ผมตั้งใจที่จะบอกเล่าประสบการณ์ และแชร์แนวคิดเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหารในบ้านเรา
เพื่อที่จะเป็นแนวทางสำหรับน้อง ๆ บางคนที่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่ ว่าจะสมัครดีหรือไม่
หรือจะวัดดวงกับใบดำ ใบแดงเอา โดยผมจะไม่ลงรายละเอียดยิบย่อยของการฝึกใด ๆ
เพียงแค่นำเอาประสบการณ์มาแชร์ให้ทราบเท่านั้นครับ
ผมเริ่มต้นด้วยการสมัครเป็นทหารเรือ ทันทีที่เรียนจบ ป.ตรี เมื่อถึงวันเกณฑ์ก็สมัครเลย
เป็นความตั้งใจของผมตั้งแต่เรียนมัธยม คือผมเป็นผู้ชายส่วนน้อยในห้องที่ไม่เรียน รด.
เพราะผมอยากโฟกัสไปทีละเรื่อง อยากทุ่มกับเรื่องเรียนให้เต็มที่ก่อน
แล้วก็ตั้งใจจะสมัครทหารไปเลย เพราะคิดว่ามันคงเข้มข้นกว่า รด. แน่นอน
เมื่อเข้าสู่ศาลากลางจังหวัด บรรยากาศเนืองแน่นไปด้วยว่าที่ทหารเกณฑ์และกองเชียร์
สิ่งแรกที่เกิดความรู้สึกขนลุก ในวันแรกของชีวิตทหารเกณฑ์คือ
เมื่อเจ้าหน้าที่ประกาศชื่อเราว่าสมัครเป็นทหารเรือ คนทุกคนในนั้นต่างปรบมือให้
ซึ่งเขาก็ปรบให้ทุกคนนะที่สมัคร รู้ทั้งรู้ว่าที่เขาปรบมือให้เพราะเป็นการลดจำนวนใบแดง
ที่ลูกหลานของเขาจะมีโอกาสจับได้ลงก็เถอะ แต่ก็นะ มันก็มีภูมิใจบ้างแหละ
คนที่สมัครหลายคนจะมีความรู้สึกนี้อยู่....
หลักเกณฑ์ของการสมัคร ก็จะมีเรื่องของวุฒิเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
เช่นหาก นำวุฒิ ป.ตรีมายื่นสมัคร ก็จะเข้ารับเกณฑ์แค่ 6 เดือน
หากเป็น ม.6 หรือ ปวส. จะเข้ารับเกณฑ์ 1 ปี (อันนี้ผมไม่แน่ใจนะ)
ที่เหลือก็จะ 2 ปีทุกกรณีไม่ว่าจะจับได้ หรือสมัครก็ตาม
หลายคนยังเข้าใจผิด (ไม่ได้หมายความว่าทุกคน) ว่าทหารเกณฑ์ที่จบป.6 จบ ม.6 หรือจบ ป.ตรี ฝึกหนักไม่เท่ากัน
คำตอบคือไม่ใช่ ไม่ว่าทหาร 2 ปี, 1 ปี, หรือ 6 เดือน ฝึกเท่ากันหมด คือประมาณ 4 เดือน
โดยอยู่ที่ ศูนย์ฝึกทหารใหม่ 2 เดือน และแยกย้ายตามหน่วยของตัวเองอีก 2 เดือน (โดยประมาณ)
ซึ่งจะแตกต่างกันจริง ๆ ก็คือเวลาที่ต้องประจำอยู่ในหน่วยจนครบเกณฑ์
เมื่อเข้าสู่ศูนย์ฝึกทหารใหม่ หลาย ๆ คนมักเรียกที่นี่ว่าโรงเชือดละลายพฤติกรรม
เพราะต้องเปลี่ยนจาก พลเรือนธรรมดา ให้เข้ามาสู่ระเบียบวินัยของทหาร
นี่คือช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของทุกคน เพราะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
และที่สำคัญคือคิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัว ที่สำคัญอยู่กับคนหมู่มาก ร้อยพ่อพันแม่
อดทนรอให้ถึงวันสำคัญวันแรกที่จะมาถึง ....
วันพบญาติ หรือจะเรียกว่าวันญาติมาพบดี
วันนี้เป็นวันที่ทุกคนรอคอย ทหารเกณฑ์ทุกคนจะใส่เครื่องแบบของหน่วยออกมาพบญาติ
ความรู้สึกภูมิใจหลั่งไหลออกมา ทั้งตัวทหารเกณฑ์เอง และครอบครัว
หลาย ๆ ครอบครัวจะสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงของลูกหลานตัวเองอย่างไกล้ชิดเป็นครั้งแรก
นี่คือช่วงเวลาที่น่าจะมีความสุขที่สุด ก่อนที่จะกลับมาฝึกฝนอย่างหนักต่อไป
เมื่อถึงวันจบการศึกษาจากศูนย์ฝึกทหารใหม่ ก็จะแยกย้ายไปประจำหน่วยของตัวเอง และฝึกฝนต่อไปอีกประมาณ 2 เดือน จากนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่กับหน่วยของตัวเองจนครบเกณฑ์ ความเข้มข้นของการฝึกจะอยู่ในส่วนหลังนี่แหละ จนดูว่า 2 เดือนแรกนี่เด็ก ๆ ไปเลย
คำถามสำคัญ
1. เป็นทหารแล้วได้อะไร สำหรับผม
- ความอดทน แน่นอนเป็นทหารจะให้มาพูดจ๊ะจ๋าก็คงไม่ใช้ โดนด่าโดนตะคอกทุกวัน เรายังผ่านมาได้ ชีวิตทำงานเหรอสำหรับผมดูเป็นคำพูดไพเราะไปเลยเวลาโดนหัวหน้าบ่น
- ร่างกายแข็งแรง อันนี้ถือเป็นของแถมแน่นอน ลองจินตนาการดูว่าปกติเราคาดิโอ้ 2 km. ก็แทบลากแล้ว เหนื่อยก็หยุดพัก แต่นี่มีคนมาพาคุณวิ่ง 2-4 km. เป็นอย่างต่ำทุก ๆ เช้าเย็น ร่างกายเราย่อมฟิตเฟิร์มขึ้นแน่นอน (ไม่วิ่งมีเฮ)
- ระเบียบวินัยในการใช้ชีวิต ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยเป็นคนที่ตื่นเช้า และไม่เคยไปช้ากว่าเวลานัดเลย ตลกมากในช่วง 2-3 เดือนแรกที่ปลดประจำการออกมา ต้องตังเสียงนาฬิกาปลุกเป็นเสียงนกหวีด ถึงจะตื่นครับ
- ความรู้และวิชาที่คนเป็นทหารเท่านั้นที่จะรู้ อันนี้ก็ตรงตัวครับ
- ความภาคภูมิใจ หลาย ๆคนอาจจะมีความภูมิใจที่ได้ยกพวกรุมกระทืบคนไม่มีทางสู้ แต่สำหรับผม ผมภูมิใจที่ผ่านมันมาได้ครับ
นี่เป็นเพียงคำบอกเล่าจากคนที่พร้อมใจเดินเข้าสู่รั้วฝึกของทหารครับ ถ้าจะถามผมว่าทำไมไม่พูดเรื่องไม่ดีของทหารเกณฑ์บ้าง
ทุก ๆ อาชีพไม่ได้มีดีทุกอย่าง หรือแย่ไปทุกอย่างครับ ขึ้นอยู่กับเราจะมองและมีความสุขกับส่วนไหนมากกว่ากัน
ทุกวันนี้มีคนอยู่หลายแบบ ทั้งสมัครเพื่ออยากเรียนรู้ชีวิตลูกผู้ชายจริง ๆ หรือสมัครเพราะกลัวจับได้ใบแดงแล้วเป็นสองปี
มีแม้แต่อยากเป็นทหาร แต่ก็จับใบดำใบแดง ดังนั้นสิ่งที่ได้รับจากการเข้าไปเกณฑ์ทหารจะแตกต่างกันออกไปครับ
ขึ้นอยู่กับน้อง ๆ ที่จะเลือก ผมเองเป็นแค่อีกหนึ่งเสียงครับว่ามันไม่ได้แย่ แต่ถ้ารู้สึกว่าไม่ใช่ก็ไม่ต้องฝืนครับ ลุ้นเอา
ครั้งนึงในชีวิตลูกผู้ชาย - ชอบคำนี้มาก ๆ ครับ ขอบคุณครับ
ทหารเกณฑ์ มันเป็นยังไง ดีหรือแย่กว่าที่คนส่วนใหญ่คิดจริงหรือ ?
เพื่อที่จะเป็นแนวทางสำหรับน้อง ๆ บางคนที่กำลังคิดเรื่องนี้อยู่ ว่าจะสมัครดีหรือไม่
หรือจะวัดดวงกับใบดำ ใบแดงเอา โดยผมจะไม่ลงรายละเอียดยิบย่อยของการฝึกใด ๆ
เพียงแค่นำเอาประสบการณ์มาแชร์ให้ทราบเท่านั้นครับ
ผมเริ่มต้นด้วยการสมัครเป็นทหารเรือ ทันทีที่เรียนจบ ป.ตรี เมื่อถึงวันเกณฑ์ก็สมัครเลย
เป็นความตั้งใจของผมตั้งแต่เรียนมัธยม คือผมเป็นผู้ชายส่วนน้อยในห้องที่ไม่เรียน รด.
เพราะผมอยากโฟกัสไปทีละเรื่อง อยากทุ่มกับเรื่องเรียนให้เต็มที่ก่อน
แล้วก็ตั้งใจจะสมัครทหารไปเลย เพราะคิดว่ามันคงเข้มข้นกว่า รด. แน่นอน
เมื่อเข้าสู่ศาลากลางจังหวัด บรรยากาศเนืองแน่นไปด้วยว่าที่ทหารเกณฑ์และกองเชียร์
สิ่งแรกที่เกิดความรู้สึกขนลุก ในวันแรกของชีวิตทหารเกณฑ์คือ
เมื่อเจ้าหน้าที่ประกาศชื่อเราว่าสมัครเป็นทหารเรือ คนทุกคนในนั้นต่างปรบมือให้
ซึ่งเขาก็ปรบให้ทุกคนนะที่สมัคร รู้ทั้งรู้ว่าที่เขาปรบมือให้เพราะเป็นการลดจำนวนใบแดง
ที่ลูกหลานของเขาจะมีโอกาสจับได้ลงก็เถอะ แต่ก็นะ มันก็มีภูมิใจบ้างแหละ
คนที่สมัครหลายคนจะมีความรู้สึกนี้อยู่....
หลักเกณฑ์ของการสมัคร ก็จะมีเรื่องของวุฒิเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
เช่นหาก นำวุฒิ ป.ตรีมายื่นสมัคร ก็จะเข้ารับเกณฑ์แค่ 6 เดือน
หากเป็น ม.6 หรือ ปวส. จะเข้ารับเกณฑ์ 1 ปี (อันนี้ผมไม่แน่ใจนะ)
ที่เหลือก็จะ 2 ปีทุกกรณีไม่ว่าจะจับได้ หรือสมัครก็ตาม
หลายคนยังเข้าใจผิด (ไม่ได้หมายความว่าทุกคน) ว่าทหารเกณฑ์ที่จบป.6 จบ ม.6 หรือจบ ป.ตรี ฝึกหนักไม่เท่ากัน
คำตอบคือไม่ใช่ ไม่ว่าทหาร 2 ปี, 1 ปี, หรือ 6 เดือน ฝึกเท่ากันหมด คือประมาณ 4 เดือน
โดยอยู่ที่ ศูนย์ฝึกทหารใหม่ 2 เดือน และแยกย้ายตามหน่วยของตัวเองอีก 2 เดือน (โดยประมาณ)
ซึ่งจะแตกต่างกันจริง ๆ ก็คือเวลาที่ต้องประจำอยู่ในหน่วยจนครบเกณฑ์
เมื่อเข้าสู่ศูนย์ฝึกทหารใหม่ หลาย ๆ คนมักเรียกที่นี่ว่าโรงเชือดละลายพฤติกรรม
เพราะต้องเปลี่ยนจาก พลเรือนธรรมดา ให้เข้ามาสู่ระเบียบวินัยของทหาร
นี่คือช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของทุกคน เพราะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต
และที่สำคัญคือคิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัว ที่สำคัญอยู่กับคนหมู่มาก ร้อยพ่อพันแม่
อดทนรอให้ถึงวันสำคัญวันแรกที่จะมาถึง ....
วันพบญาติ หรือจะเรียกว่าวันญาติมาพบดี
วันนี้เป็นวันที่ทุกคนรอคอย ทหารเกณฑ์ทุกคนจะใส่เครื่องแบบของหน่วยออกมาพบญาติ
ความรู้สึกภูมิใจหลั่งไหลออกมา ทั้งตัวทหารเกณฑ์เอง และครอบครัว
หลาย ๆ ครอบครัวจะสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงของลูกหลานตัวเองอย่างไกล้ชิดเป็นครั้งแรก
นี่คือช่วงเวลาที่น่าจะมีความสุขที่สุด ก่อนที่จะกลับมาฝึกฝนอย่างหนักต่อไป
เมื่อถึงวันจบการศึกษาจากศูนย์ฝึกทหารใหม่ ก็จะแยกย้ายไปประจำหน่วยของตัวเอง และฝึกฝนต่อไปอีกประมาณ 2 เดือน จากนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่กับหน่วยของตัวเองจนครบเกณฑ์ ความเข้มข้นของการฝึกจะอยู่ในส่วนหลังนี่แหละ จนดูว่า 2 เดือนแรกนี่เด็ก ๆ ไปเลย
คำถามสำคัญ
1. เป็นทหารแล้วได้อะไร สำหรับผม
- ความอดทน แน่นอนเป็นทหารจะให้มาพูดจ๊ะจ๋าก็คงไม่ใช้ โดนด่าโดนตะคอกทุกวัน เรายังผ่านมาได้ ชีวิตทำงานเหรอสำหรับผมดูเป็นคำพูดไพเราะไปเลยเวลาโดนหัวหน้าบ่น
- ร่างกายแข็งแรง อันนี้ถือเป็นของแถมแน่นอน ลองจินตนาการดูว่าปกติเราคาดิโอ้ 2 km. ก็แทบลากแล้ว เหนื่อยก็หยุดพัก แต่นี่มีคนมาพาคุณวิ่ง 2-4 km. เป็นอย่างต่ำทุก ๆ เช้าเย็น ร่างกายเราย่อมฟิตเฟิร์มขึ้นแน่นอน (ไม่วิ่งมีเฮ)
- ระเบียบวินัยในการใช้ชีวิต ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยเป็นคนที่ตื่นเช้า และไม่เคยไปช้ากว่าเวลานัดเลย ตลกมากในช่วง 2-3 เดือนแรกที่ปลดประจำการออกมา ต้องตังเสียงนาฬิกาปลุกเป็นเสียงนกหวีด ถึงจะตื่นครับ
- ความรู้และวิชาที่คนเป็นทหารเท่านั้นที่จะรู้ อันนี้ก็ตรงตัวครับ
- ความภาคภูมิใจ หลาย ๆคนอาจจะมีความภูมิใจที่ได้ยกพวกรุมกระทืบคนไม่มีทางสู้ แต่สำหรับผม ผมภูมิใจที่ผ่านมันมาได้ครับ
นี่เป็นเพียงคำบอกเล่าจากคนที่พร้อมใจเดินเข้าสู่รั้วฝึกของทหารครับ ถ้าจะถามผมว่าทำไมไม่พูดเรื่องไม่ดีของทหารเกณฑ์บ้าง
ทุก ๆ อาชีพไม่ได้มีดีทุกอย่าง หรือแย่ไปทุกอย่างครับ ขึ้นอยู่กับเราจะมองและมีความสุขกับส่วนไหนมากกว่ากัน
ทุกวันนี้มีคนอยู่หลายแบบ ทั้งสมัครเพื่ออยากเรียนรู้ชีวิตลูกผู้ชายจริง ๆ หรือสมัครเพราะกลัวจับได้ใบแดงแล้วเป็นสองปี
มีแม้แต่อยากเป็นทหาร แต่ก็จับใบดำใบแดง ดังนั้นสิ่งที่ได้รับจากการเข้าไปเกณฑ์ทหารจะแตกต่างกันออกไปครับ
ขึ้นอยู่กับน้อง ๆ ที่จะเลือก ผมเองเป็นแค่อีกหนึ่งเสียงครับว่ามันไม่ได้แย่ แต่ถ้ารู้สึกว่าไม่ใช่ก็ไม่ต้องฝืนครับ ลุ้นเอา
ครั้งนึงในชีวิตลูกผู้ชาย - ชอบคำนี้มาก ๆ ครับ ขอบคุณครับ