ด้วยความที่เป็นคนชอบเที่ยวพอสมควร ถ้ามีวันหยุดยาวติดกันก็ไม่พลาดที่จะต้องออกไปท่องโลก พอดีมีเพื่อนชวนไป Cebu ก็หูตาลุกวาว ตอบตกลงแบบไม่คิด แต่พอเอาเข้าจริง เพื่อนคนที่มาชวนไม่ได้ไป แต่เขาจะให้ไปกับเพื่อนๆของเขาอีก 14 ชีวิตที่เหลือ ซึ่งเราไม่รู้จักเลย เอาไงดีล่ะตั๋วก็ซื้อไว้แล้ว จะทิ้งตั๋วเหรอ ฉลามวาฬรออยู่นะ ก็คิดหนักอยู่แต่คิดไม่เกิน 5 นาทีหรอก คิดซะว่าไปกับทัวร์ ยิ่งเป็นทัวร์คนไทย อย่างน้อยก็น่าจะปลอดภัยนะ พอถึงวันก็ลุย คนเดียวนี่แหละ จะยากเย็นอะไรนักหนา เราออกเดินทางโดยสายการบิน PHILIPPINE AIRLINES ลงที่มะนิลา
และต่อเครื่องไปยัง Cebu
ใช้เวลาสักครึ่งวันก็มารอกลุ่มคนไทยที่เป็นเพื่อนของเพื่อนที่โรงแรมเล็กๆในย่าน Mactan ลุงแท็กซี่มาส่งพูดคุยกันอย่างถูกคอ ที่นี่รถติดเหมือนกันแฮะ บ้านเมืองเขาเหมือนย่านพระราม 4 ของบ้านเรามากทีเดียว ถึงโรงแรมก็หาอะไรในโรงแรมนั่นแหละรองท้องไปก่อน จะไปไหนก็กลัวจะหลงเพราะไม่ได้ซื้อซิม ดังนั้นจึงไม่มีอินเตอร์เนตใช้ นอกจากใช้ wifi ของทางโรงแรม นอนพักได้สักตื่น กลุ่มคนไทยทั้ง 14 คน ก็ได้มาถึง พวกเขาก็ชวนเราออกไปดูบ้านเมืองนี้ในยามค่ำคื่น เราทั้งหมด 15 คนนั่งสองแถวไปย่าน Square Cebu สถานที่แห่งนี้ก็อารมณ์คล้ายๆ  Night life ถนน ข้าวสารบ้านเรา ครึกครื้นพอควร
ในระหว่างที่นั่งสองแถวมาก็ทำการทักทายบอกชื่อบอกแซ่กันตามมารยาท ด้วยความที่เราเป็นคนเข้ากับคนง่ายไม่จุกจิกกับเรื่องไม่เป็นเรื่องก็ผ่านค่ำคืนแรกกับคนแปลกหน้าได้ไม่ยาก ดื่มด่ำกับบรรยากาศของที่นี่พอหอมปากหอมคอ เราทั้งหมดก็รีบกลับมายังที่พัก (คืนละ 1500/2คน ) เพราะพรุ่งนี้มีรถตู้มารอรับไป Oslob เพื่อไปดูฉลามวาฬแต่เช้าตรู่ การนั่งรถใน Cebu ไม่ใช่เรื่องง่าย ขับหวาดเสียว ขับเร็ว ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มหลายรอบ แต่ด้วยความที่ง่วงก็ใส่ผ้าปิดตาไปได้จบๆ ตื่นมาอีกทีก็ถึงเลย ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงเห็นจะได้ ทะเลที่นี่สวยใส และมีความลึกมาก สังเกตุจากสีน้ำทะลที่มีสีน้ำเงินเข้ม ก่อนจะลงเรือไปดูฉลามวาฬ จะมีเจ้าหน้าที่อธิบายข้อห้ามต่างๆ หลักๆก็ห้ามสัมผัสฉลามวาฬและห้ามทาครีมกันแดด หรือถ้าทามาแล้วก็จะมีที่สำหรับล้างตัว
พอฟังเสร็จล้างตัวเรียบร้อยก็ลงเรือไปดูฉลามวาฬกันเลยค่ะ ไม่ไกลจากฝั่ง ความลึกประมาณ 10 เมตรค่ะ
ฉลามวาฬแบบใกล้ๆ ตื่นเต้นมากจะบ้าตาย
เขาไม่ให้สัมผัสฉลามวาฬก็เลยต้องปีนหนีมัน มีเยอะมากๆ กะด้วยสายตาคร่าวๆก็หลายสิบตัว ดำน้ำลงไปเราเจอทีละ 4 ตัว ที่มันว่ายบริเวณเรือลำของเรา และมีอีกตั้งไม่รู้กี่สิบลำ แอบคิดในใจว่า เขาเลี้ยงมันไว้ ถึงเวลานักท่องเที่ยวมาก็เอาอาหารมาให้มัน
หลังจากดูฉลามวาฬเสร็จก็มาเล่นน้ำกันเหอะ น้ำใสมาก เราต้องนั่งเรือออกไปใช้เวลาไม่นานค่ะ
เล่นน้ำเสร็จก็กลับมาที่พักค่ะ คืนนี้เรานอนกันที่ Oslob
วิวดีเกินบรรยาย
นอนพักให้เต็มที่สำหรับการไปโดด น้ำตก Kawasan
สำหรับการไป Kawasan Falls นั้นเราต้องนั่งรถมอเตอร์ไซด์ แล้วเดินเท้าต่ออีก 6 ชั่วโมง
สิ่งที่ต้องมีคือรองเท้าสำหรับการเดินลุยน้ำต้องกันลื่นและต้องเหยียบหินที่อยู่ใต้น้ำด้วย รองเท้าเป็นสิ่งจำเป็นมาก ซึ่งเราไม่มี 55555 แต่ไกด์ใจดีให้ยืม นอกจากรองเท้าที่ต้องมีแล้วสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือ ความกล้าหาญ เพราะคุณต้องกระโดดหน้าผาตามจุดต่างๆ จุดสุดท้ายความสูงประมาณ 17 เมตร
โอ้แม่เจ้า เราไม่รู้เลยว่าต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ เพราะมาคนเดียวไม่มีข้อมูลอะไรเลย
สิ่งที่เราต้องเตรียมตัวก่อนไปโดดน้ำคือ อุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหมวก เสื้อชูชีพ รองเท้า และน้ำดื่ม อันนี้จำเป็นมาก เพราะจะได้กินข้าวอีกทีนั่นคือตอนออก คือร่างกายต้องค่อนข้างแข็งแรง
พร้อมแล้วก็ลุยกันเลย
นี่คือรูปเราก่อนกระโดด ทำใจเกือบเป็นคนท้ายๆที่กระโดดละ คือในความคิดเรามันสูงมาก น่ากลัวอะ
จับมือไกด์ไม่ยอมปล่ออย แต่ลีลามากไม่ได้เพราะมีเพื่อนต่อคิวอีก และที่สำคัญนี่คือทางออกสุดท้ายละ ไม่อย่างนั้นต้องเดินกลับไปคนเดียว
สูงมาก เสียวสุดๆ เกิดมาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย
พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย
มีหลายจุดมากที่ต้องกระโดด และน้ำข้างล่างก็ค่อนข้างแรง
บางจุดก็มีให้โหนเชือกโรยตัวลงไป ก็สนุกดี
บางจุดต้องปีนน้ำตกขึ้นไปเพื่อไปโหนเชือก สภาพตอนขึ้นก็ทุลักทุเลพอสมควร เพราะน้ำตกมันสาดใส่หน้าเราตลอดเวลา ทำให้การมองเห็นนั้นลำบาก เหยียบหินผิด พลาดไปมีช้ำเลือดช้ำหนองแน่นอน ต้องมีสติพอสมควร
ก่อนจะปล่อยมือจากราวไม้เล็กๆก็คิดท่าลงต่างๆนานา อยากลงแบบเท่ๆ แต่สิ่งที่คิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นช่างต่างราวฟ้ากับเหว ในความจริงแค่จับให้ไม่หลุดมือก็ยากละ ก็ได้แต่ปล่อยมือในจังหวะที่คิดว่าเหมาะสมก็พอ
เราว่าเราระวังตัวละนะ แต่ก็ไม่รอด การกระโดดลงจากที่สูงลงสู่น้ำ น้ำไม่ต่างจากของแข็งเลยในทางวิศวกรรม แรงกระแทกที่เกิดขึ้นสร้างความปวดร้าวให้เรามิใช่น้อย แต่ด้วยที่ร่างกายผอมบางกว่าคนอื่นๆ เราก็ได้ของฝากคือรอยฟกช้ำ ดำเขียว เพื่อนคนอื่นเป็นนิดๆหน่อยๆ และรู้ไหมตอนนอนนี่ สุดๆไปเลยหนาออเจ้า ขยับไม่ได้นึกว่าผีแม่การะเกดเข้าสิง แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ คือระบมมาก
กระโดดน้ำสนุกแค่ไหน เรามีคลิปสั้นๆไม่ถึงนาทีมาให้ดูค่ะ
15 ชีวิตที่รอดออกมาจากกิจกรรมน่าหวาดเสียว
พอหลังจากนั้นพวกเราทั้งหมดก็นั่งรถมานอนย่าน Moalboal อีกเป็นคืนสุดท้าย ที่แห่งนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบความสงบ ซึ่งถือว่าเป็นการพักผ่อนที่แท้จริง ใช่และมันก็เหมาะกับร่างกายเราที่ต้องการการฟื้นฟู เราคนเดียว 5555 ส่วนคนอื่นๆก็ออกไปพายคายัก ดำน้ำดูประการัง บริเวณนี้มีนีโมขาวดำด้วย ซึ่งหายาก แต่ทางทีมงานเราหาได้ (ก่อนหน้านี้เรียกเขาทัวร์คนไทยผ่านไป3วันเรียกทีมงาน555) เอาบรรยากาศต่างๆมาให้ดูค่ะ
หลังจากทริปนี้ก็มีอีกหลายๆทริปตามมากับคนไทยกลุ่มนี้ ซึ่งปัจจุบันก็ได้กลายเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องกันไปเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณทุกๆคนมากที่ให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี