สวัสดีค่ะชาวเด็กออส ชาวพันทิป และทุกท่าน ๆ หลังจากที่มีบทความเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ มากมาย วันนี้ทางเว็บมีบทความเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่ชื่อว่า
วันอนุสรณ์สถานแห่งทหารผ่านศึก ANZAC Day In Melbourne ซึ่งเขียนโดยนามปากกา เด็กอ้วน นั่นเองค่ะ ถ้าหากกพร้อมแล้วขอเชิญทุกท่านร่วมรำลึกความหลังและประวัติศาสตร์จาก เด็กอ้วน กันเลยค่ะ
สวัสดีครับ!!! ท่านผู้อ่านทุกๆท่าน และแฟนคลับของหนุ่มน้อยหน้ามนทุกๆคน [แหะๆ หวังว่าจะมีแฟนคลับกับเค้าบ้าง] ในบทความนี้อาจจะไม่ได้สนุกหรือรื่นรมย์นะขอรับ เพราะว่าเรื่องที่กระผมจะมานำเสนอในวันนี้ค่อนข้างที่จะสะเทือนใจสำหรับบุคคลที่เคยสูญเสียคนในครอบครัว, ญาติสนิท หรือคนรัก ไปในช่วงสงคราม แต่ผมเชื่อนะครับว่า “ความเสียใจในวันนั้น ได้นำมาสู่คำว่าวีรบุรุษผู้เสียสละ” ผมเชื่อนะครับว่าไม่มีใครอยากให้คนในโลกก่อสงครามระหว่างประเทศกัน แต่ในสมัยก่อนเรื่องแบบนี้ไม่สามารถที่จะหยุดได้ เพราะแต่ละประเทศต้องการแผ่นดินและการขยายอำนาจของตนเองออกไปให้ได้เยอะที่สุด สุดท้ายความสูญเสียจึงเกิดขึ้น สำหรับบทความนี้กระผมจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ “ANZAC DAY”
ANZAC DAY ย่อมาจากคำว่า Australian and Newzealand Army Corps ซึ่งวันนี้เป็นวันหยุดราชการของประเทศออสเตรเลีย[Australia] เพื่อให้ประชาชนชาวออสเตรเลีย[Australian] ได้ไปแสดงความเสียใจและระลึกถึงเหล่าทหารกล้าที่ได้สละชีวิตของตนเองเพื่อดำรงไว้เพื่อประเทศของตนเอง โดยวันแอนเซคจะตรงกับวันที่ 25 เมษายนของทุกปี เนื่องจากวันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2458 [25 April 1915] ทหารของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับประเทศอังกฤษ กองทัพพันธมิตรได้ยกทัพขึ้นสู่คาบสมุทรชายฝั่งตะวันตกของ Gallipoli ประเทศตุรกี[Turkey ]เพื่อเข้าไปยึด Constantinople ซึ่งเป็นเมืองหลวงของOttoman Empire [เป็นฝ่ายพันธมิตรของเยอรมันทGerman] ทั้งสองฝ่ายได้เปิดศึกใส่กันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และในสงครามครั้งนี้ต่างฝ่ายต่างเสียทหารไปจำนวนมาก ซึ่งออสเตรเลียสูญเสียทหารไปถึง 8,709 นาย หลังจากนั้นวันที่ 25 เมษายนของทุกปีจึงเป็นวันรำลึกถึงวีรชนที่กล้าหาญ
นอกจากเหตุการณ์ในสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้ว ทหารจากประเทศออสเตรเลียได้เข้ามาทำภารกิจในประเทศไทย [Thailand] บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อว่า “ทางรถไฟสายมรณะ” [Hell-Fire Pass] ทหารหลายนายของออสเตรเลียได้เสียชีวิตระหว่างการก่อสร้างเส้นทางรถไฟในครั้งนี้อีกด้วย
What do we do on Anzac Day ? ชาวเมลเบิร์นต้องทำอะไรในวันแอนแซค
ชาวเมลเบิร์นส่วนใหญ่จะตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อทำการจัดเตรียมตนเองเพื่อไปประกอบพิธีที่ The Shrine of Remembrance [อนุสรณ์สถานสงคราม หรือ อนุสรณ์เพื่อการระลึกถึงทหารที่สละชีวิตเพื่อป้องกันประเทศ] โดยจะมีพิธีการดังนี้
- 6 A.M. Start Dawn Service ยืนไว้อาลัยให้แก่วีรชนผู้กล้าทั้งชายและหญิงเป็นเวลา 1 นาที [แนะนำให้ท่านมาถึงประมาณ 04.00 – 05.oo a.m.]
- 9 A.M. Anzac Day March เริ่มการเดินขบวนของเหล่าทหาร และลูกหลานของเหล่าวีรชน โดยจะเริ่มจาก เดินตามถนน St Kilda เริ่มจากจุดตัดของถนน Flinders และ Swanston และหยุดที่จุดทำพิธีเพื่อวางพวงมาลาและดอกป๊อปปี้บนหลุมศพของเหล่าทหารกล้า
ที่ตั้ง : Birdwood Avenue and St Kilda Road, 1.3km from Flinders Street Railway Station.
การเดินทาง : สามารถนั่งรถรางที่ Federation Square สายไหนก็ได้ ยกเว้นสาย 1 ลงสถานีที่ 19 ส่วนรถบัส นั่งสาย 605 จาก Gardenvale to Flagstaff stations ลงที่ถนน Birdwood และรถยนต์ส่วนตัวสามารถนำไปจอดได้ที่ถนนBirdwood และ St Kilda
Website :
https://www.shrine.org.au/Remembrance/ANZAC-Day
หากท่านใดไม่สะดวกเดินทางไปที่ The Shrine of Remembrance ท่านสามารถเช็ครายละเอียดจากเว็บไซต์ด้านล่างนี้ได้เลยนะครัช ใกล้ตรงไหนไปตรงนั้น [วันสำคัญของประเทศออสเตรเลียเค้าดีจริงๆ]
Website :
https://anzaccentenary.vic.gov.au/anzacday-services/
Why does it have to be “POPPY”? [ทำไมสัญญลักษณ์ต้องเป็นดอกป๊อปปี้?]
Poppy in Melbourne
ดอกป๊อปปี้ เป็นพืชในวงศ์ Papaveraceae ซึ่งจะมีหลากหลายสีสัน แต่ในวันทหารผ่านศึก หรือวันรำลึกถึงความกล้าหาญของเหล่าทหารและวีรชน ในหลายๆประเทศจะใช้ดอกป๊อปปี้สีแดง เนื่องจากหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 บริเวณสมรภูมิที่ได้มีหลุมฝังศพของเหล่าทหารที่ได้เสียสละชีวิตตนเองระหว่างการสู้รบของฝ่ายสัมพันธมิตรกับเยอรมัน สมรภูมิแห่งนี้ถือเป็นสมรภูมิที่ทหารเสียชีวิตมากที่สุด
ต่อมาได้เกิดปรากฎการณ์ธรรมชาติ โดยจอมพล เอิร์ล ออฟ เฮก ผู้บัญชาการการรบ ได้เห็นลานสมรภูมิรบเป็นสีแดงทั่วหลุมฝังศพของทหารที่เสียชีวิตลงสีแดงที่ละลานตานั้นคือดอกป๊อปปี้ป่าที่ขึ้นอยู่บนหลุมฝังศพทั่วสมรภูมิ ตั้งแต่วันนั้น
ดอกป๊อปปี้ป่าจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของวันดังกล่าวเพราะสีแดงเหล่านั้นแสดงให้เห็นถึงความอุทิศและเสียสละเลือดเนื้อของตนเพื่อรักษาดินแดนและอธิปไตยของประเทศชาติ
ในส่วนของประเทศไทยนั้นก็มีวันทหารผ่านศึกเฉกเช่นเดียวกับประเทศออสเตรเลีย การใช้ดอกป๊อปปี้ของประเทศไทยได้นำแนวคิดของต่างชาติมาใช้เชื่อมโยงกับการเสียสละชีวิตของทหารเหมือนกัน แต่การทำดอกป๊อปปี้ขายในประเทศไทยนั้นเป็นการริเริ่มของท่านผู้หญิง จงกล กิตติขจร ประธานสโมสรสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึก หรือ มูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึกในปัจจุบัน เพื่อนำรายได้ที่ได้จากการขายดอกป๊อปปี้การกุศลมาเป็นเงินช่วยเหลือครอบครัวของทหารผ่านศึก โดยในประเทศไทยมีการเริ่มขายดอกป๊อปปี้ตั้งแต่ปี 2511
Poppy filed
หลายชีวิตที่ได้สูญเสียไปในแต่ละสงครามเพื่อรักษาดินแดนเอาไว้เป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่และหาวิธีหลีกเลี่ยงได้ยาก วันนี้จึงเป็นวันที่ทุกคนจำต้องรำลึกถึงวีรบุรุษและวีรสตรีที่เสียสละชีวิตตนเพื่อรักษาส่วนรวมเอาไว้
วันนี้เลยเป็นวันที่สำคัญและยิ่งใหญ่อีกวันหนึ่งของประเทศออสเตรเลีย กระผมในฐานะนักเขียนขอร่วมรำลึกถึงคุณงามของวีรชนทั้งหลายเนื่องในวันนี้ด้วยนะขอรับ ท่านใดที่เพิ่งเคยเข้ามาอ่านบทความของกระผมนั้น หากท่านชอบและติดใจในลีลาการเขียนของผมและชอบในเรื่องวันสำคัญของประเทศออสเตรเลียกระผมขอแนะนำบทความ
วันอีสเตอร์ [Easter Day’s] https://goo.gl/cJRGPd
เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับบทความนี้ เรียกได้ว่าสะเทือนใจกันเลยทีเดียวทางแอดมินขอร่วมแสดงความเสียใจและรำลึกถึงทหารผ่านศึกทุกคนที่ได้สละเลือดเนื้อเชื้อไขเพื่อปกป้องประเทศชาติของตัวเองมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ..
สามารถอ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ :
https://goo.gl/59zzKK
วันอนุสรณ์สถานแห่งทหารผ่านศึก ANZEC Day In Melbourne
สวัสดีครับ!!! ท่านผู้อ่านทุกๆท่าน และแฟนคลับของหนุ่มน้อยหน้ามนทุกๆคน [แหะๆ หวังว่าจะมีแฟนคลับกับเค้าบ้าง] ในบทความนี้อาจจะไม่ได้สนุกหรือรื่นรมย์นะขอรับ เพราะว่าเรื่องที่กระผมจะมานำเสนอในวันนี้ค่อนข้างที่จะสะเทือนใจสำหรับบุคคลที่เคยสูญเสียคนในครอบครัว, ญาติสนิท หรือคนรัก ไปในช่วงสงคราม แต่ผมเชื่อนะครับว่า “ความเสียใจในวันนั้น ได้นำมาสู่คำว่าวีรบุรุษผู้เสียสละ” ผมเชื่อนะครับว่าไม่มีใครอยากให้คนในโลกก่อสงครามระหว่างประเทศกัน แต่ในสมัยก่อนเรื่องแบบนี้ไม่สามารถที่จะหยุดได้ เพราะแต่ละประเทศต้องการแผ่นดินและการขยายอำนาจของตนเองออกไปให้ได้เยอะที่สุด สุดท้ายความสูญเสียจึงเกิดขึ้น สำหรับบทความนี้กระผมจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ “ANZAC DAY”
ANZAC DAY ย่อมาจากคำว่า Australian and Newzealand Army Corps ซึ่งวันนี้เป็นวันหยุดราชการของประเทศออสเตรเลีย[Australia] เพื่อให้ประชาชนชาวออสเตรเลีย[Australian] ได้ไปแสดงความเสียใจและระลึกถึงเหล่าทหารกล้าที่ได้สละชีวิตของตนเองเพื่อดำรงไว้เพื่อประเทศของตนเอง โดยวันแอนเซคจะตรงกับวันที่ 25 เมษายนของทุกปี เนื่องจากวันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2458 [25 April 1915] ทหารของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับประเทศอังกฤษ กองทัพพันธมิตรได้ยกทัพขึ้นสู่คาบสมุทรชายฝั่งตะวันตกของ Gallipoli ประเทศตุรกี[Turkey ]เพื่อเข้าไปยึด Constantinople ซึ่งเป็นเมืองหลวงของOttoman Empire [เป็นฝ่ายพันธมิตรของเยอรมันทGerman] ทั้งสองฝ่ายได้เปิดศึกใส่กันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และในสงครามครั้งนี้ต่างฝ่ายต่างเสียทหารไปจำนวนมาก ซึ่งออสเตรเลียสูญเสียทหารไปถึง 8,709 นาย หลังจากนั้นวันที่ 25 เมษายนของทุกปีจึงเป็นวันรำลึกถึงวีรชนที่กล้าหาญ
นอกจากเหตุการณ์ในสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้ว ทหารจากประเทศออสเตรเลียได้เข้ามาทำภารกิจในประเทศไทย [Thailand] บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อว่า “ทางรถไฟสายมรณะ” [Hell-Fire Pass] ทหารหลายนายของออสเตรเลียได้เสียชีวิตระหว่างการก่อสร้างเส้นทางรถไฟในครั้งนี้อีกด้วย
ชาวเมลเบิร์นส่วนใหญ่จะตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อทำการจัดเตรียมตนเองเพื่อไปประกอบพิธีที่ The Shrine of Remembrance [อนุสรณ์สถานสงคราม หรือ อนุสรณ์เพื่อการระลึกถึงทหารที่สละชีวิตเพื่อป้องกันประเทศ] โดยจะมีพิธีการดังนี้
- 6 A.M. Start Dawn Service ยืนไว้อาลัยให้แก่วีรชนผู้กล้าทั้งชายและหญิงเป็นเวลา 1 นาที [แนะนำให้ท่านมาถึงประมาณ 04.00 – 05.oo a.m.]
- 9 A.M. Anzac Day March เริ่มการเดินขบวนของเหล่าทหาร และลูกหลานของเหล่าวีรชน โดยจะเริ่มจาก เดินตามถนน St Kilda เริ่มจากจุดตัดของถนน Flinders และ Swanston และหยุดที่จุดทำพิธีเพื่อวางพวงมาลาและดอกป๊อปปี้บนหลุมศพของเหล่าทหารกล้า
ที่ตั้ง : Birdwood Avenue and St Kilda Road, 1.3km from Flinders Street Railway Station.
การเดินทาง : สามารถนั่งรถรางที่ Federation Square สายไหนก็ได้ ยกเว้นสาย 1 ลงสถานีที่ 19 ส่วนรถบัส นั่งสาย 605 จาก Gardenvale to Flagstaff stations ลงที่ถนน Birdwood และรถยนต์ส่วนตัวสามารถนำไปจอดได้ที่ถนนBirdwood และ St Kilda
Website : https://www.shrine.org.au/Remembrance/ANZAC-Day
หากท่านใดไม่สะดวกเดินทางไปที่ The Shrine of Remembrance ท่านสามารถเช็ครายละเอียดจากเว็บไซต์ด้านล่างนี้ได้เลยนะครัช ใกล้ตรงไหนไปตรงนั้น [วันสำคัญของประเทศออสเตรเลียเค้าดีจริงๆ]
Website : https://anzaccentenary.vic.gov.au/anzacday-services/
ดอกป๊อปปี้ เป็นพืชในวงศ์ Papaveraceae ซึ่งจะมีหลากหลายสีสัน แต่ในวันทหารผ่านศึก หรือวันรำลึกถึงความกล้าหาญของเหล่าทหารและวีรชน ในหลายๆประเทศจะใช้ดอกป๊อปปี้สีแดง เนื่องจากหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 บริเวณสมรภูมิที่ได้มีหลุมฝังศพของเหล่าทหารที่ได้เสียสละชีวิตตนเองระหว่างการสู้รบของฝ่ายสัมพันธมิตรกับเยอรมัน สมรภูมิแห่งนี้ถือเป็นสมรภูมิที่ทหารเสียชีวิตมากที่สุด ต่อมาได้เกิดปรากฎการณ์ธรรมชาติ โดยจอมพล เอิร์ล ออฟ เฮก ผู้บัญชาการการรบ ได้เห็นลานสมรภูมิรบเป็นสีแดงทั่วหลุมฝังศพของทหารที่เสียชีวิตลงสีแดงที่ละลานตานั้นคือดอกป๊อปปี้ป่าที่ขึ้นอยู่บนหลุมฝังศพทั่วสมรภูมิ ตั้งแต่วันนั้นดอกป๊อปปี้ป่าจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของวันดังกล่าวเพราะสีแดงเหล่านั้นแสดงให้เห็นถึงความอุทิศและเสียสละเลือดเนื้อของตนเพื่อรักษาดินแดนและอธิปไตยของประเทศชาติ
ในส่วนของประเทศไทยนั้นก็มีวันทหารผ่านศึกเฉกเช่นเดียวกับประเทศออสเตรเลีย การใช้ดอกป๊อปปี้ของประเทศไทยได้นำแนวคิดของต่างชาติมาใช้เชื่อมโยงกับการเสียสละชีวิตของทหารเหมือนกัน แต่การทำดอกป๊อปปี้ขายในประเทศไทยนั้นเป็นการริเริ่มของท่านผู้หญิง จงกล กิตติขจร ประธานสโมสรสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึก หรือ มูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึกในปัจจุบัน เพื่อนำรายได้ที่ได้จากการขายดอกป๊อปปี้การกุศลมาเป็นเงินช่วยเหลือครอบครัวของทหารผ่านศึก โดยในประเทศไทยมีการเริ่มขายดอกป๊อปปี้ตั้งแต่ปี 2511
หลายชีวิตที่ได้สูญเสียไปในแต่ละสงครามเพื่อรักษาดินแดนเอาไว้เป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่และหาวิธีหลีกเลี่ยงได้ยาก วันนี้จึงเป็นวันที่ทุกคนจำต้องรำลึกถึงวีรบุรุษและวีรสตรีที่เสียสละชีวิตตนเพื่อรักษาส่วนรวมเอาไว้ วันนี้เลยเป็นวันที่สำคัญและยิ่งใหญ่อีกวันหนึ่งของประเทศออสเตรเลีย กระผมในฐานะนักเขียนขอร่วมรำลึกถึงคุณงามของวีรชนทั้งหลายเนื่องในวันนี้ด้วยนะขอรับ ท่านใดที่เพิ่งเคยเข้ามาอ่านบทความของกระผมนั้น หากท่านชอบและติดใจในลีลาการเขียนของผมและชอบในเรื่องวันสำคัญของประเทศออสเตรเลียกระผมขอแนะนำบทความ วันอีสเตอร์ [Easter Day’s] https://goo.gl/cJRGPd
เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับบทความนี้ เรียกได้ว่าสะเทือนใจกันเลยทีเดียวทางแอดมินขอร่วมแสดงความเสียใจและรำลึกถึงทหารผ่านศึกทุกคนที่ได้สละเลือดเนื้อเชื้อไขเพื่อปกป้องประเทศชาติของตัวเองมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ..
สามารถอ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ : https://goo.gl/59zzKK