บุพเพสันนิวาส - เกศสุรางค์ผู้พาเราย้อนเวลากลับไปชื่นชมอดีต

ละครย้อนอดีตข้ามภพมีเยอะ ย้อนกลับมาแก้ไขประวัติศาสตร์ มาช่วยกู้ศึก มาจองล้างจองผลาญ แต่บุพเพสันนิวาส เกศสุรางค์ นางเอกย้อนกลับมา เที่ยว กิน เล่น แบบเป็นจริงเป็นจังมาก ขนาดสั่งทำกะทะย่างหมูกะทะ เครื่องกรองน้ำ จริงๆ ในเรื่อง นางก็ย้อนกลับมาหาผัวอ่ะนะ เค้ามีบุพเพสันนิวาสกันมา


เราชื่นชมบุพเพ เพราะเกศสุรางค์ มาอยู่ในจุดที่ สามารถบอกเล่า ความเป็นไปของอดีต จากความรู้คนปัจจุบันได้ ซึ่งจะทำให้ประวัติศาสตร์อาจจะพลิกโฉมไปเลย แต่นางก็แค่มาเป็นผู้สังเกตุการณ์ เป็นคนนอกเหมือนเราๆ เพราะเรียนโบราณคดี จึงมีความสนใจประวัติศาสตร์ไทยอยู่แล้ว โดยเฉพาะอยุธยา จากที่เคยได้เห็นได้อ่านในหนังสือ เกศสุรางค์ได้ประจักษ์ด้วยสองตา ทุกอย่างคือความ ตื่นตาตื่นใจ การใช้ชีวิตในสมัยขุนหลวงนารายณ์ เกิดแก่เจ็บตาย บุพเพ ใส่รายละเอียดตรงนี้มาครบถ้วนมาก ตั้งแต่ตื่นนอน อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน เข้าห้องน้ำ กินข้าว ขุนนางไปทำงาน แม่เรือนอยู่บ้านคอยดูแลเรือน ข้าทาสบริวารทำงานมือไม่วางเว้น ถ้าเป็นนางเอกคนอืน คงพยายามทำตัวให้กลมกลืน ไม่ให้ใครรู้ว่า ตัวเองไม่ได้อยู่ในยุคนี้ แต่เกศสุรางค์ นางมาด้วยความเผือกขั้นสุด อันนั้นก็อยากเห็น อันนี้ก็อยากลอง อดีตไม่ใช่เรื่องน่ากลัว โบราณ เชย แต่มันคือ ความน่าสนใจ ตื่นเต้นชะมัดที่ได้ไปวัดไชย ไปเห็นพระปรางค์สามยอด ภาพซากปรักหักพังที่เคยเห็น ณ ตอนนี้คือ ความสวยงามเหลืองอร่าม สมชื่ออยุธยาเมืองสวรรค์ เสื้อผ้าหน้าผม สวยอลังแบบมองตาค้าง ผู้หญิงไทยห่มสไบ นุ่งจีบหน้านางนี่ สวยสุดๆ จริงๆ


ผู้ชายหน้าโบราณ เชยๆ วางก้าม ก็เข้ามาอยู่ในหัวใจพร้อมๆ กับ เกศสุรางค์ ค่อยๆ ตกหลุมรัก คุณพี่เดช


สัญชาติญาณ นักโบราณคดี พอเห็นของจริง ก็ดีใจจนเนื้อเต้น ยิ่งได้ออกจากบ้านไปนั่นมานี่ เหมือนเกศสุรางค์ เป็นไกด์นำพาเราไปเที่ยวอยุธยา เมื่อ 300 ปีที่แล้วด้วยกัน ผ่านความซุกซนไม่จบสิ้นของนาง ทุกเช้าที่เกศสุรางค์ตื่น เราก็จะคิดละ วันนี้ นางจะไปไหนอีก นางจะกินอะไร นางจะได้เจอใครในประวัติศาสตร์ เรื่องราวจะเป็นไปอย่างที่เคยได้หนังสือเค้าเขียนมั้ย ชอบที่นิยายและละคร ไม่พยายามเร่งให้ เกศสุรางค์ มีส่วนสำคัญมากเกินไปกับเหตุการณ์สำคัญๆ นัก คือ พยายามเป็นกลาง ให้เหตุการณ์ดำเนินไป นางก็เฝ้ามองอย่างสนใจใคร่รู้ (อย่างมาก)


ละครนำเสนอ ชีวิตในอดีตแบบค่อนข้างปกติสุข ไม่มีศึกสงครามภายนอก มีแต่สงครามภายใน นางเอกเลยเที่ยวได้ซะทั่ว culture shock เพราะความแตกต่างถึง 300 ปี ก็ค่อยๆ ผสานกันเข้ามาอยู่ด้วยกันได้ โชคดีที่นางเอกได้ย้อนกลับไปเกิดในเรือนท่านออกญา ผู้เปิดกว้าง ใจดี ใจเย็น รับฟัง ความแตกต่าง ไม่เอาแต่ด่า ไม่อยากจะคิด ถ้านางไปเกิดที่เรือนออกพระเพทราชา จะเป็นไง คงโดนหลวงสรศักดิ์ จับไปขายเสียตั้งแต่วันแรก โทษฐานวิปลาศ
ยิ่งอยู่ๆ ไป เราก็ยิ่งรู้สึก ทำไมเรือนท่านออกญา นี่น่าอยู่จัง บรอดคาสท์นำเสนอรายละเอียดออกมาสวยงามจริงๆ รายละเอียดยิบย่อยเล็กๆ แค่ไมก่ี่วิ ก็เก็บหมด อย่างตอน ท่านออกญา คุณพี่ จะเข้าวัง เรียกบ่าวของตัว บ่าวจะรีบมาไหว้ ยกตะลุ่มใส่ผ้าเครื่องยศ เวลาขุนนางเข้าเฝ้าเครื่องยศก็ต้องนำเข้าไป เคยคิดนะ แล้วไงต่อ อ้อ ขุนนางก็ต้องเอาออกมาด้วย อะไรเล็กน้อยแบบนี้ มีสอดแทรกอยู่ทุกตอน มาดูย้อนหลังยิ่งชอบ บ่าวในเรือนนี่ ทำงานกันตลอดเวลานะ ไม่ใช่แค่มานั่งประดับฉากให้ดูเยอะๆ แต่ละคนรู้หน้าที่ ขยับหยิบจับโน่นนี่คล่องแคล่ว นี่เรียกว่า ใส่ใจในงานอย่างยิ่ง อาจจะมีหลุดเล็กๆ น้อยๆ ไปบ้าง ก็ถือว่า อภัยให้ละ กับงานดีๆ ละเอียดๆ แบบนี้

เพราะนางเอกย้อนเวลาไปอยู่อย่างมีความสุข คนดูก็มีความสุข อยากจะไปเยือนอยุธยาสมัยพระนารายณ์บ้าง ได้ไปเหยียบวัดไชย ห่มสไบ ก็เหมือนได้อิน ฟิน กับบรรยากาศเดียวกับ เกศสุรางค์ละ เสียดายที่ละครจะจบวันนี้ ทัวร์อยุธยาจบ ก็ได้แต่หวังว่า เกศสุรางค์ จะมาเป็นได้มาเป็นไกด์ พาเราเที่ยวอีก ตอนนั้นเธอคงมีอะไรสนุกๆ มาเล่าสู่กันฟังเยอะแยะนะ

คิดถึงเธอจัง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่