให้เป็นแค่ผู้ช่วยพระยาพระคลัง แต่มีอำนาจสิทธิ์ขาดเท่าพระยาพระคลัง
เมื่อขึ้นมามีอำนาจ ฟอลคอนก็วางแผนเตรียมการรับมืออังกฤษ โดยได้ปลดเจ้าเมืองที่อยู่แถบชายฝั่งเมืองมะริด และแต่งตั้งชาวอังกฤษที่เป็นพรรคพวกของตนขึ้นมาเป็นเจ้าเมือง จากนั้นก็ได้จ้างชาวอังกฤษมาช่วยทำการค้า และให้ปล้นเรือสินค้าชาติอื่นทุกลำที่แล่นผ่านอ่าวเบงกอล ยกเว้นเรือของอังกฤษแค่ชาติเดียว เพื่อทำให้ทุกชาติที่ถูกปล้นคิดว่าเป็นฝีมือของชาวอังกฤษ
โกษาปานไปฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสส่งคณะราชทูตมาเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงศรีอยุธยา ฟอลคอนเห็นได้โอกาสจึงคิดจะดึงฝรั่งเศสมาคานอำนาจอังกฤษและฮอลันดา เมื่อโกษาปานนำคณะราชทูตออกเดินทาง ฟอลคอนจึงได้ส่งจดหมายลับไปขออาวุธกับทหารจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 โดยแสดงท่าทีว่าคิดจะยกกรุงศรีให้ฝรั่งเศส
จับพระสึกมาใช้แรงงาน
พระนารายณ์ทรงคิดจะสร้างป้อมเพิ่มอีกหลายแห่ง ที่เมืองละโว้ เมืองบางกอก เมืองพิษณุโลก เมืองมะริด และเมืองสงขลา จึงต้องระดมคนมาเป็นแรงงานก่อสร้างเป็นจำนวนมาก แต่คนส่วนหนึ่งไม่อยากถูกเกณฑ์ไปใช้แรงงาน จึงหนีไปบวชเป็นพระ ทำให้แรงงานที่ใช้ก่อสร้างมีไม่พอ ฟอลคอนเห็นการศึกกับอังกฤษพร้อมจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อจึงจับพระนับหมื่นคนให้สึกออกมาช่วยกันเร่งสร้างป้อม เรื่องนี้ได้สร้างความไม่พอใจให้กับชาวไทยหลายฝ่าย หลวงสรศักดิ์ (พระเจ้าเสือ) ไม่พอใจมาก ถึงขั้นชกปากฟอลคอน จนต้องหลบหนีพระราชอาญาไปขอหลบภัยกับเจ้าแม่วัดดุสิต
เกิดกบฏแขกมักกะสัน
สาเหตุเกิดจากชาวมุสลิมไม่พอใจที่พระนารายณ์มีนโยบายสนับสนุนศาสนาคริสต์ จึงวางแผนคิดจะก่อกบฏปลงพระชนม์พระนารายณ์ และยกเจ้าฟ้าอภัยทศขึ้นมาเป็นขุนหลวง โดยมีข้อแม้ว่าเจ้าฟ้าอภัยทศต้องเปลี่ยนศาสนามานับถือศาสนาอิสลาม ถ้าไม่ยอมจะฆ่าทิ้ง
ฟอลคอนจึงเป็นผู้นำทหารไทยและฝรั่งเศสออกไปปราบกบฏ การปราบปรามเป็นไปอย่างดุเดือด ทหารไทยตายไปพันกว่าคน ทหารฝรั่งตายไปสิบกว่าคน แม้แต่ฟอลคอนเองก็เกือบจะจมน้ำตาย
เหตุการณ์นี้จึงเป็นผลเสียที่เกิดจากการที่พระนารายณ์เอนเอียงไปทางศาสนาคริสต์มากเกินไป