คิดยังไงกับระบบ NCT ในตอนนี้คะ

ตัวจขกท.เพิ่งได้รู้จักกับnctได้ไม่นานมานี่ค่ะ ก็ไปค้นประวัติมาบ้างตั้งแต่sm rookies ที่เข้าใจตอนนี้คือจะเปลี่ยนเมมเบอร์ไปเรื่อยในแต่ละยูนิต และก็จะเดบิวต์50คนตามที่ลีซูมานประกาศไว้ ถ้าเป็นแบบนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเด็กแต่ละคนมั้ยคะ ส่วนตัวรู้สึกว่ามันเหมือนการโละเด็กฝึกเก่าๆออกมากกว่า ทุกคนคิดยังไงกับบ้างคะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
ที่ถามเรื่องหารนี่  ตามความเข้าใจของเรานะ ก็คือ ใครทำงานไหนก็หารงานนั้นแหละ หารตามจำนวนงานที่ทำ ดังนั้นถ้าพูดตามความเป็นจริงแล้ว ช่วงแรกก็คงเน้นทำงานเป็นกลุ่มกันซะมาก แล้วพวกที่งานเยอะกว่า ก็รายได้เยอะตาม  จัดคอนอาจมีแบบรวมกับจัดคอนแบ่งตามยูนิต อย่างงานมี้ตล่าสุดก็มีแค่ 2 คน จัดได้หลายแบบขึ้นกับค่าย

แต่ พวกที่งานเยอะกว่านี้ มักจะเป็นงานวง  ค่ายเน้นงานวงมาก่อน แต่ nct เป็นยูนิตก็ย่อยไปตามยูนิตอีก

ระบบมันยังมีอะไรติดขัดอีกเยอะ ต้องค่อยๆ ดูไป   หรืออย่างงานพรีเซ็นเตอร์ จ้างใครก็จ่ายคนนั้นแหละ  อย่างที่เคยบอกตั้งแต่แรกมันเป็นระบบที่เดบิวหรือปล่อยเด็กฝึกออกมารวดเร็วจริงถ้าเทียบกับสมัยก่อน  ได้ในแง่เดบิวมาก่อน งานน้อยแต่ยังมีงานทำ กับอยู่เทรนไปไม่มีรายได้เลยเพราะค่ายยังไม่ได้เดบิว แย่สุดคือเครียดมากจนฆ่าตัวตายตามข่าวออกนั่นแหละ  อย่างลูคัสเนี่ยถ้าเป็นระบบเก่า น้องยังไม่ได้ออกมาหรอก เพราะเพิ่งออดิชั่นติดได้ไม่นาน ทั้งที่เก่งมาก  ช่วงนี้คนเริ่มพยายามทำความเข้าใจมากขึ้น

เพราะอาจเริ่มสนใจ งง แต่ไม่ต่อต้านมาก แต่ อย่าให้พูดถึง 2 ปีที่แล้ว ที่ค่ายกำลังเริ่มแนะนำระบบ กว่าจะออกเป็น U 127 Dream แล้วทำเป็นภาพรวมปล่อย Teaser ทั้งหมดในปีนี้มันต้องใช้เวลาขนาดนั้น จะปล่อยออกมาทีเดียว 3 ยูนิตภายในปีเดียวไม่ได้ เมื่อลองคิดถึงสภาพความเป็นจริงดู  ขนาด MV  ยังเสียเวลาทำนานขนาดนั้นสำหรับ การแนะนำระบบ


แต่ก็จะเป็นวงที่เห็น ถึงความต่างของจำนวนงาน ส่วนแบ่ง รายได้ของเมมเบอร์แต่ละคนมากสุดเหมือนกันอันนี้ต้องทำใจ  ดราม่ามันจะเยอะมาก คือจะตาม Nct ต้องมองโลกอย่างปลงและเข้าใจมากๆ ไม่งั้นจะวนไปวนมา คุยกันไม่รู้เรื่อง  แต่ไม่ใช่เพราะเมนเราเป็นอัลฟ่ารึอะไร เพราะก่อนจะเลือกเมน เรามองแบบคนทั่วไปมาก่อนเหมือนกัน

แต่เราแยกเป็น 2 โหมดได้คือโหมดมักเกิ้ลในแบบที่ค่ายคิดจะทำจริงๆ กับ โหมดติ่ง ซึ่งถ้าตอบแนวนั้นไป  ค่ายมันจะไม่ทำสักอย่าง  และเสียเวลาพิมพ์ยาวๆ อีกด้วย

สรุปคือค่ายได้ประโยชน์เต็ม  ค่ายชัดเจนและมีแนวทางตัวเอง
ปรับตามสิ่งที่เค้าคิดว่าจำเป็น แต่ไม่ได้ปรับตามใจของแฟนคลับทุกคน  

เด็กได้ประโยชน์เช่นกัน แต่อาจไม่ทุกคน แต่ก็ถือว่าได้เยอะ เมื่อเทียบกับสัดส่วนจำนวนเด็กฝึกที่ปล่อยออกมา เมื่อก่อนวงถาวร 4 ปีเดบิวมาไม่เกิน 15 คน  เวลาโปรโมตเป็นวงก็จะไม่รู้สึกว่าค่ายทรี้ตหรือให้โอกาสต่างกันมาก  แฟนๆ สบายใจ จริงๆ มันก็ต่างละนะ (ไปเห็นอีกทีวันหมดสัญญา เมนเขาเองก็เห็นแต่ไม่บ่นเสียงดังเพราะยังอยู่เป็นวง และค่ายไม่ได้ทำชัดเจนเพราะคนมีน้อย)  แค่ไม่รู้สึกเท่าของ nct ที่ค่ายจะชัดเจนมากๆ ตั้งแต่แรก เพราะจำนวนเด็กมันเยอะกว่ามาก ค่ายจะแบ่งชัดเลยแบบมองจากดาวไหนก็รู้ เชื่อเถอะแม้แต่ตัวเด็กเองก็รู้ว่าใครเป็นตัวหลักในหมู่พวกเขา พวกนี้เขามีประเมิน มีเก็บเกรดก่อนเดบิว แล้วเดบิวมาแล้ว เห็นฟี้ดแบคจากแฟนคลับรอบทิศทาง จากโซเชี่ยลต่างๆ  ค่ายเก็บเรคคอร์ดยอดขาย ยอดอะไรพวกนี้ไว้หมดแหล่ะ  แต่ใช่ว่าแฟนคลับชอบแล้วค่ายจะดันนะ มันมีอะไรประกอบหลายอย่าง  ความนิยมบางคนมันไม่ได้ต่างกันมาก ก็ต้องมาดู Potential ด้านอื่นประกอบด้วย

เด็กที่อยู่ตรงนั้นได้คือต้องแกร่งด้านจิตใจกว่าวงทั่วไปหลายเท่า  ไม่ก็เลือกพัฒนาแข่งกับตัวเองแทน อีกไม่นานอาจได้เห็นคนแบบลูคัสคนที่ 1,2,3,4  จะตามมา เพชรเม็ดงามนี่ล่ะแค่เอามาเจียระไนเร็วกว่าสมัยก่อน

   เช่น อัลฟ่าของยูนิต a กับอัลฟ่าของยูนิต b  จะได้รับการซัพพอร์ตจากค่ายใกล้ๆ กัน ไม่ต่างกันมาก   แต่ที่จะเป็นปัญหาคือแรงกิ้งค์ที่รองลงไปนี่ล่ะ ที่จะได้รับการโปรโมตไม่เท่าหรือให้โอกาสน้อยกว่า เว้นว่าจะเป็นกระแสดังปังๆ ขึ้นมาได้ก็จะกลายเป็นอัลฟ่า  คือเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติเวลาทำงานบริษัท ที่จะมีลำดับขั้น  ชั้นแบ่งไป มีการประเมินผลงานตัดเกรดรายบุคคลเหมือนตอนเทรน เดบิวมาแล้วมันก็ยังมีวัดผลตลอดเวลา ไม่ใช่เดมาแล้วจบ มันแค่เริ่มต้นที่โหดกว่าเดิม

Sm ไม่ได้ต่างกันในแง่บริษัท ก็เห็นกันอยู่ดีว่ามี ทำกิจกรรม workshop ประชุมประจำปีเหมือนบริษัททั่วไป ไอดอลก็เป็นส่วนหนึ่งของพนักงานในบริษัทเหมือนกัน อะไรที่พนักงานทั่วไปโดน ก็โดนแบบเดียวกันนั่นแหละ แค่เป็นทัพหน้า โชว์สื่อกับคนภายนอก  อยู่หน้ากล้อง แต่ไม่ใช่ทุกอย่างของบริษัท เห็นค่ายเอาศิลปินไปต้อนรับบนเครื่องบินกับโชว์ตัวในงานประชุมธุรกิจนี่ก็ชัดพอแล้ว หน้าที่พีอาร์หรือ Ambasssador ของบริษัทนั่นล่ะ นี่เป็นผลผลิตในส่วนนึงของผลิตภัณท์ของค่าย = กลุ่มศิลปิน
แต่ต่างที่ได้ค่าตอบแทนสูงกว่า  รวมถึงคิดจะเป็นอาร์ติสในยุคนี้ที่การแข่งขันสูงต้องปรับตัวเหมือนกัน เพราะคนที่ใช้ชื่อว่าอาร์ติสก็มีเยอะแยะไปหมด ชนกันเอง จะมาเหยียดไอดอลเหมือนสมัยก่อนไม่ได้แล้ว โลกมันเปลี่ยนไปเร็วมากๆ ตั้งแต่อินเทอร์เน็ตมันทำอะไรได้หลายอย่างมากขึ้น (IOT) ทั้งเน็ตไอดอล ยูทูปเบอร์ คนดังเยอะขึ้นก็ต้องไปตัดกันที่คอนเนคชั่น การต่อยอดและสายปั่นระยะยาวนั่นล่ะ ลุยเดี่ยวตายหมดสมัยนี้ ไม่งั้นบริษัทต่างๆ ไม่พากันจับพาร์ทเนอร์ให้วุ่นวายไปหมด

เรื่องพวกนี้อะไรมันเป็นเรื่องปกติมากๆ นะในโลกของคนทั่วไป สังคมทำงาน โดยเฉพาะวงการบันเทิง  แต่มันจะแปลกมากสำหรับโลกเคป็อปทันที เลยไม่แปลกที่จะเห็น War  กันบ่อยๆ  เรื่องความนิยมไม่เท่า ทรี้ตไม่เท่ากัน บริษัทอื่นน่ะอาจยังเห็นไม่ชัดตอนนี้แต่กับค่ายนี้จะเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ เพราะขยายเยอะ ธุรกิจหลากหลาย เด็กฝึก รุ่นพี่มีจำนวนที่เยอะขึ้น รับไม่ได้มันก็ต้องถูกบีบให้เข้าใจไปเองในที่สุด สมัยก่อนเราคงไม่พูดถึงอะไรแบบนี้หรอก มันยังไม่ถึงเวลา  แต่ตอนนี้มันถึงเวลาแล้ว



ส่วนเรื่องดังไม่ดังอะไรพวกนี้ คิดว่าระบบก็ไม่ได้หยุดง่ายๆหรอกมันมีวิธีการหาเงินได้เรื่อยๆ  จะขายนู่นขายนี่ออกอะไรพวกนี้ยิบย่อยมันเป็นตังค์หมด เดี๋ยวก็มีประกาศอีเว้นต์หาตังค์อีกล่ะ มาบ่อย มาถี่แอคทีฟกันทั้งปี  เอาให้เบื่อหน้าตังค์แฟนคลับหมด  มันมีวิธีหาเงินได้จุกจิก มากกว่าที่คิดเยอะ ถึงยังไม่ได้เพลงประจำชาติหรือแดซังอะไรก็เถอะ  

แต่นั่นล่ะไม่ต้องทำความเข้าใจมาก ปล่อยให้ค่ายทำงานของมันไป  ใครบังคับลีซูมานได้บ้างล่ะ เพราะสุดท้ายแล้วถ้าเด็กที่คุณชอบอยู่ในค่าย คุณก็ต้องเหมือนถูกบีบให้จำใจยอมรับระบบนี้อยู่ดี  จะเอาไม้ซีกไปงัดกับไม้ซุงมันก็แหลกคามือ  ยุคนี้เด็กเดบิวมาเป็นดอกเห็ดจะค่ายเล็ก ค่ายใหญ่ล้นตลาดไปหมด ใครมีเด็กเยอะ คอนเนคชั่นทั่วถึงมันก็มีโอกาสได้งานง่ายกว่า

เห็นช่วงเวลาปล่อยไลฟ์ของ Nct แต่ละยูนิตไหม บางทีแอคทีฟนี่ปล่อยทั้งวัน  ไม่มีกำหนดเวลา ไม่ต้องพูดถึงอนาคต ถ้ามียูนิตเพิ่มมากกว่า 3 ยูนิต  อาจจะมีกิจกรรมของ Nct v live ทั้งวันจริงๆ  เหวี่ยงแหไปทั่วขนาดนั้น จะตกแฟนคลับมาไม่ได้สักคนให้มันรู้ไป ตอนนี้ระบบมันยังไม่นิ่งแต่น่าจะเห็นภาพแล้วว่า เป็นการกระจายดักแฟนทั่วไปเหวี่ยงแห  บางทีไม่บอกเวลา กลายเป็นนั่งจับโทรศัพท์ทั้งวันหนักกว่าเดิม

แล้วส่วนใหญ่แฟนคลับเล่นทวิตกัน การแอคทีฟในโลกโซเชี่ยลจะเพิ่มเต็มฟี้ดอย่างมีนัย ซึ่งยุคนี้การใช้ Sns สำคัญมาก ชอบไม่ชอบไม่รู้แต่ต้องเคยเห็นผ่านตา แล้วเด็กหน้าตาดีขนาดนั้น ความสามารถไม่ได้แย่ คนที่จิตใจพร้อมจะติ่งก็แอบมองไว้ทั้งนั้นล่ะ  นี่ก็เห็นหลายคนกล้าๆ กลัวๆ ถึงเข้ามาถามถึง Nct แบบนี้ไง ตั้งแต่ปล่อย Empathy 2018

แต่ล็อตหลังจะมีภูมิคุ้มกันมากกว่า จะไม่ Culture Shock แรงเหมือนยุคแรก เพราะจะไม่ได้มีเมนแค่คนเดียวล่ะ เริ่มมีเมนหลายคน พอรับไหวบ้าง แล้วแฟนส่วนนึงที่ตามมาก่อนหน้านี้เริ่มพยายามทำความเข้าใจ อย่างที่บอกเปลี่ยนใจค่ายไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนใจตัวเองเป็นอันดับแรก มันไม่ใช่สมัย 10 ปีก่อนอีกแล้ว เพราะสุดท้ายคนที่สั่งทุกอย่างก็คือค่ายอยู่ดี มันจะทรี้ตรูปแบบไหนยังไง ก็ขึ้นกับค่าย วงรุ่นก่อนก็ทรี้ตไม่เท่ากันนะเอาจริงๆ ถึงมีคำว่าลูกรัก ลูกชัง อะไรงี้เต็มไปหมด


เอาแค่เปิดใจกว้างๆ ก่อนพอ ถ้ากลัวก็มองอยู่ห่างๆ อย่ากระโจนเข้ามา ถ้าเข้ามาแล้วตั้งรับไม่ทัน ทำใจไม่ได้จะเจ็บเองวนไป  คิดจะติ่งต้องมีความสุข ถ้าทุกข์มากกว่าสุขอันนี้อย่าเข้ามา  รักตัวเองให้มากกว่าคนอื่น โดยเฉพาะคนอื่นที่เขาไม่รู้จักเราเป็นการส่วนตัว   ตรงนี้สำคัญมากกับการใช้ชีวิตในโลกเบี้ยวๆ ใบนี้  ชีวิตมันยาก แต่ทำให้เรื่องที่มันยากอยู่แล้ว ยากยิ่งขึ้นกว่าเดิมนี่เครียดนะ

ปล อ้อ  ไม่ใช่อีกวันมีคนตั้งกระทู้ถามอีกนะว่าใน nct ใครเป็นอัลฟ่า 555 เด็กที่ดูเหมือนจะไม่ใช่อัลฟ่าวันนี้ เขาอาจเป็นอัลฟ่าในอีกยูนิตที่รอเวลาเปิดตัวก็ได้ รอหน่อย

SM จะมีบอยแบนด์วงใหม่มั้ยหรือไม่ ก็น่าจะมี แต่ตัวแบรนด์ที่ชื่อ nct จะต้องมีระยะยาวมากกว่า วงที่ผ่านมาของ SM ทุกวง
อย่างน้อยก็ต้องตั้งเป็นชื่อแบรนด์ที่แบบเป็นวงน้องชายของ nct นั่นแหละถ้าจะมีใหม่  ชื่อแบรนด์สำคัญมากค่ะ ไม่ใช่ไม่เหลือคนทำแล้วชื่อแบรนด์วง Hiatus แล้วสร้างมูลค่าต่อไปไม่ได้

ถ้าเดบิววงถาวรระบบเดิม 127 ก็คือวงหลักนั่นแหละ มีฐานะเท่าดงบัง เอสเจ  shinee ทุกอย่าง  ทำการตลาดหนักและค่ายทุ่มเทสุดเพราะถือเป็นศูนย์กลางของฮันรยู  เดี๋ยวก็จะเริ่มมีกิจกรรมในยูนิต 127 อีกแล้ว  และเมมเบอร์ก็ถูกทรี้ตไม่เท่ากันอยู่ดี แต่ระบบเก่าจะปิดตายโอกาสของเด็กคนอื่นทันที  รอไปจนกว่าจะฟอร์มวงใหม่ 4-5 ปี

ยังยืนยันนะ ระบบนี้ไม่ได้ทำความเข้าใจยาก แต่หลายคนไม่พยายามที่จะเข้าใจและไม่ยอมรับมันมากกว่าเพราะไม่คุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่